ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง จึงถามอย่างสงสัยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน นี่คือจะทำอะไรหรือ?”
เพราะใต้เท้าอิ่นกวานที่สง่างามดุจต้นไม้หยกรับลมซึ่งอยู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่รู้ว่าแอบร่ายคาถากระบี่ชั้นสูงตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้างกายของคนทั้งสองจึงมีปราณกระบี่สีทองวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเป็นการสร้างฟ้าดินเล็กตัดขาดรอบข้าง ป้องกันไม่ให้บทสนทนาถูกคนนอกแอบฟัง
ลำพังเพียงแค่วิชาอภินิหารของเวทกระบี่ที่ฝีมือเข้าขั้นยอดเยี่ยมนี้ หากจะบอกว่าอิ่นกวานไม่ใช่เซียนเหริน ตีให้ตายผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก็ไม่มีทางเชื่อ
เป็นเพราะอิ่นกวานยังไม่อยากเปิดเผยสถานะชั่วคราว? นี่จำเป็นด้วยหรือ? เพียงแต่ว่าผู้ฝึกกระบี่เฒ่าไม่คิดจะชี้ไม้ชี้มือวิจารณ์การกระทำของใต้เท้าอิ่นกวาน
เฉินผิงอันกล่าว “ความหวังดีของผู้อาวุโสนั้นรับไว้แล้ว แต่มรสุมครั้งนี้ ข้าจะจัดการให้สงบลงเอง”
หันหน้าไปมองบุรุษทัดดอกไม้ที่นอนสลบอยู่บนพื้น ขอบเขตแผ่นไม้ไผ่ เรือนกายกระดาษเปียก ไม่ใช่แม้แต่หมอนปักลายบุปผา เกินครึ่งคงจะเป็นคนรุ่นเยาว์มีความสามารถที่อาศัยชื่อเสียงของสำนัก อาศัยชื่อของบรรพจารย์ออกท่องยุทธภพเสียมากกว่า
หากตีเด็กแล้วคนแก่ย่อมต้องตามมา อีกเดี๋ยวบรรพจารย์คงจะมาซักไซ้เอาความผิด หากอีกฝ่ายยินดีใช้เหตุผลก็พูดคุยกันดีๆ ไม่ยินดี ถ้าอย่างนั้นก็ออกหมัดเพิ่มอีกสักสองสามหมัดเท่านั้น
หากอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยาน ถ้าอย่างนั้นก็เรียกศิษย์พี่มาแล้วกัน ถึงอย่างไรก็อยู่ห่างจากศาลบุ๋นไม่ไกลนัก
ทว่าหากไม่ผิดไปจากที่คาด หลี่ไหวกับข้ารับใช้ขอบเขตบินทะยานที่อยู่ข้างกายเขาคงจะใกล้ไปถึงเกาะยวนยางแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าได้ยินคำเรียกขานว่า ‘ผู้อาวุโส’ ก็ให้ตะครั่นตะครอไปทั้งตัว เทียบกับที่เจ้าตะพาบเฒ่าผูเรียกเขาคำแล้วคำเล่าว่าเจ้าเศษสวะเฒ่าแล้วกลับทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบายใจมากกว่า ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก
ใต้เท้าอิ่นกวานพูดจาเกรงใจกันเกินไปแล้ว เกรงใจย่อมห่างเหิน นั่นแสดงว่าเห็นตัวเองเป็นคนนอก ไม่เห็นตนเป็นคนกันเอง แบบนี้จะได้อย่างไร เบื้องหน้านี้คือโอกาสใหญ่อันดีที่พันปีก็ยากจะพานพบ จะปล่อยให้พลาดไปอีกไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นกลับไปถึงหลิวเสียทวีปที่เป็นบ้านเกิดจะทวงศักดิ์ศรีกลับคืนมาจากเจ้าตะพาบเฒ่าผูได้อย่างไร? เวลานี้ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าถึงกับคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าพอกลับไปถึงหลิวเสียทวีปจะคุยโวกับผูเหออย่างไร
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าเข้าใจผิดคิดว่าอิ่นกวานหนุ่มไม่ยินดีจะลุยน้ำขุ่นด้วยตัวเอง จึงยิ้มเอ่ยอย่างสง่างามว่า “ไม่ว่าเจ้าเด็กนี่จะชื่ออะไร สามารถมาที่นี่ได้ นั่นก็แสดงว่าต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน อิ่นกวานวางใจได้ ข้าจะแค่แอบทิ่มกระบี่ใส่เขาทีเดียวเท่านั้น ไม่ใช้กระบี่ฟันหัวเขาจริงๆ หรอก”
เฉินผิงอันอ่อนใจเล็กน้อย แสดงว่าผู้อาวุโสท่านเองก็ไม่รู้ชื่อและรากฐานของหนุ่มปักบุปผาคนนี้เหมือนกันสินะ?
แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่ต้องการให้ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่มีความสัมพันธ์แนบชิดกับสกุลเซี่ยมี่อวิ๋นผู้นี้ถูกหอบเข้ามาอยู่ในมรสุมครั้งนี้อย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ไม่มีความจำเป็น
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าเห็นว่าอิ่นกวานหนุ่มไม่พูดอะไร จึงคิดว่าตัวเองเดาความคิดในใจของอีกฝ่ายถูกแล้ว เกินครึ่งคงกังวลว่าตนจะทำอะไรไม่เรียบร้อย วิธีการอ่อนหัดเกินไป ไม่ทันระวังอาจทิ้งเรื่องเละเทะเอาไว้ให้ต้องเก็บกวาด ผู้เฒ่าเหลือบตามองคนหนุ่มที่แต่งกายฉูดฉาดบนพื้นคนนั้น ประหลาดยิ่งนัก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นคนน่าเตะจริงๆ เส้นทางความคิดของผู้เฒ่ายิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จิตแห่งกระบี่ไม่เคยใสกระจ่างเท่านี้มาก่อน จึงพูดเจื้อยแจ้วถึงรางลูกคิดในใจตนให้อิ่นกวานฟัง “ขอแค่ถูกข้าทิ่มลงไปหนึ่งกระบี่ ปราณกระบี่จะอยู่ในช่องโพรงแห่งชะตาชีวิตจุดต่างๆ ของเจ้าลูกกระต่ายน้อยนี่ วนเวียนไม่จางหาย วันนี้หากถ่วงเวลาไปอีกสักพัก รับรองว่าหลังจบเรื่องต่อให้เป็นเซียนเหรินก็ยากจะช่วยเหลือ ข้าจะรีบถอยออกไปจากอาณาเขตของศาลบุ๋นทันที รีบไปหลบซ่อนตัวในธวัลทวีปหลายๆ ปี ก่อนจะนั่งโดยสารเรือข้ามฟากจากไป จะหาสหายบนภูเขาสักคนให้ช่วยนำความไปบอก บอกว่าข้าเกลียดขี้หน้าเจ้าเด็กนี่มานานมากแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นี้ที่อิ่นกวานลงมือ ไหนเลยจะทำร้ายคนได้ อันที่จริงเพื่อช่วยเหลือคนต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เตะออกไปนั่น คือการกระทำช่วยชีวิตที่ช่วยสลายปราณกระบี่ทิ้งไป สรุปก็คือจะไม่ยอมให้ใต้เท้าอิ่นกวานต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เด็ดขาด พวกเราคือผู้ฝึกกระบี่นี่นะ หากไม่มีบุญคุณความแค้นบนภูเขาพัวพันอยู่บ้าง ออกจากบ้านไปดื่มเหล้ากับสหายก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกกระบี่แล้ว”
สี่ผีใหญ่ตอแยยากบนภูเขา ผู้ฝึกกระบี่นั้นอยู่ในอันดับหนึ่งได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ฟ้าดินกว้างใหญ่ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนผู้ฝึกกระบี่ก็ล้วนใช้ชีวิตได้ สถานที่แห่งนี้ไม่รั้งนายท่าน ย่อมมีสถานที่ที่รั้งนายท่านเอาไว้
ต่อให้ทุกหนทุกแห่งล้วนไม่รั้งนายท่านไว้ ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ ถ้าอย่างนั้นหนึ่งคนพกกระบี่ก็มากพอจะหยัดยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินได้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่นแจกันสมบัติทวีป หลี่ถวนจิ่งก็เคยเป็นคนคนเดียวที่สยบภูเขาตะวันเที่ยงมานานหลายร้อยปี สวนลมฟ้าตอนที่หลี่ถวนจิ่งยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่สำนักอักษรจงก็เหนือกว่าสำนักอักษรจงเสียอีก
ตอนที่เฉินผิงอันยังเป็นเด็กหนุ่มแล้วได้เจอกับผู้ฝึกกระบี่หลิวป้าเฉียว อีกฝ่ายได้สร้างความทรงจำที่ลึกล้ำให้กับเขามากที่สุด นอกจากจะลุ่มหลงในรักแล้ว ก็คือมาดอันองอาจสง่างามบนร่างของหลิวป้าเฉียวที่ราวกับว่าใต้หล้านี้นอกจากด่านแห่งความรักแล้ว ก็ไม่มีด่านไหนที่ยากจะผ่านไปได้อีก
และยังมีเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ เขาทยอยเป็นฝ่ายไปถามกระบี่กับเทียนจวินเซี่ยสือแห่งอุตรกุรุทวีปสองครั้ง ครั้งที่สองก็ยิ่งพกกระบี่ออกเดินทางไกลไปอย่างสง่างาม
ปีนั้นที่อยู่ในเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว ครั้งแรกที่เรียกรวมตัวผู้ดูแลเรือข้ามทวีปมาประชุม เซี่ยจื้อแห่งฝูเหยาทวีป ซ่งพิ่นแห่งเกราะทองทวีป ผูเหอแห่งหลิวเสียทวีป เซี่ยซงฮวาแห่งธวัลทวีป พอได้รับคำสั่งจากคฤหาสน์หลบร้อนก็ทยอยกันปรากฎตัว ออกหน้ามาพูดคุยกับคนบ้านเดียวกัน นิสัยการกระทำของพวกเขาเป็นอย่างไร ล้วนลงมือฉับไวเด็ดขาดเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีใครอืดอาดชักช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูเหอ ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอิสระ แต่วิธีการที่ใช้กลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าผู้ฝึกตนอิสระเสียอีก ไม่เพียงแต่โยนผู้ดูแลก่อกำเนิดคนหนึ่งของเรือข้ามฟาก ‘มี่จุ้ย’ ออกไปจากเรือนโดยตรง หลังกลับมายังบ้านเกิดก็ยังเหมือนไม่สาแก่ใจพอ ยังไปหาหลี่ซุ่นบรรพจารย์เฒ่าของจวนลับอวิ๋นหลิน หลิงหรานที่มีฐานะเป็นเค่อชิงของสำนัก แน่นอนว่าไม่ยินดีจะถามกระบี่กับผูเหอ เพราะติดที่ภาระหน้าที่ เดิมทีคิดจะช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ผลคือหลังจากที่ซือถูจีอวี้ได้รับกระบี่บินส่งข่าวจากผูเหอก็ขี่กระบี่มาถึง ท้ายที่สุดหลี่ซุ่นที่อยู่ในถิ่นของบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่มีคนมากกว่ากำลังเหนือกว่า กลับยังทำได้เพียงเอ่ยขอโทษผูเหอผู้ฝึกกระบี่ที่ขอบเขตถดถอยมาเป็นก่อกำเนิดเพื่อให้จบเรื่องกันไป
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการกระทำของผู้ฝึกกระบี่
ฝ่ายที่ถามกระบี่ ฝ่ายที่ถูกถามกระบี่ ทั้งสองฝ่ายล้วนรู้สึกว่ามีเหตุผลถูกต้องตามหลักฟ้าดิน
เฉินผิงอันกลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ถึงขั้นที่ว่าท่ามกลางจิตใต้สำนึกของเขา ก็ราวกับว่าเฉินผิงอันที่มีสถานะเป็นผู้ฝึกกระบี่คนนั้นยังคงอยู่ที่นั่นเนิ่นนาน ไม่เคยได้กลับคืนมา
กระทั่งเจอกับผู้ฝึกกระบี่เฒ่าอวี๋เยว่ เฉินผิงอันถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้ฝึกกระบี่ของไพศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เลื่อนเป็นเซียนกระบี่แล้ว อันที่จริงล้วนเป็นพวกที่มีเหตุผลอย่างมาก เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเหตุผลมักจะไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป
ก็เหมือนอวี๋เยว่ในวันนี้ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม ไม่ต้องถามชาติกำเนิดของอีกฝ่าย ฟันก่อนค่อยว่ากัน
อวี๋เยว่ก็ดี ผูเหอสหายรักของเขาก็ช่าง ไม่ว่าจะมีสถานะแบบใด ล้วนต้องยืนอยู่ฝั่งของสองคำว่า ‘ผู้ฝึกกระบี่’ ทั้งสิ้น
และในใจของเฉินผิงอัน ผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้าก็หนีไม่พ้นสามประเภท คนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ คนของอุตรกุรุทวีป และผู้ฝึกกระบี่ของสถานที่อื่น
หากพูดถึงแค่ผู้ฝึกกระบี่ของใต้หล้าไพศาล กลับแบ่งได้แค่สองประเภทเท่านั้น คนที่เคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ กับคนที่ไม่เคยไปเยือน
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่ต้องจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!