กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 833

ไม่รอ​ให้​ซ่งซวี่​ตอบคำถาม​ แม่นาง​น้อย​ก็​เอ่ย​ขึ้น​มาอย่าง​โผงผาง​ว่า​ “อย่า​คิดมาก​ ถึงอย่างไร​เจ้าก็​ไม่มีชะตา​ได้​เป็น​ฮ่องเต้​ ตอนนี้​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​โอสถ​ทอง​แล้ว​ อนาคต​บน​ภูเขา​ยาว​ไกล​ จะเดิน​กลับ​ไป​ทาง​เดิม​ทำไม​ มีแต่​คนโง่​เท่านั้น​ที่​ถึงจะทำ​เช่นนั้น​ วันหน้า​ไม่แน่​ว่า​เจอ​กับ​ลูกชาย​ของ​พี่ใหญ่​เจ้า ฝ่าย​หลัง​อาจ​ผม​ขาวโพลน​กลายเป็น​คนแก่​ไป​แล้ว​ แต่​พอ​เขา​เจอ​เจ้ากลับ​ต้อง​เรียก​เจ้าว่า​เสด็จ​อา​ ฮ่าๆ ‘เด็ก​รุ่นหลัง​น่ากลัว​’ นี่​นะ​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ตั้งใจ​ฝึก​ตน​ให้​ดี​ไป​ ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​ทุกวัน​ย่อ​มดี​ยิ่งกว่า​อะไร​ทั้งหมด​”

ซ่งซวี่​หลุด​หัวเราะ​อย่า​งอด​ไม่ได้​ “ใช่แล้ว​ๆ ได้รับ​ถ้อยคำ​ด้วย​ความหวังดี​เปี่ยม​ไป​ด้วย​เหตุผล​ที่​ดี​ก็​สามารถ​กลาย​ไป​เป็น​คนมีเงิน​ได้​แล้ว​”

อวี๋อวี๋​สะอึก​อึ้ง​อยู่​บ้าง​ เอ่ย​อย่าง​อับอาย​ที่​พาน​เป็น​ความโกรธ​ว่า​ “อย่า​พูดจา​เลียนแบบ​เจ้าหมอ​นั่นสิ​ ไม่อย่างนั้น​กู​ไห​น่​ไน​จะโมโห​แล้ว​นะ​”

ซ่งซวี่​ที่​แต่ไหนแต่ไร​มาหาก​นั่ง​ก็​มีท่าที​ของ​การ​นั่ง​ ยืน​ก็​มีสง่าของ​การ​ยืน​พลัน​ทิ้งตัว​นอน​หงายหลัง​ ยื่นมือ​ออกมา​ข้าง​หนึ่ง​ “เอา​เหล้า​มา ต้อง​เป็น​เหล้า​หมัก​ตระกูล​เซียน​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​ด้วย​”

อวี๋อวี๋​หัวเราะ​แห้ง​ๆ “ข้า​หรือ​จะซื้อ​สุรา​ที่​ราคาแพง​จน​ไร้​ขื่อ​ไร้​แป​นั่น​ไหว​ ก่อนหน้านี้​ก็​แค่​พูดจา​เหลวไหล​กับ​เฟิงอี๋​ไป​อย่างนั้น​เอง​”

ภิกษุ​น้อย​ท่อ​งอ​มิตา​พุทธ​หนึ่ง​คำ​ “ใน​วัตถุ​ฟางชุ่น​ขอ​งอ​วี๋อวี๋​ยังมี​เก็บ​ไว้​เจ็ด​แปด​ไห​”

อวี๋อวี๋​สบถ​ด่า​ “เจ้าโล้น​น้อย​!”

ภิกษุ​น้อย​ลูบคลำ​ศีรษะ​ที่​โล้น​เตียน​ของ​ตัวเอง​ อยู่ดีๆ​ ก็​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​ “เมื่อไหร่​กัน​นะ​ที่​เณร​น้อย​จะหวี​เส้น​ผม​แห่ง​ความ​กลัดกลุ้ม​รำคาญใจ​ได้​ครบ​หนึ่ง​ร้อยแปด​เส้น​”

อวี๋อวี๋​อึ้ง​ตะลึง​ คง​เพราะ​รู้สึก​ว่า​ภิกษุ​น้อย​กำลัง​คิด​เรื่อง​จริงจัง​จริงๆ​ จึงยอม​ปล่อย​เขา​ไป​ก่อน​ชั่วคราว​ เคาะ​ปลา​ไม้ ใคร​บ้าง​ที่​ทำ​ไม่เป็น​

หาง​ตา​ภิกษุ​น้อย​เหล่​มอง​ไป​ ฮ่า

หัน​โจ้วจิ่น​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “อวี๋อวี๋​ เขา​หลอก​เจ้าน่ะ​”

ภิกษุ​น้อย​พนม​สอง​มือ​ “ซ่งซวี่​พูด​ถูก​แล้ว​ สาวงาม​ไม่ควร​ไป​มีเรื่อง​ด้วย​”

ซ่งซวี่​เอ่ย​ “ข้า​ไม่เคย​พูด​”

ภิกษุ​น้อย​ร้อง​ภาษาพระธรรม​หนึ่ง​คำ​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​คง​ฝัน​แล้ว​เคย​ได้ยิน​ซ่งซวี่​พูด​มาก่อน​”

ใน​ฐานะ​ศาล​เทพ​อัคคี​เพียง​หนึ่งเดียว​ใน​เมืองหลวง​ ด้านใน​จึงตั้ง​บูชา​ฮว่อเต๋อ​ซิงจวิน​ไว้​หนึ่ง​องค์​ (เทพ​ประจำ​ดวงดาว​หนึ่ง​ใน​ห้า​ธาตุ​ซึ่งตรง​กับ​ดาวอังคาร​ หรือ​ธาตุ​ไฟ)

ศาล​ไม่ใหญ่​ อีก​ทั้ง​ไม่เปิด​ให้​ชาวบ้าน​ใน​เมืองหลวง​มากราบไหว้​ มีเพียง​เจอ​กับ​อุทกภัย​ใน​เมืองหลวง​หรือ​ใน​ท้องถิ่น​เกิด​ไฟไหม้​เท่านั้น​ ขุนนาง​กรม​พิธีการ​ถึงจะมาที่นี่​

ทุกครั้งที่​เฟิงอี๋​มาช่วย​ถ่ายทอด​มรรคา​ให้​เด็ก​ๆ กลุ่ม​นั้น​ที่​เมืองหลวง​ นาง​ก็​จะมาเข้า​พัก​ที่นี่​

สร้าง​ซุ้มดอกไม้​ขึ้น​มา วาง​ม้านั่ง​หิน​เอาไว้​สอง​สามตัว​ คืนนี้​เฟิงอี๋​นั่ง​อยู่​ใต้​ซุ้มดอกไม้​รู้สึก​เคลิบเคลิ้ม​อยู่​บ้าง​เล็กน้อย​

คน​เฝ้าศาล​คือ​หญิง​ชรา​คน​หนึ่ง​ เป็น​แค่​มนุษย์​ธรรมดา​ทั่วไป​ เพราะ​อายุ​มาก​แล้ว​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​อยู่​ที่​ศาล​เทพ​อัคคี​แห่ง​นี้​ไม่มีอะไร​ให้​ทำ​จริงๆ​ คง​เปลี่ยนคน​ไป​นาน​แล้ว​ ว่า​กัน​ว่า​เมื่อก่อน​ทาง​ราชสำนัก​คิด​อยาก​จะเปลี่ยนคน​เฝ้าศาล​ ทาง​ฝั่งของ​ที่ว่าการ​กรม​พิธีการ​เตรียม​จด​ลงบันทึก​แล้ว​ แต่​สุดท้าย​แล้ว​แม่นาง​น้อย​บางคน​ที่​มีชาติกำเนิด​จาก​ภูต​ก็​ไม่ได้มา​ เรื่อง​นี้​จึงจบ​ลง​อย่าง​ค้างคา​

เฟิงอี๋​ใช้สอง​นิ้ว​คีบ​กา​เหล้า​ขึ้น​มาแกว่ง​เบา​ๆ ฟังเสียง​ไพเราะ​ของ​บุปผา​ที่อยู่​ใน​กา​

หลักการ​ที่​ต้นไม้​ใหญ่​เรียก​ลม​นี้​ คาด​ว่า​ใต้​หล้า​คง​ไม่มีใคร​เข้าใจ​ได้ดี​ไป​ยิ่งกว่า​นาง​อีกแล้ว​

ฉีจิ้งชุน​แห่ง​สาย​เห​วิน​เซิ่ง ชุย​ฉาน​ราชครู​ต้า​หลี​ เฉิน​ผิง​อัน​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ แน่นอน​ว่า​ยังมี​หนิง​เหยา​แห่ง​ใต้​หล้า​ห้า​สีคน​นั้น​

มหา​มรรคา​สูงส่งยาว​ไกล​ คิด​จะยืน​ได้​มั่นคง​เป็นเรื่อง​อย่าง​มาก​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​การพิสูจน์​มรรคา​เป็น​อมตะ​ไม่เสื่อมสลาย​? ก็​ยิ่ง​ยาก​เข้าไป​อีก​ ถึงขั้น​ที่ว่า​คุณสมบัติ​ไม่ได้​ จิตใจ​ไม่เพียงพอ​ ก็​จะได้​ผลลัพธ์​ตรงกันข้าม​ ก็​เหมือน​ซิ่ว​หู่​ที่​ความรู้​ของ​ทั้ง​ร่าง​สามารถ​ประคับประคอง​จิตใจ​ดวง​ที่สูง​ยิ่งกว่า​แผ่น​ฟ้าเอาไว้​ได้​ เส้นทาง​ที่​เขา​เลือก​เดิน​ก็​คือ​สละ​ทิ้ง​เส้นทาง​อื่นๆ​ มากมาย​ เป็น​เพราะ​ชุย​ฉาน​ไม่อาจ​เปลี่ยนเส้นทาง​ได้​? แน่นอน​ว่า​ไม่ใช่ เฟิงอี๋​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ คง​เป็น​เพราะ​นี่​ก็​คือ​สันดาน​มนุษย์​ที่​ไม่มีเหตุผล​ให้​อธิบาย​กระมัง​ ใน​ดิน​โคลน​ของ​ใจคน​ ทุกหนทุกแห่ง​ล้วน​มีบุปผา​ผลิบาน​ ลม​พัด​ดอกไม้​ไม่ร่วงโรย​

โรงเตี๊ยม​ยัง​ไม่ปิด​ร้าน​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​เมืองหลวง​ เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​เข้าไป​ข้างใน​ เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​เหมือน​นกฮูก​ยิ่งนัก​ ดูเหมือนว่า​จะกำลัง​อ่าน​นิยาย​เบ็ดเตล็ด​เล่ม​หนึ่ง​อยู่​ เถ้าแก่​เงยหน้า​ขึ้น​ สังเกตเห็น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​สัพยอก​ “ออก​ไป​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ ทำไม​ไม่ได้ยิน​เสียง​เลย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เถ้าแก่​ ขอ​ปรึกษา​กับ​ท่าน​สัก​เรื่อง​ได้​ไหม​?”

เถ้าแก่​วาง​ตำรา​ลง​ “ทำไม​ คิด​จะใช้เงิน​ห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​มาซื้อ​เครื่อง​ปั้น​แบบ​ยืน​ชิ้น​นั้น​ของ​เตาเผา​ทางการ​บ้านเกิด​เจ้าไป​? ได้​เลย​ ถือว่า​ช่วย​ให้​มัน​ได้​กลับ​บ้านเกิด​ก็แล้วกัน​ ตกลง​ๆ ถือ​เสีย​ว่า​เป็น​การผูก​บุญ​สัมพันธ์​ มอบให้​แล้ว​ๆ มือหนึ่ง​จ่าย​เงิน​มือหนึ่ง​มอบ​ของ​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​จนใจ​ “จะดี​จะชั่ว​ก็​น่าจะ​ให้​ข้า​ดู​ของ​ก่อน​กระมัง​”

ผล​คือ​เห็น​เถ้าแก่เฒ่า​ก้มหัว​ค้อม​เอว​ไป​หยิบ​เอา​แจกัน​ดอกไม้​ใหญ่​ที่​ตั้งอยู่​ตรง​ข้าง​เท้า​ล่าง​โต๊ะ​คิดเงิน​ขึ้น​มาด้วย​ท่าทาง​เปลือง​แรง​เล็กน้อย​ ของเล่น​ที่​ซื้อ​มาด้วย​ราคา​แค่​ไม่กี่​สิบ​ตำลึง​เงิน​ เอา​วาง​ไว้​ที่ไหน​ก็​เหมือนกัน​นั่นแหละ​

เฉิน​ผิง​อัน​ช่วย​อีก​ฝ่าย​ประคอง​อย่าง​ระมัดระวัง​ งอ​นิ้ว​ดีด​ลง​ไป​เบา​ๆ ขณะเดียวกัน​ก็​ถามอย่าง​ไม่อนาทร​ร้อนใจ​ว่า​ “ดึก​ขนาด​นี้​แล้ว​เถ้าแก่​ยัง​ไม่หลับ​ไม่นอน​อีก​หรือ​?”

ผู้เฒ่า​มอง​ประเมิน​สีหน้า​ของ​เจ้าเด็ก​นี่​อย่าง​ละเอียด​ไป​ด้วย​ เจ้าตัวดี​ ไม่มีพิรุธ​เลย​แม้แต่น้อย​ แม้กระทั่ง​สีหน้าที่​จงใจแสดงออก​ถึงความ​ไม่ยี่หระ​ก็​ไม่มีสักนิด​ เขา​จึงตอบ​ไป​ง่ายๆ​ ว่า​ “ลูกสาว​ของ​ข้า​ไม่ยอม​กลับบ้าน​ ออก​ไป​เดินเล่น​ที่​ตลาด​กลางคืน​กับ​พวก​นัง​หนู​ซุกซน​ทั้งหลาย​ นี่​ก็​ยัง​ไม่ยอม​กลับมา​ ไหน​ๆ ก็​ไม่มีเรื่อง​อะไร​ให้​ทำ​ก็​เลย​มารอ​นาง​ หาก​เป็นเวลา​ปกติ​ข้า​คง​ให้​ลูกจ้าง​ร้าน​มาเฝ้าประตู​แล้ว​ อันที่จริง​ใน​เมืองหลวง​แห่ง​นี้​ก็​ไม่มีเรื่อง​น่า​กังวล​อะไร​ เพียงแต่​คน​เป็น​บิดา​อย่าง​ข้า​ ทั้ง​ยัง​ได้​ลูกสาว​มาตอน​อายุ​มาก​แล้ว​ นาง​คือ​นัง​หนู​ที่​อายุ​น้อยที่สุด​ใน​บ้าน​ ไม่รัก​นาง​จะไป​รัก​ใคร​ หาก​ลูกชาย​กล้า​ทำตัว​เหลวไหล​เช่นนี้​ ข้า​ก็​คง​เอา​ไม้ปัด​ขนไก่​ตี​เขา​ตาย​ไป​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​แวบ​หนึ่ง​ คน​อายุ​ตั้ง​ห้าสิบ​กว่า​ปี​แล้ว​

ผู้เฒ่า​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​ “อยาก​เป็น​ลูกเขย​ข้า​หรือ​? อย่า​เลย​ พวกเรา​เป็น​ครอบครัว​เล็ก​ๆ แต่​ก็​ไม่คิด​จะให้​ลูกสาว​ตัวเอง​ต้อง​น้อยเนื้อต่ำใจ​ นาง​ต้อง​ได้​ออกเรือน​อย่าง​มีหน้ามีตา​ เอา​เกี้ยว​แปด​คน​หาม​พา​เดิน​เข้า​ประตู​หลัก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เป็น​หลักการ​เก่าแก่​ข้อ​นี้​ เช่นเดียวกัน​ หาก​ข้า​มีลูกสาว​ อันธพาล​คนใด​บน​ถนน​กล้า​มอง​นาง​นาน​หน่อย​ ข้า​ก็​จะซ้อม​มัน​ผู้​นั้น​จน​พ่อแม่​มัน​จำหน้า​ลูก​ตัวเอง​ไม่ได้​เลย​”

ผู้เฒ่า​พยักหน้า​ คุย​กับ​เจ้าเด็ก​นี่​แล้ว​สบายใจ​จริงๆ​ เขา​ฟุบ​ตัว​ลง​บน​โต๊ะ​คิดเงิน​ เอ่ย​ว่า​ “พูดคุย​ส่วน​พูดคุย​ การค้า​ครั้งนี้​จะว่า​อย่างไร​? เจ้าช่วย​บอก​มาให้​ชัดเจน​ ของ​ชิ้น​ใหญ่​มีราคา​เอา​มาตั้ง​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​คิดเงิน​เช่นนี้​ ถูก​คนอื่น​มองเห็น​เข้า​ ง่าย​ที่จะ​ถูก​ขโมย​เอา​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​แจกัน​ดอกไม้​ขึ้น​เบา​ๆ มอง​ก้น​แจกัน​ เป็น​เครื่อง​ปั้น​อักษร​มงคล​แปด​คำ​อย่าง​ที่​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ว่า​ไว้​จริง​เสีย​ด้วย​ ฟ้าคราม​กว้างไกล​ ร้อน​นี้​มืด​สลัว​

มอง​ปราด​ๆ ความหมาย​ค่อนข้าง​คล้าย​คำ​เขียว​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ ยกตัวอย่างเช่น​ประโยค​ที่ว่า​นักพรต​แห่ง​หยวน​โต​ว​ ทะยาน​ลม​ว่องไว​ โบยบิน​เหนือ​นภา​กา​ศ แต่​แท้จริง​แล้ว​ครึ่ง​ประโยค​หลัง​มาจาก​ลัทธิ​ขงจื๊อ​

หาก​จะต้อง​ให้​พยายาม​จินตนา​การตาม​ไป​ด้วย​ จุด​ที่​แปลกประหลาด​เพียง​หนึ่งเดียว​ก็​คือ​หัว​ท้าย​สอง​ตัวอักษร​ รวมกัน​แล้ว​เป็น​คำ​ว่า​ ‘ฟ้าสลัว​’ ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​

ดังนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​จึงแอบ​โคจร​วิชา​อภินิหาร​อย่าง​ลับ​ๆ ทำการ​สังเกต​อย่าง​ละเอียด​จริงจัง​ ผล​คือ​ยังคง​มอง​ไม่ออ​กว่า​แจกัน​ดอกไม้​ใบนี้​มีความผิดปกติ​ใดๆ​ ไม่มีร่องรอย​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​แม้แต่น้อย​ และ​เดิมที​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​คุ้นเคย​กับ​ธาตุ​ของ​ดิน​ที่​ใช้ใน​การ​เผา​เครื่อง​ปั้น​เป็น​อย่าง​ดี​ แล้ว​ยัง​เคย​ใช้วิธี​การนำ​วัตถุ​ห้า​ธาตุ​มาหลอม​เป็น​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ด้วย​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​สัมผัส​ไม่ได้​ถึงความหมาย​ลึกล้ำ​ใดๆ​ นี่​หมายความว่า​อย่าง​น้อยที่สุด​แจกัน​ดอกไม้​ชิ้น​นี้​ก็​ยัง​ไม่เคย​ผ่านมือ​ศิษย์​พี่​ แต่​มาจาก​เตาเผา​ทางการ​ซึ่งเป็น​เตาเผา​มังกร​บ้านเกิด​ของ​ตน​จริงๆ​ สามารถ​เปลี่ยนมือ​ส่งต่อกัน​จน​มาถึงโรงเตี๊ยม​แห่ง​นี้​ได้​ อันที่จริง​ก็​ถือว่า​มีวาสนา​ต่อกัน​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงยิ้ม​เอ่ย​ “ของ​เถ้าแก่​เป็น​ของแท้​ไม่ผิด​แน่​แล้ว​ วันหน้า​หา​คน​ที่​เชี่ยวชาญ​ทั้ง​ยัง​ไม่ขาดเงิน​ใน​กระเป๋า​ หาก​อีก​ฝ่าย​ไม่ใจกว้าง​ กล้า​เปิด​ราคา​ต่ำกว่า​ห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ ท่าน​ผู้เฒ่า​ก็​สามารถ​ด่า​คน​ได้​เลย​ พ่น​น้ำลาย​ให้​เต็ม​หน้า​ของ​เขา​ได้​โดย​ไม่ต้อง​รู้สึก​ผิด​ นอกจากนี้​ตัวอักษร​มงคล​แปด​คำ​นี้​มีความเป็นมา​ ไม่ธรรมดา​อย่าง​มาก​ มีความเป็นไปได้​ว่า​เป็น​ตัวอักษร​ที่​รวบรวม​มาจาก​หอ​ก่วน​เก๋​อ​ของ​สกุล​จ้าว​เทียน​สุ่ย​ใน​รัย​สมัย​หยวน​โซ่ว”​

ผู้เฒ่า​เห็น​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่เหมือน​จะเสแสร้ง​ก็​ให้​ปิติยินดี​เป็น​อย่างยิ่ง​ ผล​คือ​เจ้าเด็ก​นั่น​ยัง​เอ่ย​มาอีก​ประโยค​ว่า​ “เถ้าแก่​ ข้า​คิด​ว่า​จะอยู่​ที่​เมืองหลวง​สัก​หลาย​ๆ วัน​ หลังจากนี้​ก็​จะพัก​อยู่​ที่นี่​…”

ผู้เฒ่า​เพิ่งจะ​วาง​แจกัน​ดอกไม้​กลับ​ลง​ไป​ใต้โต๊ะ​คิดเงิน​อย่าง​ระมัดระวัง​ พอ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ก็​รีบ​พูด​ทันใด​ “สามร้อย​ตำลึง​เงิน​ ขาย​ให้​เจ้าแล้ว​! ซื้อขาย​สำเร็จ​ หลาย​วัน​ต่อจากนี้​ที่​เจ้าพัก​อยู่​ใน​โรงเตี๊ยม​ ค่า​ห้องพัก​ก็​ไม่ต้อง​จ่าย​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​อ่อนใจ​ “เถ้าแก่​ ท่าน​คิด​ไป​คนละเรื่อง​แล้ว​จริงๆ​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!