กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 850

สรุปบท บทที่ 850.2 หนึ่งนั้น: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 850.2 หนึ่งนั้น จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 850.2 หนึ่งนั้น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หลัง​จากนั้นมา​บุรุษ​ก็​ไม่ค่อย​กล้า​หาเรื่อง​ยุ่งยาก​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​อีก​จริงๆ​ อย่าง​มาก​ก็​แค่​พูดจา​เหน็บแนม​ที่​ไม่เจ็บ​ไม่คัน​ลับ​หลังเขา​ เพราะ​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ล้วน​รู้​ว่า​ หลิว​เสี้ยน​หยาง​คือ​ลูกศิษย์​เข้า​ห้อง​ (เปรียบเปรย​ถึงลูกศิษย์​ที่​ถูกรับ​เข้า​สำนัก​และ​ได้รับ​การ​ถ่ายทอดวิชา​แล้ว​) ที่​เหยา​เหล่า​โถว​ชื่นชอบ​ที่สุด​ เวลา​นั้น​พวก​ลูกจ้าง​ที่​เตาเผา​ทุกคน​ต่าง​ก็​รู้กัน​ดี​อยู่​แก่​ใจว่า​ในอนาคต​มีถึงแปด​เก้า​ใน​สิบ​ส่วน​ที่​หลิว​เสี้ยน​หยาง​จะได้​เป็น​หัวหน้า​ช่างของ​เตาเผา​มังกร​คน​ถัดไป​ ประเด็นสำคัญ​คือ​เจ้าหมอ​นี่​อายุ​ไม่มาก​ แต่​ตัว​กลับ​สูงใหญ่​ แล้ว​ยัง​นิสัย​ร้าย​เจ้าอารมณ์​ ลงมือ​ที​ไม่รู้จัก​หนัก​เบา​ เพียงแต่ว่า​เวลา​ปกติ​ยาม​อยู่​ร่วมกับ​คนอื่น​มักจะ​หัวเราะ​อารมณ์ดี​ คบค้าสมาคม​ได้​ง่าย​ และ​เวลา​ปกติ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ก็​เป็น​คน​มือเติบ​ใจกว้าง​ ไม่เคย​รั้ง​เงิน​เอาไว้​ได้​ ต้นเดือน​ได้​รับเงิน​มา กลางเดือน​ก็​ใช้จ่าย​หมด​แล้ว​ ดังนั้น​คน​ทั่วไป​จึงไม่ค่อย​ยินดี​จะไป​มีเรื่อง​กับ​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ที่​เข้ากับ​คน​ได้​ง่าย​ ทว่า​คุณสมบัติ​ใน​การ​เผา​เครื่อง​ปั้น​กลับ​ดี​ยิ่งกว่า​

อันที่จริง​คน​ของ​เมือง​เล็ก​ที่​มีชีวิต​ยากลำบาก​ไม่ได้​มีแค่​เฉิน​ผิง​อัน​เท่านั้น​ ใคร​บ้าง​ที่​ไม่ได้​ใช้ชีวิต​กัน​อย่าง​ยากแค้น​ ใคร​เล่า​จะมีคุณสมบัติ​พูดว่า​ตัวเอง​ไม่อาจ​ทน​ความรำคาญ​ได้​ อีก​อย่าง​ คน​ผู้​หนึ่ง​ที่​ต่อให้​จะรำคาญใจ​กับ​เรื่อง​หยุมหยิม​แค่​ไหน​ แต่​มัน​จะน่ารำคาญ​ได้​เท่า​การ​ที่​ใน​กระเป๋า​ไม่มีเงิน​ ชีวิต​ใน​วันข้างหน้า​ไม่มีความหวัง​ได้​หรือ​?

เอาเป็นว่า​วัน​ที่หนึ่ง​ของ​ทุก​เดือน​ ช่างและ​ลูกศิษย์​ของ​เตาเผา​มังกร​ทุกคน​ต่าง​ก็ได้​รับเงิน​ค่าแรง​บ้าง​มาก​บ้าง​น้อย​มาจาก​มือ​ของ​ผู้เฒ่า​เหยา​ เวลา​นั้น​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่รำคาญ​

นึกถึง​พวก​อวี่​ซื่อ​ ใน​ใจก็​ให้​กลัดกลุ้ม​เป็นกังวล​ นึกถึง​ชาย​ใจหญิง​ที่​สภาพการณ์​น่าสมเพช​เวทนา​ ก็​ให้​รู้สึก​เสียใจ​ เพียงแต่ว่า​พอ​คิดถึง​หลิว​เสี้ยน​หยาง​ เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ยิ้ม​ได้​

คง​เป็น​อย่าง​ที่​ลู่​เฉิน​พูด​ เฉิน​ผิง​อัน​เชี่ยวชาญ​การรื้อ​กำแพง​ตะวันออก​ไป​ซ่อม​กำแพง​ตะวันตก​ ขนย้าย​ข้าวของ​ สับเปลี่ยน​ตำแหน่ง​จริงๆ​ บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​ยากจน​จน​กลัว​ ไม่ใช่ความยากจน​ที่​ไม่เคย​มีวัน​เวลา​ที่​ดี​ แต่​กลับเป็น​ความยากจน​ที่​เกือบจะ​มีชีวิต​ต่อไป​ไม่ได้​ ดังนั้น​นับแต่​เล็ก​มาเฉิน​ผิง​อัน​จึงชอบ​เอา​ข้าวของ​ทั้งหมด​ที่อยู่​ใน​มือ​ตัวเอง​มาแบ่ง​แยกประเภท​อย่าง​ละเอียด​ จัดระเบียบ​อย่าง​เหมาะสม​ ได้​อะไร​มา สูญเสีย​อะไร​ไป​ ล้วน​แยกแยะ​ชัดเจน​ แล้วก็​คง​เพราะเหตุนี้​เขา​ถึงได้​เข้าใจ​องค์​ชาย​ผู้​มีโรค​ย้ำคิดย้ำทำ​ของ​อาราม​หวง​ฮวา​แห่ง​ราชวงศ์​ต้า​เฉวียน​ที่​จำเป็นต้อง​จัดวาง​หนังสือ​ทุก​เล่ม​อย่าง​เป็นระเบียบ​คน​นั้น​ ชั่วชีวิต​นี้​เฉิน​ผิง​อัน​แทบ​ไม่เคย​ทำ​ของ​หาย​ ดังนั้น​ครั้งแรก​ที่​พา​พวก​เป่า​ผิง​น้อย​ออกจาก​บ้าน​เดินทางไกล​แล้ว​ทำ​ปิ่น​หาย​ เขา​ถึงไม่คิด​จะไป​ตามหา​ เพียงแค่​ก้มหน้าก้มตา​ทำ​หีบ​หนังสือ​ไม้ไผ่​ใบ​เล็ก​ต่อไป​ แค่​บอก​กับ​หลิน​โส่ว​อี​ว่า​หาไม่​เจอ​

เฉิน​ผิง​อัน​เก็บ​ความคิด​กลับมา​ รวบ​สอง​มือ​เข้าหา​กัน​ พ่น​ลมหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ

รอ​ให้​ธุระ​ที่​ต้า​หลี​เสร็จ​เรียบร้อย​ คง​ต้อง​ไป​ที่​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​ทันที​จริงๆ​ แล้ว​

ลู่​เฉิน​ยืด​แขน​บิดขี้เกียจ​ อ้า​ปาก​หาว​ “ไป​แล้ว​ๆ หาว​ซู่ ตกลง​กัน​ไว้​แล้ว​นะ​ว่า​อย่า​ตาย​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ออก​กระบี่​ระวัง​หน่อย​ สะสมคุณ​ความชอบ​ทางการ​สู้รบ​ให้ได้​มาก​พอ​ พอ​ไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ จำไว้​ว่า​ต้อง​ไป​ดื่มเหล้า​กับ​ผิน​เต้า​ด้วย​ ด้วย​เวท​กระบี่​ของ​เจ้าและ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เป็น​เจ้านคร​อยู่​ใน​ป๋า​ยอ​วี้​จิง…ก็​ไม่ต้อง​ลุ้น​ หัวไชเท้า​หนึ่ง​หัว​กับ​หลุม​หนึ่ง​หลุม​โดยแท้​ ช่วงนี้​เจ้าลูก​กระต่าย​น้อย​เจีย​งอ​วิ๋น​เซิงผู้​นั้น​ไป​รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ที่​ได้รับ​ทรัพย์​มาก​ที่​นคร​ชิงชุ่ย​แล้ว​ จัดการ​ได้​ค่อนข้าง​ยาก​จริงๆ​ แต่​ถ้าบอ​กว่า​ต้อง​รอ​อีก​ร้อย​ปี​ เป็นหนึ่ง​ใน​เจ้าหอ​ของ​สิบสอง​หอ​เรือน​ ผิน​เต้า​ก็​ยัง​พอ​จะออกแรง​มาก​หน่อย​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​โคลง​ศีรษะ​ สะบัด​หิมะ​ที่​หล่น​ทับ​อยู่​บน​ร่าง​ทิ้ง​ไป​ ลุกขึ้น​ยืน​ช้าๆ ปัด​ชุด​สีเขียว​ ยิ้ม​ถามว่า​ “ลู่​เฉิน​ พวกเรา​มาทำการค้า​กัน​ครั้งหนึ่ง​ เป็น​อย่างไร​?”

ลู่​เฉิน​รีบ​หยุด​เดิน​ทันใด​ ไม่พูดพร่ำทำเพลง​ก็​ตอบ​ตกลง​ทันที​ “ได้​สิ”

เฉิน​ผิง​อัน​หันไป​มอง​หนิง​เหยา​

นาง​พยักหน้า​ ทอดสายตา​มอง​ไป​ไกล​ เลิกคิ้ว​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ ตั้งใจ​เช่นนี้​อยู่​พอดี​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ไป​ยัง​หัว​กำแพงเมือง​อีก​ฝั่งหนึ่ง​ ใช้เสียง​ใน​ใจยิ้ม​ถาม “เจ้าสำนัก​ฉี?”

ฉีถิงจี้พยักหน้า​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​จะพยายาม​แกะสลัก​ตัวอักษร​ให้ได้​อีก​ตัว​ เรื่อง​ที่​ปี​นั้น​ผู้อาวุโส​จงหยวน​พลาดโอกาส​ไป​ต่อหน้าต่อตา​ ก็​ให้​ข้า​เป็น​คน​ทำให้​สำเร็จ​เถอะ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถามอีก​ “อาจารย์​ลู่​?”

ลู่​จือ​มีรอยยิ้ม​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ ตอบ​ว่า​ “กำลัง​รอ​ประโยค​นี้​ของ​เจ้าอยู่​พอดี​”

รอยยิ้ม​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หญิง​ที่​เรือน​กาย​สูงเพรียว​ มองดู​แล้ว​ค่อนข้าง​ผอม​สูงยิ่ง​กด​ลึก​กว่า​เดิม​ “หาก​โชคดี​ พวกเรา​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​รอดชีวิต​กลับมา​ ไม่ว่า​อะไร​ก็​ไม่ต้อง​พูดมาก​ หาก​พวกเรา​มีแค่​คนเดียว​ที่​รอด​กลับมา​ ก็​ช่วย​ริน​เหล้า​หนึ่ง​กา​ให้​กับ​อีก​ฝ่าย​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​แห่ง​นี้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ตกลง​ด้วย​รอยยิ้ม​

สีหน้า​ลู่​เฉิน​เอ้อระเหย​

เฉิน​ผิง​อัน​ถามฉีถิงจี้ก่อน​ หรือ​ถามลู่​จือ​ก่อน​ ใน​นี้​ได้​ซุกซ่อน​ความรู้​ที่​เป็นเรื่อง​ของ​ผู้คน​และ​เรื่องราว​บน​โลก​มนุษย์​เอาไว้​

ลู่​จือ​ต้อง​ตอบ​ตกลง​ทำ​เรื่อง​นี้​แน่นอน​ แต่​ฉีถิงจี้กลับ​ไม่แน่​เสมอไป​ หาก​ถามลู่​จือ​ก่อน​ก็​ไม่สมควร​แล้ว​ หาก​ฉีถิงจี้ไม่ตอบ​ตกลง​ก็​จะเสีย​ภาพลักษณ์​ของ​เซียน​กระบี่​และ​เจ้าสำนัก​ไป​

เพียงแต่​ลู่​เฉิน​ก็​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ฉีถิงจี้ไม่เพียง​ตอบ​ตกลง​ว่า​จะออก​กระบี่​ ดูเหมือนว่า​จะมีความตั้งใจ​เช่นนี้​มาตั้งแต่แรก​แล้วด้วย​? ตอนนั้น​หลังจากที่​ฉีถิงจี้ออก​ไป​จาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ฟ้าสูงแผ่นดิน​กว้างใหญ่​ ไม่มีใคร​มาคอย​ถ่วง​รั้ง​ กว่า​จะฝืน​นิสัย​ล้มเลิก​แผนการ​ที่จะ​กลายเป็น​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​ห้า​สีได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ สุดท้าย​หยัดยืน​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ได้​อย่าง​มั่นคง​ หาก​วันนี้​เลือก​จะติดตาม​ทุกคน​ออกจาก​เมือง​ไป​ออก​กระบี่​ เป็น​ตาย​ก็​ยัง​ไม่รู้​ ใคร​ก็​ไม่กล้า​พูดว่า​ตัวเอง​จะต้อง​มีชีวิตรอด​ออก​มาจาก​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ได้​อย่าง​แน่นอน​ ส่วน​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ หาก​ต้อง​สูญเสีย​เจ้าสำนัก​และ​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ไป​ อาศัย​อะไร​ถึงจะวิ่ง​นำ​ทุกคน​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ไป​ไม่เห็น​ฝุ่น​? ไม่แน่​ว่า​พวกเขา​ที่อยู่​ใน​ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​อาจ​ไม่ใช่สำนัก​แห่ง​วิถี​กระบี่​ที่​สมชื่อ​อีก​แล้วก็​เป็นได้​

ลู่​เฉิน​ถามอย่าง​ใคร​รู้​ “เซียน​กระบี่​อาวุโส​ฉี เหตุใด​ถึงยินดี​ทำ​เช่นนี้​ ดูเหมือนว่า​นี่​จะไม่สอดคล้อง​นิสัย​ที่​ต้อง​วางแผน​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ลงมือทำ​ของ​เจ้าเลย​นะ​”

ฉีถิงจี้คลี่​ยิ้ม​ ไม่ได้​ให้​คำตอบ​

ใน​สายตา​ของ​ลู่​เฉิน​ เห็น​เพียง​ว่า​เซียน​กระบี่​ผู้เฒ่า​ที่​รูปโฉม​อ่อนเยาว์​คน​นั้น​ยืน​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ เรือน​กาย​สูงเพรียว​ หน้าตา​หล่อเหลา​ เสื้อผ้า​เป็น​สีเดียว​กับ​หิมะ​ ตรง​เอว​พก​กระบี่​ฝัก​สีดำ​หนึ่ง​เล่ม​ กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​มีแต่​บุรุษ​หล่อเหลา​และ​สาวงาม​จริงๆ​

นี่​ก็​คง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​กระมัง​

หาก​ทำ​อะไร​ต้อง​ใช้เหตุผล​ ยัง​จะต้อง​ลำบาก​ฝึก​กระบี่​ไป​ทำไม​

ผู้ฝึก​กระบี่​สอง​คน​ที่อยู่​ใน​สนามรบ​ อา​เหลียง​เป็น​คนต่างถิ่น​ จั่ว​โย่ว​ก็​เป็น​คนต่างถิ่น​

อิ่น​กวาน​ที่​กำลังจะ​ก้าว​ลง​สู่สนามรบ​ เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​เป็น​คนต่างถิ่น​เหมือนกัน​

ข้า​ฉีถิงจี้ ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ใน​พื้นที่​ซึ่งมีอายุ​มาก​ที่สุด​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ใน​ทุกวันนี้​ ก็​จะถือว่า​ได้​ดื่ม​สุรา​คารวะ​แก่​ผู้ฝึก​กระบี่​ต่างถิ่น​ทุกคน​ที่มา​รบ​ตาย​อยู่​ ณ ที่​แห่ง​นี้​

สุดท้าย​เฉิน​ผิง​อัน​ถามว่า​ “สิงกวาน​ว่า​อย่างไร​?”

หาว​ซู่ยก​สอง​แขน​กอดอก​ เอ่ย​ว่า​ “บอก​ไว้​ก่อน​น่ะ​ว่า​ หาก​มีผลงาน​ทางการ​สู้รบ​ มีศีรษะ​ที่เก็บ​ได้​ ต้อง​เอา​ให้​ข้า​ จะได้​นำ​ไป​มอบให้​ศาล​บุ๋น​ น้ำใจ​ที่​ติดค้าง​เจ้าครั้งนี้​ วันหน้า​พอ​ไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ค่อย​ใช้คืน​ หาก​เจ้าตอบ​ตกลง​ ข้า​ก็​จะออก​ไป​พร้อมกับ​พวก​เจ้า ต่อให้​จะเป็น​สิงกวาน​ไม่สมตำแหน่งหน้าที่​แค่​ไหน​ แต่​ข้า​ก็​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​หนึ่ง​ ดังนั้น​วางใจ​ได้​ ขอ​แค่​ออก​กระบี่​ ไม่สน​เป็น​ตาย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ “ไม่มีปัญหา​”

เพราะ​ลู่​จือ​ไม่ได้​ใช้เสียง​ใน​ใจพูด​ ดังนั้น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​ที่​พอ​จะเดา​ความจริง​ออก​คร่าวๆ​ จึงเงยหน้า​มอง​หิมะ​ปลิว​ปราย​เต็ม​ท้องฟ้า​ ดูเหมือน​เว่ย​จิ้น​จะนึกถึง​ฤดูหนาว​ใน​สำนัก​บ้านเกิด​ตอนที่​ตน​ยัง​เป็น​เด็ก​ เด็กหนุ่ม​ขี่​กระบี่​ไป​ยัง​หอ​เทพ​เซียน​ เดินทาง​ไป​พร้อมกับ​ลม​และ​หิมะ​

เว่ย​จิ้น​ยื่นมือ​ไป​กุม​กระบี่​ยาว​ที่​วาง​พาด​หัวเข่า​เอาไว้​ เอ่ย​ว่า​ “บวก​ข้า​ไป​อีก​คน​ รับรอง​ว่า​ไม่เป็น​ตัวถ่วง​”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ตอนนี้​ขอบเขต​ของ​เจ้ายัง​ไม่พอ​”

แม้ว่า​เว่ย​จิ้น​จะเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​คน​หนึ่ง​ แต่​การ​เดินทาง​ไป​เยือน​พื้นที่​ใจกลาง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ใน​ครั้งนี้​ ไม่เหมาะสม​ ไม่สมควร​

ประโยค​นี้​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ต่าง​จาก​ประโยค​ที่​เว่ย​จิ้น​บอ​กว่า​เฉาจวิ้น​ไม่อาจ​เข้าไป​อยู่​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ได้​

เฉาจวิ้นอด​รู้สึก​ไม่เป็นธรรม​แทน​เซียน​กระบี่​ใหญ่​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​ไม่ได้​ จึงใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “ขอบเขต​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ต่ำกว่า​เจ้าหนึ่ง​ขั้น​ ยัง​มีหน้า​มาพูดจา​เช่นนี้​อีก​หรือ​?”

ดูเหมือนว่า​เว่ย​จิ้น​จะไม่ถือสา​เลย​แม้แต่น้อย​ เปลี่ยน​จาก​ท่า​จับ​กระบี่​มือ​เดียว​มาเป็น​ท่า​กด​กระบี่​ด้วย​สอง​มือ​ เท่ากับ​ล้มเลิก​ความคิด​นั้น​ไป​แล้ว​

เฉาจวิ้น​เอ่ย​อย่าง​ร้อนใจ​ “เว่ย​จิ้น​ เจ้าเป็น​อะไร​ไป​ อยู่​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ พูดจา​หรือ​ทำ​อะไร​ไม่มีความ​แข็งแกร่ง​เลย​แม้แต่น้อย​”

ผิน​เต้า​กลับ​ไม่เหมือนกัน​ ยินดี​จะตั้งชื่อ​ชาย​แขน​เสื้อ​ข้าง​หนึ่ง​ว่า​ ‘ที่​ตี​คน​ฉลาด​ทั่วโลก​มนุษย์​’

ลู่​เฉิน​เงยหน้า​มอง​ม่าน​ฟ้า พึมพำ​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าอย่า​ลืม​ล่ะ​ว่า​ ใน​นคร​หนัน​หัว​แสงจันทร์​เหมือน​ทิวา​ สิบ​หอ​หยก​หา​ใช่บ้านเกิด​ข้า​ไม่ บ้านเกิด​ของ​ข้า​ก็​คือ​ใต้​หล้า​ไพศาล​แห่ง​นี้​”

หนิง​เหยา​ทอดสายตา​มอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​

อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ข้า​ออก​กระบี่​อย่างไร​ เจ้าห​ลี่​เซิ่งและ​ศาล​บุ๋น​ต่าง​ก็​ควบคุม​ไม่ได้​แล้ว​

ลู่​เฉิน​เอ่ย​เตือน​ “ทุกท่าน​ ก่อน​จะออกเดินทาง​ ผิน​เต้า​ขอ​ปากมาก​พูด​สัก​ประโยค​ เป็นการ​สาด​น้ำเย็น​ใส่หน้าที่​ไม่ถูก​กาลเทศะ​ รากฐาน​กำลัง​ทรัพย์​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​มีไม่น้อย​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​ได้​เจอ​พวก​คน​มหัศจรรย์​ที่​ต่อสู้​ได้​เก่ง​อยู่​หลาย​คน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ หนิง​เหยา​ ฉีถิงจี้ ลู่​จือ​ หาว​ซู่ ผู้ฝึก​กระบี่​ทั้ง​ห้า​ต่าง​ก็​คลี่​ยิ้ม​อย่าง​รู้ใจ​กัน​ ต่าง​ก็​ไม่มีใคร​เปิดปาก​พูด​

ดูแคลน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​เท่ากับ​ดูแคลน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ที่นี่​

จะเป็น​อย่างนี้​ได้​อย่างไร​ จะทำ​แบบนี้​ได้​อย่างไร​

ลู่​เฉิน​ยื่นมือ​ไป​ประคอง​กวาน​เต๋า​ ดี​นัก​นะ​ ร่วมมือ​กัน​รังแก​คนต่างถิ่น​หรือ​

เฮ้อ​โซ่ว​อาจารย์​ผู้เฒ่า​ อริยะ​ปราชญ์​ผู้​มีเทวรูป​ตั้ง​ใน​ศาล​บุ๋น​ซึ่งเฝ้าพิทักษ์​ม่าน​ฟ้าแห่ง​นี้​เห็นภาพ​บน​หัว​กำแพง​ที่อยู่​ด้านล่าง​ก็​ให้​ปลงอนิจจัง​ยิ่ง​

จนกระทั่งบัดนี้​ อาจารย์​ผู้เฒ่า​ถึงจะเพิ่ง​เข้าใจ​ว่า​อะไร​คือ​ ‘อิ่น​กวาน​’ ที่​แท้จริง​

ต่อให้​อยู่​ที่​การประชุม​ของ​ศาล​บุ๋น​ อริยะ​ผู้​มีรูปปั้น​แทบ​ทุกคน​ ผู้อำนวยการ​สถานศึกษา​และ​เจ้าขุนเขา​สำนักศึกษา​ต่าง​ก็​พา​กัน​ตรวจสอบ​เอกสารลับ​ ตรวจสอบ​ดู​ประวัติ​ความเป็นมา​ เฮ้อ​โซ่ว​รู้สึก​ว่า​ตน​เข้าใจ​คนหนุ่ม​ผู้​นี้​มาก​พอแล้ว​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ไม่ใช่ ยังอยู่​ห่างไกล​จาก​ความจริง​มามาก​นัก​

ไม่พูดถึง​หนิง​เหยา​คนรัก​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​

พูดถึง​แค่​ฉีถิงจี้เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ที่​ได้​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​ ลู่​จือ​ที่​มีชาติกำเนิด​จาก​ไพศาล​ แต่กลับ​มอง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เป็น​แค่​บ้านเกิด​เพียง​แห่ง​เดียว​เท่านั้น​ และ​ยังมี​หาว​ซู่สิงกวาน​ที่​น้อย​ครั้ง​จะเผย​ตัว​ แต่​พอ​ลงมือ​ที​กลับ​สังหาร​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​

ดูเหมือนว่า​คน​เหล่านี้​จะให้ความสำคัญ​กับ​สถานะ​อิ่น​กวาน​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​มากกว่า​ผู้ฝึก​ตน​ของ​ใต้​หล้า​ศาล​

ลู่​เฉิน​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “ใช่แล้ว​ พูดถึง​เรื่อง​เมื่อครู่นี้​ จู่ๆ ข้า​ก็​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ เฉิน​ผิง​อัน​ และ​ยังมี​หนิง​เหยา​ แน่นอน​ว่า​ยังมี​ใต้เท้า​สิงกวาน​ด้วย​ พวก​เจ้าสามคน​รู้​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ รู้​รากฐาน​มหา​มรรคา​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​จางลู่​หรือไม่​?”

หาว​ซู่ส่ายหน้า​ เขา​เป็น​สิงกวาน​อย่างไร​ ใน​ใจตัวเอง​รู้ดี​ที่สุด​ คาด​ว่า​พอ​ไป​ถึงนคร​บิน​ทะยาน​ หาก​บอกชื่อ​แซ่ของ​ตัวเอง​ออก​ไป​คง​ถูก​ด่า​สาดเสียเทเสีย​เป็นแน่​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​สบตา​กับ​หนิง​เหยา​ ต่าง​คน​ต่าง​ส่ายหน้า​ เห็นได้ชัด​ว่า​หนิง​เหยา​ไม่เคย​ได้ยิน​เรื่อง​เพิ่มเติม​เกี่ยวกับ​จางลู่​มาจาก​พวก​ผู้อาวุโส​ทุกคน​ ส่วน​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​ไม่เคย​เจอ​บันทึก​เอกสารลับ​ใดๆ​ ที่​เกี่ยวกับ​จางลู่​จาก​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​มาก่อน​

หนิง​เหยา​รู้​แค่​ว่า​จางลู่​อายุ​ห้า​ร้อย​กว่า​ปี​ คุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​กระบี่​ดีเยี่ยม​ อีก​ทั้ง​ยัง​เป็น​สหาย​รัก​ของ​บิดา​มารดา​ จางลู่​กับ​อา​เหลียง​เอง​ก็​ถูกชะตา​กัน​มาก​ ต่อให้​พ่ายแพ้​ใน​ศึก​สิบ​สามของ​ปี​นั้น​ ชื่อเสียง​ของ​จางลู่​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​ยัง​ไม่ถือว่า​แย่​ ไม่ว่า​กับ​ใคร​ก็​สามารถ​ดื่มเหล้า​คุย​เล่น​ด้วย​ได้​ แต่​ดูเหมือน​จางลู่​กลับ​ไม่เคย​มอบ​ใจให้​ใคร​เป็นพิเศษ​

ลู่​เฉิน​นวด​คลึง​หว่าง​คิ้ว​ เอ่ย​อย่าง​ปวดหัว​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าไม่เคย​คิด​เลย​หรือว่า​ทำไม​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ถึงได้​ให้​จางลู่​ไป​เฝ้าประตู​ใหญ่​อยู่​ที่​ภูเขา​ห้อย​หัว​? จางลู่​กับ​เซียว​สวิ้น​อดีต​อิ่น​กวาน​คน​ก่อน​เข้ากันได้​ดีมาก​ หรือ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​จะมอง​ไม่ออก​เลย​ว่า​จางลู่​มีความ​เป็น​ศัตรู​ต่อ​ใต้​หล้า​ไพศาล​? อีก​อย่าง​ด้วย​นิสัย​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​จาง เขา​เอง​ก็​ไม่เคย​ปิดบัง​เรื่อง​พวก​นี้​ ต่อให้​สุดท้าย​แล้ว​จางลู่​จะทรยศ​ออกจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ แต่​ทำไม​จางลู่​ถึงยัง​ต้อง​เฝ้าอยู่​ที่​ซาก​ปรัก​ของ​ภูเขา​ห้อย​หัว​อยู่​เหมือนเดิม​ ไม่เคย​ขยับ​ไป​ไหน​แม้แต่​ก้าว​เดียว​ เอาแต่​เฝ้าประตู​ใหญ่​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​? กระทั่ง​เผ่า​ปีศาจ​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ถอยทัพ​ออกจาก​ไพศาล​เหมือน​กระแสน้ำ​ที่​ไหล​ลง​ จางลู่​ถึงได้​จากไป​?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!