กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 828

พอหลิวเสี้ยนหยางออกมาจากยอดเขาอีเซี่ยนก็ไปรวมตัวกับคนร่วมสำนักอย่างพวกต่งกู่ที่ศาลเทพภูเขาแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองแคว้นเล็กทางทิศเหนือ เซี่ยหลิงยิ้มเอ่ย “เพิ่งจะได้รับกระบี่บินส่งข่าวมาจากอาจารย์ บอกให้พวกเรารีบกลับไป อาจารย์จะรอพวกเราอยู่ที่ภูเขาเสินซิ่ว”

หลิวเสี้ยนหยางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลายปีมาแล้วที่ช่างหร่วนไม่ได้กลับภูเขาเสินซิ่ว ทำไมกัน น้ำเต้าตันผู้นี้แอบดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำเลยรู้สึกว่าคนที่เป็นอาจารย์ เวทกระบี่ถึงกับสู้ลูกศิษย์ไม่ได้ ช่างน่าขายหน้า โมโหกับการถามกระบี่ครั้งนี้เลยจะใช้กฎบ้านกับตนแล้ว?

หลังจากที่สกุลซ่งต้าหลีมอบอาณาเขตอันกว้างขวางของอดีตขุนเขากลางให้กับสำนักกระบี่หลงเฉวียน พวกเขาก็ทยอยย้ายกิจการไปอยู่ทางทิศเหนือ อันดับแรกก็เป็นสวีเสี่ยวเฉียว เซี่ยหลิงที่รับผิดชอบกิจธุระในการสร้างจวน ซ่อมแซมสถานที่ประกอบพิธีกรรมอยู่ที่นั่น ภายใต้การช่วยเหลือจากช่างของต้าหลี งานก่อสร้างใหญ่จึงเริ่มดำเนินการ แล้วยังต้องยุ่งอยู่กับการร่วมมือกับซานจวินภูเขาทายาทขุนเขาเหนือคนหนึ่งสร้างความมั่นคงให้กับรากภูเขาและโชคชะตาน้ำ ภายหลังหร่วนฉงก็เปิดเตาหลอมกระบี่อยู่ที่นั่นด้วย ต่งกู่ลูกศิษย์ใหญ่ที่เดิมทีเปิดยอดเขาสร้างจวนอยู่บนยอดเขาเหิงซั่วแล้วก็ได้พาลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักกระบี่หลายสิบคนออกมาจากภูเขาใหญ่ทางทิศคะวันตกในอาณาเขตของจังหวัดหลงโจว ไปฝึกกระบี่ฝึกตนยังที่ตั้งใหม่ของสำนักกระบี่ เป็นเหตุให้ภายหลังเหลือแค่หลิวเสี้ยนหยางคนเดียวที่อยู่เฝ้าร้านตีเหล็กริมลำคลองหลงซวีอย่างเดียวดาย

ตอนนี้ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสี่คนที่ลำดับอาวุโสสูงที่สุดของสำนักกระบี่หลงเฉวียน นอกจากหลิวเสี้ยนหยางที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบแล้ว ต่งกู่ศิษย์พี่ใหญ่คือผู้ฝึกลมปราณขอบเขตก่อกำเนิด สวีเสี่ยวเฉียวคือผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง เซี่ยหลิงเรียนรู้หลากหลาย เป็นทั้งผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิด แล้วก็เป็นทั้งอาจารย์ค่ายกลที่เก็บงำฝีมืออย่างลึกล้ำ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการหลอมยาอีกด้วย ก็ไม่แปลกที่หร่วนฉงจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับการรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดและลูกศิษย์ของลูกศิษย์เลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ว่ายินดีตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น ส่งตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่มีความสามารถมากพอจะเปิดยอดเขาได้อย่างพวกอวี่หลิ่น หลิ่วอวี้ออกไปนอกภูเขา เท่ากับว่ามอบเซียนดินโอสถทองให้คนอื่นไปเปล่าๆ แต่ไหนแต่ไรมาหร่วนฉงก็รับลูกศิษย์แบบนี้อยู่แล้ว

หากจะบอกว่าเมื่อก่อนยังมีคนรู้สึกว่าสำนักใหญ่สองแห่งที่มีกระบี่เป็นรากฐานเหมือนกัน ภูเขาตะวันเที่ยงสามารถเหยียบหัวสำนักกระบี่หลงเฉวียนได้สบายๆ แต่พอการถามกระบี่ครั้งนี้ของหลิวเสี้ยนหยางผ่านไป คาดว่าคงไม่มีใครรู้สึกว่าสำนักกระบี่หลงเฉวียนเป็นเพียงโครงว่างเปล่าที่มีเพียงเซี่ยหลิงเป็นผู้ประคับประคองอยู่คนเดียวอีกต่อไป

ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบก่อนอายุห้าสิบปี อย่าว่าแต่แจกันสมบัติทวีปเลย ไม่ว่าจะเอาไปวางไว้ในทวีปใดในใต้หล้าไพศาลก็ล้วนเป็นบุคคลที่มีน้อยจนนับนิ้วได้

แม่นางอวี๋ก็อยู่ด้วย นางเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ต่อให้ไม่พูดอะไรก็ยังมองแล้วสบายตาสบายใจ บุปผางดงาม ดวงจันทร์กลมโตเต็มดวง

เทพภูเขาของที่แห่งนี้ยืนอยู่ไกลๆ ตรงหน้าประตูศาล เห็นเซียนกระบี่หลิวเดินทางมาเยือน เทพภูเขาก็ก้มหัวค้อมเอว คลี่ยิ้มเจิดจ้า แต่ก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายทักทายก่อนเพราะไม่กล้ารบกวนเซียนกระบี่หนุ่มที่ตอนอยู่ภูเขาตะวันเที่ยงความห้าวเหิมพุ่งทะยานฟ้า

หลิวเสี้ยนหยางชูหมัดโบกสูง “รบกวนการฝึกตนอย่างสงบของนายท่านเทพภูเขาแล้ว”

เทพภูเขารีบกุมหมัดคารวะกลับคืน “มีเซียนก็ศักดิ์สิทธิ์ เทพน้อยช่างโชคดีนัก”

หลิวเสี้ยนหยางวิ่งไปทุบหลังนวดไหล่ให้ศิษย์พี่ใหญ่ต่งกู่ ยิ้มเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ต่งและยังมีศิษย์พี่หญิงสวี เจอกับอาจารย์แล้วพวกเจ้าต้องช่วยข้าพูดด้วยนะ ข้ามาเป็นแขกที่ภูเขาตะวันเที่ยงครั้งนี้ ข้ามแดนพิฆาตศัตรูไปตลอดทาง อันตรายรายล้อมอยู่รอบด้าน ได้รับบาดเจ็บไม่เบา ต่อให้ต้องทุ่มด้วยชีวิตก็ต้องให้สำนักกระบี่หลงเฉวียนของพวกเราได้มีหน้ามีตา หากขนาดนี้แล้วอาจารย์ยังด่าข้าก็ไร้มโนธรรมเกินไปแล้ว ไม่มีคุณธรรมของคนเป็นอาจารย์เอาเสียเลย ถึงเวลานั้นหากโทสะอัดอั้นในอกข้าแล้วทำร้ายไปถึงรากฐานมหามรรคา หลังจบเรื่องอาจารย์ก็ห้ามแอบไปร้องไห้เด็ดขาด”

ต่งกู่พยักหน้า “ไม่มีปัญหา อันที่จริงอาจารย์ไม่ชอบขี้หน้าภูเขาตะวันเที่ยงก็ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดปีสองปีแล้ว”

แต่สวีเสี่ยวเฉียวกลับเป็นคนที่มีนิสัยดึงดันทึ่มทื่อ ไม่เข้าใจเรื่องราวในโลกหรือนิสัยใจคอของใคร “ข้าสามารถพูดโน้มน้าวเขาได้คำสองคำ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอาจารย์”

หลิวเสี้ยนหยางหันหน้ามายิ้มเอ่ย “แม่นางอวี๋ ครั้งนี้ข้าถามกระบี่ ฝีมือพอใช้ได้กระมัง?”

อวี๋เยว่พยักหน้า “พอใช้ได้”

หลิวเสี้ยนหยางอึ้งงันไปทันที

เซี่ยหลิงอดไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา ของสิ่งหนึ่งมักข่มอีกสิ่งหนึ่งได้เสมอ นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เซี่ยหลิงก็พลันเอ่ยว่า “จำได้ว่าปีนั้นอาจารย์เคยบอกว่าขอแค่ใครได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยก คนผู้นั้นก็สามารถเป็นเจ้าสำนักคนถัดไปได้”

หลิวเสี้ยนหยางขมวดคิ้ว “ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้”

ต่งกู่พยักหน้า “อาจารย์เคยพูดเรื่องนี้จริง แต่ตอนนั้นศิษย์น้องหลิวยังไปศึกษาอยู่ที่ทักษินาตยทวีป”

หลิวเสี้ยนหยางถามอย่างสงสัย “เซี่ยหลิง เจ้าแอบเลื่อนเป็นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบแล้วหรือ?”

เซี่ยหลิงส่ายหน้า “ยังเสียหน่อย คอขวดก่อกำเนิดยากจะฝ่าไปได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาขัดเกลาอีกสิบปี”

หลิวเสี้ยนหยางลูบคลึงปลายคาง “หากต้องอาศัยข้า ช่างหร่วนก็ต้องจุดธูปขอพรพระมามากแค่ไหนถึงสามารถรับลูกศิษย์ผู้เป็นความภาคภูมิใจที่สร้างหน้าตาบารมีให้กับสำนักอย่างข้ามาได้”

หลิวเสี้ยนหยางเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หากครั้งนี้อาจารย์กลับภูเขาเสินซิ่วเพราะคิดจะพูดเรื่องนี้กับพวกเรา ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงได้แต่แบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ไว้แล้ว”

เจ้าเด็กเฉินผิงอันนั่นยังเป็นเจ้าสำนักแล้วเลย ตนก็ไม่มีเหตุผลให้เป็นไม่ได้

เซอเยว่ถาม “ตอนอยู่บนยอดกระบี่ เจ้าดื่มเหล้าไปมากแค่ไหน?”

หลิวเสี้ยนหยางกลอกตามองบน “มีแต่เหล้าปลอมทั้งนั้น”

สำหรับเรื่องที่หลิวเสี้ยนหยางเป็นฝ่ายเรียกร้องอยากเป็นเจ้าสำนักด้วยตัวเอง ต่งกู่รู้สึกโล่งอกอย่างมาก สวีเสี่ยวเฉียวเองก็ยอมรับทั้งปากและใจ เซี่ยหลิงไม่คิดมากเลยแม้แต่น้อย แค่รู้สึกว่าเป็นเรื่องดี นอกจากหลิวเสี้ยนหยางแล้ว เซี่ยหลิงก็ไม่รู้สึกจริงๆ ว่าศิษย์พี่ชายหญิงสองคนจะเป็นเจ้าสำนักคนที่สองของสำนักกระบี่หลงเฉวียนได้ ศิษย์พี่ชายหญิงสองคนนี้ ไม่ว่าใครที่มาเป็นเจ้าสำนักล้วนยากที่จะสยบผู้คนได้ และจะกลายเป็นภัยแฝงที่ใหญ่มาก แค่หากศิษย์พี่ต่งกู่ที่ความอดทนดีเยี่ยมมารับหน้าที่ดูแลคลังสมบัติ ศิษย์พี่หญิงสวีที่เป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมามารับหน้าที่ผู้คุมกฎของสำนัก ล้วนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว อาจารย์ก็จะสามารถหันไปหลอมกระบี่อย่างวางใจได้แล้ว ส่วนตนก็ยิ่งสามารถตั้งใจฝึกตน เดินขึ้นสู่ที่สูงไปทีละก้าว พิสูจน์มรรคาเป็นอมตะ สุดท้าย…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!