กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 834

เฉิน​ผิง​อัน​เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​ ก่อน​ถามว่า​ “อาจารย์​ผู้เฒ่า​ ดูเหมือนว่า​ครั้งนี้​จำนวน​คน​จะมาก​เป็นพิเศษ​ ดูท่า​แล้ว​มีถึงประมาณ​สามหมื่น​?”

ผู้​ถวายงาน​เฒ่าพยักหน้า​รับ​ “เพราะ​หาก​นับ​ย้อน​ขึ้น​มาจะเป็น​กลุ่ม​ที่สอง​ ดังนั้น​จำนวน​จึงค่อน​ข้างมาก​”

อันที่จริง​เดิมที​ผู้​ถวายงาน​เฒ่าไม่เต็มใจ​จะพูดคุย​ด้วย​มาก​นัก​ เพียงแต่​แขกไม่ได้รับเชิญ​คน​นี้​เอ่ย​คำ​ว่า​ ‘จำนวน​คน​’ ไม่ได้​ใช้ถ้อยคำ​ประเภท​ว่า​วิญญาณ​หรือ​ภูตผี​อะไร​ ผู้เฒ่า​ถึงได้​ยินดี​คุย​ด้วย​

อาณาเขต​ทิศเหนือ​ของ​ต้า​หลี​ ใน​สถานที่​มังกร​ลุก​ผงาด​มักจะ​มีพิธี​ขมา​กรรม​ธรณี​ธารา​ที่​หน่วย​แปล​คัมภีร์​ของ​เมืองหลวง​เป็น​ผู้ดำเนินงาน​และ​พิธี​บวง​สรวงสวรรค์​ที่​หน่วย​จงซวี​เป็น​ผู้รับผิดชอบ​ถูก​จัด​ขึ้น​ทุกปี​ เพื่อ​นำพา​วิญญาณ​ที่​ตาย​ดับ​ไป​แล้ว​ซึ่งอยู่​บน​ซาก​ปรัก​สนามรบ​ให้​หวน​กลับคืน​มาตุภูมิ​ทาง​ทิศเหนือ​ จัด​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​ ไม่หยุดพัก​ทั้ง​กลางวัน​และ​กลางคืน​ จนถึง​ทุกวันนี้​ก็​ยัง​ไม่สิ้นสุดลง​ นั่น​เป็น​เพราะ​คน​ของ​กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​ที่​ไป​รบ​ตาย​ต่างบ้านต่างเมือง​มีมากเกินไป​จริงๆ​ หลาย​ปี​มานี้​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ได้​ฮ่องเต้​เป็น​ผู้​ออก​ราชโองการ​ กรม​พิธีการ​เป็น​ผู้นำ​ใน​การ​เตรียมการ​ด้าน​ต่างๆ​ กรม​คลัง​ควัก​เงิน​ กรม​กลาโหม​ส่งคน​มาดูแล​ความปลอดภัย​ ลำพัง​เพียงแค่​กองทัพ​หยิน​ข้าม​ดินแดน​ที่​ยิ่งใหญ่​เกรียงไกร​ขบวน​แล้ว​ขบวน​เล่า​ก็​ต้อง​เปิด​เส้นทาง​ขุนเขา​สายน้ำ​ที่​สิ้นเปลือง​ทรัพยากร​ไป​นับไม่ถ้วน​ถึงสามเส้น​แล้ว​

ทุกครั้งที่​ออกเดินทาง​จะต้อง​มีวิญญาณ​เร่ร่อน​ที่​ตาย​อยู่​บน​สนามรบ​หลาย​พัน​หรือ​อาจ​ถึงหมื่น​กว่า​ดวง​ที่​ต้อง​หยุดพัก​ตอนกลางวัน​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​ถูก​แสงแดด​ชำระล้าง​เศษซาก​ดวงวิญญาณ​ที่​เหลืออยู่​ จะไป​พักพิง​อยู่​ใน​ค่าย​กล​ขุนเขา​สายน้ำ​ที่​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ของ​ต้า​หลี​สร้าง​ขึ้น​รายทาง​ ออกเดินทาง​เฉพาะ​ยามค่ำคืน​เท่านั้น​ มีทั้ง​ภิกษุ​สมณศักดิ์​สูงที่​ท่อง​คัมภีร์​ไป​ตลอดทาง​ ถือ​บาตร​นำทาง​ แล้วก็​มีเจิน​เห​ริน​ลัทธิ​เต๋า​คอย​ท่อง​คาถา​ แกว่ง​กระดิ่ง​ชักนำ​ ยิ่ง​มีผู้ฝึก​ลมปราณ​จาก​กอง​โหราศาสตร์​และ​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​คอย​อยู่​สอง​ข้างทาง​ ป้องกัน​ไม่ให้​วิญญาณ​เร่ร่อน​หนี​กระจัดกระจาย​ไป​ที่อื่น​ บวก​กับ​ความร่วมมือ​จาก​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​แห่ง​ขุนเขา​สายน้ำ​ เทพ​อภิบาล​เมือง​และ​ศาล​บุ๋น​บู๊​ของ​แต่ละ​สถานที่​ ถึงได้​ทำให้​เรื่อง​นี้​ไม่เคย​เกิด​ข้อผิดพลาด​ใหญ่​ ไม่ไป​รบกวน​ชาวบ้าน​ใน​โลก​คน​เป็น​

เล่าลือ​กัน​ว่า​รอง​เจ้ากรม​กลาโหม​ของ​เมืองหลวง​คน​หนึ่ง​ที่​มาจาก​กองทัพ​ชายแดน​เคย​ข่มขู่​ขุนนาง​กรม​คลัง​อย่าง​เปิดเผย​ว่า​ อย่า​มาพูด​เรื่อง​ความ​ลำบากใจ​อะไร​กับ​ข้า​ผู้อาวุโส​ เรื่อง​นี้​ไม่มีพื้นที่​ให้​ปรึกษา​ ต่อให้​กรม​คลัง​ของ​พวก​เจ้าต้อง​ทุบ​หม้อ​ขาย​เหล็ก​ รื้อถอน​วัสดุ​ต่างๆ​ ของ​ห้อง​ใน​ที่ว่าการ​ออกมา​แลก​เป็น​เงิน​ก็​ต้อง​รับรอง​ว่า​วิญญาณ​ของ​ทหาร​ชายแดน​ต้า​หลี​ที่​ตาย​ไป​ทั้งหมด​จะไม่ต้อง​ติดค้าง​อยู่​ใน​ซาก​ปรัก​สนามรบ​นาน​เกินไป​จน​เป็นเหตุให้​วิญญาณ​แหลก​สลาย​ ด้วย​เรื่อง​นี้​กรม​กลาโหม​ยัง​ตั้งใจ​ดึง​คน​ออกมา​ห้า​หก​คน​ ทุกวัน​จะต้อง​ไป​ ‘ทำงาน​’ ชั่วคราว​อยู่​ใน​ที่ว่าการ​กรม​คลัง​ รับหน้าที่​คอย​เฝ้าสังเกต​ ตรวจสอบ​ความคืบหน้า​ของ​เรื่อง​นี้​ การทะเลาะ​โต้เถียง​เป็นเรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​เป็นประจำ​

นอกจาก​ผู้ฝึก​ตน​ผู้​ถวายงาน​ของ​ต้า​หลี​ นักปราชญ์​วิญญูชน​ของ​สำนักศึกษา​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ ยอด​ฝีมือสอง​ลัทธิ​พุทธ​เต๋า​ที่​คอย​นำทาง​ไป​ตลอดทาง​แล้ว​ ก็​ยังมี​อาจารย์​แห่ง​ผืนดิน​ของกอง​โหราศาสตร์​ วิญญาณ​วีรบุรุษ​ศาล​บุ๋น​บู๊​ของ​เมืองหลวง​ ศาล​เทพ​อภิบาล​เมือง​ประจำ​นครหลวง​ ศาล​เทพ​ผืนดิน​แห่ง​นครหลวง​ แต่ละคน​ต่าง​ก็​มีหน้าที่​รับผิดชอบ​คอย​รับ​ดวงวิญญาณ​จาก​ท่าเรือ​ของ​แต่ละ​สถานที่​

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ มอง​ไกลๆ​ ไป​ยัง​ภาพ​การ​เดินทาง​ยามค่ำคืน​นั้น​

บ้านเมือง​สงบสุข​ คนใน​อดีต​อยู่​ที่ใด​ ขุนเขา​สายน้ำ​ยาว​ไกล​ หมอก​และ​ควัน​แผ่​ไกล​สุดลูกหูลูกตา​

การ​พบ​เจอกัน​ใน​ขุนเขา​สายน้ำ​ครา​นี้​กลับ​มีความต่าง​ระหว่าง​เป็น​และ​ตาย​ มีหยิน​และ​หยาง​มากางกั้น​

ก็​จริง​ จะมีแต่​การ​เพียง​พบ​เจอ​ก็​เหมือนเคย​รู้จัก​กัน​มานาน​ ยิ้มแย้ม​พูดคุย​กัน​อย่าง​อาลัยอาวรณ์​มากมาย​ขนาด​นั้น​ได้​อย่างไร​

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​ไป​มอง​ เห็น​ว่า​ผู้ฝึก​ตน​รุ่นเยาว์​กลุ่ม​ของ​ซ่งซวี่​ที่อยู่​ห่าง​ไป​ไกล​ทะยาน​ลม​ออก​เดินทางไกล​ไป​แล้ว​ คาด​ว่า​คงจะ​ไป​ช่วย​เร่ง​การ​เดินทาง​ พยายาม​ไป​ถึงเส้นทาง​ปรโลก​เส้น​นั้น​ให้ได้​โดยเร็ว​ที่สุด​ ทุกคน​พุ่งตัว​ออก​ไป​ว่องไว​ราว​สาย​ฟ้าแลบ​ ไม่ได้​จงใจปิดบัง​ร่องรอย​ ผู้ฝึก​กระบี่​ซ่งซวี่​เหยียบ​อยู่​บน​กระบี่​ลากเส้น​ยา​วสี​ทอง​ที่​ยาว​มาก​ตามมา​ด้านหลัง​ อาจารย์​ค่าย​กล​หัน​โจ้วจิ่น​คล้าย​กำลัง​เดิน​อยู่​ ทุก​ก้าว​ที่​ก้าว​ออก​ไป​ พริบตาเดียว​ก็​ห่าง​ไป​หลาย​ลี้​ ใต้​ฝ่าเท้า​มีริ้ว​คลื่น​ลมปราณ​กระเพื่อม​ออกมา​เป็น​วง​ๆ ประหนึ่ง​ดอก​ราตรี​ที่​เบ่งบาน​ยามค่ำคืน​ นอกจากนี้​เต้า​ลู่​อย่าง​เก๋​อห​ลิ่ง​ ผู้ฝึก​ตน​สำนัก​าร​ทหาร​อวี๋อวี๋​ ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ลู่​ฮุย​ เณร​น้อย​โฮ่ว​แจว๋​ก็​พา​กัน​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​ของ​ตัวเอง​ออก​เดินทางไกล​กัน​อย่าง​รีบร้อน​

เฉิน​ผิง​อัน​กลายร่าง​เป็น​แสงกระบี่​สิบ​แปด​เส้น​ บน​หัว​กำแพง​ก็​เหมือน​มีบุปผา​ผลิบาน​ใน​ฉับพลัน​ ห่าง​ออก​ไป​หลาย​สิบ​ลี้​ เฉิน​ผิง​อัน​พลิ้ว​กาย​ลงพื้น​ด้วย​ฝีเท้า​ที่​โซเซเล็กน้อย​ จากนั้น​ใช้วิชา​กระบี่​หลบหนี​ซึ่งยัง​ใช้ได้​ไม่คล่อง​ออกเดินทาง​ต่อ​อีกครั้ง​ สุดท้าย​หยุด​ลอย​ตัวยืน​นิ่ง​อยู่​ตรงจุด​สูงแห่ง​หนึ่ง​ ใช้ยันต์​หลาก​หลายชนิด​ซึ่งมียันต์​รอย​หิมะ​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ช่วย​อำพราง​ลมปราณ​ให้​กับ​ตัวเอง​ ไป​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​กิ่งไม้​บน​ยอดเขา​สูงแห่ง​หนึ่ง​ หลุบ​ตา​ลง​มอง​เส้นทาง​ล่าง​ภูเขา​เส้น​นั้น​

ลู่​ฮุย​ โฮ่ว​แจว๋​ เก๋​อห​ลิ่ง​ที่​มาจาก​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ ลัทธิ​พุทธ​และ​ลัทธิ​เต๋า​ เห็นได้ชัด​ว่า​คุ้นเคย​กับ​การนำทาง​มานาน​แล้ว​ พวกเขา​จึงพลิ้ว​กาย​ลง​ตรงหน้า​สุด​ของ​เส้นทาง​ไป​ปรโลก​ที่​มีกองทัพ​หยิน​ข้าม​ผ่าน​ดินแดน​เดินขบวน​มา เดินทาง​ไป​พร้อมกับ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ต้า​หลี​ใน​สาย​ของ​ตัวเอง​ และ​ยังมี​แม่นาง​น้อย​สำนัก​การทหาร​แซ่อวี๋​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ที่​ไม่ยอม​ถูก​ทิ้ง​ให้​อยู่​เบื้องหลัง​ เดิน​เคียง​บ่า​ไป​พร้อมกับ​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ศาล​บู๊​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​มาจาก​เมืองหลวง​และ​ชาน​เมืองหลวง​

เส้นทาง​ที่​นำพา​ดวงวิญญาณ​ไป​ส่งข้าม​ดินแดน​สาย​นี้​กว้างขวาง​อย่าง​มาก​ พอ​จะมองเห็น​ได้​เลือนราง​ว่า​แบ่ง​ออก​เป็น​สี่กลุ่ม​ จำนวน​คน​กลุ่ม​ที่อยู่​ด้านหลัง​อวี๋อวี๋​และ​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ศาล​บู๊​เยอะ​ที่สุด​ กิน​อาณาเขต​ไป​เกือบ​ครึ่งทาง​

ซ่งซวี่​กับ​หัน​โจ้วจิ่น​หา​บุรุษ​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ที่​คุม​ขบวน​อยู่​ด้านหลัง​เจอ​ คน​ผู้​นี้​ควบม้า​เดิน​อยู่​ใน​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​ คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​อายุ​ไม่ถึงร้อย​ปี​คน​หนึ่ง​

มองเห็น​คน​ทั้งสอง​ ทหารม้า​นาย​นี้​ก็​เพียงแค่​พยักหน้า​ให้​ หัน​โจ้วจิ่น​หยิบ​ยันต์​ม้าเกราะ​ออกมา​สอง​แผ่น​ ขี่ม้า​เดิน​ไป​พร้อมกับ​ซ่งซวี่​ หัน​โจ้วจิ่น​ใช้เสียง​ใน​ใจสอบถาม​สตรี​คน​หนึ่ง​ที่​มีความสัมพันธ์​ไม่เลว​ต่อกัน​ “เกิด​อะไร​ขึ้น​?”

เพราะ​ก่อนหน้านี้​หัน​โจ้วจิ่น​สังเกตเห็น​ว่า​ภิกษุ​สมณศักดิ์​สูงและ​เจิน​เห​ริน​ลัทธิ​เต๋า​ที่​นำ​ขบวน​ใน​คืนนี้​ต่าง​ก็​เป็น​คนแปลกหน้า​ อีก​ทั้ง​สีหน้า​ยัง​เหนื่อยล้า​คล้าย​บาดเจ็บ​ไม่เบา​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ของ​ศาล​บู๊​ทั้งหลาย​ที่​ยาม​ก้าวเดิน​ไป​ข้างหน้า​ นาง​ถึงขั้น​มองเห็น​ความเสียหาย​ของ​ร่าง​ทอง​พวกเขา​ ถึงกับ​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​ว่า​เป็น​สะเก็ด​แสงดาว​ที่​วับ​หาย​ไป​ท่ามกลาง​ม่าน​ราตรี​

ผู้ฝึก​ตน​หญิง​สหาย​ร่วมงาน​ยาก​จะปกปิด​สีหน้า​เหนื่อยล้า​ เอ่ย​ว่า​ “ครั้งนี้​จำนวน​ที่​ชัก​นำมา​เยอะ​เกินไป​ อีก​อย่าง​ก่อนหน้านี้​ที่ว่าการ​กรม​พิธีการ​ยัง​ออกคำสั่ง​เด็ดขาด​มาข้อ​หนึ่ง​ เป็น​ลายมือ​ของ​ใต้เท้า​เจ้ากรม​เอง​ ถ้อยคำ​ที่​ใช้เฉียบขาด​ยิ่ง​ บอ​กว่า​เส้นทาง​ปรโลก​สาย​นี้​เผาผลาญ​ปราณ​วิญญาณ​ระหว่างทาง​มากเกินไป​ สร้าง​ความปั่นป่วน​ให้​กับ​โชคชะตา​ขุนเขา​สายน้ำ​มากกว่า​ที่​คาดการณ์​ไว้​อย่าง​น้อย​สอง​ส่วน​แล้ว​ เห็นได้ชัด​ว่า​โทษ​ที่​พวกเรา​ทำงาน​ไม่ดี​ กังวล​ว่าการ​เดินทาง​ยามค่ำคืน​ครั้งสุดท้าย​จะเกิดเรื่อง​ไม่คาดฝัน​ ใต้เท้า​เจ้ากรม​ถึงกับ​พูด​ขนาด​นี้​แล้ว​ พวกเรา​ยัง​จะทำ​อย่างไร​ได้​อีก​ ก็ได้​แต่​แข็งใจ​ ไม่สนใจ​ตบะ​ที่​ถูก​ลดทอน​ ไม่อย่างนั้น​การประเมิน​ของ​สอง​กรม​อย่าง​พิธีการ​และ​อาญา​คราวหน้า​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​อย่า​หวัง​ว่า​จะรอดตัว​ไป​ได้​”

ซ่งซวี่​ถาม “ฮว่า​จิ้ง ระหว่างทาง​มีคน​มาก่อกวน​หรือไม่​?”

ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​ตอบ​ด้วย​สีหน้า​เฉยชา​ “กลับ​ไป​อ่าน​รายงาน​เอา​เอง​”

ซ่งซวี่​เคยชิน​กับ​ท่าที​เช่นนี้​ของ​อีก​ฝ่าย​แล้ว​ หยวน​ฮว่า​จิ้งผู้​นี้​มีฉายา​ว่า​เย่​หลา​ง คือ​ผู้นำ​ของ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​อีก​ห้า​คน​ซึ่งเป็น​ภูเขา​เล็ก​อีก​ลูก​หนึ่ง​

นิสัย​ของ​ทั้งสองฝ่าย​เข้ากัน​ไม่ค่อย​ได้​ เวลา​ปกติ​จึงมักจะ​ขัดคอ​กัน​อยู่​เสมอ​ มีเพียง​อยู่​บน​สนามรบ​เท่านั้น​ถึงจะร่วมมือ​กัน​ได้​อย่าง​ไร้​ช่องโหว่​

หยวน​ฮว่า​จิ้งขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ พบ​ว่า​วิญญาณ​บน​สนามรบ​หลาย​สิบ​ตน​ที่อยู่​บน​เส้นทาง​เบื้องหน้า​เกิด​ร่องรอย​ว่า​จิตวิญญาณ​จะสลาย​หาย​ไป​จึงตวาด​เสียง​หนัก​ “ตู้​เจี้ยน​ เจ้าตาบอด​รึ​?”

ฝ่าย​หลัง​คือ​คนหนุ่ม​ที่​สีหน้าซีด​ขาว​ ริมฝีปาก​แห้ง​แตก​มีเลือด​ซึม แต่งกาย​เหมือน​ทหารม้า​ เขา​เหน็ดเหนื่อย​หมดสิ้น​เรี่ยวแรง​ไป​นาน​แล้ว​ เดิมที​กำลัง​นั่ง​งีบหลับ​อยู่​บน​หลัง​ม้าพลาง​บำรุง​ลมปราณ​ไป​ด้วย​ เป็น​เพราะ​จิตใจ​อ่อนล้า​ถึงขีดสุด​จริงๆ​ แต่​พอ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หยวน​ฮว่า​จิ้งก็​ลุกขึ้น​อย่าง​ไม่ลังเล​ ดีด​ปลายเท้า​พุ่งตัว​ไป​เบื้องหน้า​ ยก​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​สูง บิด​หมุน​ข้อ​มือหนึ่ง​ที​ ระหว่าง​ฟ้าดิน​ก็​มีเส้นด้าย​ที่​มองดู​อ่อนนุ่ม​หลาย​เส้น​ปราก​ฎขึ้น​มา เขา​ยก​มือขึ้น​เบา​ๆ พริบตาเดียว​เส้นด้าย​ก็​มารวมตัวกัน​กลายเป็น​ค่าย​กล​ แสงสีทอง​ส่อง​ประกาย​ระยิบระยับ​ ถึงกับ​เป็น​เข็มทิศ​ที่​ส่องแสง​อัญมณี​เรืองรอง​ชิ้น​หนึ่ง​ เส้น​แสงสาดส่อง​ลง​บน​พื้นดิน​ที่​พวก​วิญญาณ​หยิน​เดิน​กัน​อยู่​

ทหารม้า​หนุ่ม​คอย​ทะยาน​ลม​พลาง​ใช้ฝ่ามือถือ​ประคอง​เข็มทิศ​ปกป้อง​พื้น​ที่หนึ่ง​ไป​ทั้ง​อย่างนี้​ ขอ​แค่​มีลาง​ว่า​ดวงวิญญาณ​ดวง​ใด​จะสลาย​หาย​ไป​ก็​จะมีแสงศักดิ์สิทธิ์​สาดส่อง​ไป​คุ้มกัน​

ซ่งซวี่​เอ่ย​เตือน​ “อะไร​ที่​มากเกินไป​ก็​ไม่ดี​”

หยวน​ฮว่า​จิ้งกล่าว​อย่าง​เฉยชา​ “ดูเหมือนว่า​ยัง​ไม่ถึงคราว​ที่​โอสถ​ทอง​อย่าง​เจ้าจะมาเจ้ากี้เจ้าการ​”

กลุ่ม​ของ​หยวน​ฮว่า​จิ้งนี้​มีกัน​ทั้งหมด​ห้า​คน​ นอกจาก​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​อย่าง​เขา​แล้ว​ ยังมี​ผู้ฝึก​ตน​ผี​คน​หนึ่ง​ ผู้ฝึก​ลมปราณ​สำนัก​หยิน​หยาง​คน​หนึ่ง​ ส่วน​อีก​สอง​คน​ล้วน​มีชาติกำเนิด​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​

เห็นได้ชัด​ว่า​จิต​สังหาร​ของ​พวกเขา​เข้มข้น​กว่า​ภูเขา​ลูก​เล็ก​อย่าง​พวก​ซ่งซวี่หกคน​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!