ชุยตงซานยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “อันที่จริงลืมบอกกับเจ้าไปว่า เรื่องที่ไม่บังเอิญที่สุดก็คือข้าค่อนข้างเชี่ยวชาญในการรับมือกับเทวบุตรมารนอกโลก ต่อสู้กับผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งอาจกินแรงอยู่บ้าง แต่เล่นงานเทวบุตรมารนอกโลกขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งกลับทำได้ง่าย”
ครู่หนึ่งต่อมาชุยตงซานก็ยกมือขึ้น สะบัดชายแขนเสื้อสีขาวหิมะ
เด็กชายผมขาวหน้าซีดขาวเล็กน้อย เม้มปากไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เมื่อครู่คนผู้นี้เปิดประตูห้องหัวใจเหมือนคนโง่ที่เป็นฝ่ายเปิดประตูต้อนรับแขก แต่นางกลับดันไม่เชื่อ จึงข้ามธรณีประตูเข้าไป ผลคือจิตวิญญาณถูกฉีกกระชากออกเป็นสามร้อยกว่าส่วนในเสี้ยววินาที แล้วถูกวางไว้บนกระดานหมากที่อยู่ระหว่างเมฆหลากสี กลายไปเป็นหมากแต่ละเม็ด
หมี่ลี่น้อยกระตุกชายแขนเสื้อของชุยตงซาน เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
แม่นางน้อยชุดดำไม่ได้พูดว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ
นางไม่รู้สึกว่าตัวเองสามารถชี้นิ้วสั่งชุยงตงซานได้ แต่นางก็เป็นกังวลจริงๆ ดังนั้นนางจึงทำเพียงเงยหน้าขึ้น เกาแก้ม หัวเราะฮ่าๆ สองที
ชุยตงซานคลี่ยิ้มอ่อนโยน ตบหัวหมี่ลี่น้อยเบาๆ “ไม่ต้องห่วง พวกเราแค่เล่นสนุกกันเท่านั้นเอง”
เด็กชายผมขาวเอ่ยด้วยเสียงในใจ “เจ้าก็คือซิ่วหู่?!”
ตอนที่อยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ บรรพบุรุษอิ่นกวานไม่เคยบอกว่าชุยฉานศิษย์พี่ของเขาได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว
และตอนที่อยู่บนเรือราตรี อู๋ซวงเจี้ยงก็ได้ช่วยนางเสริมความทรงจำส่วนหนึ่งมาเพิ่ม หนึ่งในนั้นก็คือคำวิจารณ์ที่มีต่อนักพรตของบ้านเกิดอย่างไพศาลที่เขายินดีมอบคำว่าวีรบุรุษผู้กล้าให้ มีเพียงสามคนเท่านั้น เจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว ชุยฉานราชครูต้าหลี
นอกจากนี้ยังมีโจวจื่ออีกหนึ่งคน
ชุยตงซานบ่นว่า “อยู่ดีๆ มาด่ากันทำไม”
ไม่ถูกสิ คนผู้นี้ไม่ใช่ชุยฉานทั้งหมด ถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่ชุยฉานเลย
แค่รู้สึกว่าภูเขาลั่วพั่วของบรรพบุรุษอิ่นกวานเต็มไปด้วยอันตรายรายล้อมจริงๆ ตนเป็นถึงขอบเขตบินทะยานผู้ยิ่งใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจเดินกร่างได้เลย
มันเหลือบตามองชายแขนเสื้อของชุยตงซานแล้วหัวเราะหยันว่า “ใช้ได้นี่นา กระจกโบราณส่องจิต ร่างกายและจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ชายแขนเสื้อมีทะเลบูรพา กาหยกรินเท หมายปล่อยดวงจันทร์หนึ่งดวง”
ชุยตงซานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตะวันและจันทรา ทิวาราตรีไม่หยุดพัก บนภูเขาใครเล่าจะเกียจคร้านเหมือนข้าผู้อาวุโส ไม่ยอมฝึกตนเป็นเทพเซียน”
เด็กชายผมขาวเอ่ยชื่นชม “กลอนดี กลอนดี สามารถเอามาผัดกับข้าวโต๊ะใหญ่ได้เลย หากว่าแต่งได้บทหนึ่งทุกวัน ครบหนึ่งปีจะไม่ประหยัดเงินไปมากมายเลยหรอกหรือ”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “วันหน้าหัดไปเรียนรู้จากเทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยให้ดีว่าควรจะพูดจาอย่างไร”
……
ในรัศมีแปดร้อยลี้ที่มียอดเขาอีเซี่ยนภูเขาบรรพบุรุษเป็นใจกลาง ล้วนเป็นภูเขาสายน้ำส่วนตัวของภูเขาตะวันเที่ยง
ยอดเขาอีเซี่ยนที่มีกลุ่มยอดเขาห้อมล้อมดุจดาวล้อมเดือนมีปราณกระบี่ตัดสลับถักทอ เกิดเป็นภาพบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจ มีผู้ฝึกกระบี่จับมือกันขี่กระบี่ไปมาอยู่เป็นระยะ มองดูอยู่ไกลๆ ก็คล้ายกับว่ามีลำแสงหิ่งห้อยที่ลากยาวอยู่กลางอากาศเส้นแล้วเส้นเล่า
การประชุมในศาลบรรพจารย์วันนี้ไม่มีเก้าอี้ว่างเปล่า เซียนกระบี่ทุกท่าน เค่อชิงผู้ถวายงานล้วนมาถึงกันหมดแล้ว
เจ้าสำนักจู๋หวง บรรพจารย์ขอบเขตหยกดิบ เซี่ยหย่วนชุ่ย เถาแยนโปบรรพบุรุษตระกูลเถาที่ดูแลเรื่องเงิน เยี่ยนฉู่บรรพจารย์ผู้คุมกฎของสำนัก หยวนเจินเย่ผู้ถวายงานปกป้องภูเขา
นอกจากนี้ตำแหน่งที่ค่อนไปทางด้านหน้าล้วนเป็นพวกเจ้าของยอดเขาอย่างยอดเขาอวิ๋นเฟิง
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังมีเถียนหว่าน ผู้ดูแลรายงานขุนเขาสายน้ำและบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ ส่วนเรื่องของการรวบรวมและคัดกรองรายงานข่าว นางแค่แขวนชื่อไว้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่แท้จริง
ตำแหน่งที่นั่งอยู่ท้ายสุดก็คือคนนอกอย่างหยวนป๋าย เจ้าของยอดเขาตุ้ยเซวี่ย ทุกครั้งที่เข้าร่วมการประชุมของศาลบรรพจารย์ หยวนป๋ายไม่เคยพูดอะไร มาเข้าร่วมการประชุมเพื่อให้ครบจำนวนคนยิ่งกว่าเถียนหว่านเสียอีก
ทว่าผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนนี้เคยเป็นหนึ่งในหยกคู่ของอดีตราชวงศ์จูอิ๋ง อีกคนหนึ่งทุกวันนี้ไปอยู่ที่ภูเขาฮุยเหมิงซึ่งเป็นภูเขาใต้อาณัติของภูเขาลั่วพั่ว ใช้นามแฝงว่าเส้าพอเซียน
ดูเหมือนว่าจุดจบของคนทั้งสองต่างก็ไม่ค่อยดี ล้วนต้องมาพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาคนอื่น
หยวนป๋ายเลื่อนจากเค่อชิงมาเป็นผู้ถวายงานได้ไม่นานเท่าไรก็พกกระบี่ลงจากภูเขา ไปถามกระบี่กับหวงเหอที่สวนลมฟ้าครั้งหนึ่ง สามารถถ่วงรั้งการฝ่าทะลุขอบเขตของฝ่ายหลังเอาไว้ได้ ทว่าผลสำเร็จบนวิถีกระบี่ของหยวนป๋ายกลับต้องเดินมาถึงปลายทางของทางหัวขาดแต่เพียงเท่านี้
ข้างกายหยวนป๋ายมีเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่งที่มีชีวิตพึ่งพากันและกันอยู่บนยอดเขาตุ้ยเซวี่ยเท่านั้น
เพียงแต่ว่าการประชุมในยอดเขาอีเซี่ยนครั้งนี้ ในศาลบรรพจารย์ได้มีคนหน้าใหม่เพิ่มมาสองคน คนหนึ่งคือผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่อายุยังน้อย คราวก่อนมีงานพิธีเปิดยอดเขาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ คนทั้งทวีปล้วนรับรู้
คนผู้นี้เกือบจะได้เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักกระบี่หลงเฉวียน แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หร่วนฉงถึงเป็นฝ่ายสละตัวอ่อนเซียนกระบี่คนนี้ทิ้ง
และยังมีอู๋ถีจิงที่อายุน้อยยิ่งกว่า สีหน้าเย็นชา ไม่ชอบยิ้มแย้มพูดคุย หลังจากนั่งลงแล้วก็เริ่มหลับตาทำสมาธิ ไม่ต่างจากหยวนป๋ายสักเท่าไร
เสียงในใจที่เอ่ยแสดงความยินดีกับเขา เขากลับคร้านจะสนใจ
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมีชื่อว่ายวนยาง นอกจากนี้แล้วว่ากันว่ายังมีกระบี่บินที่เก็บเป็นความลับไม่แพร่งพรายอยู่อีกเล่มหนึ่ง
ทุกวันนี้ทั่วทั้งบนและล่างภูเขาตะวันเที่ยงต่างก็กำลังลงแรงกันอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานพิธีการเฉลิมฉลองที่ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาอย่างหยวนเจินเย่จะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบ
เว่ยป้อแห่งภูเขาพีอวิ๋นคือซานจวินขุนเขาใหญ่คนแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีปที่ได้เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน
ส่วนผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยงคนนี้ก็กลายเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนแรกที่มีชาติกำเนิดมาจากภูต
และการประชุมในวันนี้ก็เพราะว่ามีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องมาเยือนสำนัก
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานทางฝั่งของสกุลเจียงอวิ๋นหลินได้ส่งข่าวดีที่ใหญ่เทียมฟ้าข่าวหนึ่งมาให้ การประชุมของศาลบุ๋นในครั้งนี้ก็ด้วยเรื่องที่ว่า เนื่องจากการพูดอย่างเป็นกลางของเจ้าประมุขตระกูล ขอแค่ราชวงศ์ต้าหลีพยักหน้าตอบตกลง และทางฝั่งของภูเขาตะวันเที่ยงยอมเอาผู้ฝึกกระบี่ออกมาห้าสิบคน ให้พวกเขาเดินทางไปยังเปลี่ยวร้าง เรื่องของสำนักเบื้องล่างก็จะผ่านการอนุมัติจากศาลบุ๋นไปได้
ในความเป็นจริงแล้วก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าสำนักจู๋หวงได้ฝ่าทะลุขอบเขต เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบอย่างเงียบเชียบ ทว่าจู๋หวงเพียงแค่ปรึกษาเรื่องนี้กับอาจารย์อาเซี่ยหย่วนชุ่ย เถาแยนโปเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่ ผู้ถวายงานหยวนและคนรู้ใจอย่างเถียนหว่านเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ความหมายของจู๋หวงก็คือขอให้ผ่านไปอีกสักสองสามปีค่อยปล่อยข่าวนี้ออกไป ถึงเวลานั้นค่อยจัดงานพิธีกันอีกครั้ง
เซี่ยหย่วนชุ่ยเอ่ยชมประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ไหว ศิษย์หลานช่างเก็บอารมณ์ได้ดีจริงๆ
ฝ่ายสุนัขรับใช้ที่เอาแต่ประจบสอพลอเจ้าสำนักอย่างเถียนหว่านก็ถึงกับเสนอว่าไม่สู้เรื่องดีมาเป็นคู่ จะได้จัดงานพิธีไปพร้อมกันได้พอดี
เถาแยนโปหัวเราะหยัน บอกว่าข้าที่เป็นดูแลเงินยังไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องประหยัดเงินก้อนนี้เลย เถียนหว่านเจ้าที่เป็นคนดูแลรายงานขุนเขาสายน้ำกลับรู้จักคิดแทนข้ามากนัก ทำไม หรือพวกเราสองคนมาแลกตำแหน่งกันนั่งดีไหมล่ะ?
ผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่หัวเราะดังลั่น บอกว่างานพิธีเฉลิมฉลองของภูเขาตะวันเที่ยงพวกเรามีขึ้นติดกันครั้งแล้วครั้งเล่า หลายปีมานี้จัดถี่เกินไปมากจริงๆ ทำให้พวกผู้ฝึกตนในทวีปมองกันตาไม่กะพริบ สหายบนภูเขาวิ่งกันจนขาแทบขวิดแล้ว คาดว่าคงเริ่มมีคนบ่นด้วยความไม่พอใจบ้างแล้ว หากหลี่ถวนจิ่งยังมีชีวิตอยู่บนโลกจะไม่โมโหจนจิตแห่งกระบี่แตกสลายคาที่เลยหรือ?
ได้ยินว่ามีหวังจะสร้างสำนักเบื้องล่าง นอกจากอู๋ถีจิงและหยวนป๋ายที่ยังคงไม่สะทกสะท้านแล้ว ทุกคนในศาลบรรพจารย์ต่างก็มีสีหน้ายินดีปลาบปลื้มกันไม่มากก็น้อย
ก่อนหน้านี้คำวิจารณ์เกี่ยวกับภูเขาตะวันเที่ยงในทวีปออกจะแย่ไปสักหน่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสำนักตัวอักษรจงเก่าแก่ทั้งหลายที่เอ่ยถ้อยคำไร้มารยาทต่อภูเขาตะวันเที่ยงไปไม่น้อย ในบรรดานั้นก็มีบรรพจารย์ฉินแห่งร่องต้าหนีของศาลลมหิมะที่พูดจาเหน็บแนมอย่างเปิดเผยอยู่หลายคำ ความหมายคร่าวๆ ก็คือภูเขาตะวันเที่ยงมีคุณูปการเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า อย่าว่าแต่สำนักเบื้องล่างแห่งหนึ่งเลย ต่อให้ก่อตั้งสำนักเบื้องล่างไปทั่วเก้าทวีปก็ยังเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว
เยี่ยนฉู่พูดกลั้วหัวเราะว่า “ตอนนี้เรื่องของสำนักเบื้องล่างเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ถ้าอย่างนั้นสำนักล่างล่างก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย ลองคิดดูได้นะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นบรรพจารย์ฉินจะยินดีขยับเท้าออกจากบ้านมาร่วมงานพิธีของพวกเราหรือไม่”
เถาแยนโปลูบหนวดยิ้มกล่าว “ถึงเวลานั้นข้าจะส่งเทียบเชิญไปยังร่องต้าหนีของศาลลมหิมะด้วยตัวเอง ฉบับหนึ่งไม่ได้ ก็ส่งไปเพิ่มอีกหลายๆ ฉบับ”
เหล่าเซียนกระบี่ผู้เฒ่าที่รวมถึงยอดเขาโปอวิ๋นเป็นหนึ่งในนั้นก็เคยอัดอั้นกับเรื่องนี้กันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเฒ่าคนแก่ของภูเขาตะวันเที่ยงเช่นพวกเขาที่เคยไปเยือนสนามรบของนครมังกรเฒ่า สนามรบของลำน้ำใหญ่ที่ทุ่มชีวิตออกกระบี่หลายครั้งอย่างแท้จริง
เนื้อหาการประชุมในวันนี้ยังมีการเปิดยอดเขาหลังจากที่อู๋ถีจิงเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตโอสถทองแล้ว จะเปิดยอดเขาลูกไหน นับแต่วันนี้ไปจะไปฝึกกระบี่อยู่ที่ใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!