กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 849

คนรู้จัก​เก่าแก่​สอง​คน​ที่​อายุ​แตกต่าง​แต่กลับ​เกี่ยวพัน​กัน​อย่าง​ลึกซึ้ง​ เวลานี้​ต่าง​ก็​กำลัง​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​หัว​กำแพง​ อีก​ทั้ง​ต่าง​ก็​ห่อไหล่​ เอา​สอง​มือ​สอด​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​เหมือนกัน​ มอง​ไป​ยัง​ซาก​ปรัก​สนามรบ​ทางทิศใต้​ร่วมกัน​

ลู่​เฉิน​หันหน้า​มามอง​คนหนุ่ม​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ ยิ้ม​เอ่ย​ “หาก​เวลานี้​พวกเรา​สอง​คน​เอาอย่าง​ผู้อาวุโส​หยาง​ ต่าง​คน​ต่าง​หยิบ​เอา​กระบอก​ยาสูบ​มาพ่น​ควัน​โขมง​ คงจะ​สบายอารมณ์​ยิ่งกว่า​นี้​ ขึ้นไป​บน​หัว​กำแพง​สูง ทอดสายตา​มอง​ไกล​ไป​หมื่น​ลี้​ ถ่อมตัว​แด่​ใต้​หล้า​ ละ​ความทุกข์​เบิกบานใจ​”

ผู้เฒ่า​ที่อยู่​เรือน​หลัง​ของ​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​เคย​เยาะ​หยัน​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​ว่า​เป็น​พวก​ผี​ซิว​ (ปี่​เซี๊ยะ)​ ที่​ตัว​ใหญ่​ที่สุด​ใน​ฟ้าดิน​ ดีแต่​กิน​ไม่รู้จัก​คาย​

สิ่งที่​เฉิน​ผิง​อัน​มองเห็น​ใน​สายตา​กลับเป็น​เพียง​ต้น​หญ้า​หร็อมแหร็ม​ ป​รา​รณ​กระบี่​ส่าย​ไหว​ ราวกับว่า​มองเห็น​กระดูก​ขาว​กอง​กัน​เป็น​ภูเขา​ ปราณ​กระบี่​พุ่ง​ทะยาน​สู่ชั้น​ฟ้า ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ที่​เลือด​ท่วม​เต็มตัว​ปล่อย​เส้น​ผม​สยาย​อยู่​กลาง​สนามรบ​ เคย​เอนกาย​นอน​เมามาย​พิง​กระถางธูป​อยู่​ตรง​ระเบียง​ ใน​มือถือ​จอก​น้ำพุ​สุรา​ เซียน​กระบี่​ผู้​มีทั้ง​ชื่อเสียง​และ​มาด​สง่างาม ราวกับว่า​ได้​มองเห็น​การ​เดิน​นำ​ไป​ก่อน​ก้าว​หนึ่ง​ของ​โฉว​เหมียว​ที่​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ ทว่า​เขา​กลับ​จากไป​ไม่หวนคืน​ ราวกับ​มองเห็น​เกา​ขุย​ที่​เรียน​กระบี่​แรก​ใน​ชีวิต​นี้​มาจาก​บรรพ​จารย์​ เป็นเหตุให้​กระบี่​สุดท้าย​จึงเป็นการ​ถามกระบี่​ต่อ​บรรพ​จารย์​หลง​จวิน​ มีเซียน​กระบี่​หญิง​โจว​เฉิง ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าอิน​เฉิน​ที่​มีใจพร้อม​ตาย​มานาน​แล้ว​ มีเถาเห​วิน​บน​สนามรบ​ที่​มีเพียง​ความตาย​เท่านั้น​ถึงจะช่วย​ปลดปล่อย​เขา​ได้​ และ​ยังมี​ผู้ฝึก​กระบี่​รุ่นเยาว์​ที่​มาก​ความรู้​ความสามารถ​อีก​มากมาย​ที่​หันหลัง​ให้​กับ​หัว​กำแพงเมือง​ หันหน้า​เข้าหา​ทิศใต้​ เป็น​ส่งกระบี่​ ตาย​หยุด​กระบี่​…

ลู่​เฉิน​มอง​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ที่​บน​ใบหน้า​ไม่ได้​แสดง​ความ​กลัดกลุ้ม​ทุกข์ใจ​แม้แต่น้อย​คน​นี้​แล้ว​ถอนหายใจ​เอ่ย​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าอายุ​น้อย​ๆ ก็​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​สูงแล้ว​ ช่วย​สร้าง​คุณูปการ​ค้ำฟ้า​ยัน​มหาสมุทร​อัน​ใหญ่หลวง​ให้​กับ​ศาล​บุ๋น​ ใคร​เล่า​จะกล้า​เชื่อ​ บอก​ตามตรง​นะ​ ปี​นั้น​หาก​อยู่​ใน​เมือง​เล็ก​แล้ว​มีใคร​บอก​ข้า​แต่แรก​ว่า​จะมีเรื่อง​ใน​วันนี้​เกิดขึ้น​ ให้​ตาย​ข้า​ก็​ไม่เชื่อ​หรอก​”

อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูแห่ง​นั้น​ ลู่​เฉิน​เคย​พา​เฮ้อ​เสี่ยว​เหลียง​ที่​ออกจาก​สำนัก​โองการ​เทพ​ย้าย​มาเป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​เขา​ไป​พบ​ ‘เฉิน​ผิง​อัน​’ หลาย​คน​ที่​ไม่เหมือนกัน​ มีเฉิน​ผิง​อัน​ที่​อาศัย​ความมานะ​อุตสาหะ​กลาย​ไป​เป็น​บุรุษ​ที่​ครอบครัว​มีอันจะกิน​ ซ่อมแซม​บ้าน​บรรพบุรุษ​ และ​ยังมี​กิจการ​อยู่​ใน​ตัว​จังหวัด​ มีเพียง​ช่วงชิง​หมิง​หรือ​สิ้นปี​เท่านั้น​ที่​ถึงจะพา​คนใน​ครอบครัว​กลับ​บ้านเกิด​มาเซ่นไหว้​หน้า​หลุมศพ​ มีเฉิน​ผิง​อัน​ที่​อาศัย​ความเฉลียวฉลาด​หาเลี้ยงชีพ​ กลาย​ไป​เป็น​พ่อค้า​ร้าน​เล็ก​ๆ ที่​พอ​จะมีกำลัง​ทรัพย์​อยู่​บ้าง​ มีเฉิน​ผิง​อัน​ที่​เป็น​ลูกศิษย์​เตาเผา​มังกร​ต่อ​ ฝีมือ​ของ​เขา​ยิ่ง​นาน​ก็​ยิ่ง​ขัดเกลา​ได้​อย่าง​ชำนาญ​ สุดท้าย​จึงได้​กลายเป็น​ช่างของ​เตาเผา​มังกร​ แล้วก็​มีเฉิน​ผิง​อัน​ที่​เป็น​ชาย​เร่ร่อน​ไม่โทษ​คน​ไม่บ่น​ฟ้า ใช้ชีวิต​เอ้อระเหย​ลอยชาย​อยู่​ไป​วัน​ๆ แม้จะมีจิต​เป็น​กุศล​ แต่กลับ​ไม่มีความสามารถ​ที่จะ​สร้าง​กุศล​ นาน​ปีแล้วปีเล่า​ กลาย​ไป​เป็น​ตัวตลก​ของ​ชาวบ้าน​ใน​เมือง​เล็ก​ และ​ยังมี​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​เข้าร่วม​การ​สอบ​เค​อจวี่​ ช่วงชิง​ตำแหน่ง​จวี่​เห​ริน​มาได้​ กลาย​ไป​เป็น​อาจารย์​สอนหนังสือ​ใน​โรงเรียน​ ตลอดชีวิต​ไม่แต่ง​ภรรยา​ ชั่วชีวิต​นี้​สถานที่​ไกล​ที่สุด​ที่​เคย​ไป​เยือน​ก็​คือ​ที่ว่าการ​จังหวัด​และ​เมือง​หง​จู๋ มักจะ​ยืน​อยู่​หน้า​ตรอก​เหม่อมอง​ท้องฟ้า​อยู่​เป็นประจำ​

ลู่​เฉิน​ถึงกับ​เริ่ม​ต้ม​เหล้า​ จึงง่วนอยู่กับ​ตัวเอง​ เขา​ที่​ก้ม​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ยาม​ที่​หิมะ​กำลังจะ​ตกลง​มาจาก​ฟ้า เหมาะ​ให้​ดื่ม​สุรา​เป็น​ที่สุด​ เพราะ​ถึงอย่างไร​ตนเอง​ใน​วันนี้​ทุกๆ​ คน​ก็​ล้วน​ไม่ใช่ตัวเอง​ของ​เมื่อวาน​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ข้า​ไม่ใช่เจ้าลัทธิ​ลู่​เสียหน่อย​ ค้ำฟ้า​ยัน​มหาสมุทร​อะไร​ ฟังแล้ว​น่า​ตกใจ​นัก​ เป็นเรื่อง​ที่​แค่​คิด​ก็​ยัง​ไม่กล้า​เลย​ แต่​บ้านเกิด​ของ​ข้า​มีคำพูด​เก่าแก่​ประโยค​หนึ่ง​ที่​กล่าว​ได้ดี​ เรี่ยวแรง​สามารถ​เอาชนะ​ความยากจน​ ความ​ขยัน​สามารถ​เอาชนะ​เภทภัย​ มีเหลือกินเหลือใช้​ทุกปี​ ทุกครั้งที่​ถึงด่าน​ปี​ก็​จะสามารถ​ผ่านพ้น​แต่ละ​ปี​ไป​ได้​ด้วยดี​ ไม่ต้อง​กลัดกลุ้ม​กังวล​”

ลู่​เฉิน​พยักหน้า​ “ขนบธรรมเนียม​ของ​ชาวบ้าน​ใน​เมือง​เล็ก​เรียบง่าย​บริสุทธิ์​ คำพูด​โบร่ำโบราณ​ก็​มีมากมาย​ ข้า​เคย​สัมผัส​กับ​ตัวเอง​มาก่อน​ ได้ประโยชน์​มาไม่น้อย​ และ​ข้า​เอง​ก็​เป็น​เพราะ​วางแผง​ดูดวง​อยู่​ใน​บ้านเกิด​เจ้าได้​ไม่นาน​พอ​ จึงได้​เรียนรู้​มาแค่​ผิวเผิน​เท่านั้น​ ไม่อย่างนั้น​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​แห่ง​นั้น​ ทุกครั้งที่​ไป​เยี่ยมเยือน​นักพรต​ซุน​ที่​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ ใคร​สอน​ใคร​ให้​วางตัว​เป็น​คน​ก็​ยัง​ไม่แน่​เลย​นะ​”

ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​คำพูด​ของ​ลู่​เฉิน​แม่นยำ​ หรือ​เป็น​เพราะ​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงท่าน​นี้​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​กัน​แน่​ ถึงได้​มีหิมะ​ตก​ลงมา​จริงๆ​ อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​หิมะ​ใหญ่​เท่า​ขน​ห่าน​อย่าง​สมชื่อ​อีกด้วย​ เกล็ด​หิมะ​ใหญ่​เท่า​ฝ่ามือ​ คนต่างถิ่น​ของ​ไพศาล​ที่​มาหา​ประสบการณ์​บน​หัว​กำแพงเมือง​แห่ง​นี้​อย่าง​พวก​เว่ย​จิ้น​ เฉาจวิ้น​ แน่นอน​ว่า​ตกตะลึง​ระคน​ยินดี​เป็น​ทบ​ทวี​ ยาม​ที่​หิมะ​ใหญ่​ตก​ลงมา​ ทัศนียภาพ​จะยิ่ง​งดงาม​ชวนมอง​ ผืน​แผ่นดิน​กว้างใหญ่​ผู้คน​บางตา​ ลม​พัด​แรง​อากาศ​หนาวเย็น​ เกล็ด​หิมะ​เล็ก​ๆ ปิดผนึก​ภูเขาใหญ่​และ​แม่น้ำ​

ลู่​เฉิน​ที่​ง่วนอยู่กับ​การต้ม​เหล้า​เอ่ย​ปลงอนิจจัง​ขึ้น​มาอย่าง​ไม่มีต้นสายปลายเหตุ​ “ออกจาก​บ้าน​มาอยู่​ข้างนอก​ ทาง​ต้อง​เดิน​ให้​มั่นคง​ ข้าวต้อง​กิน​ช้าๆ คำพูด​ต้อง​พูด​ให้​ดี​ รู้จัก​ทำดี​กับ​คนอื่น​ หาเงิน​ด้วย​ความปรองดอง​ ทะเลาะเบาะแว้ง​ ตีรันฟันแทง​ ช่างน่าเบื่อ​ยิ่งนัก​ เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าว่า​ใช่เหตุผล​นี้​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​ร่า​พลาง​พยักหน้า​รับ​ “เวลานี้​สถานที่​นี้​คำพูด​นี้​ ฟังแล้ว​มีเหตุผล​มาก​เป็นพิเศษ​”

ข้าง​กาย​ของ​ตน​ก็​คือ​หนิง​เหยา​ ส่วน​คน​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​ลู่​เฉิน​ก็​คือ​สิงกวาน​หาว​ซู่

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ตอนนี้​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​ต่าง​ก็​ยัง​ไม่ได้​ออก​ไป​จาก​หัว​กำแพงเมือง​

คน​ทั้ง​สี่ต่าง​ก็​เป็น​คนกันเอง​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

เหลือ​เพียง​เจ้าคน​ที่​บ้านเกิด​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ แต่กลับ​วิ่ง​ไป​เป็น​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ผู้​นี้​เท่านั้น​ที่​เป็น​คนนอก​ซึ่งไม่เป็นที่ชื่นชอบ​ของ​คนอื่น​สัก​เท่าไร​

ดังนั้น​ก่อนที่​ลู่​เฉิน​จะเอ่ย​ประโยค​นี้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​จึงแอบ​ใช้เสียง​ใน​ใจสอบถาม​หาว​ซู่ว่า​ “ใต้เท้า​สิงกวาน​ หาก​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ให้​เจ้าฟัน​ข้า​ เจ้าจะฟัน​หรือไม่​ฟัน​?”

หาว​ซู่ให้​คำตอบ​อย่าง​ไม่ลังเล​ “อยู่​ที่อื่น​ เฉิน​ผิง​อัน​พูด​อะไร​ล้วน​ไม่ได้ผล​ อยู่​ที่นี่​ ข้า​ย่อม​ต้อง​พิจารณา​อย่าง​จริงจัง​”

อันที่จริง​ลู่​เฉิน​มีอคติ​ต่อ​เรื่อง​ของ​การ​ประลอง​เวท​คาถา​บน​ภูเขา​อย่าง​ถึงที่สุด​ เว้น​เสีย​จากว่า​เป็นเรื่อง​ที่​จำเป็น​จริงๆ​ ยกตัวอย่างเช่น​เดินทาง​ไป​เยือน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู หรือ​ยกตัวอย่างเช่น​ไป​งัดข้อ​กับ​เทวบุตร​มาร​นอก​โลก​ที่​ฆ่าอย่างไร​ก็​ไม่หมดสิ้น​ที่​ฟ้านอก​ฟ้า ปี​นั้น​หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ช่วย​ศิษย์​พี่​ปกป้อง​มรรคา​ถึงจำต้อง​หวน​กลับมา​บ้านเกิด​อย่าง​ใต้​หล้า​ไพศาล​ เขา​ก็​ไม่สนใจ​หรอ​กว่า​ฉีจิ้งชุน​จะสามารถ​ก่อตั้ง​ลัทธิ​ตั้ง​ตน​เป็น​บรรพ​จารย์​ได้​หรือไม่​ บน​โลก​ใบ​นี้​มีเพิ่ม​มาหนึ่ง​ก็​ไม่ถือว่า​มาก​ ลดน้อยลง​ไป​หนึ่ง​ก็​ไม่ถือว่า​น้อย​ ฟ้าดิน​ก็​ยังคง​เป็น​ฟ้าดิน​แห่ง​นั้น​ วิถี​ทางโลก​ก็​ยังคง​เป็น​วิถี​ทางโลก​อยู่​เหมือนเดิม​ไม่ใช่หรือ​ เกี่ยว​อะไร​กับ​เขา​ด้วย​

แต่​คน​ที่​เกียจคร้าน​อย่าง​ลู่​เฉิน​ก็​มีคน​ที่​เลื่อมใส​ ยกตัวอย่างเช่น​ความ​รักเดียว​ใจเดียว​และ​ความ​ดึงดัน​ของ​อู๋ซวงเจี้ยง​แห่ง​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ นักพรต​ซุน​บอ​กว่า​เอา​กระบี่​เซียน​ไท่​ป๋า​ย​ให้ยืม​ แต่​แท้จริง​แล้ว​เท่ากับ​มอบให้​ป๋า​ย​เห​ย่​ คือ​อิสระ​เสรี​อย่างหนึ่ง​ที่​มีความ​องอาจ​ห้าว​เหิม​ ใน​ฐานะ​บุคคล​อันดับ​ที่​ห้า​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ที่​ต่อให้​ฟ้าผ่า​ก็​ไม่สะเทือน​ และ​ยัง​เป็น​ผู้นำ​ของ​สาย​เซียน​กระบี่​แห่ง​ลัทธิ​เต๋า​ หาก​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ซุน​ไหว​จงถือครอง​ไท่​ป๋า​ย​ เลื่อนขั้น​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ ศิษย์​พี่​รอง​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​ของ​ลู่​เฉิน​ก็​คง​ต้อง​ทำตัว​ให้​กระฉับกระเฉง​เพื่อ​ต่อสู้​กับ​อีก​ฝ่าย​ให้​ดี​ๆ สัก​ตั้ง​

ส่วน​เฉิน​ชิงตู​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ที่​ใช้ความ​ไร้​อิสระ​ของ​คน​คน​หนึ่ง​แลกเปลี่ยน​มาด้วย​อิสระ​เสรี​อัน​ยิ่งใหญ่​ในอนาคต​อีก​พันปี​หมื่น​ปี​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ห้า​สี ไย​จะไม่ใช่อิสระ​เสรี​ที่​ยิ่งใหญ่​ของ​ใจคน​

ส่วน​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ใช้สถานะ​ของ​อิ่น​กวาน​ผสาน​มรรคา​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​อีก​ครึ่งหนึ่ง​ที่​เหลือ​นั้น​ เป็น​การกระทำ​ที่​จำใจ จิตใจ​มิอาจ​เปลี่ยนแปลง​

ความเสียดาย​เพียง​หนึ่งเดียว​ของ​ลู่​เฉิน​ก็​คือ​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่อาจ​สังหาร​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​กับ​มือ​ตัวเอง​แล้ว​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​ได้​ ไม่ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะแกะสลัก​ตัวอักษร​ตัว​ใด​ลง​ไป​ พูดถึง​แค่​ลายมือ​และ​ความหมาย​นั้น​ ลู่​เฉิน​ก็​รู้สึก​ว่า​ต่อ​ให้ได้​แค่​มอง​ไม่กี่​ที​ก็​คุ้มค่า​ให้​ตน​คอย​แอบ​ดอด​หนี​ออกจาก​ป๋า​ยอ​วี้​จิงมาที่นี่​บ่อยๆ​ แล้ว​

ลู่​เฉิน​ยื่น​เหล้า​ถ้วย​หนึ่ง​ไป​ให้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ “มองดู​ภาพ​บรรยากาศ​การ​นั่งลง​ถก​เหตุผล​ของ​เจ้าเมื่อครู่นี้​แล้ว​ มีหวัง​ที่จะ​ได้​เลื่อน​เป็น​เซียน​เห​ริน​ มีความหวัง​มาก​แล้ว​ ขอแสดงความยินดี​ด้วย​ ข้า​อยู่​ที่นี่​ขอแสดงความยินดี​ก่อน​ล่วงหน้า​ ส่วน​ของขวัญ​ร่วม​แสดงความยินดี​นั้น​คง​ต้อง​ติด​เอาไว้​ก่อน​ เหลือ​ค้าง​ไว้​สัก​สอง​สามปี​ วันหน้า​เมื่อ​เจ้าไป​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ก็​ไป​ขอ​จาก​ข้า​มาได้​เลย​ ข้า​จะไป​รีดไถ​เอา​มาจาก​นคร​และ​หอ​เรือน​ต่างๆ​ ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงที่​สนิทสนม​กัน​ก็แล้วกัน​”

ดูเหมือนว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะไม่มีจิตใจ​ที่​ระแวดระวัง​อะไร​ เขา​รับ​ถ้วย​เหล้า​มาแล้วก็​ดื่ม​ทันที​ ลู่​เฉิน​ชูแขน​ขึ้น​สูง ยื่น​เหล้า​อีก​ถ้วย​หนึ่ง​ไป​ให้​หาว​ซู่ที่อยู่​ข้าง​กาย​ อิ่น​กวาน​และ​สิงกวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ต่าง​ก็​รับ​เอาไว้​แล้ว​ ลู่​เฉิน​โน้มตัว​ไป​ด้านหน้า​ ถามว่า​ “แม่นาง​หนิง​ เจ้าเอง​ก็​เอา​สัก​ถ้วย​ไหม​? เป็น​เหล้า​หมัก​เซียน​ที่​มีเฉพาะ​ของ​นคร​ชิงชุ่ย​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง เจีย​งอ​วิ๋น​เซิงเพิ่งจะ​รับ​ตำแหน่ง​เจ้านคร​ ข้า​อุตส่าห์​ไป​ขอ​มาอย่าง​ยากลำบาก​ เจีย​งอ​วิ๋น​เซิงก็​คือ​นักพรต​น้อย​ที่​เฝ้าประตู​อยู่​กับ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​จางลู่​น่ะ​ ทุกวันนี้​เจ้าลูก​กระต่าย​ผู้​นี้​นับว่า​ร่ำรวย​ใหญ่​แล้ว​ ถึงกับ​กล้า​ไม่เห็น​ข้า​อยู่​ใน​สายตา​ พร่ำพูด​ไม่ขาดปาก​ว่า​ทำ​ทุกอย่าง​ไป​ตามหน้าที่​”

หนิง​เหยา​เอ่ย​ “ไม่ต้อง​”

ลู่​เฉิน​เอง​ก็​ไม่กล้า​บังคับ​ใน​เรื่อง​นี้​ นักพรต​เฒ่าจำนวน​ไม่น้อย​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ทุกวันนี้​ต่าง​ก็​กังวล​ว่า​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ห้า​สีแห่ง​นั้น​ ในอนาคต​วันใดวันหนึ่ง​กองกำลัง​ลัทธิ​เต๋า​จาก​ฝ่าย​ต่างๆ​ ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​จะถูก​หนิง​เหยา​พก​กระบี่​ไป​ไล่​ฆ่ากวาดล้าง​พวกเขา​จน​หมดสิ้น​หรือไม่​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!