เวลานี้หลี่ชิงจู๋รู้สึกว่าต่อให้ท่านเทพยดาบนสวรรค์มาเยือนเขาก็ไม่กลัวจริงๆ เดิมทีตนก็เป็นฝ่ายมีเหตุผล พูดไปแล้วก็กลายเป็นว่าเจ้าคนผู้นี้ทำร้ายคนอย่างกำเริบเสิบสานอยู่ดี
บนภูเขาดูที่การกระทำไม่ดูที่จิตใจ?
เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
หลี่เซิ่งงั้นหรือ?!
ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งในสายตาของกู้ชิงซง หากมีความสามารถจริงๆ ทำไมเจ้าไม่ไปตีสนิทกับฮว่อหลงเจินเหรินเลยเล่า? ไม่ไปเรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับเซียนกระบี่ใหญ่จั่วโย่วเลยเล่า?
หลี่ชิงจู๋หันหน้าไปมองสตรีที่สวมชุดสีแดง ก่อนจะถอนสายตากลับ แสยะยิ้มกว้าง
ทำไม ข้าผู้อาวุโสมองอีกทีแล้ว แน่จริงก็เอาอีกสิ? เวลานี้ทางฝั่งของเกาะยวนยางต้องมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยคอยจับตามองที่แห่งนี้อยู่แน่นอน ขอร้องให้เจ้าลงมืออำมหิตภายใต้สายตาคนมากมายที่จับจ้องต่อเลยสิ
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “เจ้ารู้หรือไม่ว่า อวิ๋นเหมี่ยวที่อยู่บนเกาะยวนยางกำลังรอให้ข้าลงมืออีกครั้ง เขาถึงจะมาปรากฏตัวที่นี่? ดังนั้นขอแค่ข้ายืนนิ่งๆ ไม่ขยับ คุยเล่นกับเจ้าต่อไป เจ้าก็ได้แต่ยืนบื้อขายหน้าผู้คนอยู่ที่นี่? เจ้าว่าตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ทำอะไร มีความหมายตรงไหนเล่า?”
“เจ้าลองคิดดูดีๆ อีกที ต่อให้อีกเดี๋ยวอวิ๋นเหมี่ยวออกมาช่วยทวงศักดิ์ศรีคืนให้เจ้า แล้วจะอย่างไร? เรื่องที่หลี่ร้อยปูเดินกร่างท่องยุทธภพอยู่บนเกาะยวนยางก็ยังต้องเป็นเรื่องเล่าแห่งขุนเขาสายน้ำที่คู่ควรให้คนโหมประโคมเขียนอยู่ดีไม่ใช่หรือ? รอให้ทางศาลบุ๋นยกเลิกคำสั่งห้ามรายงานขุนเขาสายน้ำ มันจะแพร่ไปทั่วทั้งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางหรือไม่? ข้าว่าต้องใช่แน่นอน”
“อีกอย่างพี่ชิงจู๋เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่า ผู้ฝึกกระบี่หญิงจากสำนักกระบี่เหมยซานที่เจ้าหลงรักผู้นั้น นับแต่วันนี้ไปก็ถือว่ายิ่งเดินยิ่งไกลห่างจากเจ้าแล้ว? ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่เทพธิดาอารามดอกเหมยที่เดิมทีหลงรักเจ้า เวลานี้สายตาที่มองเจ้าก็เปลี่ยนไปแล้ว? หรือไม่ก็อวิ๋นเหมี่ยวอาจารย์ของเจ้า วันหน้ากลับไปถึงหอเซียนจิ่วเจิน ทุกครั้งที่พบเจอลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจอย่างเจ้าก็จะต้องอดนึกถึงทัศนียภาพอันงดงามของการกระดอนบนผิวน้ำบนเกาะยวนยางไม่ได้?”
หลี่ชิงจู๋หน้าเขียวคล้ำ
เห็นเพียงว่าคนผู้นั้นเริ่มยิ้มพูดอีกครั้ง “เจ้าลองเดาดูสิ คำพูดพวกนี้ที่ข้าพูดกับเจ้า เป็นเสียงในใจที่พูดกับเจ้า หรือว่าทุกคนล้วนได้ยินกันหมดแล้ว?”
“พี่ชิงจู๋เอ๋ยพี่ชิงจู๋ เจ้าคิดว่าที่ข้าให้เจ้ากระดอนบนน้ำกลับไปกลับมาสองรอบเพื่ออะไร แน่นอนว่าช่วยให้เจ้าสร้างชื่อเสียงไปทั่วศาลบุ๋นอย่างไรเล่า หลังจากศึกที่อำเภอพ่านสุ่ยของกู้ชิงซงผ่านไป คาดว่าก็คงเป็นเจ้านี่แหละที่มีหน้ามีตามากที่สุดแล้ว”
“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก ชื่อเสียงจะนับเป็นอะไรได้ ผู้ฝึกตนอยู่บนภูเขาย่อมไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ลงจากภูเขาหลายสิบปีก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก อีกอย่างพวกศิษย์พี่และศิษย์น้องชายหญิงของเจ้าที่ดีแต่ฝึกตนอย่างโง่งม ตอนอยู่บนภูเขาก็จะต้องปลอบใจเจ้าหลายคำแน่นอน”
“เจ้าลองคิดดูสิ หอเซียนจิ่วเจินแห่งหนึ่ง ในภูเขานอกภูเขา นับตั้งแต่อาจารย์ไปจนถึงเพื่อนร่วมสำนัก ข้าล้วนช่วยคิดพิจารณาแทนเจ้าหมดแล้ว แม้แต่บนรายงานภูเขาสายน้ำข้าก็ยังช่วยเจ้าตั้งฉายาไว้แล้วสองฉายา หนึ่งคือหลี่ล่องน้ำ อีกหนึ่งคือหลี่ตาเข ดังนั้นเจ้ายังมีหน้ามาขอเงินจากข้าอีกหรือ? ไม่ใช่เจ้าที่ควรให้เงินข้าเป็นค่าตอบแทนหรืออย่างไร?”
หลี่ชิงจู๋หน้าซีดขาว ริมฝีปากสั่นระริก
ครั้งนี้ไม่เหลือความกล้าที่จะเหลือบมองสตรีผู้นั้นอีกแล้ว ถึงขั้นไม่มีอารมณ์ที่จะพูดจาอาฆาตเจ้าคนชุดเขียวที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
คำพูดพวกนี้
ก็เหมือนผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งที่ส่งกระบี่ออกมาหนึ่งครั้ง แต่กลับสามารถถามกระบี่ได้ต่อเนื่องสิบปีร้อยปี
เพราะคนที่ออกกระบี่อย่างแท้จริงก็คือคนคุ้นเคยทุกคนที่อยู่ข้างกายหลี่ชิงจู๋
ทุกๆ สามวันห้าวันก็จะต้องมีคนมาช่วยเฉินผิงอันออกกระบี่และถามกระบี่ต่อเขา
“ล้อเจ้าเล่นหรอกน่า ไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ สักหน่อย”
เฉินผิงอันยกเท้าเตะอีกที เตะเจ้าหมอนั่นให้ร่วงลงไปในน้ำ คราวนี้ออกแรงไม่เบา เหมือนตะเกียบอันหนึ่งที่ปักเอียงลงไปในน้ำ ร่างของอีกฝ่ายจึงพุ่งกระแทกเข้าสู่ท้องน้ำโดยตรง “ไปเรียกผู้อาวุโสบ้านเจ้ามาสิ”
จะได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประจำสำนักของหอเซียนจิ่วเจินอีกครั้ง
ไม่ใช่คนที่ตกปลาอย่างแท้จริง ย่อมยากจะไขความลี้ลับในคำกล่าวนี้
หากปลาที่กระชากขึ้นมาบนฝั่งตัวเล็กเกินไป ตกขึ้นมาได้แล้วก็จะต้องปล่อยไป เกินครึ่งก็น่าจะเอ่ยประโยคนี้ ซึ่งเป็นวลีติดปากพอๆ กับประโยคที่ว่า ‘ทำหลุมล่อปลาน้ำขึ้นสามฉื่อ’
เฉินผิงอันนวดคลึงปลายคาง “ไม่ใช่หัวแข็งธรรมดาเลยนะเนี่ย ขนาดนี้แล้วยังหัวไม่แตกอีก”
หลี่เป่าผิงมองเกาะยวนยางที่อยู่ห่างไปไกลกลางน้ำ ถามเสียงเบา “อาจารย์อาน้อย?”
นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของทางฝั่งนั้น
ความหมายของนางก็คือจะให้นางเรียกพี่ใหญ่ของนางมาช่วยหรือไม่
เฉินผิงอันหันหน้าไปยิ้มเอ่ย “เรื่องเล็ก”
ความหมายของเฉินผิงอันเรียบง่ายยิ่งกว่า เรื่องเล็ก อันที่จริงก็คือไม่มีเรื่องอะไร มีอาจารย์อาน้อยอยู่ก็เพียงพอแล้ว
ทางฝั่งของเกาะยวนยางมีคนผู้หนึ่งสีหน้าไม่สบอารมณ์ พอได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากลูกศิษย์ผู้สืบทอด ร่างจริงของเซียนเหรินก็ยืนเอาสองมือไพล่หลังอยู่ริมน้ำตลอดเวลา แต่กลับร่ายวิชาอภินิหารมองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือ มองไกลๆ ไปยังคนชุดเขียวที่อยู่ริมลำคลอง
เจ้าประมุขหอเซียนจิ่วเจินอย่างอวิ๋นเหมี่ยวเห็นว่าเจ้าคนผู้นั้นถึงกับกล้าจงใจทำร้ายคนใต้เปลือกตาตนอีกครั้ง ก็ตวาดอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าโจรใจกล้า” สี่คำนี้เหมือนฟ้าผ่าที่สะเทือนอยู่เหนือนที จากนั้นเซียนเหรินก็เผยร่างกายธรรม สวมชุดคลุมอาคมสีขาวหิมะ พุ่งตรงมาพร้อมลากสายรุ้งสีขาวตามมาเบื้องหลัง พลังอำนาจกดดันบีบคั้น พริบตาเดียวก็พุ่งมาอยู่เหนือน้ำลำคลอง หลุบตาลงต่ำมองทุกคนที่อยู่ริมลำคลอง
กายธรรมของเซียนเหรินมองมาจากที่สูง พลานุภาพน่ากริ่งเกรง เอ่ยเสียงทุ้มหนักว่า “เจ้าเด็กน้อยเจ้าเป็นใคร ถึงกับทำร้ายคนอย่างส่งเดชในสถานที่สำคัญของศาลบุ๋นโดยไม่ถามหาผิดถูกเช่นนี้?!”
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งใดๆ ของศาลบุ๋น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเอ่ยประโยคว่า ‘เจ้าเด็กน้อยเจ้าเป็นใคร’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!