กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 816

ได้ยินว่าสตรีตรงหน้าชื่อหนิงเหยา ต่อให้ใต้หล้านี้จะมีคนที่แซ่เดียวชื่อเดียวกันอยู่ไม่น้อย แต่หลี่หยวนก็ไม่ได้โง่ อย่างน้อยที่สุดกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่เฉินผิงอันไปหาประสบการณ์ก็ไม่ได้มีหนิงเหยาสองคน

สองขาของหลี่หยวนสั่นสะท้าน ต้องรีบคว้าแขนของเฉินผิงอันเอาไว้ วิชาอภินิหารในการล้อมคอกเมื่อวัวหายของนายท่านสุ่ยเจิ้งแห่งลำน้ำใหญ่ในอดีตท่านนี้ เรียกได้ว่าสุดยอด เพราะว่าใจฝ่อจึงไม่กล้ามองหนิงเหยา หลี่หยวนจึงเพียงแค่เอ่ยกับเฉินผิงอันด้วยประโยคของคนที่โชคดีมาเยือนความฉลาดจึงบังเกิดว่า “เฉินผิงอัน พี่น้องส่วนพี่น้อง ความจริงส่วนความจริง เจ้าไม่คู่ควรกับเซียนกระบี่หนิงจริงๆ”

แม่นางหนิงสามารถเรียกได้ตามใจชอบหรือ? ต้องเรียกว่าเซียนกระบี่หนิง!

ส่วนเซียนกระบี่หนิงจะรับน้ำใจหรือไม่ หลี่หยวนไม่รู้ ไม่อยากคาดเดา แต่โชคดีที่เฉินผิงอันยังยิ้มอย่างอารมณ์ดีมาก รอยยิ้มจริงใจยิ่ง คงเพราะรู้สึกว่าประโยคที่หลี่หยวนเอ่ยมานี้ไม่ได้มีปัญหาใดๆ

หลี่หยวนจึงรู้สึกเหมือนได้กินยาสงบใจเข้าไป หันตัวกลับไปอย่างระมัดระวัง จัดระเบียบชุดวารีที่อยู่บนร่างให้เรียบร้อยแล้วประสานมือคารวะ “หลี่หยวนแห่งลำน้ำจี่ตู๋คารวะเซียนกระบี่หนิง”

หนิงเหยาทำมุทรากระบี่ด้วยมือข้างเดียวเป็นการคารวะกลับคืน เอ่ยว่า “หนิงเหยาแห่งนครบินทะยานคารวะหลี่โหวแห่งจี่ตู๋”

หลี่หยวนได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงถิงโหวแห่งลำน้ำใหญ่ เมื่อหลายปีก่อนก็ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากศาลบุ๋น คำว่าเลื่อนขั้นไปตามลำดับขั้นตอนของกงโหวอันดับหนึ่งบนภูเขาซึ่งคล้ายคลึงกับวงการขุนนางก็เป็นเช่นนี้เอง

ดังนั้นหนิงเหยาเรียกอีกฝ่ายว่าหลี่โหวก็ถือว่าเป็นการแสดงความให้เกียรติที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

รอยยิ้มเจิดจ้าเต็มใบหน้าของหลี่หยวนนั้นเป็นของจริง แต่ความเจ็บปวดหัวใจกลับจริงแท้แน่นอนยิ่งกว่า

เหตุใดภาพแห่งความมีเกียรตินี้ถึงไม่มีคนใช้คาถาเซียนมาคัดลอกเอาไว้นะ ไม่อย่างนั้นวันหน้าเขาก็คงสามารถเอาภาพวาดไปตั้งบูชาไว้ให้ดีๆ แขวนไว้ในห้องโถงใหญ่ของเรือนหลักที่ใช้รับรองแขกของจวนบ้านตน ใช้แทนกรอบป้ายหน้าโถงไปเลย

เกี่ยวกับเรื่องเล่าและข่าวลือของหนิงเหยา อันที่จริงมีทางแยกอยู่สายหนึ่ง ก่อนที่สงครามใหญ่ซึ่งหอบม้วนไปทั่วใต้หล้าไพศาลครั้งนั้นจะเกิดขึ้น คำพูดที่เกี่ยวกับหนิงเหยา หลักๆ แล้วมีเพียงเรื่องเดียว คำกล่าวถึงผู้มีพรสวรรค์ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่แห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วแบ่งออกเป็นแค่สามประเภท ตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นก่อกำเนิดได้ภายในหกสิบปีของกำแพงเมืองปราณกระบี่ โอสถทองร้อยปีแห่งใต้หล้าไพศาล ประเภทสุดท้าย แน่นอนว่าก็คือหนิงเหยาคนเดียว

รอกระทั่งใต้หล้าแห่งที่ห้าถูกบุกเบิกอีกทั้งยังเปิดประตูแล้ว ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของหนิงเหยากระโดดข้ามขั้นบันไดขั้นใหญ่ไปหลายขั้น อันที่จริงก่อนที่ศาลบุ๋นจะปิดประตูก็มีข่าวลือเล็กๆ บนภูเขาบางส่วนแพร่มายังไพศาล ยกตัวอย่างเช่นหนิงเหยาฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกันดุจผ่าลำไม้ไผ่ไปอย่างไม่มีข้อให้ต้องสงสัย ทำให้คนได้แต่มองตาไม่กะพริบ นี่หมายความว่าหนิงเหยาได้รับการยอมรับจากมหามรรคาของใต้หล้าแห่งนั้น เป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนบนยอดเขาของไพศาลแน่ใจกันมานานแล้วว่าผู้ฝึกกระบี่หญิงอ่อนเยาว์คนนี้จะต้องกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าแห่งนั้นในอนาคตอย่างแน่นอน

นี่ไม่ใช่คำว่ามีความหวังบนมหามรรคาอะไรเลย เพราะหนิงเหยาได้ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องเดินไปยังยอดบนสุดของมหามรรคา อีกทั้งในอนาคตช่วงเวลาที่ยาวนานมากช่วงหนึ่ง จุดที่สูงที่สุดบนภูเขาของใต้หล้าแห่งนั้นจะเป็นทัศนียภาพของนางเพียงคนเดียว ข้างกายไม่มีใครมายืนเคียงคู่

นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวบนภูเขาที่ลี้ลับอีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ใครกล้าสังหารหนิงเหยา ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นวันหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไปใต้หล้าห้าสีเลย จะต้องตายแน่นอน อีกทั้งยังจะตายอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกด้วย

หลี่หยวนเชื่อมั่นในชะตากรรมอย่างยิ่ง

หมี่ลี่น้อยแอบผ่อนลมหายใจโล่งอก ยังดีๆ วันนี้คนที่โผล่หน้ามาพร้อมเจ้าขุนเขาคนดีไม่ใช่สตรี นางได้ยินมาว่าหลิงหยวนกงของลำน้ำใหญ่คือสตรีที่งดงามคนหนึ่งเชียวนะ

แต่ดูเหมือนว่านอกจากป๋ายโส่วแห่งยอดเขาเพียนหรานแล้ว จะมีคนที่เรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับเจ้าขุนเขาคนดีเพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว

เผยเฉียนเอ่ยขอบคุณหลี่หยวนหนึ่งคำ เรื่องที่คราวก่อนเฉินหลิงจวินเดินลงน้ำ หลี่หยวนออกแรงไปมากที่สุด อีกทั้งมรสุมที่จวนเทพสายฟ้าภูเขาอิงเอ๋อร์แห่งนั้น หลงถิงโหวท่านนี้ก็แสดงความมีน้ำใจในยุทธภพอย่างเต็มที่ เฉินหลิงจวินกลับมาที่ภูเขาลั่วพั่วแล้วก็มักจะพร่ำพูดเรื่องนี้ให้หน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยฟังเป็นประจำ บอกว่าในเรื่องของการคบหาสหายนี้ ไม่ใช่ว่าเขาโม้จริงๆ นะ ต้องเรียกว่าสายตาของเขาดีเหมือนเบิกเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น

ใต้หล้านี้นอกจากนายท่านบ้านตนที่สามารถยึดครองอันดับหนึ่งบนกระดานได้อย่างสมเหตุสมผลแล้ว เขาเฉินหลิงจวินก็คืออันดับที่สอง จากนั้นจึงจะเป็นหน่วนซู่กับหมี่ลี่ที่สามารถอยู่อันดับสามด้วยกัน เพราะคนโง่ก็มีโชคของคนโง่ ถึงได้โชคดีรู้จักกับอันดับที่หนึ่งและอันดับที่สองอย่างไรล่ะ

ผลคือกลายเป็นว่าหมี่ลี่น้อยเอาเรื่องนี้ไปพูดอวดกับเผยเฉียน ถ้าอย่างนั้นจุดจบของนายท่านใหญ่จิ่งชิงจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องคิดก็รู้ได้

หนิงเหยาถาม “เกาะเป็ดน้ำแห่งนี้ สำนักมังกรน้ำเรียกราคาเท่าไร? กี่เหรียญเงินฝนธัญพืช?”

ถ้ำสวรรค์วังมังกรคือพื้นที่ยอดเยี่ยมในการฝึกตนแห่งหนึ่งที่คนของอุตรกุรุทวีปให้การยอมรับ สี่ฤดูกาลเหมือนวสันต์ฤดู ฤดูร้อนไม่ร้อนระอุ ฤดูหนาวไม่หนาวเหน็บ เพียงแค่มีฝนตกบ่อย คนที่ฝึกตนอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกผู้ฝึกตนเซียนดินที่ไม่ขาดเงินเทพเซียน อีกทั้งยังฝึกวิชาน้ำ ทุกครั้งที่ฝนตกลงมาก็จะใช้วัตถุแห่งชะตาชีวิตประเภทต่างๆ มารองน้ำฝนเก็บเข้าไปไว้ในฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์ อันที่จริงการฝึกตนบนภูเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้ นอกจากโชควาสนาแล้วก็ต้องอาศัยความค่อยเป็นค่อยไปที่ต้องสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ผู้ฝึกตนสองขอบเขตอย่างก่อกำเนิดและบินทะยานถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นตะพาบพันปีเต่าหมื่นปี พูดถึงแค่ขอบเขตบินทะยาน นอกจากจะไม่แตะต้องธุลีในโลกโลกีย์ หลบเลี่ยงทัณฑ์สวรรค์แล้ว ก็ยิ่งต้องการการพัฒนาในด้านการฝึกตนทีละเล็กทีละน้อยเพื่อนำมาเพิ่มโอกาสในการฝ่าทะลุคอขวด

บนเกาะนอกจากจวนตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่เจ้าของแต่ละรุ่นคอยดูแลซ่อมแซมอยู่ตลอดซึ่งเดิมทีก็มีมูลค่าเป็นเงินเทพเซียนไม่น้อยแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีซากปรักเซียนสี่แห่งอย่างบ่อโยนน้ำ ถ้ำหินภูเขาหย่งเล่อ ซากโรงเหล็กและป้ายศิลาองค์หญิงเซิงเซียน ตอนที่รอเฉินผิงอัน หนิงเหยาได้พาพวกเผยเฉียนไปเดินเล่นมาหมดแล้ว เผยเฉียนสนใจป้ายศิลาเซิงเซียนอย่างมาก หมี่ลี่น้อยชอบบ่อโยนน้ำที่โชคชะตาน้ำเข้มข้นอย่างมาก กำลังคิดว่าจะไปสร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ที่นั่น เด็กชายผมขาวก็พูดแล้วว่าถ้ำหินกับโรงเหล็กใครก็อย่าได้มาแย่ง ล้วนเป็นของมันหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันยังไม่ทันซื้อเกาะเป็ดน้ำ อาณาเขตก็ถูกแบ่งไปหมดสิ้นเรียบร้อยแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!