กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 815

ซุ้มประตูท่าเรือของลำน้ำแห่งนี้มีตัวอักษรเขียนไว้ตัวใหญ่ว่า ‘ถ้ำสวรรค์ใต้น้ำ’ ผิวน้ำของลำน้ำใหญ่แห่งนี้กว้างขวาง กว้างถึงสามร้อยลี้ คราวก่อนที่เฉินผิงอันมาที่นี่ก็แต่งตัวด้วยชุดเขียวสะพายกระบี่ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าสีชาดใบหนึ่ง เพียงแต่ว่าคราวก่อนสะพายเจี้ยนเซียน คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นเย่โหยว อีกทั้งในมือยังขาดไม้เท้าเดินป่าสีเขียวไปอันหนึ่ง

ท่าเรือมู่หนูของสำนักมังกรน้ำมีต้นส้มตระกูลเซียนพันกว่าต้นที่บรรพจารย์เปิดภูเขาปลูกกับมือตัวเอง ก่อนที่เขาจะสละร่างตายจากโลกนี้ไปได้ยิ้มเอ่ยว่าชีวิตนี้ฝึกตนได้ธรรมดาสามัญ มีเพียงต้นส้ม (มู่หนู) พันต้นที่มอบให้แก่ลูกหลาน

อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็นึกถึงสวินยวนบรรพจารย์ผู้เฒ่าของสำนักกุยหยกขึ้นมา ได้ยินเจียงซ่างเจินเล่าให้ฟังว่าคำสั่งเสียสุดท้ายที่ตาเฒ่าสวินเอ่ยไว้ในชีวิตนี้ อันที่จริงก็มีแค่คำสามคำที่เขาพึมพำกับตัวเองเท่านั้นเอง เป็นคำว่า ‘บ้านข้ายากจน’

ดูเหมือนว่าสำนักบนภูเขาทุกแห่งที่การสืบทอดเป็นระบบระเบียบ ควันธูปสืบทอดยาวนานล้วนจะต้องมีเก้าอี้อันดับหนึ่งที่ผ่านการคิดคำนวณมาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว

เฉินผิงอันเอ่ยขออภัยกับหนิงเหยาว่า “อยู่ที่สำนักสั่วอวิ๋นเสียเวลากว่าที่คาดการณ์ไว้หลายวัน ดังนั้นข้าคงไม่เดินเล่นในถ้ำสวรรค์วังมังกรกับเกาะเป็ดน้ำเป็นเพื่อนพวกเจ้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องตรงไปที่หน่วยฉงเสวียนของราชวงศ์ต้าหยวน ไปพูดคุยเรื่องบางอย่างกับฮ่องเต้สกุลหลูและราชครูหยางชิงข่ง จากนั้นไปพบกับซุนเจี๋ยและเส้าจิ้งจือแห่งสองสำนักเหนือใต้ของสำนักมังกรน้ำ พูดคุยเรื่องขอเช่าหรือไม่ก็ขอซื้อเกาะเป็ดน้ำ พวกเจ้ารอข้าที่เกาะเป็ดน้ำแล้วกัน ทัศนียภาพของถ้ำสวรรค์วังมังกรแห่งนี้งดงามมาก เดินเล่นสองสามวันก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ข้าจะพยายามรีบไปรีบกลับ”

หนิงเหยาพยักหน้ารับ เห็นว่าเฉินผิงอันไม่มีท่าทีจะขยับตัวก็เอ่ยว่า “ทางฝั่งของเซียนกระบี่ลี่แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิง ข้าช่วยพูดเรื่องนี้แทนเจ้าแล้ว นางบอกว่าไม่มีปัญหา ถ้ำสวรรค์วังมังกรแห่งนี้ เดิมทีนางก็ได้ครอบครองอยู่สามส่วน เกาะเป็ดน้ำที่ไร้เจ้าของมานานหลายปี ไม่ต้องพูดเรื่องเช่าด้วยซ้ำ นางบอกว่าหากเจ้าต้องการจริงๆ คิดจะสร้างเป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับหลบร้อนบนภูเขาต่างถิ่นก็ซื้อเอาไว้ได้เลย สำนักมังกรน้ำไม่มีเหตุผลให้ต้องขัดขวาง หากพูดคุยเรื่องราคากันไม่สำเร็จก็ปล่อยทิ้งไว้ เดี๋ยวนางจะเป็นคนหั่นราคาให้เอง”

หมี่ลี่น้อยเอามือป้องข้างปาก ยิ้มเอ่ยว่า “เซียนกระบี่ลี่คือผู้กล้าที่ห้าวหาญแห่งยุทธภพเลยล่ะ นางโบกมือเป็นวงกว้าง บอกว่าเรื่องใหญ่เท่ากัน หากคุยง่ายก็หั่นราคา หากคุยยากก็ฟันคน เช่ากะผายลมอะไรเล่า นั่นเท่ากับมีคนตบหน้านางแล้ว”

เฉินผิงอันลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย ชำเลืองตามองกลุ่มคนที่เข้าแถวเรียงยาวเป็นมังกรแล้วยิ้มเอ่ยกับหนิงเหยาว่า “ข้าจะช่วยพวกเจ้าซื้อเอกสารผ่านด่านเข้าไปในถ้ำสวรรค์เล็กเสียก่อนค่อยไป เป็นตราประทับไม้ส้มเซียน มีความพิเศษอย่างมาก น่าเสียดายที่เอากลับไปไม่ได้ ต้องคืนให้กับสำนักมังกรน้ำ ผ่านซุ้มประตูไปแล้ว ศิลาจารึกหลายสิบแผ่นที่อยู่ด้านหน้า หากพวกเจ้าสนใจก็สามารถลองไปอ่านดูได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจารึกการสร้างสะพานหินของเหล่าปราชญ์และศิลาหอมังกรโยนลงน้ำในรัชสมัยต้าผิงที่แนะนำเรื่องการสร้างสะพานหินและต้นกำเนิดการบุกเบิกถ้ำสวรรค์วังมังกรเอาไว้”

หนิงเหยาเหลือบตามองเฉินผิงอัน ถามว่า “เพราะว่ามโนธรรมในใจไม่อาจสงบก็เลยต้องทำความดีชดใช้ความผิดงั้นรึ?”

เฉินผิงอันทำหน้าเหลอหรา

หนิงเหยายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เรือนเล็กกุยม่ายบนเกาะกุ้ยฮวา หน้าผาอวี้อิ๋งที่สวนน้ำค้างวสันต์ บวกกับเกาะเป็ดน้ำของวังมังกรใต้น้ำแห่งนี้อีก ล้วนเป็นสถานที่ที่ดีในการดื่มชาดื่มสุรา ไม่แน่ว่าอาจยังมีนครหลิงซีของเรือราตรีอีกแห่งหนึ่ง ดูแลไหวหรือ?”

จวนตระกูลเซียนทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าขุนเขาหนุ่ม

เผยเฉียนตามองจมูกจมูกมองใจ เด็กชายผมขาวทำท่ากุมท้องหัวเราะก๊ากแบบไร้เสียง หมี่ลี่น้อยยังเด็กจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก เจ้าขุนเขาคนดีหาเงินได้เยอะ คบหาสหายมากมาย ไม่ใช่เรื่องดีหรือ?

เฉินผิงอันเอ่ยว่า “เรือนเล็กกุยม่ายกับหน้าผาอวี้อิ๋งล้วนปล่อยว่างไว้มานานหลายปีแล้ว”

หนิงเหยานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “หรงช่างผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดของทะเลสาบกระบี่ฝูผิงยินดีทำหน้าที่เป็นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของจวนไฉ่เชวี่ยนะ”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เป็นเรื่องดี”

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนยอดเขาพาตี้ ได้ไปเยี่ยมเยือนยอดเขาจื่อเสวียน หยวนหลิงเตี้ยนเองก็ตอบตกลงเรื่องนี้แล้ว

เพราะคราวก่อนที่เฉินผิงอันมาเที่ยวเยือนถ้ำสวรรค์เล็ก ตรงกับวันที่สิบเดือนสิบและวันที่สิบห้าเดือนสิบพอดี สำนักมังกรน้ำมีเทศกาลผีและเทศกาลขุนนางน้ำขจัดเคราะห์ภัย จึงมีการจัดพิธีกรรมยันต์หยก ยันต์ทองซึ่งสำคัญอย่างถึงที่สุดในหนึ่งปีขึ้นมา ดังนั้นตอนนั้นนักท่องเที่ยวจึงเยอะมากเป็นพิเศษ เฉินผิงอันต้องรอเกือบครึ่งชั่วยามถึงจะซื้อแผ่นป้ายไม้ผ่านด่านได้ คราวนี้ทางสำนักมังกรน้ำไม่ได้มีการจัดพิธีกรรมขึ้น ดังนั้นเวลาที่เสียไปตอนเข้าแถวจึงไม่ได้มากมายอย่างคราวก่อน ทุกคนจ่ายเงินคนละสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะ เช่าแผ่นไม้ตราประทับแผ่นหนึ่งมาจากสำนักมังกรน้ำ แต่ว่าไม่เหมือนกับตัวอักษรที่แฝงความหมายอันไพเราะดีงามอย่างคราวก่อน ครั้งนี้ตัวอักษรที่ใช้เหมือนจะเป็นบทกลอนมากกว่า

หลังจากที่ผู้ฝึกตนหญิงของสำนักมังกรน้ำยื่นตราประทับสี่ชิ้นมาให้ก็คลี่ยิ้มหวาน เอ่ยเตือนว่า “คุณชาย ทุกวันนี้สามารถซื้อขายตราประทับของพวกเราได้แล้วนะ”

เวลาผ่านมานานหลายปี เห็นได้ชัดว่านางยังคงจดจำมือกระบี่ชุดเขียวที่มาเยือนถ้ำสวรรค์เล็กอีกครั้งตรงหน้าได้เป็นอย่างดี ก็นางความจำดีนี่นะ

ยังคงสวมชุดเขียวสะพายกระบี่ ยังคงรัดน้ำเต้าบรรจุเหล้าสีชาด แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้างกายยังมีคนที่ถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียวมรกตด้วย ด้วยความสามารถที่เห็นอะไรผ่านตาแล้วไม่เคยลืมของนาง พอเห็นอย่างนี้คิดจะลืมก็ยังยาก คราวก่อนลูกค้าท่านนี้ถามว่าขายตราประทับหรือไม่ ตอนนั้นยังทำให้คนรู้สึกตลกขบขันด้วยซ้ำ

เล่นงานข้าเสียแล้ว เฉินผิงอันยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แข็งใจย้อนถามว่า “ขอถามแม่นาง หากเป็นการซื้อ จะราคาเท่าไร?”

เด็กชายผมขาวมือหนึ่งกุมท้อง อีกมือหนึ่งวางบนบ่าของหมี่ลี่น้อย หัวเราะจนท้องแข็งไปหมด

โอ้ย ขำ

หมี่ลี่น้อยเกาแก้ม เจ้าขุนเขาคนดีนี่เป็นอย่างไรนะ ตอนที่ไม่พาตนออกท่องยุทธภพถึงได้ชอบพูดคุยเรื่องการค้ากับสตรีแปลกหน้าเช่นนี้? โชคดีที่ตอนอยู่กับพี่หญิงหนิงตนได้ช่วยพูดถ้อยคำดีๆ กระบุงแล้วกระบุงเล่า

เฉินผิงอันมองตราประทับหลายชิ้นในมือก็สังเกตเห็นว่าตรงริมขอบล้วนมีการประเมินความสูงต่ำของนักประพันธ์แต่ละคนในหนึ่งทวีป ตำราเล่มใดเหมือนจักรพรรดิผู้สร้างความรุ่งโรจน์ สถานะสูงส่งทั้งยังเฉลียวฉลาด หนังสือเล่มใดเหมือนม้าเร็วทะลวงขบวนรบ คมดาบฟาดฟัน ธนูแข็งง้าวยิง นกตกตะลึงบินหนี ตำราเล่มใดเหมือนเซียนดินผู้บรรลุมรรคาในภูเขาลึก สดชื่นปลอดโปร่ง เห็นคนก็อยากจะถอยกลับเข้าไปในก้อนเมฆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำกล่าวที่ดี แต่ก็มีคำวิจารณ์ที่ไม่ใคร่จะเกรงใจกันอยู่บ้างเช่นกัน แทบจะเรียกได้ว่าชี้หน้าด่าคนด้วยซ้ำ บอกว่านักประพันธ์คนใดเขียนตัวอักษรข่ายซูเหมือนเศรษฐีในหมู่ชาวบ้าน รูปโฉมหยาบกระด้าง ตัวอักษรแบบหวัดเหมือนสาวใช้ที่วางตัวเป็นฮูหยิน แม้รูปโฉมจะงามเย้ายวน แต่กลับไม่มีสง่าราศี

ผู้ฝึกตนหญิงยิ้มเอ่ย “ตราประทับสองชิ้นจ่ายแค่เงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญ ซื้อสองแถมอีกหนึ่ง”

เฉินผิงอันส่ายหน้า ราคาแพงเกินไปจริงๆ แล้วนับประสาอะไรกับที่ในด้านของการแกะสลักหินทอง ทุกวันนี้เฉินผิงอันถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งตัวแล้ว อีกอย่างบนร่างของตนก็มีเทียบตัวอักษรที่ซูจื่อและหลิ่วชีเขียนเองกับมือซึ่งอาจารย์ขอมาให้ จะซื้อของพวกนี้มาทำไม

เฉินผิงอันขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างอดไม่อยู่ หรือว่าสำนักมังกรน้ำเจอกับสถานการณ์เร่งด่วนอะไรที่ต้องรีบใช้เงินเทพเซียน ไม่อย่างนั้นลำพังแค่อ่างเก็บสมบัติอย่างถ้ำสวรรค์วังมังกรแห่งนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะหาเงินเช่นนี้ อีกอย่างนี่ก็หมายความว่าในเรื่องของการซื้อขายเกาะเป็ดน้ำกับสำนักมังกรน้ำ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะต้องเสียเปรียบในเรื่องราคาเพิ่มเติม

ปฏิเสธผู้ฝึกตนหญิงของสำนักมังกรน้ำไปอย่างละมุนละม่อมแล้วเฉินผิงอันก็มอบตราประทับทั้งหลายให้กับพวกหนิงเหยา เล่าให้พวกนางฟังถึงขั้นตอนของการถามกระบี่ที่สำนักสั่วอวิ๋นคร่าวๆ จากนั้นก็เตรียมจะออกไปจากท่าเรือมู่หนู เดินทางไปยังเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าหยวน

ตั้งแต่ต้นจนจบหนิงเหยาไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ

รอกระทั่งเฉินผิงอันเดินฝีเท้าเร่งร้อนหายเข้าไปในกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันแออัดแล้ว นางมองแผ่นหลังของคนที่เหมือนตกใจเผ่นหนีไปนั้นแล้วก็หัวเราะ อันที่จริงเรื่องเล็กแบบนี้ มีหรือที่นางจะไม่เชื่อใจเฉินผิงอัน คนชอบเงินไปอยู่ที่ไหนจะไม่ชอบเงินบ้างเล่า ตอนที่ได้ภาพเทพหญิงของนครปี้ฮว่ามาก็ยังไปเป็นแค่ร้านผ้าห่อบุญไม่ใช่หรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!