เฒ่าตาบอดเอ่ยว่า “สถานที่ที่นกไม่มาขี้ ไม่มีอะไรน่าดูหรอก”
บนม่านฟ้ามีทางช้างเผือกทอดยาว
ผู้เฒ่าที่เรือนกายผ่ายผอมดุจท่อนฟืน สวมชุดยาวสีม่วง บนชุดปักเป็นภาพปากว้าหยินหยางสองสีขาวดำ
ตรงเอวห้อยน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่เป็นประกายวาววับ เพียงแต่ว่าด้านในคล้ายจะรวบรวมเอาภาพบรรยากาศอันงดงามตระการตาของทางช้างเผือกทั้งเส้นบนนภากาศเอาไว้ ทว่าเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในขั้นสูงสุดแล้วยังด้อยกว่ามากนัก
มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่ง มีความคิดที่จะใช้วิธีฝึกเป็นเซียน รวบรวมปณิธานความมุ่งมั่นให้กลายเป็นความจริง ดุจเซียนนั่งแพไม้ไผ่ ดวงดาวเคลื่อนคล้อยเปลี่ยนตำแหน่ง เดินทางไกลข้ามธาราสวรรค์
เรื่องราวทั้งหลายที่อยู่บนฟ้านับแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนหนีไม่พ้นภาพปรากฎการณ์ของดวงดาว
คนหนุ่มมองฝูลู่อวี๋เสวียนแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยเมย “ขอแสดงความยินดีด้วย”
อวี๋เสวียนลูบหนวดยิ้ม “ช่วยป๋ายเหย่ อีกนิดเดียวก็เกือบจะช่วยให้เสียเรื่องซะแล้ว หลังจบเรื่องรู้สึกละอายใจจนไม่กล้าไปพบเจอหน้าเขา คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์มหาปราชญ์จะสั่งให้มาฝึกตนที่นี่ ได้ครอบครองโชคชะตาฟ้าเพียงลำพัง ก็ยิ่งละอายใจมากกว่าเดิม”
แม้จะพูดอย่างนี้ก็จริง แต่ตอนประชุมศาลบุ๋น ยามที่ผู้เฒ่าพูดคุยกับเทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์และฮว่อหลงเจินเหรินกลับไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อย
อวี๋เสวียนหยิบเหล้าภูเขาชิงเสินกาหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ชูขึ้นสูง “เอาสักกาไหม?”
คนหนุ่มส่ายหน้า
อวี๋เสวียนจึงกรอกเหล้าเข้าปากตัวเอง ถามอย่างใคร่รู้ว่า “เจ้าที่เป็นผู้อาวุโสซึ่งมีคุณธรรมมีชื่อเสียงสูงส่ง ไยต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของถ้ำสวรรค์หลีจูด้วยเล่า?”
พูดถึงเรื่องเครื่องปั้นแห่งชะตาชีวิตที่เผาออกมาจากเตาเผามังกร
และผู้บรรลุมรรคาที่รูปโฉมอ่อนเยาว์ผู้นี้ก็เคยเป็นนายแห่งเซียนดิน และยิ่งได้รับการขนานนามที่ไพเราะว่าบรรพบุรุษแห่งหมื่นคาถา
หนึ่งในสถานที่ฝึกตนของคนผู้นี้มีชื่อว่าภูเขาเหลาซาน ว่ากันว่าตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรใหญ่ ทวยเทพมาขยับก็ไม่เคลื่อนไหว เซียนเจินมิอาจปีนป่าย อยู่ห่างไกลจากโลกมนุษย์
บนภูเขามีป้ายศิลา หอ ห้วย
บนป้ายศิลาแกะสลักคำว่า ‘สะบั้นความโง่เขลาและดึงดันออกจากจักรวาลที่สงบสุข’ ด้านล่างหอหลอมมารมีลำห้วยลึกอยู่เส้นหนึ่ง ชื่อว่าลำห้วยคลำเงิน
และน้ำที่อยู่ในห้วยลึกแห่งนั้นก็คือวิธีเดียวที่ใช้สร้างเงินก่อนหน้าเงินเทพเซียนสามชนิดอย่างเงินเกล็ดหิมะ เงินร้อนน้อยและเงินฝนธัญพืชซึ่งใช้กันทั่วหลายใต้หล้า หรือก็คือรูปแบบเดิมของเงินเหรียญทองแดงแก่นทองในยุคหลัง
วัตถุประสงค์ที่ทำเช่นนี้ เดิมทีก็เพื่อแบ่งแยกและทำลายความเป็นเทพให้ได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าภายหลังเกิดช่องโหว่ที่ไม่เล็ก อาศัยการผลัดเปลี่ยน รวบรวมและรับคืนอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาพันกว่าปี ถึงได้เปลี่ยนมาใช้เงินเทพเซียนสามชนิดอย่างในทุกวันนี้ได้สำเร็จ
คนหนุ่มเอ่ยว่า “ชิงถงเทียนจวินเป็นสหายรักของข้า เขามีเรื่องขอร้อง อะไรที่ข้าช่วยได้ก็ต้องช่วย”
อวี๋เสวียนดื่มเหล้า ไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเก่าแก่นานนมพวกนี้
ในบรรดาลูกศิษย์ของอาจารย์ซานซานจิ่วโหวท่านนี้ก็มีชิงจวินที่มีสำนักตั้งอยู่ที่ภูเขาฟางจู้ ฐานะของสามภูเขาในอดีตยังสูงกว่าห้าบรรพตของไพศาลที่รวมถึงภูเขาสุ้ยซานในทุกวันนี้อีกด้วย
การทดลองในปีนั้นของหลี่เซิ่ง กุญแจสำคัญข้อหนึ่งนั้นอยู่ที่การตั้งใจเชิญอาจารย์ท่านนี้ออกจากภูเขา มาร่วมกำหนดมารยาทกฎเกณฑ์ด้วยกัน
และยังมีลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่ออีกสองคน คือนักพรตหวังหมินและผู้ฝึกกระบี่หลูเยว่ที่อยู่ในยุคเดียวกับป๋ายเหย่ คนทั้งสองที่อยู่บนภูเขาและล่างภูเขาของโลกมนุษย์ต่างก็ชื่อเสียงไม่โดดเด่น เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาเพียงแค่ถูกพูดถึงบนยอดเขาของไพศาลเท่านั้น
คนหนึ่งได้รับคำสั่งให้ออกทะเลไปเยี่ยมเยือนเซียน ส่วนหลูเยว่นั้น ลุกผงาดและร่วงดับประหนึ่งดาวตกที่พุ่งฉิวผ่านท้องนภา
‘คนหนุ่ม’ ผู้นี้ ในอดีตเคยอยู่อาศัยในถ้ำสวรรค์หลีจูช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ถนนฝูลวี่? ถนนฝูลู่ (ยันต์)
ส่วนผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นลูกศิษย์ซึ่งไม่ได้รับการบันทึกชื่อคนนั้นก็มีชาติกำเนิดจากสกุลหลูบนถนนฝูลวี่
ส่วนดอกท้อทั้งหลายที่อยู่ในตรอกเถาเย่ ก็เป็นเขาที่ปลูกกับมือตัวเอง แน่นอนว่าเป็นแค่การกระทำที่ทำไปตามโอกาสเท่านั้น
การสร้างเหรียญทองแดงแก่นทองของราชวงศ์ต้าหลีก็เป็นเขาที่มอบแม่พิมพ์ไปให้
หลังจากที่ถ้ำสวรรค์หลีจูหล่นร่วงลงสู่พื้น สกุลหลูถนนฝูลวี่ที่เคยมีความสัมพันธ์โยงใยกับราชวงศ์สกุลหลูก็เคยแอบมอบหน้าหนังสือจากตำราโบราณให้กับฮองเฮาต้าหลีในเวลานั้นไปสองสามแผ่น
แผ่นหนึ่งในนั้นบันทึกยันต์ไว้บทหนึ่ง มองดูเหมือนระดับขั้นไม่สูง ผลประโยชน์ไม่มาก
ปีนั้นตอนที่หนันจานอยู่ในตรอกหนีผิงก็เคยเอามาปรับใช้หลังจากที่ได้เรียนรู้มา นางร่ายเวททะลุกำแพงบทนั้นด้วยตัวเอง เดินหนึ่งก้าวจากห้องของซ่งจี๋ซินเข้าไปในบ้านบรรพบุรุษของเฉินผิงอัน
‘ฟ้าดินเชื่อมโยง ภูเขาและผนังเชื่อมติด อ่อนนุ่มเหมือนดอกซิ่งฮวา บางเหมือนหน้ากระดาษ นิ้วข้าคือกระบี่ เปิดประตูว่องไว จงมารับคำสั่งของอาจารย์ซานซานจิ่วโหว ณ บัดนี้’
เพียงแต่ว่าแม้แต่ฮองเฮาหนันจาน หรือควรจะเรียกว่าลู่เจี้ยงไทเฮาเหนียงเนียงในภายหลัง ปีนั้นก็ยังไม่เคยได้ยินนามต้องห้ามของซานซานจิ่วโหวมาก่อน นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรู้รากฐานมหามรรคาของเขาเลย
น่าเสียดายที่พอหนันจานกลับมาถึงเมืองหลวงก็ยังไม่อาจสืบหาความจริงได้ เป็นเหตุให้หลายปีมานี้นางไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก่อน ไม่อย่างนั้นหากยันต์ชิ้นนี้ไปตกอยู่ในมือของคนที่ดูของเป็น ลำพังแค่กระดาษหน้านั้นก็กลายมาเป็นสมบัติพิทักษ์ภูเขาได้แล้ว
ฝูลู่เอ่ยอย่างปลงอนิจจัง “ผู้อาวุโสช่างเป็นเทพผู้สมบูรณ์แบบโดยแท้ ข้ามธารดวงดาวข้ามตะวันจันทรา เดินทางไปนอกสามภูเขาสี่มหาสมุทรห้าบรรพต ความเป็นความตายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตน”
คนหนุ่มส่ายหน้าเอ่ย “เมื่อหมื่นปีก่อน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นเจ้าของฟ้าดินแห่งนี้ ข้ามธารดวงดาวนั้นง่าย แต่ข้ามตะวันจันทราก็อย่าดีกว่า รนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?”
ฝูลู่หันหน้าไปมองยังทิศไกล “เจ้าสองคนนั้น เวลานี้กำลังจับตามองมาที่พวกเราสองคนหรือไม่?”
คนหนุ่มกลับไม่ได้มองตามเส้นสายตาของฝูลู่อวี๋เสวียนไป กลับกันยังหันไปมองภูเขาสายน้ำบนพื้นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแทน “ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คิดจะย้ายภูเขา”
สะพานโค้งสีทองแห่งหนึ่ง
ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนบนยอดเขาขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งมาอยู่ที่นี่ก็ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมัน
โจวมี่เดินขึ้นฟ้า ได้ยึดครองตำแหน่งประธานของซากปรักสรวงสวรรค์บรรพกาลอย่างสมเหตุสมผล
เทพอัคคีกลับคืนสู่ตำแหน่ง ฐานะเท่าเทียมกัน ทั้งสองฝ่ายไม่มีแบ่งสูงต่ำ สามารถนั่งทัดเทียมกันได้
หลีเจินคือผู้สวมเสื้อเกราะคนใหม่ที่มารับหน้าที่
ในอดีตมีผู้ฝึกกระบี่สามคนจับมือกันพกกระบี่มาฟาดฟันใส่ภูเขาทัวเยว่ ‘ฝูผิง’ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเฉินชิงตูเล่มนั้นแตกสลายอย่างสิ้นเชิงอยู่ที่ภูเขาทัวเยว่ และภายหลังถึงได้ทำการผสานมรรคากับกำแพงเมืองปราณกระบี่
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของหลงจวินมีชื่อว่าสุสานเซียนต้าซวี
ส่วนร่างเดิมของหลีเจินนั้นก็คือผู้ฝึกกระบี่กวานจ้าว กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเขามีชื่อว่าแม่น้ำแห่งกาลเวลา
อวี่ซื่อเทพวารีคนใหม่ที่ได้เลื่อนขั้น เป็นเจ้านายของเฟยเฟยปีศาจใหญ่บนบัลลังก์
เทพวารีหลี่หลิ่วถูกหร่วนซิ่วดึงความเป็นเทพบนมหามรรคาส่วนใหญ่ออกมาแล้วโยนไปให้กับอวี่ซื่อ
ตอนที่เดินขึ้นฟ้า โจวมี่ได้พกพื้นที่มงคลติดกายมาด้วยหลายแห่ง ส่วนถ้ำสวรรค์ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างนั้น มาอยู่ที่แห่งนี้ก็ไม่มีความหมาย มีแต่จะกลายมาเป็นภาระเท่านั้น
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายของพื้นที่มงคล เป็นทั้งต้นกำเนิดควันธูปของโลกมนุษย์ แล้วก็เป็นที่มาในการเลือกคนเสริมส่วนที่ขาดให้กับตำแหน่งเทพทั้งหลาย
เดิมทีผู้ฝึกกระบี่เฝ่ยหรานเหมาะสมกับการคาดการณ์ล่วงหน้าของโจวมี่มากที่สุด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการมาแทนที่ผู้ครองกระบี่ ตำแหน่งเทพต่ำกว่าห้าเทพชั้นสูงสุดของสรวงสวรรค์เก่า แต่กลับสูงกว่าสิบสองเทพชั้นสูง
เพราะถึงอย่างไรผู้ครองกระบี่ท่านนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่บนโลก
แต่กระบี่เซียนไท่ป๋ายที่ป๋ายเหย่มอบไปให้ผู้อื่นก็ได้เลือกเฉินผิงอัน หลิวไฉ จ้าวเหยา สุดท้ายก็คือเฝ่ยหรานที่เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนหนึ่ง!
ช่างเป็นการวางหมากอย่างไร้เหตุผลที่แม้กระทั่งเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาวก็ไม่มีทางวางหมากเช่นนี้
ย่อมไม่ใช่การจัดการของศาลบุ๋นอย่างแน่นอน นี่ก็คือการสยบกำราบบนมหามรรคาอย่างไร้รูปลักษณ์แบบหนึ่งที่ใต้หล้าไพศาลมีต่อเจี่ยเซิงแห่งไพศาล
โจวมี่จึงได้แต่ถอยไปเลือกในอันดับรอง ทิ้งเฝ่ยหรานไว้ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เลื่อนให้อีกฝ่ายกลายเป็นผู้ครองใต้หล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!