ผู้ฝึกตนหนุ่มของนครดอกบัวที่ลงมือช่วยเหลือตามหลังอวี๋เยว่มาติดๆ มีสีหน้าเคร่งเครียดมากเป็นพิเศษ
การเดินลงบ่อน้ำขุ่นบนภูเขา อันที่จริงมักจะมีปัญหาตามมานับไม่ถ้วนได้เสมอ
หากรู้แต่แรกว่าอีกฝ่ายสามารถมองเมินกระบี่บิน ‘จิงเหนี่ยว’ ของอวี๋เยว่ได้ เมื่อครู่นี้เขาจะไม่มีทางบุ่มบ่ามลงมือเด็ดขาด
ทว่านครดอกบัวของเกราะทองทวีปมีความสัมพันธ์อันดีกับหอเซียนจิ่วเจินของราชวงศ์ต้ายงแผ่นดินกลางมาทุกยุคทุกสมัย เรื่องการค้าก็ยิ่งมีการไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง ตามเหตุตามผลแล้วก็ควรต้องลงมือ
ในอดีตทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน ทว่าศึกที่เกราะทองทวีปในครานั้น แม้ว่านครดอกบัวจะรักษาภูเขาเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก แต่กระนั้นก็สูญเสียพลังต้นกำเนิดไปมหาศาล ความเสียหายสาหัสสากรรจ์ เป็นเหตุให้เจ้านครบ้านตนจำต้องผิดคำสาบานออกจากนครดอกบัวไปเป็นครั้งแรก ข้ามทวีปไกลไปเยือนแผ่นดินกลาง เป็นฝ่ายไปหาซ่งจื่อจัวลู่ที่เดิมทีนางสาบานว่าจะไม่ไปพบเจอเขาอีกชั่วชีวิต
ผู้ฝึกกระบี่หญิงที่มาจากสำนักกระบี่เหมยซาน มือหนึ่งกำแท่นฝนหมึกตรงเอวไว้แน่น มือหนึ่งทำมุทรากระบี่ ใช้เสียงในใจเอ่ยกับสหายทั้งกลุ่ม “คือผู้ฝึกกระบี่ที่อำพรางตัวอย่างลึกล้ำคนหนึ่ง วิธีการตัดขาดฟ้าดินเมื่อครู่นี้ของอีกฝ่ายมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นค่ายกลกระบี่บ่อสายฟ้าที่เซียนกระบี่หลิ่วแห่งภูเขาเจ๋อเซียนถนัดที่สุด วิชายันต์ก่อนหน้านี้คือเวทอำพรางตาของคนผู้นี้”
เทพธิดาแห่งอารามดอกเหมยที่มีเตียวน้อยคายสมบัตินอนหมอบอยู่บนไหล่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เสียงที่พูดก็สั่นเครืออย่างห้ามไม่ได้ “ต้องให้ข้าเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำหรือไม่ หลีกเลี่ยงไม่ให้คนผู้นี้ลงมืออย่างไร้ความยำเกรง ออกกระบี่สังหารคนไปทั่ว?”
บุรุษของนครดอกบัวถอนหายใจ “อย่าราดน้ำมันลงบนกองเพลิงเด็ดขาด พวกเราแค่นิ่งเฉยรอดูสถานการณ์ไปก่อน ลืมแล้วหรือ? เซียนกระบี่สังหารคนไม่ยำเกรงกฎเกณฑ์มากที่สุดแล้ว”
ผู้ฝึกตนหญิงของอารามดอกเหมยเอ่ยเสียงเบา “นี่อยู่ใกล้กับศาลบุ๋นนะ เซียนกระบี่คงไม่กล้าฆ่าคนตามใจชอบหรอกกระมัง”
บุรุษรู้สึกอ่อนใจเล็กน้อย ได้แต่อธิบายอย่างอดทน “กระบี่บินของเซียนกระบี่ แน่นอนว่าสามารถใช้หนึ่งกระบี่ฟันหัวคน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าหาผลลัพธ์ที่ต้องได้ผลทันตาเห็นนี่นา แค่ทิ้งปราณกระบี่สองสามขุมให้ซุกซ่อนอยู่ในเส้นชีพจรของผู้ฝึกตน มองดูเหมือนบาดเจ็บเล็กน้อย แต่อันที่จริงกลับเป็นวิธีการอำมหิตที่สะบั้นสะพานแห่งความเป็นอมตะของผู้ฝึกตน อีกทั้งหากปราณกระบี่แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ ขอแค่ถูกมันปั่นคว้านเพียงเล็กน้อย ต่อให้สะพานแห่งความเป็นอมตะจะไม่ขาดสะบั้น แต่จะยังพูดถึงอนาคตในการฝึกตนอะไรได้อีกเล่า”
ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองของสำนักกระบี่เหมยซานพยักหน้าเอ่ย “เหมือนค่ายกลกระบี่ของเซียนเหรินหลิ่วโจวจริงๆ”
หลิ่วโจวเชี่ยวชาญการใช้กระบี่บินจินสุ้ยวาดบ่อสายฟ้าเป็นพื้นที่ต้องห้าม เมื่อผู้ฝึกลมปราณตกเข้าไปอยู่ในนั้นก็จะถูกปราณกระบี่สยบกำราบฟ้าดิน ผู้ฝึกลมปราณเจอกับผู้ฝึกกระบี่ที่ขอบเขตเท่ากัน เดิมทีก็กินแรงมากอยู่แล้ว หากมีค่ายกลมาพันธนาการอีก สิ่งหนึ่งดับสิ่งหนึ่งเกิด ยิ่งเป็นดั่งการเพิ่มเกล็ดน้ำค้างแข็งลงบนหิมะ
หรือว่าเซียนกระบี่ ‘หนุ่ม’ ผู้นี้มาจากสำนักเดียวกันกับเซียนเหรินหลิ่วโจวที่ชอบเล่นหมากล้อม? หรือว่าจะเป็นบรรพจารย์บางท่านของภูเขาเจ๋อเซียนที่ไม่ค่อยชอบปรากฎตัว?
หากเป็นเช่นนี้จริง ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็ล้วนอธิบายได้แล้ว
การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าในจุดที่เล็กละเอียดของทุกคน
เฉินผิงอันล้วนจดจำเอาไว้แล้ว
หลายๆ ครั้ง ในสายตา ในจุดที่เล็กละเอียดบนใบหน้าของคนคนหนึ่งก็คือคำพูดที่ยังไม่ได้เอ่ยออกมา กลับกลายเป็นว่าใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่ายามเปิดปากเอื้อนเอ่ยเสียอีก
เฉินผิงอันชำเลืองตามองผู้เฒ่าร่างผอมแห้งคนหนึ่งที่อยู่ห่างไปไกล ดูเหมือนจะเป็นเค่อชิงของสกุลชิวอวี๋โจวแห่งหลิวเสียทวีป เขานั่งอยู่ข้างกายคนรุ่นเยาว์สองคน ก่อนหน้านี้ชมทัศนียภาพของเกาะยวนยางอยู่ตลอด ข้างฝ่ามือมีกล่องใบไม้หนึ่งที่เปิดอ้าอยู่ ด้านในบรรจุมีดแกะสลักที่ไม่มีลวดลายอะไรไว้จนเต็ม ไม่ได้ตกปลา แต่คอยแกะสลักก้อนหินแกะสลักหยกอยู่ตลอดเวลา วิธีการที่ใช้เป็นการแกะสลักขุนเขาสายน้ำลายนูนแบบตื้น หลังจากที่เฉินผิงอันใช้ปราณกระบี่สร้างฟ้าดินเล็กบ่อสายฟ้าสีทองขึ้นมาบ่อหนึ่ง ผู้ฝึกตนคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเวทคาถาหรือสภาพจิตใจ แค่ปราณกระบี่แตะสัมผัสก็แหลกสลาย ทุกคนต่างก็พากันถอยร่นเมื่อรู้ว่าเผชิญหน้ากับความยากลำบาก มีเพียงผู้เฒ่าคนนี้ที่สามารถสัมผัสค่ายกลกระบี่บ่อสายฟ้าได้โดยที่ไม่ถอยร่น บิดข้อมือหนึ่งครั้ง มีดแกะสลักขยับเล็กน้อย มีร่องรอยคล้ายต้องการสาวเส้นไหม เพียงแต่เพราะมีเงื่อนไขว่าผู้เฒ่าต้องเหลือพละกำลังมากพอ ดังนั้นเพียงไม่นานเขาจึงละทิ้งการกระทำที่เป็นการ ‘ถามกระบี่’ นี้ไป
เวลานี้สัมผัสได้ถึงสายตามองประเมินของเฉินผิงอัน ผู้เฒ่าก็ยิ้มบางๆ ใช้เสียงในใจเอ่ยขออภัย “การฝ่าค่ายกลเมื่อครู่เป็นการกระทำที่เกิดจากความเคยชิน ขอเซียนกระบี่อย่าได้คิดมาก หลังจบเรื่องข้าจะใช้ตราประทับสุยสิง (คือตราประทับที่แกะสลักไปตามรูปร่างดั้งเดิมของวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นตราประทับ) ที่แกะสลักเป็นรูปขุนเขาสายน้ำนูนต่ำซึ่งกำลังจะแกะเสร็จชิ้นนี้มอบให้เป็นของขวัญขอขมา”
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจตอบ “ไม่มีผลงานไม่กล้ารับรางวัล อาจารย์เองก็ไม่ต้องคิดมาก พบเจอกันโดยบังเอิญท่ามกลางขุนเขาสายน้ำ น้ำใจคนบางเบาเหมือนการแกะสลักตื้นๆ หยุดเมื่อพอสมควรย่อมดีที่สุด”
เดินบนภูเขา อันที่จริงหลายๆ ครั้งล้วนไม่ต้องถอยหนึ่งก้าว บางทีขอแค่มีคนเป็นฝ่ายยอมเบี่ยงตัว เส้นทางสะพานไม้แคบๆ ก็จะกลายเป็นเส้นทางกว้างขวางได้
ผู้เฒ่าตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ายิ้มเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเซียนกระบี่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหินทองด้วย โชคดีที่ได้พบกัน ข้าน้อยหลินชิง อาจารย์คือหยางเสวียน”
ดวงตาเฉินผิงอันเป็นประกายวาบ เปลี่ยนใจทันที “ตราประทับสุยสิงของอาจารย์หลินชิ้นนั้น ข้าก็ขอยิ้มรับไว้แล้ว”
ไม่เคยได้ยินชื่อหลินชิง แต่ชื่อหยางเสวียนนี้กลับเป็นดั่งฟ้าผ่าที่ดังข้างหูเฉินผิงอัน คนผู้นี้มีชาติกำเนิดมาจากพื้นที่มงคลเหล่าเคิง ชอบแกะสลักตัวอักษร ‘เสวียน’ ไว้บนผลงานชิ้นที่ภาคภูมิใจ มีมูลค่าเท่าทองพันชั่ง
พื้นที่มงคลเหล่าเคิงของหยางเสวียนที่อยู่ใต้อาณัติของสำนักฝูลู่อวี๋เสวียนนั้น ก็เหมือนตระกูลเฉาที่รับหน้าที่ดูแลห้องตัวอย่างของสกุลเจียงในพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา
ล้วนถือว่าเป็นความสำเร็จที่มีร่วมกัน
ย่างซื่อเฉาเป็นตระกูลผู้ก่อสร้างมาหลายยุคหลายสมัย คนแต่ละรุ่นล้วนรับหน้าที่สร้างทัศนียภาพสิบแปดแห่งของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา ส่วนหยางเสวียนนั้นก็อาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวช่วยทำให้หินหยกหลายชนิดที่มีเฉพาะในพื้นที่มงคลเหล่าเคิงกลายเป็นหนึ่งในของจำเป็นที่ต้องมีในบรรดาของประดับห้องหนังสือของใต้หล้าไพศาล
การสร้างภูเขาลูกหนึ่งต้องอาศัยตบะ ขอบเขตและเครือข่ายคนรู้จักของบรรพจารย์ผู้เปิดภูเขา
แต่รากฐานที่แท้จริงของสำนักแห่งหนึ่งยังคงต้องดูว่ามีอ่างเก็บสมบัติอย่างพวกหยางเสวียน ย่างซื่อเฉาอยู่กี่คน
ภูเขาลั่วพั่วบ้านตน ทุกวันนี้มีแล้วหนึ่งคนครึ่ง
เพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหูของพื้นที่มงคลรากบัวยังถือว่าเป็นแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ส่วน ‘หนึ่งคน’ ที่ว่า แน่นอนว่าต้องเป็นผู้คุมกฎฉางมิ่งที่มีวิชาอภินิหารติดกาย
เฉินผิงอันเป็นฝ่ายเอ่ยว่า “หากมีโอกาสหวังว่าจะได้ไปเยี่ยมเยือนอาจารย์หยางสักครั้ง ขอทำหน้าหนาไปเยือนถึงบ้าน จะได้ขอภูเขาหยกมาสักสองสามชิ้น เอาไว้ใช้สยบฮวงจุ้ยของที่บ้าน”
เพราะในตำราเทพเซียนที่ซื้อมาจากเรือนหลิงจือภูเขาห้อยหัวเล่มนั้น เฉินผิงอันเคยอ่านเจอบันทึกของหยางเสวียนผู้นี้ แน่นอนว่าตัวอักษรที่เขียนถึงเขามีไม่มาก แต่สำหรับช่างคนหนึ่งแล้วก็ถือว่าเป็นเกียรติอันใหญ่หลวงมากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!