กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 822

ตอนนี้ไม่มีผู้ฝึกกระบี่มาขวางทางหลิวเสี้ยนหยางชั่วคราว ตอนที่เดินขึ้นสู่ที่สูงเขาจึงหันไปมองระหว่างยอดเขาอีเซี่ยนและยอดเขาหม่านเยว่แวบหนึ่ง ยังคงมีเมฆขาวเป็นกลุ่มๆ ล่องลอยผ่านไปอย่างเอ้อระเหย เพียงแต่ว่านับจากวันนี้ไปบนโลกจะไม่มีสตรีคนหนึ่งที่ขี่กระบี่ทะยานเมฆ คนที่ใส่ชุดท่องราตรีสีดำสนิทเหมือนสีน้ำหมึกมาเอนหลังพิงต้นไม้เขียวชอุ่มเต็มภูเขาอีกต่อไปแล้ว การถามกระบี่ที่เป็นเช่นนี้ไม่อาจทำให้หลิวเสี้ยนหยางรู้สึกว่าน่าสนใจได้เลยจริงๆ

วันนี้หลิวเสี้ยนหยางขึ้นเขาถามกระบี่ไปสามครั้งติด ยอดเขาฉงจือ ยอดเขาอวี่เจี่ยว ยอดเขาหม่านเยว่ แต่ละแห่งต่างก็มีผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งมารับกระบี่

สุดท้ายหลิ่วอวี้พ่ายแพ้ถอยร่น อวี่หลิ่นที่สูงศักดิ์เป็นถึงเจ้ายอดเขาของยอดเขาอวี่เจี่ยวยังนอนหลับอยู่บนพื้น ไม่มีใครกล้าไปเก็บเขามา สุดท้ายผีสาวก่อกำเนิดที่เผยภาพบรรยากาศของหยกดิบ รู้แค่ว่านางเป็นเซียนกระบี่หญิงที่มาจากยอดเขาหม่านเยว่ แต่กลับไม่ได้บอกชื่อแซ่ นางก็ยิ่งกายดับมรรคาสลาย

ภูเขาเขียวรอคอยแสงจันทร์ทุกค่ำคืน เมฆขาวโน้มน้าวให้ดื่มของในกา

หลิวเสี้ยนหยางหยิบกาเหล้าขึ้นมาหนึ่งกา เดินขึ้นสู่ที่สูงพลางดื่มเหล้าไปด้วย

ในที่สุดก็เดินมาถึงเกือบๆ กึ่งกลางภูเขาของยอดเขาอีเซี่ยน ห่างจากหอถิงเจี้ยนอีกไกล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศาลบรรพจารย์บนยอดกระบี่เลย

แต่ดูจากท่าทางแล้ว กระบี่บินแจ้งข่าวที่เหมือนบุปผาผลิบานอยู่ในภูเขาก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นเฉินผิงอันที่ทำตามข้อตกลง ไปเลือกเก้าอี้ตัวหนึ่งที่นั่นแล้วกำลังนั่งดื่มชารอเขา

เจ้าเฉินผิงอันผู้นี้มีดีอยู่อย่างหนึ่ง นับตั้งแต่เด็กมาก็ไม่เคยพูดจาวางโต ในกระเป๋ามีเงินหนึ่งเหวินจะไม่พูดว่ามีสองเหวินเด็ดขาด พูดแล้วทำได้จริง

อันที่จริงหากไม่นับภูเขาเขียวของยอดเขาทั้งหลายที่ดูเหมือนว่าเจอคนไม่ดี ลงจากเรือโจรได้ยากแล้ว น้ำใสเมฆขาวนอกเหนือจากนี้ก็ไม่ควรมาอยู่ที่ภูเขาตะวันเที่ยงเลยจริงๆ

หลิวเสี้ยนหยางสบถด่าไปตลอดทาง โหวกเหวกว่าภูเขาตะวันเที่ยงรีบส่งตัวตะพาบเฒ่าที่ต่อสู้เป็นมาเสียที เลิกทำให้ข้านายท่านใหญ่หลิวสะอิดสะเอียนได้แล้ว แค่ให้สตรีกับลูกกระต่ายมารับกระบี่ จะนับเป็นเรื่องอะไรได้

หลิวเสี้ยนหยางร่ายรายชื่อออกมาเป็นพรวน ด่าตั้งแต่เจ้าสำนักจู๋หวง เซี่ยหย่วนชุ่ยแห่งยอดเขาหม่านเยว่ เถาแยนโปแห่งยอดเขาชิวลิ่ง เยี่ยนฉู่แห่งยอดเขาสุ่ยหลงครบไปแล้วคนละรอบ จากนั้นก็สำแดงให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมอันซื่อบริสุทธิ์ที่มีเฉพาะในบ้านเกิดของตน ถือโอกาสนี้ตั้งฉายาให้กับเซียนกระบี่ผู้เฒ่าอีกหลายคน หวงจู๋จื่อ ตงจิ้นลวี่ เถาปู้เตี้ยว เยี่ยนไหล หากเอามารวมกันก็จะได้ความหมายว่าต้นไผ่ในฤดูหนาวเป็นสีเขียวแซมเหลือง เมื่อมาเยือนแล้วย่อมหนีไม่พ้น พอดีเลย วันนี้ภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเจ้าสามารถจัดงานมงคลพร้อมกันได้เลย

จะว่าไปแล้วก็แปลก ภูเขาทั้งหลายอย่างยอดเขาหม่านเยว่ ภูเขาชิวลิ่งที่บรรพจารย์บ้านตนถูกด่าเสียจนไม่เหลือชิ้นดี พวกผู้ฝึกกระบี่โกรธเคืองคับแค้น แต่กลับไม่มีลางว่าจะออกจากภูเขามาออกกระบี่

กลับเป็นภูเขาที่สามารถวางตัวอยู่นอกเหนือเรื่องราวอย่างยอดเขาโปอวิ๋น ยอดเขาเพียนเซียนที่มีผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยหลายคนทยอยขี่กระบี่ออกมา มุ่งหน้ามายังยอดเขาอีเซี่ยน

ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องแพ้ หรืออาจถึงขั้นต้องตาย แต่พอได้รับการอนุญาตอย่างเป็นนัยจากบรรพจารย์ของตัวเอง หรือไม่ก็ได้รับการนำพาจากผู้ฝึกกระบี่เจ้ายอดเขา ก็ต้องไปพบหลิวเสี้ยนหยางเซียนกระบี่หนุ่มให้จงได้

ทางฝั่งของหอถิงเจี้ยน ก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ เจ้าสำนักจู๋หวงก็บอกว่ามีธุระให้ต้องไปที่ยอดกระบี่ แต่กลับไม่ได้บอกใครว่าไปทำอะไร ไปพบใคร

นี่ทำให้เซียนกระบี่ผู้เฒ่าสามคนซึ่งมีเซี่ยหย่วนชุ่ยเป็นหนึ่งในนั้นประหลาดใจเป็นทบทวี เพราะความคิดที่จู๋หวงเสนอแก่พวกเขา เมื่อเถียนโหยวเวิงผู้ถวายงานเบื้องหลังรบตายไปกะทันหัน แผนการยิ่งใหญ่อันดีงามก็กลายเป็นความว่างเปล่า เนื่องจากจิตวิญญาณของนางผสานรวมกับค่ายกลใหญ่พิทักษ์ภูเขาของยอดเขาอีเซี่ยนมานานแล้ว เดิมทีขอแค่ทางฝั่งของหอถิงเจี้ยนแห่งนี้บอกกล่าวแก่นาง ต่อให้นางจะตกเป็นรองหลิวเสี้ยนหยาง แต่ขอแค่โคจรค่ายกลใหญ่ สร้างความปั่นป่วนให้กับภาพบรรยากาศฟ้าดิน ช่วยปิดหูปิดตาผู้คน บรรพจารย์สามท่านในหอถิงเจี้ยนที่มีเซี่ยหย่วนชุ่ยเป็นหนึ่งในนั้นก็สามารถร่วมมือกันออกกระบี่ได้อย่างเงียบเชียบ สังหารหลิวเสี้ยนหยางได้โดยที่ผีไม่รู้เทพไม่เห็น

ตอนนั้นผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่รีบใช้เสียงในใจสอบถาม ในเมื่อมีเหตุเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต่อจากนี้ควรจะปล่อยกระบี่อย่างไร

แต่ดูเหมือนว่าจู๋หวงจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงกับบอกว่าให้พวกเขาลงมือไปตามสถานการณ์

เซี่ยหย่วนชุ่ยโมโหจนเกือบจะโยนภาระหน้าที่ทิ้งทันที ศิษย์หลานอย่างเจ้าเป็นเจ้าสำนักประสาอะไร คิดจะเป็นเถ้าแก่ที่สะบัดมือทิ้งร้านอย่างนั้นรึ?!

ทางฝั่งของหอถิงเจี้ยนนี้ ต่อให้จู๋หวงจะยิ้มบางๆ เอ่ยขออภัยแขกทุกคนที่มาร่วมงานพิธีหนึ่งประโยคแล้วก็พลิ้วกายจากไปทันที แต่กระนั้นก็ยังมีเซียนกระบี่ผู้เฒ่าสามท่านที่เป็นหยกดิบหนึ่งก่อกำเนิดสองเฝ้าพิทักษ์อยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นก็เป็นบรรพจารย์เซี่ยหย่วนชุ่ยที่ได้ครอบครองกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่ม เล่มหนึ่งมีชื่อว่าเยว่อวิ้น (รัศมีดวงจันทร์) อีกชื่อหนึ่งคือตี้ซ่างซวง (เกล็ดน้ำค้างแข็งบนพื้น)

กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตอีกเล่มหนึ่งก็ยิ่งมีพลังพิฆาตเลิศล้ำ สามารถสังหารคนได้อย่างไร้ร่องรอย มีชื่อว่า ‘ซางซิน’ (เสียใจ/ทำร้ายหัวใจ)

ในฐานะเทพเจ้าแห่งโชคลาภของภูเขาตะวันเที่ยง กระบี่พกของเถาแยนโปมีชื่อว่าอวี้โล่ว (นาฬิกาน้ำ) ได้มาจากซากปรักของแคว้นสู่โบราณแห่งหนึ่ง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมีชื่อว่าชิวโป

กระบี่บิน ‘ชิวโป’ (ริ้วน้ำในฤดูใบไม้ร่วง อุปมาถึงดวงตาของสาวงาม/ดวงตาหวาดหยาดเยิ้ม) แม้ชื่อจะฟังดูอ่อนหวาน แต่กลับมีวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตที่อำมหิตอย่างถึงที่สุด ปราณกระบี่เหมือนลมฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเยียบเย็น หากเข้าไปในร่างกายได้ ปราณกระบี่จะเฉียบคมยิ่ง ชำระล้างอวัยวะภายใน ทำให้ผู้ฝึกลมปราณที่ได้รับบาดเจ็บจากกระบี่บิน แค่ลองโคจรปราณวิญญาณเล็กน้อยในช่องโพรงลมปราณขนาดใหญ่แห่งต่างๆ ในฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์ ก็จะมีไอเย็นก่อกำเนิดขึ้นมาแล้วค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเหน็บหนาว สุดท้ายปราณวิญญาณในร่างจะจับตัวเป็นเหมือนน้ำแข็ง สร้างความเจ็บปวดราวหัวใจถูกคว้าน

กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่คือ ซานหมิง (เพลี้ยภูเขา)

แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีอู๋ถีจิงที่จะออกกระบี่อย่างลับๆ อยู่อีกคน ลูกศิษย์คนสุดท้ายของเจ้าสำนักจู๋หวงผู้นี้ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตคือยวนยาง สามารถทำร้ายจิตแห่งมรรคาของคนรักในใจของผู้ฝึกตนได้ก่อน จากนั้นค่อยหันมาทำลายจิตวิญญาณของตัวผู้ฝึกตนเอง เมื่อเทียบกับ ‘ซางซิน’ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเซี่ยหย่วนชุ่ยแล้วยังทำร้ายจิตใจคนได้มากกว่า เรียกได้ว่าเป็นวิชาอภินิหารที่ไร้เหตุผลน่าเหลือเชื่อที่สุด ดังนั้นในศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยง เซียนกระบี่จำนวนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ต่างก็เคยสอบถามจู๋หวงอย่างละเอียดเป็นการส่วนตัวว่า อะไรคือคนรักในใจ? จู๋หวงเองก็ไม่ปิดบัง ยิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่า ขอแค่บนเส้นทางของการฝึกตนเคยชอบใครจากใจจริงมาก่อน ก็ล้วนนับเป็นคนรักในใจได้ทั้งสิ้น

ส่วนกระบี่บินอีกเล่มหนึ่งของอู๋ถีจิงผู้เป็นลูกศิษย์ จู๋หวงกลับไม่เคยบอกชื่อกับใครมาก่อน

ดังนั้นขอแค่ซือถูเหวินอิงไม่แพ้ไปอย่างไร้ลางบอกเหตุเช่นนั้น ภูเขาตะวันเที่ยงก็สามารถทำให้หลิวเสี้ยนหยางตายไปโดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวได้เลย

วานรเฒ่าชุดขาวยกสองแขนกอดอก เหลือบตามองเซี่ยหย่วนชุ่ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง หัวเราะหยันเอ่ยว่า “เศษสวะที่มีแต่ตบะ ทว่าจิตแห่งกระบี่กลับเละเทะอย่างซือถูเหวินอิงผู้นี้ วันนี้ทำให้ยอดเขาหม่านเยว่ขายหน้าหมดสิ้นแล้ว โชคดีที่นางไม่ได้ฝึกตนอยู่ที่ยอดเขาอวี่เจี่ยว ไม่อย่างนั้นก็คงยึดคำกล่าวที่ว่าฟ้าร้องดังฝนตกเบาไปครองได้เลย”

อันที่จริงในใจของเซี่ยหย่วนชุ่ยเคียดแค้นลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนนั้นยิ่งกว่าหยวนเจินเย่เสียอีก อีกฝ่ายคือคนจำพวกทำเรื่องใดสำเร็จไม่ได้ แต่เรื่องที่ทำให้ขายหน้ากลับมีฝีมือเหลือเฝือจริงๆ เพียงแต่ว่าถูกหยวนเจินเย่สาดเกลือลงบนบาดแผล ราดน้ำมันลงบนกองไฟเช่นนี้ ทำเอาเซี่ยหย่วนชุ่ยโมโหจนเรียกชื่อผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาผู้นี้ออกมาตรงๆ “หยวนเจินเย่! อย่าได้คิดว่ามีคุณความชอบยิ่งใหญ่แล้วจะพูดจาเหลวไหลอย่างไรก็ได้ หากว่ากันจากประสบการณ์ในสำนัก เจ้ายังสู้ข้าไม่ได้!”

วานรเฒ่าชุดขาวกระตุกมุมปาก เอ่ยว่า “บนสมุดคุณความชอบไม่ได้ดูกันที่ประสบการณ์หรอกนะ”

เซียนกระบี่ผู้เฒ่าที่ดีแต่หลบอยู่ในภูเขาฝึกกระบี่แล้วฝึกกระบี่อีก นอกจากลำดับอาวุโสและขอบเขตแล้วยังจะเหลืออะไรได้อีก? ดังนั้นในสายตาของหยวนเจินเย่ อีกฝ่ายจึงสู้ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่ลงมือทำเรื่องเป็นการเป็นงานอย่างเถาแยนโป เยี่ยนฉู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!