เจ้าอารามผู้เฒ่ามาที่ภูเขาลั่วพั่วแห่งนี้ หลักๆ แล้วก็เพื่อมาพบจูเหลี่ยน น่าเสียดายที่ต้องรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย คนตรงหน้าผู้นี้ยังอยู่ไกลเกินกว่าที่จะตื่นจากฝัน
ผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์มีแค่สามคนครึ่งเท่านั้นที่ทำให้นักพรตเฒ่าวางใจและเคารพนับถือได้มากที่สุด หลี่เซิ่ง เจ้าลัทธิใหญ่แห่งป๋ายอวี้จิง พระโพธิสัตว์แห่งดินแดนพุทธะสุขาวดี
ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ไม่เคารพ แต่กลับวางใจ นั่นก็คือลู่เฉิน
แต่เจ้าอารามผู้เฒ่าก็มีความกังวลและคลางแคลงใจอยู่หลายส่วน จูเหลี่ยนผู้นี้จะคืนสติมานานแล้วหรือไม่ หรือว่าเขาไม่เคยเข้าสู่ความฝันอย่างแท้จริงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว?
เจ้าลู่เฉินผู้นี้ มีเรื่องอะไรที่เขาจะทำไม่ได้บ้างเล่า
ระหว่างฟ้าดิน หากไม่มีขอบเขตสิบห้าทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนใดที่มีอยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงคนที่จะลุกผงาดขึ้นมาในอนาคต ไม่ว่าจะอยู่ในใต้หล้าแห่งใด อันที่จริงก็เท่ากับว่าได้สูญเสียตรวนพันธนาการที่ใหญ่ที่สุดไปแล้ว จะต้องมีอิสระมากกว่าเดิม อิสระจนใกล้เคียงกับคำว่าบริสุทธิ์ได้ยิ่งกว่าเดิม
โชคดีที่ใต้หล้าไพศาลยังมีหลี่เซิ่งที่เคาพกฎระเบียบที่สุดอยู่คนหนึ่ง แต่หากจะพูดถึงใต้หล้ามืดสลัว ผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริงของป๋ายอวี้จิงท่านนั้น นิสัยของอวี๋โต้วเจ้าลัทธิรองเป็นอย่างไร ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมานี้ ขนาดคนเดินถนนก็ยังรู้
คาดว่าผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนทำเนียบวงศ์ตระกูลหรือผู้ฝึกตนอิสระแห่งป่าเขา คงจะต้องประเมินความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับป๋ายอวี้จิงให้ดีๆ สักรอบหนึ่งแล้ว ถึงขั้นที่ว่าแม้กระทั่งผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่ที่มีอยู่ในใต้หล้ามืดสลัว ขอแค่เป็นคนที่นิสัยเข้ากันกับอวี๋โต้วไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจำเป็นต้องเตรียมการหาทางถอยไว้ให้ตัวเองแต่เนิ่นๆ แล้วด้วย
แน่นอนว่าในบรรดาคนเหล่านี้ อู๋ซวงเจี้ยงแห่งตำหนักสุ้ยฉูและนักพรตซุนแห่งอารามเสวียนตูใหญ่จะต้องเป็นข้อยกเว้นสองข้อ
คนหนึ่งพุ่งเป้าไปที่การแบ่งเป็นตายกับอวี๋โต้ว อีกคนหนึ่งคืออันดับที่ห้าแห่งใต้หล้าที่ฟ้าผ่าก็ไม่สะเทือน หากจะประลองมรรคกถากันขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่าไม่มีใครที่เป็นตะเกียงขาดน้ำมัน แล้วนับประสาอะไรกับที่ ‘ผินเต้าช่วยเจ้ากับลู่เฉินพูดจาดีๆ เท่าลานตากธัญพืชหลายลาน เจ้าอวี๋โต้วยังมีหน้ามาหาเรื่องผินเต้าอีกหรือ เจ้าเป็นตัวที่ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นอย่างนั้นรึ?’
อยู่ดีๆ จูเหลี่ยนก็ถามคำถามหนึ่งขึ้นมา “หากหลี่เซิ่งก็จากไปเช่นกัน สภาพการณ์ของใต้หล้าทั้งหลายจะเป็นเช่นไร?”
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มตาหยีตอบ “คำถามนี้ถามได้อย่างเนรคุณมากแล้วนะ”
ชุยตงซานพูดใส่อารมณ์ “ไร้มารยาท ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว โชคดีที่หลี่เซิ่งของพวกเราใจดี ไม่มีทางถือสาการก่อกวนอย่างไร้เหตุผลของเจ้า”
เขาประกบสองมือเข้าด้วยกัน ยกท่วมเหนือหัวแล้วเขย่าอย่างแรง
จูเหลี่ยนถามอีกว่า “หลังจากที่มรรคาจารย์เต๋าสลายมรรคาแล้ว เจ้าลัทธิใหญ่หายตัวไปนานหลายปี ลู่เฉินก็ไม่เคยสนใจเรื่องใด อี๋โต้วจะใช้ป๋ายอวี้จิงกักขอบเขตบินทะยานส่วนใหญ่และผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ทั้งหมดมาด้วยความเร็วที่ฟ้าผ่าไม่ทันป้องหูหรือไม่? มีความเป็นไปได้นี้หรือไม่? หากว่ามี ทางฝั่งของใต้หล้ามืดสลัวจะมีคนมาจัดการ จะขัดขวางอวี๋โต้วได้หรือไม่?”
เจ้าอารามผู้เฒ่าหัวเราะหยัน “อู๋ซวงเจี้ยงได้ให้คำทำนายที่คล้ายกับข้อสรุปแบบตอกปิดฝาโลงแก่อวี๋โต้วไว้นานแล้ว หากท่านไม่ฝึกขัดเกลาคุณธรรม คนที่อยู่บนเรือจะกลายเป็นศัตรูไปหมดสิ้น และนั่นก็คือหนทางสู่ความตาย”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เจ้าอารามผู้เฒ่าก็หัวเราะ “เจ้าอารามซุนผู้นั้นนิสัยชั่วร้ายมาแต่ไหนแต่ไร พอได้ยินคำทำนายนี้ก็ด่าอู๋ซวงเจี้ยงให้คนรับรู้กันทั่ว บอกว่าผายลมเหม็นๆ ของมารดาเจ้าน่ะสิ สหายอวี๋โต้วของข้าคนนั้นคือใคร? คือผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริง! คนทั้งเรือกลายเป็นศัตรูแล้วอย่างไร สิ่งที่สหายอวี๋โต้วต้องการก็คือสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่ที่มองดูคล้ายรายล้อมไปด้วยภยันตราย แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นแค่การตกอกตกใจไปเองเช่นนี้แหละ”
ส่วนความนัยในถ้อยคำของเจ้าอารามผู้เฒ่าก็คือนอกจากตำหนักสุ้ยฉูและอารามเสวียนตูแล้ว ตัวเขาเองที่ทุกวันนี้ได้ย้ายทั้งอารามและลูกศิษย์ในอารามไปอยู่ในใต้หล้ามืดสลัวแล้ว ก็ล้วนถือเป็นคนบนเรือลำเดียวกับอวี๋โต้วแล้ว
ชุยตงซานรินน้ำชาให้เจ้าอารามผู้เฒ่าถ้วยหนึ่ง “ผู้อาวุโส ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านและอาจารย์ของข้าก็ถือว่าเป็นสหายต่างวัยกันได้แล้ว อุตส่าห์มาเยือนภูเขาลั่วพั่วทั้งที คราวหน้าที่จะแวะมาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นวันเดือนปีไหนแล้วจริงๆ ไม่สู้ให้ข้าพาท่านไปเดินเล่นบนยอดเขาจี้เซ่อดีไหม?”
เจ้าอารามผู้เฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “อย่ามาทำเนียนตีสนิทกับผินเต้าอย่างส่งเดช ยกภาพจำลองส่วนหนึ่งของพื้นที่มงคลดอกบัวให้เฉินผิงอันไปก็ถือว่าข้ามีคุณธรรมมีน้ำใจมากพอแล้ว”
ชุยตงซานยังคงไม่ถอดใจ “ก็แค่เดินเล่นบนภูเขาลั่วพั่วไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง แค่นี้ผู้อาวุโสก็ยังไม่ตอบตกลงอีกหรือ จะดูไร้เหตุผลเข้ากับคนอื่นไม่ได้เกินไปหน่อยแล้ว”
ทุกก้าวที่เจ้าอารามผู้เฒ่าท่านนี้เดินไปบนโลกมนุษย์ จุดที่เขาเหยียบย่างลงไป ล้วนมีความพิถีพิถันใหญ่ เพราะมันจะกลายเป็นสถานที่แห่งการพรวนไถในทุกหนทุกแห่ง
ใบไม้ผลิหว่านไถใบไม้ร่วงเก็บเกี่ยว สวมตรวนพันธนาการมานาน ทั้งชีวิตยุ่งง่วนอยู่ในผืนนา พูดถึงใคร?
นิสัยวัว (เปรียบเปรยถึงนิสัยแข็งกร้าวดื้อดึง) ส่วนนั้นของเจ้าอารามผู้เฒ่า แน่นอนว่าเป็นเพราะมีคุณสมบัติให้เย่อหยิ่งจองหอง เหตุใดในอดีตผืนนาถึงสามารถใช้ฟ้าดินมาเป็นคันนา
บนพื้นดินกว้างใหญ่ ดินล้วนมีอายุ มีธาตุ เมื่อได้รับฝนชุ่มฉ่ำต้นหญ้าก็ถือกำเนิด คนไถพรวนลงแรง ชาวนาชาวไร่หว่านร้อยธัญพืช มนุษย์ธรรมดาทำนา ดินไม่อุดมสมบูรณ์ต้องใส่ปุ๋ย ดินเบาต้องใช้เท้าวัวห่อผ้าเหยียบย่ำให้แน่น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเปลี่ยนดินอ่อนแอมาเป็นดินที่แข็งแกร่ง และวิธีการไถหญ้าสดลงไปในดินหรือวิธีกดเขียว (เก็บปุ๋ยเขียวหมักไว้ในดินที่นาเพื่อทำปุ๋ย) มองดูเหมือนธรรมดาสามัญ แต่แท้จริงแล้วกลับมีประวัติความเป็นมา คำว่ากด (ยา) นี้มาจากคำว่ายาเซิ่ง กดข่มเสนียดชั่วร้ายรับความมงคล
ผู้อาวุโสตงไห่จากอารามกวานเต๋าผู้นี้ เส้นทางที่เขาเดินผ่าน สุดท้ายแล้วจะสามารถทำให้ลมปราณขุ่นมัวสกปรกในฟ้าดินกลายเป็นปราณสะอาดสดชื่น และปราณสะอาดที่ลี้ลับมหัศจรรย์ประเภทนี้ หากเปรียบกับปราณวิญญาณที่ผู้ฝึกตนมองเป็นรากฐานแห่งมหามรรคาแล้วกลับยิ่งไม่อาจใช้กำลังคนไปช่วงชิงมาได้ยิ่งกว่า
หากจะบอกว่าปราณวิญญาณคือรากฐานแห่งการฝึกตน ถ้าอย่างนั้นปราณสะอาดก็คือต้นกำเนิดแห่งโชคชะตา
บรรพจารย์ของสำนักกสิกรรมหนึ่งในเมธีร้อยสำนัก หากว่าโชคดีได้พบกับเจ้าอารามผู้เฒ่าคนนี้ก็มีแต่จะทำเกินกว่าเหตุยิ่งกว่าชุยตงซาน
ปวงประชาสงบสุข การเก็บเกี่ยวประจำปีดีเยี่ยม ห้าธัญพืชอุดมสมบูรณ์ ถือเป็นความมงคลดุจเทพเจ้าให้พร เป็นปีที่ดีงาม
ชุยตงซานหรือจะยอมพลาดโอกาสที่พันปีก็ยากจะพานพบนี้ไปได้ เขานึกอยากจะพานักพรตเฒ่าเหยียบไปให้ทั่วน้ำใสเขาเขียวบนภูเขาทุกลูกของบ้านตนเลยด้วยซ้ำ!
เป็นคนนี่นะ ก็ต้องเดินเหยียบย่างให้เต็มเท้าให้มั่นคงเช่นนี้แหละ
เจ้าอารามผู้เฒ่าส่ายหน้า “หลักการของกำไรและขาดทุนเรียบง่ายแค่นี้ ยังต้องให้ข้าเป็นคนสอนเจ้าซิ่วหู่ด้วยหรือ?”
สายตาชุยตงซานฉายแววขุ่นเคืองไม่พอใจ เอาชายแขนเสื้อปาดโต๊ะกลับไปกลับมา “ผู้อาวุโสด่าคนอีกแล้ว”
ใบหน้าของเจ้าอารามผู้เฒ่าเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน “สมควรแล้วที่เจ้าต้องไปเป็นลูกศิษย์ของเฉินผิงอัน ก็ไม่รังเกียจว่าน่าขายหน้าเสียบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!