กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 849

เฉิน​ผิง​อัน​ถอน​สาย​ตากลับ​ “ดังนั้น​มนุษย์​ธรรมดา​อย่าง​เรา​ๆ ถึงไม่มีชีวิต​อิสระ​เสรี​ เดินทาง​ท่องเที่ยว​ไป​ไกล​อย่าง​สุข​สบายใจ​ เป็น​ดั่ง​เรือ​ที่​ไม่ต้อง​ผูก​เชือก​ ไร้​สิ่งใด​ให้​เป็นห่วง​พะวง​หา​ได้​อย่าง​เจ้าลัทธิ​ลู่​อย่างไรเล่า​”

ลู่​เฉิน​หัวเราะ​คิกคัก​ “ลู่​เฉิน​ของ​วันนี้​และ​ของ​พรุ่งนี้​ แน่นอน​ว่า​ย่อม​ต้อง​มีอิสระ​ได้​หลาย​ส่วน​ แต่​ชีหยวน​ลี่​ (หมายถึง​จวง​จื่อ​ นักปราชญ์​ผู้ยิ่งใหญ่​ของ​จีน​ใน​สมัยโบราณ​) ใน​อดีต​ก็​ยัง​ต้อง​ยืม​เงิน​มาจาก​ขุนนาง​ที่​ดูแล​ลำคลอง​ เขา​เอง​ก็​เคย​ยากจน​สิ้นหวัง​เหมือน​เจ้ามาก่อน​ ยาก​ที่จะ​ทำ​ความปรารถนา​ให้​เป็นจริง​มาเนิ่นนาน​ ทุก​เรื่อง​ทุกเวลา​ล้วน​ไร้​อิสระ​ โชคดี​ที่​ข้า​คน​นี้​เป็น​คน​มอง​ได้​กว้าง​ ปลง​ได้​ตก​ เชี่ยวชาญ​การ​หา​ความสุข​ท่ามกลาง​ความทุกข์​แล้ว​ปรับตัว​เข้ากับ​มัน​ ดังนั้น​ข้า​ใน​ทุกๆ​ วันพรุ่งนี้​จึงคู่ควร​ให้​ตัวเอง​รอคอย​คาดหวัง​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ต้อง​เรียนรู้​การฝึกฝน​จิตใจ​กับ​นักพรต​ลู่​ให้​มาก​แล้ว​”

“เรื่อง​ของ​การฝึกฝน​อบรม​จิตใจ​ ใคร​ก็​อย่า​ได้​เรียนรู้​เอาอย่าง​ข้า​เลย​”

ลู่​เฉิน​โบกมือ​ นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​ได้​ก็​เอ่ย​ว่า​ “ป๋า​ย​เห​ย่​เอง​ก็ได้​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​แล้ว​ มีภาพ​บรรยากาศ​ยิ่งใหญ่​ สร้าง​วีรกรรม​อัน​โอ่อ่า​ตระการตา​ให้​แก่​ใต้​หล้า​ แม้แต่​อาจารย์​ของ​ข้า​ก็​ยัง​เอ่ย​ว่า​มีมาด​อัน​องอาจ​โดดเด่น​ของ​เซียน​กระบี่​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “อาจารย์​เล่า​ให้​ฟังแล้ว​”

ลู่​เฉิน​ทำ​สีหน้า​เห็นอกเห็นใจ​อย่าง​จริงใจ​ “อันที่จริง​เรื่อง​ของ​การ​ตั้งชื่อ​นี้​ พวกเรา​สอง​คน​ต่าง​ก็​เป็น​มือดี​อันดับ​หนึ่ง​ น่าเสียดาย​ที่​ข้า​พก​เอาชื่อ​กระบี่​บิน​มาสิบ​กว่า​ชื่อ​ ตั้งใจ​ไป​เยือน​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​โดยเฉพาะ​ นักพรต​ซุน​เอง​ก็​กระตือรือร้น​รับรอง​แขก​ยิ่งนัก​ ถึงกับ​ขยุ้ม​เข็มขัด​วิ่ง​ออกจาก​ห้องส้วม​มาพบ​ข้า​อย่าง​รีบร้อน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “นักพรต​ซุน​มีโอกาส​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่หรือไม่​?”

ลู่​เฉิน​ส่ายหน้า​ “ไม่ว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คนใด​ อันที่จริง​ก็​ล้วน​มีโอกาส​ใน​การผสาน​มรรคา​ เพียงแต่ว่า​ยิ่ง​ขอบเขต​มั่งคง​สมบูรณ์​ ตบะ​ยิ่ง​อยู่​สูงบน​ยอดเขา​มาก​เท่าไร​ คอขวด​ก็​จะยิ่งใหญ่​มาก​เท่านั้น​ นี่​คือ​ตรรกะ​อย่างหนึ่ง​”

เฉิน​ผิง​อัน​เงียบงัน​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ​ ยาม​อยู่​กับ​คน​สอง​สามคน​ เขา​มักจะ​มีความรู้สึก​หลอกตา​อยู่​เสมอ​ ครั้งแรก​คือ​ตอน​ได้​พบ​อา​เหลียง​ แรกเริ่ม​มักจะ​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ได้​เจอ​กับ​นักต้มตุ๋น​ใน​ยุทธ​ภพ​คน​หนึ่ง​ อีก​ฝ่าย​ชอบ​พูดจา​ปากเปราะ​ปาก​ไร้​หูรูด​ทุกวัน​ ทำให้​รู้สึก​ว่า​หาก​พูด​คำ​หนึ่ง​ไม่เข้าหู​ คำพูด​ใด​เกิน​กว่า​เหตุ​ไป​ก็​อาจจะ​ถูก​จูเห​อ​ต่อย​จน​ล้มคว่ำ​

ตอน​อยู่​บน​เรือ​ราตรี​ อู๋ซวงเจี้ยง​ที่​เพิ่ง​ผ่านศึก​ใหญ่​มาหมาดๆ​ นั่ง​ดื่ม​สุรา​ร่วมโต๊ะ​ สุภาพอ่อนโยน​

ตอน​อยู่​ท่าเรือ​พ่าน​สุ่ย​ ยักษ์​ใหญ่​แห่ง​วิถี​มาร​อย่าง​เจิ้งจวี​จง ทั่ว​ร่าง​กลับ​เต็มไปด้วย​กลิ่นอาย​ของ​บัณฑิต​

นอกจากนี้​ก็​เป็น​ลู่​เฉิน​ที่​ได้​รู้จัก​มาตั้งแต่​แรกเริ่ม​สุดคน​นี้​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่มีทาง​รู้​เลย​ว่า​ลู่​เฉิน​คิด​อะไร​อยู่​กัน​แน่​ แล้​วจะ​ทำ​อะไร​ต่อ​ เพราะ​ไม่มีเส้นสาย​ใดๆ​ ให้​สืบเสาะ​

ลู่​เฉิน​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “สายตา​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ช่างดี​จริงๆ​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​รู้สึก​ว่า​เด็กหนุ่ม​ใน​อดีต​เคร่งขรึม​เหมือน​คนแก่​เกินไป​ ระมัดระวัง​รอบคอบ​เกินไป​

มีเพียง​เฉิน​ชิงตู​ที่​รู้สึก​ว่า​เด็กหนุ่ม​ต่างถิ่น​ที่​เขา​เห็น​อยู่​ใน​สายตา​ เปี่ยม​ไป​ด้วย​พลัง​ชีวิต​อัน​สดใส​ ร่าเริง​กระตือรือร้น​

ลู่​เฉิน​เป็น​ฝ่าย​พูดถึง​ผู้ฝึก​กระบี่​กลุ่ม​ที่​เดินทางไกล​ไป​เยือน​มืด​สลัว​ “สหาย​สอง​คน​นั้น​ของ​เจ้า ต่ง​ถ่าน​ดำ​ไป​อยู่​ที่​นคร​เสิน​เซียว​ แต่​เพราะ​นิสัย​แข็งกร้าว​จึงไม่ยินยอม​ถูกรับ​เข้าไป​อยู่​ใน​ทำเนียบ​ขุนนาง​เต๋า​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง เจ้าอ้วน​เยี่ยน​ไป​อยู่​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ของ​นักพรต​ซุน​ ต่าง​ก็​ปรับตัว​ได้​ มีชีวิต​ที่​ดี​”

ผู้ฝึก​กระบี่​รวม​ทั้งสิ้น​สิบ​หก​คน​ที่​มีก่อกำเนิด​ผู้เฒ่า​เฉิงเฉวียน​เป็น​ผู้นำ​ได้​ติดตาม​ภูเขา​ห้อย​หัว​บิน​ทะยาน​ไป​ยัง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ สุดท้าย​ต่าง​คน​ต่าง​แยกย้าย​กัน​ไป​ เก้า​คนใน​นั้น​เลือก​ที่จะ​ฝึก​กระบี่​อยู่​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ส่วน​เฉิงเฉวียน​กลับ​ตรง​ไป​อยู่​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ของ​อู๋ซวงเจี้ยง​อย่าง​ที่​เหนือ​การ​คาดคิด​ของ​ทุกคน​ แล้ว​ยัง​เข้า​ทำเนียบ​สำนัก​ รับหน้าที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​ เพราะ​ผู้ฝึก​กระบี่​เฒ่าเก็บ​ความลับ​เรื่อง​หนึ่ง​ไว้​กับ​ตัว​ เขา​ได้​นำ​กล่อง​กระบี่​ที่​ห่อหุ้ม​ด้วย​ผ้าฝ้าย​ใบ​หนึ่ง​ไป​วาง​ไว้​บน​หิน​พัก​มังกร​กลาง​น้ำ​ของ​หอ​กว้าน​เชวี่ย​

“เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​อะไร​คือ​เวท​ย้าย​ภูเขา​ คือ​วิชา​อภินิหาร​เคลื่อนย้าย​มหาสมุทร​ที่​แท้จริง​?”

“หวัง​ว่า​เจ้าลัทธิ​ลู่​จะไม่ขี้เหนียว​ ยอม​ถ่ายทอด​ความรู้​ให้​”

“ใน​สายตา​ของ​ข้า​ อันที่จริง​เจ้าเชี่ยวชาญ​วิชา​นี้​มานาน​แล้ว​ ก็​เหมือน​ห้อง​สอง​ห้อง​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​มีคน​คน​หนึ่ง​คอย​ย้าย​ข้าวของ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ทำ​บ่อย​ก็​ยิ่ง​เกิด​ความเคยชิน​ ยิ่ง​นาน​ก็​ยิ่ง​คล่องมือ​”

“เจ้าลัทธิ​ลู่​พูดจา​ลึกลับ​ไป​หน่อย​ ฟังไม่ค่อย​เข้าใจ​สัก​เท่าไร​”

“อีก​เดี๋ยว​ก็​จะเข้าใจ​แล้ว​ ไม่ว่า​เรื่องราว​อัน​งดงาม​ใดๆ​ ล้วน​ไม่ได้​มีอยู่​แค่​เฉพาะ​บน​บุปผา​ดอก​เดียว​เท่านั้น​”

หลังจากนั้น​คน​ทั้งสอง​ก็​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​อีก​ ต่าง​คน​ต่าง​ดื่มเหล้า​ของ​ตัวเอง​

เฉิน​ผิง​อัน​กำลัง​คิด​ว่า​หาก​วันหน้า​ไป​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​จริงๆ​ ควรจะ​อำพราง​ตัวตน​อย่างไร​

ลู่​เฉิน​กำลัง​รอคอย​ว่า​หาก​วันใด​เฉิน​ผิง​อัน​มาถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ จะเป็นความ​ครึกครื้น​แบบ​ใด​

เหล่า​กระบี่​ผู้สืบทอด​ทั้งหลาย​ของ​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ ก่อนหน้านี้​ต่าง​คน​ต่าง​ก็​ติดตาม​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​ออก​มาจาก​ท่าเรือ​ทั้งสอง​แห่ง​ เพียงแต่ว่า​ขี่​กระบี่​ตามหลัง​มาค่อนข้าง​ห่างไกล​ ภายใต้​การ​คุ้มกัน​ของ​เส้าอวิ๋นเหยียน​กับ​ถัว​เหยียนฮู​หยิน​ เวลานี้​ถึงเพิ่งจะ​ขี่​กระบี่​มาถึงหัว​กำแพงเมือง​ ต่าง​ก็​พลิ้ว​กาย​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​อีก​แถบ​หนึ่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ไป​ไกลๆ​ พยักหน้า​ทักทาย​เส้าอวิ๋นเหยียน​ ส่วน​กระบี่​ที่​เหลือ​ คน​ส่วนใหญ่​เขา​ล้วน​รู้จัก​ เพราะ​ตอน​ที่อยู่​ท่าเรือ​เกาะ​นกแก้ว​เคย​ได้​เจอ​หน้า​สอง​สามคน​ เด็กสาว​ที่​มัด​ผม​หาง​ม้าชื่อว่า​อู๋​ม่าน​เหยียน​ นาง​คือ​คน​ที่​มีคุณสมบัติ​ด้าน​การ​ฝึก​กระบี่​ดีเยี่ยม​ที่สุด​ใน​บรรดา​สิบ​แปด​กระบี่​ ข้าง​กาย​เด็กสาว​ยังมี​เฮ้อ​ชิว​เซิงคน​วัย​เดียว​กันที่​เคย​ป่าวประกาศ​ว่า​ในอนาคต​จะมาถามกระบี่​กับ​เขา​

ถัว​เหยียนฮู​หยิน​มายืน​อยู่​ข้าง​กาย​ลู่​จือ​ ยังคง​รู้สึก​ไม่สบายใจ​เล็กน้อย​ จึงขยับ​เท้า​ไป​หลบ​อยู่​ด้านหลัง​ลู่​จือ​เสีย​เลย​ พยายาม​อยู่​ให้​ห่าง​จาก​นักพรต​คน​นั้น​หน่อย​ นาง​ใช้เสียง​ใน​ใจถามอย่าง​ขลาดกลัว​ว่า​ “นักพรต​คือ​คน​ผู้​นั้น​หรือ​?”

ลู่​จือ​พยักหน้า​ “ไม่แน่​ว่า​อาจ​ได้​ตี​กัน​ ถึงเวลา​นั้น​เจ้าก็​ไม่ต้อง​สนใจ​อะไร​ทั้งนั้น​ แค่​ต้อง​เผ่นหนี​ไป​ให้​ไกล​หน่อย​”

ฉีถิงจี้ยิ้ม​เอ่ย​ “ไม่ถึงขั้น​นั้น​หรอก​”

เห็นได้ชัด​ว่า​ลู่​จือ​ผิดหวัง​เล็กน้อย​

เฉาจวิ้น​ที่​นัดหมาย​ล่วงหน้า​ว่า​จะไป​รับหน้าที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​สุดท้าย​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ก่อนหน้านี้​เห็น​นักพรต​หนุ่ม​ที่​สวม​กวาน​ดอกบัว​บน​ศีรษะ​ เพื่อ​หลบ​แสงกระบี่​เส้น​หนึ่ง​ก็​ถึงกับ​วิ่ง​พล่าน​หลบหนี​อุตลุด​ จึงอดไม่ไหว​ถามเว่ย​จิ้น​ว่า​ “นักพรต​นี่​มาได้​อย่างไร​ โผล่​ออก​มาจาก​ไหน​กัน​? ดู​แล้ว​ขอบเขต​สูงมาก​เลย​นะ​ คงจะ​ไม่ใช่ท่าน​ลุง​ได้มา​เปล่า​คนใด​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​อีก​กระมัง​?”

เว่ย​จิ้น​กล่าว​ “คือ​เจ้าลัทธิ​สามของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ได้ยิน​มาว่า​เมื่อก่อน​เจ้าลัทธิ​ลู่​ไป​ตั้ง​แผง​ดูด​วงใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูอยู่​นาน​หลาย​ปี​ ถือเป็น​คนรู้จัก​เก่า​กับ​พวก​คน​รุ่นเยาว์​หลาย​คน​ซึ่งมีเฉิน​ผิง​อัน​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ ปี​นั้น​เจ้ากลับ​บ้านเกิด​ช้าไป​ จึงพลาด​ไป​”

เฉาจวิ้​นรี​บถ​อน​สายตา​กลับมา​ทันที​ ไม่กล้า​มอง​นาน​อีกแล้ว​ เขา​เงียบ​ไป​พักใหญ่​ ก่อน​จะเอ่ย​ว่า​ “หาก​ข้า​เกิด​และ​เติบโต​อยู่​ใน​เมือง​เล็ก​ ด้วย​คุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​ตน​ของ​ข้า​จะต้อง​ได้ดิบได้ดี​อย่าง​มาก​แน่นอน​”

เฉาจวิ้น​ส่ายหน้า​ “คุณสมบัติ​? อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูอย่า​พูดถึง​เรื่อง​นี้​เลย​ ด้วย​นิสัย​ของ​เจ้า ได้​เจอ​กับ​ยอด​ฝีมือ​ที่​อำพราง​ตน​อย่าง​ลึกลับ​พวก​นี้​แต่​เนิ่นๆ​ คาด​ว่า​คิด​จะเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​คง​กลายเป็น​ความเพ้อฝัน​แล้ว​ ดี​หน่อย​ หาก​ไม่เป็น​ช่างเผา​เครื่อง​ปั้น​อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​ล​หลี​จู ก็​คง​ต้อง​ทำไร่ทำนา​ ขึ้น​เขา​ไป​ตัด​ต้นไม้​เผา​ฟืน​ ชั่วชีวิต​กลายเป็น​คน​ไร้​ชื่อเสียง​ หรือ​หาก​ดวง​ซวย​กว่า​นั้น​สักหน่อย​ ต่อให้​กลายเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​แล้ว​ ตกลง​ไป​ใน​หลุมพราง​ของ​คนอื่น​ก็​คงจะ​ยัง​ไม่รู้ตัว​”

เฉาจวิ้น​เอ่ย​ “ไม่ถูก​กระมัง​ ข้า​จำได้​ว่า​ใน​เมือง​เล็ก​มีเจ้าพวก​ลูก​กระต่าย​ พวก​คน​ซื่อบื้อ​หลาย​คน​ที่​พูดจา​ระคายหู​ยิ่งกว่า​ข้า​ เวลา​ทำ​เรื่อง​อะไร​ขึ้น​มาก​็สน​แต่​หัว​ไม่สน​บั้นท้าย​ (เปรียบเปรย​ว่า​ยาม​ทำ​อะไร​ไม่พิจารณา​ให้​รอบคอบ​) ทุกวันนี้​แต่ละคน​ก็​มีชีวิต​ที่​ดีกัน​มาก​ไม่ใช่หรือ​?”

เว่ย​จิ้น​เอ่ย​ “คำพูด​และ​การกระทำ​ของ​คน​เหล่านั้น​ล้วน​มาจาก​จิตใจ​ดั้งเดิม​ ยอด​ฝีมือ​ย่อม​ไม่ถือสา​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​ยัง​ผลัก​เรือ​ไป​ตาม​กระแสน้ำ​ แต่​เจ้ากลับ​ไม่เหมือนกัน​ ใช้อุบาย​อวด​ฉลาด​ หาก​เจ้าตกไป​อยู่​ใน​เงื้อมมือ​ของ​เจ้าลัทธิ​ลู่​ เกิน​ครึ่ง​เขา​คง​ไม่ถือสา​ที่จะ​สอน​ให้​เจ้ารู้​ว่า​ควร​เป็น​คน​อย่างไร​”

เฉาจวิ้น​กำลังจะ​โต้กลับ​ ใน​ทะเลสาบ​หัวใจ​พลัน​มีเสียง​ของ​ลู่​เฉิน​ดัง​ขึ้น​ “เซียน​กระบี่​เฉามีฝีมือ​สูงส่งทั้ง​ยัง​ใจกล้า​ ถามกระบี่​กับ​คนอื่น​ใน​ตรอก​หนี​ผิง​ไป​รอบ​หนึ่ง​ ผิน​เต้า​แค่​ได้ยิน​คน​เล่า​ให้​ฟังหลัง​จบเรื่อง​ก็​ยัง​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​อยู่​หลาย​ส่วน​ คนหนุ่ม​มาก​ความสามารถ​ที่​ใจกล้า​เทียมฟ้า​อย่าง​เจ้า หาก​จะไป​เป็น​เจ้านคร​ เจ้าหอ​ของ​ห้า​นคร​สิบสอง​หอ​เรือน​ใน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงก็​มาก​พอ​เหลือแหล่​ ถือเป็น​การนำ​คน​มีความสามารถ​ไป​ใช้ใน​งาน​เล็กน้อย​ด้วยซ้ำ​! เป็น​อย่างไร​ วันหน้า​ผิน​เต้า​จะพา​เจ้าไป​ท่อง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ด้วยกัน​สัก​รอบ​ดีไหม​?”

เฉาจวิ้น​ได้ยิน​ก็​ตกใจ​จน​จิต​แห่ง​มรรคา​ไม่มั่นคง​ ตอบ​เสียงสั่น​ว่า​ “มิกล้า​รบกวน​เจ้าลัทธิ​ลู่​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!