กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 828

ห​ร่วน​ฉงหันหน้า​ไป​มอง​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​รีบ​คีบ​อาหาร​ให้​อาจารย์​ทันที​ “ฝีมือ​ทำอาหาร​ของ​อาจารย์​เห็นได้ชัด​ว่า​ได้​นำ​ศาสตร์​การหลอม​กระบี่​มาใช้ ฝีมือ​ถึงได้​เชี่ยวชาญ​เพียงนี้​!”

เซอ​เย​ว่​เริ่ม​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เหตุใด​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​ไม่ยี่หระ​สิ่งใด​ถึงได้​มีคน​ชอบ​มากมาย​ขนาด​นี้​ เพราะ​อริยะ​ห​ร่วน​สำนัก​การทหาร​ผู้​นี้​ค่อนข้างจะ​คร่ำครึ​หัวโบราณ​ ต่ง​กู่​ลูกศิษย์​ใหญ่​ก็​เอาอย่าง​ เคารพ​อาจารย์​มากเกินไป​ เป็นเหตุให้​วางตัว​ระมัดระวัง​สำรวม​เกิน​กว่า​เหตุ​ ส่วน​สวี​เสี่ยว​เฉียว​นั้น​มีนิสัย​เงียบขรึม​ ไม่ชอบ​พูดคุย​ เซี่ยห​ลิง​มีกลิ่นอาย​เซียน​ล่องลอย​เกินไป​ อยู่​ห่าง​จาก​ฝุ่นธุลี​ใน​โลกีย์​ ไม่ชอบ​ยุ่ง​เกี่ยวกับ​กิจธุระ​ทั้งหลาย​ หาก​ไม่มีหลิว​เสี้ยน​หยาง​ คาด​ว่า​อาหาร​มื้อ​นี้​ทุกคน​คง​กินกัน​อย่าง​เงียบเชียบ​ กิน​เสร็จ​ก็​แยกย้าย​กัน​ไป​

ห​ร่วน​ฉงเอ่ย​ต่อว่า​ “วันหน้า​ต่ง​กู่​ดูแล​เรื่อง​รายรับ​รายจ่าย​ของ​คลังสมบัติ​ สวี​เสี่ยว​เฉียว​รับผิดชอบ​ดูแล​กฎ​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​ เซี่ยห​ลิง​ชอบ​ฝึก​ตน​ หาก​ยินดี​แบ่ง​ความสนใจ​ออกมา​ก็​สามารถ​รับ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​เพิ่ม​หลาย​ๆ คน​ได้​ ลูกศิษย์​ของ​ลูกศิษย์​บน​ภูเขา​มีน้อย​ไป​สักหน่อย​ เป็นเหตุให้​เรื่อง​ที่​วันหน้า​ควรจะ​ไปมาหาสู่​กับ​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​และ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​อย่างไร​ พวก​เจ้าก็​ต้อง​ปรึกษา​กันเอา​เอง​แล้ว​ แล้วก็​ไม่ใช่ว่า​หลิว​เสี้ยน​หยาง​เป็น​เจ้าสำนัก​แล้วก็​จำเป็นต้อง​แบกรับ​เรื่อง​นี้​เพียงลำพัง​”

พูดคุย​แค่​ไม่กี่​คำ​ ห​ร่วน​ฉงก็​คุย​เรื่องใหญ่​ใน​สำนัก​เสร็จ​รวดเดียว​

ห​ร่วน​ฉงหยิบ​ตะเกียบ​ขึ้น​มา เอ่ย​ว่า​ “กินข้าว​”

ออกคำสั่ง​เสร็จ​ ทุกคน​ก็​ก้มหน้าก้มตา​กินข้าว​

นอกจาก​คำพูด​ชวน​ตลกขบขัน​ของ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​พูดแทรก​มาเป็นระยะ​แล้ว​ บน​โต๊ะ​ก็​ไม่มีคำพูด​ใดๆ​ อีก​ เซอ​เย​ว่​รู้สึก​เลื่อมใส​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ใน​จุด​นี้​มาก​นัก​ ไม่ว่า​จะพูด​อะไร​หรือ​ทำ​อะไร​ล้วน​ไม่เคย​อึดอัด​ขัดเขิน​

ห​ร่วน​ฉงเป็น​คน​แรก​ที่​กิน​อิ่ม​ วาง​ตะเกียบ​ลง​ ก่อน​จะลุกขึ้น​ยืน​ได้​เอ่ย​ว่า​ “เสี้ยน​หยาง​ นับแต่​วันนี้​ไป​เจ้าก็​คือ​เจ้าสำนัก​แล้ว​ ดังนั้น​ไม่ต้อง​บอกกล่าว​กับ​ข้า​ทุก​เรื่อง​ วันหน้า​ข้า​จะสนใจ​แค่​เรื่อง​หลอม​กระบี่​อย่าง​เดียว​แล้ว​”

จากนั้น​จึงหันไป​มอง​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​อีก​สามคน​ที่​เหลือ​ ห​ร่วน​ฉงเอ่ย​อย่าง​เรียบ​เฉย​ว่า​ “ไม่ว่า​จะรับหน้าที่​อะไร​ใน​สำนัก​ เป็น​สหาย​ร่วม​สำนัก​ก็​ควร​มีท่าที​ของ​สหาย​ร่วม​สำนัก​ ความเคยชิน​ที่​สกปรก​บางอย่าง​ตอน​อยู่​ข้างนอก​ วันหน้า​อย่า​ได้​พา​ขึ้น​มาบน​ภูเขา​ด้วย​”

พูด​จบ​ห​ร่วน​ฉงก็​เดิน​ออก​นอก​ห้อง​ ทะยาน​ลม​จากไป​

พอ​ห​ร่วน​ฉงจากไป​ ต่ง​กู่​และ​สวี​เสี่ยว​เฉียว​ก็​มีการ​พูดคุย​กัน​บ้าง​ กลับ​กลายเป็น​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​เริ่ม​เคี้ยว​อาหาร​อย่าง​ละเอียด​ ไม่พูดคุย​อะไร​แล้ว​

กิน​อาหาร​มื้อ​นี้​เสร็จ​ สวี​เสี่ยว​เฉียว​ก็​รับหน้า​ที่เก็บ​จานชาม​และ​ตะเกียบ​ เซอ​เย​ว่​ก็​ช่วยด้วย​ สวี​เสี่ยว​เฉียว​มีความประทับใจ​ที่​ดีเยี่ยม​ต่อ​แม่นา​งอ​วี๋คน​นี้​

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ยก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ คาบ​ไม้จิ้มฟัน​ทำท่า​เหมือน​นาย​ท่าน​ใหญ่​ รอ​กระทั่ง​แม่นาง​สอง​คน​ไป​ที่​ห้องครัว​แล้วก็​เอา​นิ้ว​เคาะ​ผิว​โต๊ะ​เบา​ๆ พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เต็มไปด้วย​ความปรารถนาดี​ “เหล่า​ต่ง​อ่า​ เสี่ยว​เซี่ย​อ่า​ พวก​เจ้าสอง​คน​ต่าง​ก็​อายุ​ไม่น้อย​กัน​แล้ว​ เริ่ม​หา​ภรรยา​กัน​ได้​แล้ว​นะ​ ไม่อย่างนั้น​เจ้าสำนัก​อย่าง​ข้า​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​พวก​คนโสด​กลุ่ม​ใหญ่​อยู่​ทุกวัน​ คง​ต้อง​ละอายใจ​อย่าง​มาก​ ใน​ใจรู้สึก​ไม่ใคร่​จะดี​”

เซี่ยห​ลิง​ยิ้ม​เอ่ย​ “ศิษย์​พี่​ต่ง​ หาก​รู้​แต่แรก​ว่า​พอ​คน​บางคน​ได้​เป็น​เจ้าสำนัก​แล้​วจะ​ทำตัว​ทุเรศ​แบบนี้​ ท่าน​ก็​น่าจะ​ช่วง​ชิงตำแหน่ง​เจ้าสำนัก​มาบ้าง​นะ​? หรือไม่​พวกเรา​สอง​คน​เปลี่ยนใจ​ไป​ขอร้อง​อาจารย์​ดี​ไหม​? เดี๋ยว​ข้า​ช่วย​พูด​โน้มน้าว​ศิษย์​พี่​สวี​เอง​ ท่าน​รับผิดชอบ​ไป​ตอแย​อาจารย์​ ถึงเวลา​นั้น​คิด​จะเปลี่ยน​เจ้าสำนัก​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็นเรื่อง​ของ​ข้าว​มื้อ​เดียว​เท่านั้น​”

ต่ง​กู่​พยักหน้า​ “ใน​ใจรู้สึก​ไม่ใคร่​จะดี​อยู่​บ้าง​จริงๆ​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ร้อง​เพ้ย​ “พวก​เจ้าสอง​คน​เนี่ย​นะ​คิด​จะไป​ก่อ​คลื่น​ลมมรสุม​กับ​ช่างห​ร่วน​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ลูบ​เส้น​ผม​ตรง​จอนหู​ “อีก​อย่าง​ จะเล่า​ความลับ​ให้​พวก​เจ้าฟัง สายตา​ที่​ศิษย์​พี่​หญิง​สวี​มอง​ข้า​ ไม่ปกติ​มาตั้ง​นาน​แล้ว​”

สวี​เสี่ยว​เฉียว​ที่อยู่​ใน​ห้องครัว​ อยู่ดีไม่ว่าดี​ก็​เจอ​หายนะ​ที่มา​เยือน​โดย​ไม่คาดฝัน​เช่นนี้​จึงอับอาย​จน​พาน​เป็น​ความโกรธ​ “หลิว​เสี้ยน​หยาง​ เจ้าอยาก​ตาย​หรือ​?! ต่อให้​ปากไม่มีหูรูด​ ชอบ​พูดจา​เหลวไหล​แค่​ไหน​ก็​น่าจะ​มีขอบเขต​บ้าง​สิ! เชื่อ​หรือไม่​ว่า​ข้า​จะฉีก​ปาก​เจ้าให้​เละ​เลย​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​พูด​ด้วย​สีหน้า​ไร้เดียงสา​ “ข้า​บอ​กว่า​สายตา​ที่​ศิษย์​พี่​มอง​ศิษย์​น้อง​เหมือน​พี่สาว​แท้ๆ​ มอง​น้องชาย​แท้ๆ​ ที่​พลัด​พรากจากกัน​ไป​นาน​แล้ว​ได้​กลับมา​เจอกัน​อีกครั้ง​ ช่างมีเมตตา​ช่างอ่อนโยน​ยิ่งนัก​ ทำให้​ใน​ใจข้า​อบอุ่น​เหลือเกิน​ นี่​ก็​ผิด​ด้วย​หรือ​?”

เซอ​เย​ว่​กระตุก​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​สวี​เสี่ยว​เฉียว​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “อย่า​ไป​สนใจ​เขา​เลย​ เขา​เอาแต่​ฝัน​อยู่​ทุกวัน​ สมอง​เลย​ไม่ค่อย​เต็มเต็ง​เท่าไร​”

สวี​เสี่ยว​เฉียว​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​อย่าง​ฉุนๆ​ “ไม่ถือสา​เขา​แล้ว​ วันหน้า​แม่นา​งอ​วี๋​เจ้าก็​ควบคุม​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ให้​มาก​หน่อย​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​เขา​ทำตัว​ไร้​แก่นสาร​ เป็น​อันธพาล​ เอ้อระเหย​ลอยชาย​ไป​วัน​ๆ”

เซอ​เย​ว่​รู้สึก​อัดอั้น​เล็กน้อย​ เหตุใด​แม่นาง​คน​นี้​ถึงไม่รู้จัก​พูด​บ้าง​เลย​นะ​ ตัว​คน​ไม่เลว​ แต่​ตาไม่มีแวว​ไป​สักหน่อย​

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ลุกขึ้น​ยืน​ “ข้า​ต้อง​ไป​ภูเขา​พี​อวิ๋น​สัก​รอบ​ ใช้สถานะ​ของ​เจ้าสำนัก​ไป​พูดคุย​ธุระ​บางอย่าง​ พวก​เจ้าทำ​ธุระ​ของ​ตัวเอง​กัน​ไป​เถอะ​”

กล่าว​จบ​ก็​ตบ​ไหล่​เซี่ยห​ลิง​ “เสี่ยว​เซี่ย​ ตั้งใจ​ฝึก​ตน​นะ​ อย่า​อารมณ์ร้อน​ อย่า​หยิ่งยโส​”

เซี่ยห​ลิง​กุม​หมัด​ยิ้ม​กล่าว​ “จะเชื่อฟัง​เจ้าสำนัก​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ยัง​ติดใจ​ไม่เลิก​จึงทำ​ท่าจะ​ไป​ตบ​ไหล่​ศิษย์​พี่ใหญ่​แล้ว​เอ่ย​สั่งสอน​สัก​สอง​สามประโยค​ด้วย​ ต่ง​กู่​กลับ​โบก​มือขึ้น​มาซะก่อน​ “ให้​มัน​น้อย​ๆ หน่อย​เถอะ​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​หัวเราะ​ร่า​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ไป​ ถามว่า​ “แม่นา​งอ​วี๋​ พวกเรา​ลง​เขา​ไป​ด้วยกัน​ไหม​?”

เซอ​เย​ว่​ส่ายหน้า​ “ไม่ล่ะ​ ข้า​ต้อง​กลับ​ไป​ที่​ร้าน​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​จึงไป​เยือน​ภูเขา​พี​อวิ๋น​เพียงลำพัง​ พูดคุย​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​เว่ย​ป้อ​

เว่ย​ป้อ​อึ้ง​ตะลึง​ นี่​เป็น​เรื่องใหญ่​มาก​ เขา​จึงทั้ง​ไม่ส่ายหน้า​แล้วก็​ไม่ตอบ​ตกลง​ ได้​แต่​ถามว่า​ “นี่​คือ​ความหมาย​ของ​อริยะ​ห​ร่วน​เอง​หรือ​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​ตบ​อก​ พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ดังลั่น​ “ซาน​จวิน​ใหญ่​เว่ย​เจ้าอย่า​สนใจ​เลย​ ถึงอย่างไร​สำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​ใน​ทุกวันนี้​ ข้า​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ก็​เป็น​คน​ที่​มีสิทธิ์​ตัดสินใจ​แล้ว​”

เว่ย​ป้อ​ถามอย่าง​คลางแคลง​ “หมายความว่า​อย่างไร​?”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ตอนนี้​ข้า​คือ​เจ้าสำนัก​คน​ใหม่​แล้ว​ ข้า​ยัง​ตัดสินใจ​เอง​ไม่ได้​อีก​หรือ​?”

เว่ย​ป้อ​นิ่ง​คิด​ไป​พัก​หนึ่ง​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​หุบ​ยิ้ม​ พยักหน้า​ เว่ย​ป้อ​ถอนหายใจ​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เข้าใจ​แล้ว​ จะจัดการ​ให้​ทันที​ ทาง​ฝั่งของ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ ข้า​จะช่วย​อธิบาย​ให้​เอง​”

หลิว​เสี้ยน​หยาง​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “สหาย​อย่าง​เว่ย​ซาน​จวิน​ ต่อให้​จุด​โคม​ตามหา​ก็​ยาก​ที่จะ​หา​เจอ​”

วันนี้​กลุ่ม​ยอดเขา​ที่อยู่​ใน​แถบ​ภูเขาใหญ่​ทิศตะวันตก​ของ​สำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​ นอกจาก​ภูเขา​สามลูก​ที่​เช่ามาจาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​ยังอยู่​ที่​เดิม​แล้ว​ ภูเขา​ลูก​อื่นๆ​ ซึ่งรวมถึง​ภูเขา​เสิน​ซิ่ว​ล้วน​ถูก​เว่ย​ป้อ​ซาน​จวิน​ขุนเขา​เหนือ​ที่​เรียก​รวม​เหล่า​เทพ​ภูเขา​ของ​ภูเขา​ทายาท​ ให้​มาร่วมกัน​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​เคลื่อนย้าย​ไป​ยัง​อาณาเขต​ของ​อดีต​ขุนเขา​กลาง​จน​หมด​

นับแต่​วันนี้​เป็นต้นไป​ ใน​อาณาเขต​ของ​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูเก่า​ก็​จะไม่มีสำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​อะไร​อีกแล้ว​ วันหน้า​จะเหลือ​แค่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​เป็น​สำนัก​อักษร​จงเพียง​แห่ง​เดียว​

ตอนที่​เว่ย​ป้อ​กำลัง​ง่วน​วุ่นวาย​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​ก็​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​ยอดเขา​พี​อวิ๋น​ตลอดเวลา​ สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ คีบ​ต้น​หญ้า​ไว้​ใน​ปาก​

อันที่จริง​นี่​ก็​คือ​ความต้องการ​ของ​ห​ร่วน​ฉงผู้​เป็น​อาจารย์​ เพียงแต่​เขา​ไม่เอ่ย​ออกมา​ก็​เท่านั้น​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!