กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 800

สรุปบท บทที่ 800.2 ขึ้นที่สูงมองไปไกล: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 800.2 ขึ้นที่สูงมองไปไกล – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 800.2 ขึ้นที่สูงมองไปไกล ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

กลับไปที่หน้าประตูของศาลบุ๋น จั่วโย่วนั่งลงบนขั้นบันได หลินจวินปี้ยังนอนหลับกรนครอกๆ เทียนซือน้อยจ้าวเหยากวงคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง

จ้าวเหยากวงลังเลอยู่นาน แต่ก็ยังปลุกความกล้าเอ่ยว่า “อาจารย์จั่ว ผู้เยาว์จ้าวเหยากวงมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้อง”

จั่วโย่วเอ่ย “ข้าไม่มีทางรับปาก ไม่ต้องพูดแล้ว”

จ้าวเหยากวงอัดอั้นอยู่นาน สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยอย่างว่าง่าย “ก็ได้ ผู้เยาว์ทราบแล้ว”

ในอนาคตกลับไปยังจวนเทียนซือ ก็ถือว่ามีคำอธิบายต่อผู้อาวุโสในตระกูลท่านนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าตนไม่สนใจจริงๆ แต่เป็นเพราะเซียนกระบี่จั่วไม่ให้โอกาสตนได้เปิดปากเชื้อเชิญเลย

จั่วโย่ววางกระบี่พาดไว้บนหัวเข่า เริ่มหลับตาทำสมาธิ

หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล ตอนที่ฝึกกระบี่อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ เฉินชิงตูเคยพูดหลักการข้อหนึ่งกับจั่วโย่วเป็นการส่วนตัว

หากเจ้าไม่อาจรับประกันได้ว่าภายในสิบกระบี่จะสามารถฟันให้ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งตายได้อย่างสิ้นเชิงก็เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตสิบสี่เสียแล้ว จะมีความหมายหรือ? ไม่มีความหมายหรอก

สุดท้ายเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสท่านนั้นก็ตบไหล่จั่วโย่ว แล้วทิ้งไว้อีกประโยคว่า อายุไม่น้อยแล้ว เวทกระบี่ไม่สูงมากพอ ข้าล่ะร้อนใจแทนเจ้าจริงๆ

ตรงหน้าประตู จิงเซิงซีผิงใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “การออกกระบี่สองครั้งของอาจารย์จั่วเบากว่าที่คาดไว้หลายส่วน”

จั่วโย่วตอบกลับ “ขอแค่ทางฝั่งของศาลบุ๋นมีคำยืนยันที่แน่ชัด ข้าสามารถออกกระบี่ให้หนักกว่านี้ได้”

จิงเซิงซีผิงส่ายหน้า ไร้คำพูดตอบโต้

ทางฝั่งของเกาะนกแก้ว นักพรตเนิ่นเอ่ยประโยคที่เป็นธรรมว่า “เมื่อเทียบกับหนันกวงจ้าวแล้ว เจ้าคนที่มีฉายาว่าชิงมี่ผู้นี้แข็งแกร่งกว่าจริงๆ แต่หนังหน้ากลับหนายิ่งกว่า ถึงขนาดยินดียืนนิ่งไม่ขยับปล่อยให้ถูกตีนหมาตะกุยภายใต้สายตาของคนมากมาย”

ถึงอย่างไรอาเหลียงก็ไม่อยู่ จะด่าอย่างไรก็ได้ ไม่ด่าก็เสียโอกาสเปล่าๆ น่ะสิ

หลิ่วชื่อเฉิงยิ้มกล่าว “อันที่จริงเฝิงเซวี่ยเทาไม่ได้มีความสามารถน้อยนิดแค่นี้ เขายังเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้อีกมาก ก็ผู้ฝึกตนอิสระนี่นะ ล้วนเป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น แน่นอนว่าหลักๆ แล้วยังเป็นเพราะเฝิงเซวี่ยเทาไม่กล้าขยับ”

หาเรื่องจั่วโย่วที่ต้องได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตสิบสี่อย่างแน่นอนไปแล้ว หากยังมีเรื่องกับอาเหลียงที่เคยชื่นชมทัศนียภาพของขอบเขตสิบสี่มาก่อนแล้วอีกคน ใต้หล้าไพศาลไม่มีใครกล้าไม่กลัวตายแบบนี้จริงๆ

เฉินผิงอันกล่าว “ผู้ฝึกตนใหญ่ชิงมี่เหมาะกับการเข่นฆ่าบนสนามรบมากกว่า”

นักพรตเนิ่นฟังเป็นลมพัดผ่านข้างหู ความสามารถในการต่อสู้สู้ตนไม่ได้ ล้วนไม่มีค่าพอให้เก็บเอามาใส่ใจ

แต่หลิ่วชื่อเฉิงกลับฟังความนัยในคำพูดของเฉินผิงอันออก ปีนั้นเฝิงเซวี่ยเทาเหมาะจะลงจากภูเขามากกว่าหนันกวงจ้าว

นักพรตเนิ่นมอบแผ่นหยกที่ส่องประกายแสงใสแวววาวแผ่นหนึ่งให้กับเฉินผิงอัน

ด้านบนแกะสลักเวทลับสำคัญมากมายในการหลอมชุดคลุมอาคมของนครจินชุ่ยเอาไว้ เขียนด้วยตัวอักษรแบบบรรจงขนาดเล็กเท่าหัวแมลงวัน เรียงต่อกันมากถึงเจ็ดแปดพันกว่าตัวอักษร

นักพรตเนิ่นยิ้มเอ่ย “ตกลงกันไว้ก่อนว่าส่วนแบ่งหนึ่งส่วน”

เฉินผิงอันไม่ได้ถือสาในการเล่นแง่น้อยนิดแค่นี้ของเถาถิง ใช้ดวงจิตอ่านตัวอักษรทั้งหมดอย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่ง ในใจเกิดความมั่นใจ หากอิงตามบันทึกลับส่วนนี้ก็สามารถช่วยยกระดับให้กับชุคคลุมอาคมของจวนไฉ่เชวี่ยได้จริงๆ

อย่าว่าแต่ส่วนแบ่งหนึ่งส่วนเลย สองส่วนก็ยังไม่เกินไป

เฉินผิงอันกล่าว “ทุกๆ หกสิบปีภูเขาลั่วพั่วจะจ่ายเงินให้โดยคิดตามบัญชี นอกจากเงินเทพเซียนก้อนนั้นยังเพิ่มสมุดบัญชีไปให้อีกหนึ่งเล่ม”

จะมอบเงินให้ทุกๆ หกสิบปีหรือสิบปีสามสิบปีคิดบัญชีกันครั้งหนึ่ง อันที่จริงความต่างมีไม่น้อย

นักพรตเนิ่นขมวดคิ้ว “น่ารำคาญนัก ยังต้องมาตรวจสอบบัญชี เห็นข้าเป็นนักบัญชีที่ดีดลูกคิดเป็นอย่างนั้นหรือ? เป็นเพราะเจ้าไม่เชื่อข้า หรือรู้สึกว่าข้าจะไม่เชื่อใจเจ้ากันแน่? หากไม่เชื่อใจเจ้าจะทำการค้าด้วยกับผายลมอะไร หากเจ้าไม่เชื่อใจข้า วันหน้าเจ้าก็เดินไปบนสะพานไม้คับแคบของเจ้า ข้าเดินไปบนเส้นทางกว้างใหญ่ของข้า”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เป็นสหายมีกฎของการเป็นสหาย ทำการค้าก็ย่อมมีกฎของการทำการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่วมมือกับสหายทำการค้าที่จะปล่อยให้คลุมเครือไม่ได้แม้แต่น้อย ผู้อาวุโสจะไม่เปิดสมุดบัญชีตรวจสอบอย่างละเอียดก็ได้ แต่ภูเขาลั่วพั่วกลับไม่อาจไม่มอบสมุดบัญชีให้ หากรู้สึกว่านี่ทำให้เสียความรู้สึกก็หมายความว่าไม่เหมาะจะหาเงินร่วมกัน”

นักพรตเนิ่นเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ตามใจเจ้า”

คนทั้งกลุ่มไปที่ร้านผ้าห่อบุญด้วยกัน ที่นั่นคือพื้นที่ลับขุนเขาสายน้ำที่ฟ้าดินแปลกตา คล้ายคลึงกับร้านเหล้าหวงเหลียงของภูเขาห้อยหัว

ตลอดทางที่เดินไป ผู้คนที่เดินผ่านล้วนหันมามองแล้วพากันหลีกทางให้

เซียนกระบี่ชุดเขียวคนหนึ่งที่ไร้เหตุผล อีกคนหนึ่งก็นักพรตเนิ่นแห่งไพศาลที่เกือบจะฆ่าหนันกวงจ้าวตาย บวกกับหลิ่วเต้าฉุนแห่งนครจักรพรรดิขาวที่มีชื่อเสียงมานานมากแล้ว พูดถึงแค่สามคนนี้เดินทางมาร่วมกันก็ทำให้มีพลังอำนาจอันเป็นเอกลักษณ์ที่ ‘ขอร้องพวกเจ้าอย่ามาหาเรื่องข้า’ แล้ว

เฉินผิงอันรู้สึกมาโดยตลอดว่าตนเป็นร้านผ้าห่อบุญได้ไม่เลว รอกระทั่งวันนี้เดินเข้ามาในพื้นที่ลับแห่งนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าทรัพย์สมบัติที่แท้จริง อะไรที่เรียกว่าตบะ

รู้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้อยู่บ้าง

อันที่จริงทางฝั่งของภูเขาหนิวเจี่ยวบ้านตน ทั้งท่าเรือและร้านค้าทั้งหลายก็คือฝีมือของร้านผ้าห่อบุญที่ ‘คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้คนรุ่นหลังอาศัยร่มเงา’ ทำให้ภูเขาพีอวิ๋นและภูเขาลั่วพั่วได้ผลประโยชน์ใหญ่เทียมฟ้าไปครอง

มีเพียงทำเช่นนี้ถึงจะมีการไปมาหาสู่กัน

สุดท้ายพวกเขาเดินผ่านห้องทั้งหมดไปสามสิบกว่าห้อง ทำเอาหลี่ไหวมองจนตาล้า ถึงจะตัดสินใจได้ เขาถูกใจวัตถุที่ค่อนข้างประหลาดชิ้นหนึ่ง คือก้อนหินที่มีขนาดเท่ากำปั้น แกะสลักสองคำว่า ‘เซียนภูเขา’ มีต้นหลิ่วเล็กจิ๋วต้นหนึ่งพันล้อมอยู่ คล้ายกับสวนในกระถาง ใต้ต้นไม้มีภูตต้นไม้ขอบเขตชมมหาสมุทรยืนอยู่ ลักษณะเป็นผู้เฒ่าผมขาวโพลน บอกว่าตัวเองคือเซียนจวินเฒ่าที่มาจากหนันเฉิง พอเห็นแขกที่เข้ามาในห้อง ฝ่ายหลังเริ่มหวั่นไหว มีความคิดที่จะซื้อเอาไว้ ผู้เฒ่าก็จะเริ่มด่ากราดทันที กระโดดพ่นน้ำลายใส่พวกผู้ฝึกลมปราณเหล่านั้น บอกว่าพวกเจ้ามันไร้ตา คู่ควรให้เชิญท่านปู่ไปพักที่บ้านด้วยหรือ ดูความสามารถของพวกเจ้าเข้าสิ ทำไมไม่บินขึ้นฟ้าตอนกลางวันไปเลยเล่า…

ราคาที่ร้านผ้าห่อบุญตั้งไว้แค่สิบเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอย่างเรื่องขอบเขตของภูตต้นหลิ่ว วัสดุของหินภูเขา ฯลฯ สาวงามยันต์ที่อยู่ในห้องล้วนบอกเล่าให้ลูกค้าฟังอย่างไม่มีตกหล่น

แต่ว่าสิ่งที่พื้นที่ลับขุนเขาสายน้ำแห่งนี้ขายก็ไม่มีทางเป็นของล้ำค่าที่มีมูลค่าควรเมืองไปเสียทั้งหมด เพราะแม้แต่ของกระจุกกระจิกหายากที่ราคาไม่กี่สิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะก็มีเหมือนกัน ห้องที่ธรณีประตูสูงจะไม่เคยได้แขวนป้ายไม้แผ่นนั้น ห้องที่ธรณีประตูต่ำไม่ว่าใครก็ล้วนซื้อได้ ลูกค้าใครที่มาก่อนย่อมได้ไปก่อน

รอกระทั่งหลี่ไหวตาใหญ่จ้องตาเล็กกับมัน คาดว่าการด่านั้นต้องใช้แรงมาก จึงเริ่มจะคอแห้งแล้ว ภูตต้นหลิ่วเฒ่าจึงเอนหลังพิงผนังหิน ปลดน้ำเต้าบรรจุเหล้าที่อยู่ตรงเอวลงมาดื่มอักๆๆ ดื่มสุราไปอึกใหญ่

แค่สิบเหรียญเงินฝนธัญพืช อันที่จริงเฉินผิงอันสามารถซื้อเองได้เลย เพียงแต่ว่าเขาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังทำสัญญากับสาวงามยันต์ ถือว่าทำสัญญาหนี้ที่มีมูลค่าแค่สิบเหรียญเงินฝนธัญพืชไปหนึ่งแผ่น

หลังจากนั้นเฉินผิงอันที่เก็บตรงโน้นมาผสมตรงนี้ก็ขอยืมเงินฝนธัญพืชจากทั้งหลิ่วชื่อเฉิงและถัวเหยียนฮูหยิน ทยอยซื้อของหลายชิ้นที่หลี่ไหวรู้สึกว่าถูกชะตาด้วย เจดีย์สยบปีศาจที่ราคาไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่ง ตุ้มหูน้ำเต้าสีทองลูกเล็กที่กลิ่นอายความเป็นสตรีค่อนข้างเข้มข้น และยังมีภาพเซียนน้ำท่องราตรีที่วาดกองทัพกุ้งแม่ทัพปูไว้จนเต็ม ระหว่างนั้นได้เจอกับผู้ฝึกตนหญิงบนภูเขากลุ่มหนึ่ง ในกลุ่มมีสตรีออกเรือนแล้วลักษณะสุภาพเยือกเย็นที่เหมาชุดกระโปรงซึ่งเป็นชุดคลุมอาคมหลายสิบตัวที่มีอยู่เต็มห้องไปโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักครั้ง พอไปถึงห้องถัดไป จอกเทพีบุปผาของพื้นที่มงคลร้อยบุปผาครบชุดสิบชุด หากรวมกันก็มีจอกเหล้ามากถึงพันใบ นางเพียงแค่เหลือไว้ให้คนที่มาทีหลังชุดเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีกเก้าชุดล้วนเหมาไปหมด

ประเด็นสำคัญคือเฉินผิงอันไม่เห็นว่าสตรีผู้นั้นหยิบวัตถุฟางชุ่นอะไรออกมา แล้วก็ไม่ได้ควักเงินจ่ายกับร้านผ้าห่อบุญด้วย

สาวงามยันต์สองคนคล้ายจะเคยชินกับภาพนี้นานแล้วจึงไม่เอ่ยอะไรสักคำ

เฉินผิงอันเองก็รู้สถานะของสตรีออกเรือนแล้ว คู่รักที่มีเงินมากที่สุดในใต้หล้านี้ ภรรยาของเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวของธวัลทวีป

ออกจากบ้านไม่ต้องพกเงินก็สามารถใช้เงินมือเติบได้

……

ในเมืองที่ห่างจากศาลบุ๋นมาไม่ไกล เฉินผิงอันผู้นั้นปัดมือ ลุกขึ้นยืน

เจี่ยงหลงเซียงที่หลังพิงกำแพงไม่เพียงแต่ถูกซ้อม ยังถูกขว้างหินใส่หลายสิบก้อน ตอนนี้บัณฑิตผู้เฒ่าโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม “เจ้าเป็นใครกันแน่?! แน่จริงก็บอกชื่อมาสิ หรือว่าเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องกลัวผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางคนหนึ่งไปแก้แค้นด้วย?!”

บัณฑิตที่อายุไม่น้อยผู้นี้ อันที่จริงบนใบหน้าเขียนสี่คำไว้เต็มหน้า แข็งนอกอ่อนใน

คำว่าแก้แค้นของบัณฑิตย่อมไม่ใช่การตีรันฟันแทง นั่นจะไม่ทำลายความสุภาพสง่างามหรอกหรือ แน่นอนว่าเขาจะไปขอร้องอริยะปราชญ์ของศาลบุ๋นให้ช่วยทวงความเป็นธรรมให้ ให้ดูแลผู้ฝึกตนบนภูเขาที่ใช้กำลังละเมิดกฎพวกนี้ให้ดีๆ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!