กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 805

พวกเขาสองคนต่างก็มาภูเขาตะวันเที่ยงเพื่อขอยาวิเศษจากเทพเซียนผู้เฒ่าท่านหนึ่ง นำมารักษาอาการความจำเสื่อมของนาง คิดไม่ถึงว่าจะต้องกินน้ำแกงประตูปิดอยู่ที่ตีนเขา แม้แต่หน้าตาของเซียนเหรินบนภูเขาก็ยังไม่ได้พบ เสียเงินอย่างเปล่าประโยชน์ไปมากมาย จนทรัพย์สินที่เก็บออมไว้แทบจะหมดเกลี้ยงแล้ว

เจียงซ่างเจินใช้เสียงในใจถาม “สร้างคนกระเบื้องขึ้นมาอีกตั้งแต่เมื่อไหร่? แม้แต่ข้าและอาจารย์ของเจ้าก็ยังปกปิดเอาไว้รึ?”

ชุยตงซานหัวเราะคิกคัก “ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าสร้างน้องเกาขึ้นมาคนหนึ่งหรอกหรือ ก็เลยอยากจะหาคู่ให้เขาสักหน่อย และนี่ก็บังเอิญได้เอาออกมาใช้พอดี หากไม่เจอกับเถียนหว่านก็เกือบจะลืมไปแล้วว่ามีเรื่องนี้อยู่ด้วย”

เจียงซ่างเจินหันหน้ามา ชะลอฝีเท้า สีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งยังต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากชุยตงซานอีกด้วย

ชุยตงซานถอนหายใจ พยักหน้ารับ “ข้ารู้หนักเบา ในเมื่ออาจารย์กลับมาแล้ว วันหน้าล้วนมีอาจารย์อยู่เบื้องหน้า แน่นอนว่าไม่ต้องให้ข้าทำเช่นนี้แล้ว”

เจียงซ่างเจินเหมือนยกภูเขาออกจากอก หัวเราะได้ ก่อนเอ่ยว่า “แบบนี้ถึงจะดี ไม่อย่างนั้นต่อให้ข้าต้องสละตำแหน่งผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง ก็ต้องออกห่างจากภูเขาลั่วพั่วให้ไกลให้จงได้”

ชุยตงซานตบไหล่ของเจียงซ่างเจิน “ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ที่พลัดพรากจากกันไปนานแล้วปีก็ไม่มีทางเอ่ยประโยคอบอุ่นใจเช่นนี้ออกมาได้!”

เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “พวกเราสองพี่น้องคือใครกับใครกันเล่า”

ชุยตงซานหันหน้ามาพูด “ฮวาเซิง วันหน้าไปถึงภูเขาลั่วพั่วแล้ว เจ้าทำงานเบ็ดเตล็ดสักสองสามปี พอถึงเวลาได้โอกาสเหมาะสม เจ้าก็จะได้รับหน้าที่เป็นคนรวบรวมและสรุปรายงานข่าว วันหน้าไม่แน่ว่าอาจยังต้องดูแลเรื่องรายงานภูเขาสายน้ำและบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำด้วย ภาระหน้าที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะแบกรับได้ ส่วนหัวหน้าของเจ้า ก็มีแค่คนเดียว แน่นอนว่าเป็นข้า พี่ชายแท้ๆ ต่างพ่อต่างแม่ของเจ้าไง”

เด็กสาวพยักหน้ารับ ถามว่า “ข้าก็แซ่ชุยหรือ?”

สายตานั้นของชุยตงซานต้องเรียกว่าเมตตาปราณี ยกมือลูบศีรษะของเด็กสาว “เรื่องนี้ก็เดาได้ด้วยหรือ? หัวสมองน้อยๆ นี่ช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง เกือบจะไล่ตามหมี่ลี่น้อยทันแล้วล่ะ”

เจียงซ่างเจินหรี่ตาพยักหน้า “ใช่ล่ะ”

ชุยตงซานโคลงศีรษะ พลิกฝ่ามือกลับไปกลับมา “ล่ะๆๆ”

เด็กสาวรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง รู้สึกว่าบุรุษสองคนข้างกายพูดจาเช่นนี้ช่างทำให้คนฟังรู้สึกกระอักกระอ่วนเสียจริง

โชคดีที่เดินทางยามค่ำคืน ไม่ต้องเจอใคร

ดังนั้นนางจึงเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “ท่านพี่ ที่นั่นคือพรรคในยุทธภพหรือ?”

“อืม ต้องใช่แน่อยู่แล้ว ที่นั่นคือสถานที่ที่มีกลิ่นอายยุทธภพมากที่สุดในใต้หล้า เมื่อเจ้าไปถึงแล้วจะต้องชอบมากแน่นอน”

“รายงานข่าวคืออะไร ข้าไม่เข้าใจเลย”

“ไม่เข้าใจก็ต้องเรียนรู้ ภูเขาลั่วพั่วไม่เลี้ยงคนที่ไม่ทำงาน เรียนรู้แล้วยังทำไม่เป็น เจ้าก็ต้องไปขายขนมอยู่ที่ตรอกฉีหลงตลอดชีวิต แต่เจ้าคือน้องสาวของข้า จะโง่ได้สักแค่ไหนกันเชียว จะต้องเรียนรู้จนเป็นแน่นอน”

นางยังอยากจะพูดต่อว่าอันที่จริงลึกๆ ในใจนางรู้สึกว่าขายขนมก็ดีมากแล้วนะ

ชุยตงซานเขกมะเหงกลงมา เอ่ยสั่งสอนว่า “อย่าเอาแต่คิดออกนอกลู่นอกทางไปเรื่อยสิ”

“อีกอย่างนะ จำไว้ให้ดีว่า หากวันหน้าบนภูเขามีแม่นางแก่ชื่อว่าฉางมิ่งมาก้าวก่ายเรื่องรายงานข่าวของเจ้า เจ้าก็ตามใจนางหน่อย หากนางอยากจะดูก็ให้นางดูไป พี่สาวคนนั้นน่ะ อายุมากแล้ว อารมณ์ก็ร้ายตามไปด้วย แถมยังเป็นคนดูแลถุงเงินของบ้านเรา พวกเราสองพี่น้องอย่าไปถือสานางเลย”

นางพยักหน้ารับอย่างแรง “ทราบแล้ว”

ชุยตงซานยิ้มพลางลูบศีรษะของนาง

ฉางมิ่งผู้คุมกฎแห่งภูเขาลั่วพั่ว วันหน้าฮวาเซิงและยังมีเจ้าใบ้น้อยที่เผยเฉียนเก็บกลับมา ล้วนจะต้องกลายไปเป็นแขนซ้ายแขนขวาของนาง

คนหนึ่งใจอำมหิต คนหนึ่งลงมือไร้ปราณี

จะกลายเป็นเงาสองเงาที่หลบซ่อนอยู่ท่ามกลางร่มต้นไม้ของภูเขาลั่วพั่ว หนักเอาเบาสู้ ทำแต่เรื่องสกปรกงานเหนื่อยยาก

เงื่อนไขแน่นอนว่าต้องให้อาจารย์เต็มใจตอบตกลงกับเรื่องนี้เสียก่อน

นี่คือกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่งของภูเขาลั่วพั่ว ไม่ว่าใครก็ไม่รู้สึกลำบากใจ ทุกเรื่องล้วนปรึกษากันได้

ชุยตงซานหวังว่ากฎข้อนี้จะสามารถสืบทอดอยู่บนภูเขาลั่วพั่วไปได้อีกร้อยปีพันปีหมื่นหมื่นปี

“ควรสะบั้นไม่สะบั้น ความวุ่นวายย่อมบังเกิด ควรฆ่าไม่ฆ่า โจรร้ายย่อมถือกำเนิด”

เจียงซ่างเจินใช้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะว่า “ในเรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าพูดกับเฉินผิงอันเอง ครั้งหนึ่งไม่สำเร็จก็พูดเพิ่มอีกสองสามครั้ง พูดจนกว่าเขาจะรำคาญถึงจะหยุด”

ยามที่โจวอันดับหนึ่งท่านนี้เรียกชื่อเฉินผิงอันออกมาตรงๆ แสดงว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่จริงจังอย่างมาก

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการปฏิบัติต่อพื้นที่มงคลรากบัวและแคว้นหู ทิศทางคร่าวๆ ของภูเขาลั่วพั่วนั้นไม่ผิด แต่กลับมีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย

เพียงแต่ว่าตอนนั้นยังไม่ได้เก้าอี้ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งมา จึงไม่รีบร้อนที่จะมาตรวจสอบและอุดช่องโหว่ แล้วนับประสาอะไรกับที่หลักการเหตุผลเล็กๆ บางอย่าง พูดเร็วไม่สู้พูดช้า เพราะจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากกว่า ว่ากันไปตามเนื้อผ้า แก้ไขความผิดเล็กๆ เพื่อให้กลายเป็นความถูกใหญ่ๆ

คนทั้งสามเดินไปถึงริมตลิ่งของท่าเรือ รอคอยเรือข้ามฟากลำนั้น ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ ผู้ฝึกตนที่อยู่ริมฝั่งมีประปราย ส่วนใหญ่เพียงแค่ชำเลืองตามองคนทั้งสามแวบหนึ่งก็ไม่มองมากอีก

ชุยตงซานกะพริบตาปริบๆ ยิ้มถามว่า “โจวอันดับหนึ่ง ทัศนียภาพอันงดงามมีสหายรักรู้ใจอยู่ข้างกายเช่นนี้ เจ้าคือคนที่มีพรสวรรค์น่าตะลึง ไม่มีอารมณ์อยากแต่งกลอนสักหน่อยหรือ? ไม่แน่ว่าข้าอาจเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาก็ได้”

เจียงซ่างเจินกระแอมหนึ่งที เดินกางร่มสาวเท้าเนิบช้าไปบนท่าเรือ นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ดวงตาก็พลันสว่างจ้า นึกออกแล้ว “เห็นชิงช้านอกกำแพง แกว่งไกวเอวเล็กบาง งดงามดุจเมฆคล้อย เสียงพลิ้วหวานแว่วตรงหน้า ขานเรียกชื่อน้องมองเหม่อ”

ชุยตงซานยกนิ้วโป้งให้ “ทำให้คนหัวเราะท้องแข็งได้จริงๆ”

เด็กสาวพลันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ใช้หลังมือดันหน้าผาก

อยู่ดีๆ ก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ร้อยเรียงติดต่อกัน

ตระกูลของนางเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ของแคว้นเล็กใต้อาณัติแห่งหนึ่ง บิดามีความรู้เต็มท้อง มารดาคือคุณหนูตระกูลใหญ่ คือคู่สร้างคู่สมที่ทำให้คนอิจฉา ช่วงแรกบิดามีชีวิตอย่างราบรื่น หลังจากสอบติดกระดานทองคำแล้วก็รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลคลังตะกั่วกรมโยธา ก่อนจะหันไปรับตำแหน่งทงพ่าน (ชื่อตำแหน่งขุนนาง รับผิดชอบการขนส่งธัญพืช พื้นที่เพาะปลูก การอนุรักษ์น้ำ การดำเนินคดี และเรื่องอื่นๆ) ของมณฑลในท้องถิ่น แล้วจึงได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าเมือง เพียงแต่ว่าชีวิตบนมหาสมุทรแห่งวงการขุนนางล่องลอยไม่หยุดนิ่ง ถูกเพื่อนร่วมงานใส่ร้าย สูญเสียตำแหน่งขุนนาง ได้แต่กลับคืนสู่บ้านเกิด รับหน้าที่เป็นผู้บรรยายหลักของสำนักศึกษาแห่งหนึ่งที่จวนเฝินหยางของบ้านเกิด

คิดไม่ถึงว่าบิดาจะยังถูกศัตรูในวงการขุนนางคนหนึ่งที่ได้รับตำแหน่งสำคัญวางอำนาจเข้าข่มที่ว่าการในท้องถิ่น จึงถูกผลักไสรังเกียจ แม้แต่สำนักศึกษาก็ยังไม่อาจอยู่ได้ ตายจากไปพร้อมกับความทุกข์ระทม เป็นเหตุให้ฐานะทางบ้านตกอับ สถานการณ์ในบ้านย่ำแย่ลงทุกปี เดือดร้อนให้พี่ชายไม่อาจเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ ได้แต่ออกจากบ้านเกิดเดินทางไกลไปหลบภัย ไปหาที่พึ่งเป็นพรรคบนภูเขาแห่งหนึ่ง พอได้รับจดหมายจากทางบ้านว่านางสูญเสียความทรงจำก็รีบกลับบ้านมาหานางโดยไม่สนความเหนื่อยยากทันที จากนั้นก็อาศัยช่องทางของบิดาว่าที่สามีในอนาคต สามคนรอนแรมเดินทางไกลหมื่นลี้ กว่าจะมาถึงภูเขาเซียนที่เป็นผู้นำของทวีปแห่งนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หมายจะมาหาเซียนซือผู้เฒ่าที่มีชื่อเสียงคุณธรรมสูงส่งซึ่งมีฉายาว่า ‘บรรพจารย์ย้ายภูเขา’ …

เด็กสาวสะอื้นไห้ หันหน้ามาเรียกเสียงสั่น “ท่านพี่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!