กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 816

สรุปบท บทที่ 816.1 แสงจันทร์: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 816.1 แสงจันทร์ – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 816.1 แสงจันทร์ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ได้ยินว่าสตรีตรงหน้าชื่อหนิงเหยา ต่อให้ใต้หล้านี้จะมีคนที่แซ่เดียวชื่อเดียวกันอยู่ไม่น้อย แต่หลี่หยวนก็ไม่ได้โง่ อย่างน้อยที่สุดกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่เฉินผิงอันไปหาประสบการณ์ก็ไม่ได้มีหนิงเหยาสองคน

สองขาของหลี่หยวนสั่นสะท้าน ต้องรีบคว้าแขนของเฉินผิงอันเอาไว้ วิชาอภินิหารในการล้อมคอกเมื่อวัวหายของนายท่านสุ่ยเจิ้งแห่งลำน้ำใหญ่ในอดีตท่านนี้ เรียกได้ว่าสุดยอด เพราะว่าใจฝ่อจึงไม่กล้ามองหนิงเหยา หลี่หยวนจึงเพียงแค่เอ่ยกับเฉินผิงอันด้วยประโยคของคนที่โชคดีมาเยือนความฉลาดจึงบังเกิดว่า “เฉินผิงอัน พี่น้องส่วนพี่น้อง ความจริงส่วนความจริง เจ้าไม่คู่ควรกับเซียนกระบี่หนิงจริงๆ”

แม่นางหนิงสามารถเรียกได้ตามใจชอบหรือ? ต้องเรียกว่าเซียนกระบี่หนิง!

ส่วนเซียนกระบี่หนิงจะรับน้ำใจหรือไม่ หลี่หยวนไม่รู้ ไม่อยากคาดเดา แต่โชคดีที่เฉินผิงอันยังยิ้มอย่างอารมณ์ดีมาก รอยยิ้มจริงใจยิ่ง คงเพราะรู้สึกว่าประโยคที่หลี่หยวนเอ่ยมานี้ไม่ได้มีปัญหาใดๆ

หลี่หยวนจึงรู้สึกเหมือนได้กินยาสงบใจเข้าไป หันตัวกลับไปอย่างระมัดระวัง จัดระเบียบชุดวารีที่อยู่บนร่างให้เรียบร้อยแล้วประสานมือคารวะ “หลี่หยวนแห่งลำน้ำจี่ตู๋คารวะเซียนกระบี่หนิง”

หนิงเหยาทำมุทรากระบี่ด้วยมือข้างเดียวเป็นการคารวะกลับคืน เอ่ยว่า “หนิงเหยาแห่งนครบินทะยานคารวะหลี่โหวแห่งจี่ตู๋”

หลี่หยวนได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงถิงโหวแห่งลำน้ำใหญ่ เมื่อหลายปีก่อนก็ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากศาลบุ๋น คำว่าเลื่อนขั้นไปตามลำดับขั้นตอนของกงโหวอันดับหนึ่งบนภูเขาซึ่งคล้ายคลึงกับวงการขุนนางก็เป็นเช่นนี้เอง

ดังนั้นหนิงเหยาเรียกอีกฝ่ายว่าหลี่โหวก็ถือว่าเป็นการแสดงความให้เกียรติที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

รอยยิ้มเจิดจ้าเต็มใบหน้าของหลี่หยวนนั้นเป็นของจริง แต่ความเจ็บปวดหัวใจกลับจริงแท้แน่นอนยิ่งกว่า

เหตุใดภาพแห่งความมีเกียรตินี้ถึงไม่มีคนใช้คาถาเซียนมาคัดลอกเอาไว้นะ ไม่อย่างนั้นวันหน้าเขาก็คงสามารถเอาภาพวาดไปตั้งบูชาไว้ให้ดีๆ แขวนไว้ในห้องโถงใหญ่ของเรือนหลักที่ใช้รับรองแขกของจวนบ้านตน ใช้แทนกรอบป้ายหน้าโถงไปเลย

เกี่ยวกับเรื่องเล่าและข่าวลือของหนิงเหยา อันที่จริงมีทางแยกอยู่สายหนึ่ง ก่อนที่สงครามใหญ่ซึ่งหอบม้วนไปทั่วใต้หล้าไพศาลครั้งนั้นจะเกิดขึ้น คำพูดที่เกี่ยวกับหนิงเหยา หลักๆ แล้วมีเพียงเรื่องเดียว คำกล่าวถึงผู้มีพรสวรรค์ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่แห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วแบ่งออกเป็นแค่สามประเภท ตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นก่อกำเนิดได้ภายในหกสิบปีของกำแพงเมืองปราณกระบี่ โอสถทองร้อยปีแห่งใต้หล้าไพศาล ประเภทสุดท้าย แน่นอนว่าก็คือหนิงเหยาคนเดียว

รอกระทั่งใต้หล้าแห่งที่ห้าถูกบุกเบิกอีกทั้งยังเปิดประตูแล้ว ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของหนิงเหยากระโดดข้ามขั้นบันไดขั้นใหญ่ไปหลายขั้น อันที่จริงก่อนที่ศาลบุ๋นจะปิดประตูก็มีข่าวลือเล็กๆ บนภูเขาบางส่วนแพร่มายังไพศาล ยกตัวอย่างเช่นหนิงเหยาฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกันดุจผ่าลำไม้ไผ่ไปอย่างไม่มีข้อให้ต้องสงสัย ทำให้คนได้แต่มองตาไม่กะพริบ นี่หมายความว่าหนิงเหยาได้รับการยอมรับจากมหามรรคาของใต้หล้าแห่งนั้น เป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนบนยอดเขาของไพศาลแน่ใจกันมานานแล้วว่าผู้ฝึกกระบี่หญิงอ่อนเยาว์คนนี้จะต้องกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าแห่งนั้นในอนาคตอย่างแน่นอน

นี่ไม่ใช่คำว่ามีความหวังบนมหามรรคาอะไรเลย เพราะหนิงเหยาได้ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องเดินไปยังยอดบนสุดของมหามรรคา อีกทั้งในอนาคตช่วงเวลาที่ยาวนานมากช่วงหนึ่ง จุดที่สูงที่สุดบนภูเขาของใต้หล้าแห่งนั้นจะเป็นทัศนียภาพของนางเพียงคนเดียว ข้างกายไม่มีใครมายืนเคียงคู่

นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวบนภูเขาที่ลี้ลับอีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ใครกล้าสังหารหนิงเหยา ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นวันหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไปใต้หล้าห้าสีเลย จะต้องตายแน่นอน อีกทั้งยังจะตายอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกด้วย

หลี่หยวนเชื่อมั่นในชะตากรรมอย่างยิ่ง

หมี่ลี่น้อยแอบผ่อนลมหายใจโล่งอก ยังดีๆ วันนี้คนที่โผล่หน้ามาพร้อมเจ้าขุนเขาคนดีไม่ใช่สตรี นางได้ยินมาว่าหลิงหยวนกงของลำน้ำใหญ่คือสตรีที่งดงามคนหนึ่งเชียวนะ

แต่ดูเหมือนว่านอกจากป๋ายโส่วแห่งยอดเขาเพียนหรานแล้ว จะมีคนที่เรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับเจ้าขุนเขาคนดีเพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว

เผยเฉียนเอ่ยขอบคุณหลี่หยวนหนึ่งคำ เรื่องที่คราวก่อนเฉินหลิงจวินเดินลงน้ำ หลี่หยวนออกแรงไปมากที่สุด อีกทั้งมรสุมที่จวนเทพสายฟ้าภูเขาอิงเอ๋อร์แห่งนั้น หลงถิงโหวท่านนี้ก็แสดงความมีน้ำใจในยุทธภพอย่างเต็มที่ เฉินหลิงจวินกลับมาที่ภูเขาลั่วพั่วแล้วก็มักจะพร่ำพูดเรื่องนี้ให้หน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยฟังเป็นประจำ บอกว่าในเรื่องของการคบหาสหายนี้ ไม่ใช่ว่าเขาโม้จริงๆ นะ ต้องเรียกว่าสายตาของเขาดีเหมือนเบิกเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น

ใต้หล้านี้นอกจากนายท่านบ้านตนที่สามารถยึดครองอันดับหนึ่งบนกระดานได้อย่างสมเหตุสมผลแล้ว เขาเฉินหลิงจวินก็คืออันดับที่สอง จากนั้นจึงจะเป็นหน่วนซู่กับหมี่ลี่ที่สามารถอยู่อันดับสามด้วยกัน เพราะคนโง่ก็มีโชคของคนโง่ ถึงได้โชคดีรู้จักกับอันดับที่หนึ่งและอันดับที่สองอย่างไรล่ะ

ผลคือกลายเป็นว่าหมี่ลี่น้อยเอาเรื่องนี้ไปพูดอวดกับเผยเฉียน ถ้าอย่างนั้นจุดจบของนายท่านใหญ่จิ่งชิงจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องคิดก็รู้ได้

หนิงเหยาถาม “เกาะเป็ดน้ำแห่งนี้ สำนักมังกรน้ำเรียกราคาเท่าไร? กี่เหรียญเงินฝนธัญพืช?”

ถ้ำสวรรค์วังมังกรคือพื้นที่ยอดเยี่ยมในการฝึกตนแห่งหนึ่งที่คนของอุตรกุรุทวีปให้การยอมรับ สี่ฤดูกาลเหมือนวสันต์ฤดู ฤดูร้อนไม่ร้อนระอุ ฤดูหนาวไม่หนาวเหน็บ เพียงแค่มีฝนตกบ่อย คนที่ฝึกตนอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกผู้ฝึกตนเซียนดินที่ไม่ขาดเงินเทพเซียน อีกทั้งยังฝึกวิชาน้ำ ทุกครั้งที่ฝนตกลงมาก็จะใช้วัตถุแห่งชะตาชีวิตประเภทต่างๆ มารองน้ำฝนเก็บเข้าไปไว้ในฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์ อันที่จริงการฝึกตนบนภูเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้ นอกจากโชควาสนาแล้วก็ต้องอาศัยความค่อยเป็นค่อยไปที่ต้องสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ผู้ฝึกตนสองขอบเขตอย่างก่อกำเนิดและบินทะยานถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นตะพาบพันปีเต่าหมื่นปี พูดถึงแค่ขอบเขตบินทะยาน นอกจากจะไม่แตะต้องธุลีในโลกโลกีย์ หลบเลี่ยงทัณฑ์สวรรค์แล้ว ก็ยิ่งต้องการการพัฒนาในด้านการฝึกตนทีละเล็กทีละน้อยเพื่อนำมาเพิ่มโอกาสในการฝ่าทะลุคอขวด

บนเกาะนอกจากจวนตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่เจ้าของแต่ละรุ่นคอยดูแลซ่อมแซมอยู่ตลอดซึ่งเดิมทีก็มีมูลค่าเป็นเงินเทพเซียนไม่น้อยแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีซากปรักเซียนสี่แห่งอย่างบ่อโยนน้ำ ถ้ำหินภูเขาหย่งเล่อ ซากโรงเหล็กและป้ายศิลาองค์หญิงเซิงเซียน ตอนที่รอเฉินผิงอัน หนิงเหยาได้พาพวกเผยเฉียนไปเดินเล่นมาหมดแล้ว เผยเฉียนสนใจป้ายศิลาเซิงเซียนอย่างมาก หมี่ลี่น้อยชอบบ่อโยนน้ำที่โชคชะตาน้ำเข้มข้นอย่างมาก กำลังคิดว่าจะไปสร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ที่นั่น เด็กชายผมขาวก็พูดแล้วว่าถ้ำหินกับโรงเหล็กใครก็อย่าได้มาแย่ง ล้วนเป็นของมันหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันยังไม่ทันซื้อเกาะเป็ดน้ำ อาณาเขตก็ถูกแบ่งไปหมดสิ้นเรียบร้อยแล้ว

เฉินผิงอันเก็บมาใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ เขาย่อมวางแผนไว้แล้วว่าจะทำเช่นไร อันที่จริงลำพังเพียงแค่แผ่นหยกอวี่เซียงนี้ คาดว่าคงมีมูลค่ามากกว่าเกาะเป็ดน้ำทั้งเกาะมากนัก จึงเอ่ยสัพยอกว่า “การค้าที่ข้าทำกับสำนักมังกรน้ำครั้งนี้ ก็ไม่เท่ากับว่าทำให้เจ้าต้องเสียสมบัติหนักวิชาน้ำที่มีระดับเป็นอาวุธกึ่งเซียนไปชิ้นหนึ่งหรอกหรือ?”

หลี่หยวนกลอกตามองบน “ผู้ฝึกตนธรรมดาซื้อเกาะเป็ดน้ำไปแล้วอย่างไร ข้าจะมอบของชิ้นนี้ให้หรือ? ต้องไม่ทันระวังทำหายไปแน่นอน คิดอยากจะโคจรค่ายกลก็ให้พวกเขาอาศัยความสามารถไปตามหาสมบัติหนักตระกูลเซียนที่แทนที่ของชิ้นนี้ได้กันเอาเองเถอะ แต่กับเจ้าจะต้องเกรงใจอะไร อีกอย่างปีนั้นหากไม่เป็นเพราะเจ้าไม่ยินดีรับของชิ้นนี้ไว้ แผ่นหยกก็ต้องเป็นของเจ้าไปนานแล้ว ของชิ้นนี้สำหรับข้าแล้วคือซี่โครงไก่ ปีนั้นเป็นสุ่ยเจิ้งของลำน้ำใหญ่กลับกลายเป็นว่าไม่เหมาะให้หลอมวัตถุชิ้นนี้ ก็เหมือนเสมียนปลายแถวของที่ว่าการในท้องถิ่นแห่งหนึ่งของวงการขุนนาง ไหนเลยจะกล้าเจ้ากี้เจ้าการไปสั่งการขุนนางใหญ่ในราชสำนักของเมืองหลวง”

เฉินผิงอันนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก็พลันถามว่า “เพียงแต่ว่ากายธรรมของ ‘จวิ้นชิง’ ต่อให้เจ้าหลอมไปแล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นปัญหามากกระมัง?”

หลี่หยวนเพียงยิ้มไม่เอ่ยอะไร

เฉินผิงอันเข้าใจได้ในทันที สิ่งศักดิ์สิทธิ์กรมน้ำแห่งสวรรค์ที่มีชื่อว่าจวิ้นชิงคนนี้ เมื่อหมื่นปีก่อนยังไม่ตายดับไป แต่คล้ายคลึงกับพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ ‘เชิญลงมา’ ที่ยังคงอยู่ภายใต้การบัญชาการณ์ของศาลบุ๋น ตามกฎที่หลี่เซิ่งกำหนดไว้ จึงแฝงกายอยู่เบื้องหลังเพื่อทำหน้าที่ควบคุมโชคชะตาน้ำของมหามรรคาส่วนหนึ่งต่อไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสุ่ยเจิ้งของลำน้ำหนึ่งในอดีตหรือหลงถิงโหวที่เลื่อนสู่ตำแหน่งสูงในทุกวันนี้ ก็ล้วนไม่เหมาะสม

นั่งลงในห้องโถงใหญ่ เผยเฉียนกับหมี่ลี่น้อยรู้งานคล่องแคล่ว จึงไปหิ้วถังน้ำกับผ้ามาช่วยกันปัดกวาดเช็ดฝุ่นที่นี่ให้สะอาดเรียบร้อยนานแล้ว

เฉินผิงอันเอ่ย “พวกเรานั่งอยู่ที่นี่กันแค่ครู่เดียวก็จะต้องจากไปแล้ว ดังนั้นมีเรื่องหนึ่งที่ยังอยากจะขอให้เจ้าช่วย”

หลี่หยวนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงเอ่ยว่า “เจ้าหมายถึงงานพิธีกรรมยันต์ทองยันต์หยกในเดือนสิบกระมัง? ก่อนหน้านี้เจ้าก็ให้เงินฝนธัญพืชข้ามาสองเหรียญไม่ใช่หรือ แล้วยังทิ้งสมุดเล่มที่บันทึกชื่อแซ่เอาไว้ด้วย ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ข้าทำตามที่เจ้าบอกอยู่ตลอด หากเป็นเรื่องนี้เจ้าก็ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้กลายเป็นกำหนดการแน่นอนในทุกปีของเกาะเป็ดน้ำไปแล้ว ทางฝั่งของสำนักมังกรน้ำเองก็ใส่ใจมาก ไม่มีทางกล้าละเลยแม้แต่น้อย”

วันที่สิบเดือนสิบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดินและเทพผีทั้งหลายล้วนอยู่ประจำตำแหน่ง คนธรรมดาในโลกมนุษย์จึงมักจะนำเสื้อผ้าฤดูหนาวมามอบให้กับผู้ล่วงลับ เซ่นไหว้บรรพชนที่จากไป ผู้ฝึกตนของสำนักมังกรน้ำยังตั้งใจตัดชุดกระดาษห้าสีออกมา แต่ละร้านยังแถมกระถางไฟใบเล็กไปให้ด้วยหนึ่งใบ แต่เรื่องของการเผากระดาษนี้กลับทำตามประเพณีดั้งเดิม นั่นคือเผาสองวันก่อนหลังวันที่สิบเดือนสิบ เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทั้งไม่รบกวนการพักผ่อนของผู้ล่วงลับ แล้วยังสามารถให้บรรพบุรุษของแต่ละตระกูลและพวกเทพผีทั้งหลายที่ผ่านทางมาได้ใช้ประโยชน์มากที่สุดด้วย

ต่อจากนั้นวันที่สิบห้าเดือนสิบก็จะเป็นพิธีกรรมขุนนางน้ำขจัดเคราะห์ ถือเป็นการปัดเป่าเคราะห์ภัยให้กับผู้ล่วงลับ ช่วยสั่งสมบุญกุศลให้กับคนที่จากไปแล้ว สำนักมังกรน้ำจัดพิธีการนี้ยิ่งใหญ่มากกว่า แน่นอนว่าต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากกว่า นอกจากผู้ฝึกตนบนภูเขาที่มาจากสถานที่ต่างๆ ของในหนึ่งทวีปแล้ว ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นพวกแม่ทัพอัครเสนาบดีของราชวงศ์อย่างราชวงศ์ต้าหยวนที่ถึงจะมาเข้าร่วมงานนี้ จะขอให้ยอดฝีมือของสำนักมังกรน้ำช่วยเขียนชื่อ ภูมิลำเนาของคนรู้จักหรือไม่ก็บรรพบุรุษที่จากไปแล้วลงบนกระดาษยันต์ ราชวงศ์ใหญ่บางแห่งที่มีทรัพย์สมบัติมาก ทุกครั้งที่สงครามสิ้นสุดลงก็จะให้ขุนนางชั้นสูงของกรมพิธีการเดินทางมาที่แห่งนี้เพื่อเซ่นไหว้เหล่าวีรชนทั้งหลาย ช่วยขอพร จุดธูปจุดตะเกียง สะสมบุญกุศลให้พวกเขาไว้สำหรับชาติหน้าโดยเฉพาะ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!