ฮ่องเต้สกุลหลูทำอะไรรวดเร็วฉับไวเป็นพิเศษ สำหรับเรื่องของการเดินลงน้ำ เขาไม่ได้มีท่าทีเกรงใจตามมารยาทใดๆ พูดตามตรงว่าหากไม่เป็นเพราะหลิงหยวนกงเสิ่นหลินและหลงถิงโหวหลี่หยวนมาบอกกล่าวกับราชวงศ์ต้าหยวนไว้แต่เนิ่นๆ ตอนนั้นยังไม่รู้จักอาจารย์เฉิน ย่อมไม่มีทางปล่อยผ่านแน่นอน แต่วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ดังนั้นในอนาคตหากมีเรื่องอย่างการเดินลงน้ำอีกก็แค่บอกกล่าวกันสักคำก็พอ ทางต้าหยวนและแคว้นใต้อาณัติทุกแห่งจะปล่อยผ่านให้หมด ส่วนเรื่องของการค้าข้ามทวีป ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในสวนกงเต๋อศาลบุ๋น หยางชิงข่งได้พูดคุยกับเฉินผิงอันไปคร่าวๆ แล้ว ดังนั้นวันนี้ฮ่องเต้จึงหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาโดยตรง ไม่บาง ด้านในระบุราคาของข้าวของบนภูเขาและผลผลิตเฉพาะของราชวงศ์ต้าหยวนประเภทต่างๆ ไว้อย่างละเอียด และยังมีการแบ่งส่วนแบ่งตามขั้นบันไดที่แตกต่างกับภูเขาลั่วพั่ว ขุนนางกรมกลางคลังที่จะรับผิดชอบประสานงานกับภูเขาลั่วพั่วในอนาคต…ล้วนกระจ่างชัดเจน เฉินผิงอันแค่เปิดอ่านก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
เฉินผิงอันปิดสมุดลง ยิ้มเอ่ยว่า “ฝ่าบาทมีใจแล้ว ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วไม่มีความเห็นต่างใดๆ หากไม่ผิดไปจากที่คาด ภายในเวลาหกสิบปี พวกเราก็จะทำตามกฎเกณฑ์เหล่านี้”
ดูเหมือนฮ่องเต้สกุลหลูจะประหลาดใจอยู่บ้าง “อาจารย์เฉินไม่ต่อรองราคาสักหน่อยหรือ? ไม่อย่างนั้นจะขาดความบันเทิงบางอย่างไปนะ ไม่มีเหตุผลให้ดื่มเหล้าเลยด้วยซ้ำ ทางฝั่งของหน่วยฉงเสวียนนี้เก็บเหล้าสามยามที่หมักนานหลายร้อยปีเอาไว้อย่างดีเชียวนะ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “หากฝ่าบาทไม่ถือสาก็คงไม่ดื่มเหล้าสามยามของถ้ำสวรรค์วังมังกรแล้ว ที่ข้ายังมีเหล้าที่ขายที่ร้านเหล้าบ้านตัวเองอยู่อีกหลายกา”
ฮ่องเต้ถาม “ใช่เหล้าภูเขาชิงเสินของกำแพงเมืองปราณกระบี่หรือไม่?”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด เหตุใดถึงได้ดูเหมือนว่าตนกำลังเชิญให้ฮ่องเต้ท่านนี้ดื่มเหล้าปลอมอยู่เลยเล่า?
ไม่เป็นไร สามารถชดเชยได้ เฉินผิงอันหยิบเหล้าสามกามาวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบเทียบอักษรชิ้นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ มอบให้กับองค์ชายเด็กหนุ่ม ยิ้มเอ่ยว่า “นี่คือเทียบตัวอักษรของอาจารย์ข้าเอง”
เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำในชั่วพริบตา รีบลุกขึ้นยืน ใช้สองมือรับเทียบอักษรที่เขียนด้วยลายมือของอาจารย์เหวินเซิ่งมา เอ่ยขอบคุณและนั่งลงแล้ว เด็กหนุ่มก็กอดเทียบอักษรไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง
เกี่ยวกับเรื่องการซื้อเกาะเป็ดน้ำก็ง่ายมาก หยางชิงข่งบอกว่าทางฝั่งของหน่วยฉงเสวียนจะส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปให้กับศาลบรรพจารย์ของสำนักมังกรน้ำ ส่วนแบ่งสามส่วนที่เป็นของราชวงศ์ต้าหยวนจะไม่รับเอาไว้แล้ว ถือเสียว่าเป็นของขวัญตอบแทนกลับคืนที่ครั้งนี้อาจารย์เฉินมาเยือนหน่วยฉงเสวียน
ต่างคนต่างดื่มเหล้าภูเขาชิงเสินไปแล้ว เฉินผิงอันก็เตรียมจะขอตัวลา เด็กหนุ่มกลับกระตุกชายแขนเสื้อของฮ่องเต้กะทันหัน ฮ่องเต้จึงเปิดปากยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์เฉิน ในสายตาของท่าน หลูจวินมีคุณสมบัติในการฝึกวรยุทธหรือไม่?”
คำถามนี้แน่นอนว่าเกินความจำเป็น คุณสมบัติขององค์ชายคนหนึ่งดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวรยุทธหรือการฝึกตน ไหนเลยจะต้องรอให้ถึงวัยของเด็กหนุ่มแล้วค่อยมาถามคนนอกคนหนึ่ง
เฉินผิงอันกล่าว “ธรรมดาอย่างมาก”
เด็กหนุ่มสีหน้าหม่นหมอง
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยอีกว่า “แต่การเรียนวรยุทธกับการฝึกตนไม่ค่อยเหมือนกัน ทั้งเน้นในเรื่องคุณสมบัติเหมือนกัน แล้วก็ไม่เน้นในเรื่องคุณสมบัติด้วย ยกตัวอย่างเช่นปีนั้นคุณสมบัติของข้าในการฝึกวรยุทธก็ธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่ฝึกหมัดค่อนข้างยากลำบาก หากเจ้าอยากหาอาจารย์สอนวิชาหมัด ข้าพอจะถือว่าเป็นได้ แต่เจ้าและข้าสองฝ่ายล้วนไม่ถือว่าเป็นอาจารย์และศิษย์อย่างเป็นทางการ”
เด็กหนุ่มพลันมีสีหน้าสดใส เดิมทีการฝึกหมัดก็เป็นเรื่องที่รองลงมา หาอาจารย์ที่มีความห้าวหาญได้จึงจะเป็นเรื่องใหญ่สำคัญอันดับหนึ่ง! ส่วนตัวเลือกคนที่จะมาเป็นอาจารย์ของตนเพียงหนึ่งเดียวในใจ เคยอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ตอนนี้กลับมาอยู่ใกล้เพียงตรงหน้า
สุดท้ายเฉินผิงอันก็มอบตำราหมัดเล่มหนึ่งให้กับหลูจวิน บอกเรื่องของการฝึกหมัดให้ฟังคร่าวๆ ฮ่องเต้สกุลหลูสบตากับหยางชิงข่ง ต่างก็ประหลาดใจอย่างมาก ถึงกับเป็นตำราเขย่าภูเขาที่เป็นสำเนาฉบับหนึ่ง หรือว่าอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับวิชาหมัดของผู้ฝึกตนยุทธกู้โย่วแห่งต้าจ้วน?
วันนี้เฉินผิงอันมาจากทางประตูใหญ่ของหน่วยฉงเสวียน ตอนกลับก็เดินออกไปจากทางนั้นเช่นกัน
พวกฮ่องเต้สกุลหลูสามคนเดินมาส่งถึงหน้าประตู มองคนชุดเขียวทะยานลมจากไป
ฮ่องเต้ก็พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “เมื่อก่อนคิดจินตนาการถึงการพบหน้ากันไว้มากมาย แต่รอให้ได้นั่งลงพูดคุยกันอย่างแท้จริง กลับดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเลย”
ต่อให้ดื่มเหล้าก็ยังเหมือนดื่มชา ถึงขั้นที่ว่ารสชาติยังออกจะจืดชืดเสียด้วย
หยางชิงข่งใช้เสียงในใจเอ่ยเตือน “ฝ่าบาท ไม่อาจประมาทได้ นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดที่ร้ายกาจอย่างแท้จริงในการฝึกตนของคนผู้นี้”
ฮ่องเต้พยักหน้ารับ มองลูกชายที่ตัวเองให้ความสำคัญที่สุดซึ่งอยู่ข้างกาย เด็กหนุ่มที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นรัชทายาทของต้าหยวนแล้ว ฮ่องเต้ถอนสายตากลับมา ยิ้มเอ่ยกับราชครูว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดูกันที่เรื่องเงินทองไปอีกสักสองสามปี”
หลังจากเฉินผิงอันออกมาจากราชวงศ์ต้าหยวนก็ทะยานลมไปอย่างว่องไว บางครั้งหากมองเห็นแสงไฟล่างภูเขาท่ามกลางม่านราตรีโดยบังเอิญก็จะชะลอความเร็วลง ทะยานร่างผ่านเมืองทั้งหลายในโลกมนุษย์ ทัศนียภาพมากมายยังคงไม่มีเวลาได้มองมากนัก อาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ยังคงมีภูเขางดงามที่บทกวีไม่รู้ มีเทือกเขาสายน้ำทอดยาวเป็นสาย อยู่บนและล่างดวงจันทร์ ตรอกโทรมมีเสียงหมาเห่าไก่ขัน ตลาดกลางคืนของหมู่ชาวบ้านส่งเสียงจอแจ…
เฉินผิงอันไม่ได้ตรงไปที่ท่าเรือมู่หนูเพื่อไปเยือนสำนักมังกรน้ำ แต่ไปยังจวนน้ำที่สร้างขึ้นใหม่ของเสิ่นหลินหลิงหยวนกงที่อยู่ระหว่างทางก่อน พอมองเห็นเค้าโครงของจวนแห่งนั้น สัมผัสได้ถึงภาพบรรยากาศของโชคชะตาน้ำส่วนนั้น เฉินผิงอันก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดสำนักมังกรน้ำถึงได้ขาดเงิน หากเสิ่นหลินใช้เพียงแค่ทรัพย์สินเก่าจากการเป็นเจ้าของตำหนักวารีหนันซวิน ย่อมไม่มีทางสร้างจวนของกงแห่งลำน้ำที่เป็นเช่นนี้ได้แน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับที่หากดูตามความสัมพันธ์เก่าแก่ระหว่างสุ่ยเจิ้งหลี่หยวนกับสำนักมังกรน้ำแล้ว จวนน้ำของหลงถิงโหวแห่งหนึ่งก็คงต้องเชื่อเงินจากสำนักมังกรน้ำมาไม่น้อยเหมือนกัน
พอเสิ่นหลินได้เจอกับเฉินผิงอัน หลักจากทักทายปราศรัยกันเรียบร้อยนางก็รีบส่งข่าวไปยังจวนหลงถิงโหวทันที ความเร็วในการเดินลงน้ำของกงและโหวแห่งลำน้ำใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งเลย ดังนั้นเฉินผิงอันรอไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ได้เจอกับหลี่หยวนที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กหนุ่มสวมชุดสีดำ ฝ่ายหลังได้ยินว่าเฉินผิงอันจะจ่ายเงินซื้อเกาะเป็ดน้ำก็เจ็บปวดใจอย่างสุดแสน กระโดดโหยงถ่มน้ำลายไปยังทิศทางที่ตั้งของสำนักมังกรน้ำ บอกว่าที่นั่นถือว่าเป็นอาณาเขตของข้าผู้อาวุโสมาตั้งนานแล้ว ซุนเจี๋ยกับเส้าจิ้งจือมีหน้ามารับเงินได้อย่างไร แต่พอได้ฟังสถานการณ์จากฝั่งของทะเลสาบกระบี่ฝูผิงและหน่วยฉงเสวียนมาจากเฉินผิงอัน หลี่หยวนถึงไม่ได้ด่าไปถึงศาลบรรพจารย์ของสำนักมังกรน้ำ บอกกับเสิ่นหลินว่าพวกเราเขียนจดหมายให้สำนักมังกรน้ำคนละฉบับ เสิ่นหลินมองเฉินผิงอันที่ส่ายหน้าให้เบาๆ แวบหนึ่งก็ไม่ตอบตกลงหลี่หยวนที่บ้าดีเดือดผู้นี้
หลี่หยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างผึ่งผาย ถามอย่างสงสัยว่า “พี่น้องเฉิน ในเมื่อไม่ต้องให้ข้ากับเสิ่นหลินช่วย ที่เจ้าตั้งใจมาเยือนครั้งนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้วสิ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เฉินหลิงจวินเดินลงน้ำสำเร็จ ถือว่าไม่ง่ายเลย อีกอย่างข้าก็ผ่านทางมาที่ลำน้ำพอดี ก็ไม่ควรต้องมาขอบคุณพวกเจ้าสองคนดีๆ สักครั้งหรือ?”
หลี่หยวนถอดรองเท้าออก นั่งขัดสมาธิ เอ่ยอย่างเสียใจว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่ไปที่จวนข้าล่ะ ทำไม หรือคิดว่าหมวกของเสิ่นหลินใหญ่กว่าข้าก็เลยมาที่นี่? พี่น้องอย่างเจ้านี่ไม่ไหวเอาเสียเลย”
ดวงตาหลี่หยวนพลันเป็นประกาย มองเซียนกระบี่ชุดเขียวที่อายุยังน้อย แล้วค่อยมองเสิ่นหลินที่แท้จริงแล้วรูปโฉมไม่ได้แย่เลย เขาพลันหัวเราะหึหึ กระแอมหนึ่งที ก้มหน้าค้อมเอว ไม่คิดจะสวมรองเท้า เพียงแค่ถือรองเท้าไว้ข้างละมือ เตรียมจะเดินไปที่หน้าประตู “ข้าจะไปรอข้างนอกเดี๋ยวนี้แหละ ให้เวลาพวกเจ้าสองคนครึ่งชั่วยามพอหรือไม่?”
เสิ่นหลินคลี่ยิ้ม ไม่ถือสา
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างจนใจว่า “บอกไว้ก่อนเลยว่าตามข้าไปที่สำนักมังกรน้ำแล้ว เจ้าห้ามพูดจาเหลวไหลแบบนี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปด้วยกันแล้ว”
หลี่หยวนเอ่ยอย่างกังขาว่า “ข้างกายมีสตรีเดินทางมาด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ข้าพาภรรยามาด้วย”
หลี่หยวนตบเก้าอี้ หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ลูกผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุห้าหกคู่รักจะไม่ยิ่งดีงามหรอกหรือ?!”
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ลองพูดอีกทีสิ หลงถิงโหวเจ้าเชิญพูดได้ตามสบาย พูดที่นี่เสียให้จบ แล้วข้าค่อยพาเจ้าไป”
หลี่หยวนยกสองแขนกอดอก เอียงหัวเหล่ตามอง “ทำไมล่ะ นางเอาชนะเจ้าได้หรือว่าเอาชนะข้าได้กันล่ะ? เฉินผิงอัน ไม่ใช่ว่าพี่น้องตำหนิเจ้าหรอกนะ เจ้าไม่มีมาดองอาจบ้างเลย สามีควบคุมภรรยาตอนอยู่ข้างนอกไม่ได้ เป็นข้อห้ามใหญ่เชียวนะ”
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน “ช่างเถอะ ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่แล้วกัน ข้าจะไปที่สำนักมังกรน้ำคนเดียว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!