กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 862

เมืองหลวง​ของ​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​

เย่​พู่​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​พา​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​ป๋า​ยเริ่น​กลับมา​ที่​นค​รอ​วี้​ป่าน​ด้วยกัน​

ใน​คลังสมบัติ​ของ​วังหลวง​ สภาพ​น่าเวทนา​จน​แทบ​มิอาจ​ทน​มอง​ได้​

และ​ยังมี​คลังสมบัติ​ของ​ขุนนาง​ราชสำนัก​อวิ๋น​เห​วิน​อีก​กลุ่ม​ใหญ่​ เมื่อ​มีฐานะ​สูงอยู่​ใน​ราชสำนัก​ย่อม​ต้อง​มีสมบัติพัสถาน​ที่​ผู้ฝึก​ตน​หลาย​รุ่น​ใน​ตระกูล​สะสมมาอย่าง​ยากลำบาก​ บัดนี้​กลับ​ถูก​ยกเค้า​เสีย​หมดเกลี้ยง​ เงิน​เก่าเก็บ​ก้น​กรุ​ที่​ไม่เคย​ขยับ​เคลื่อนย้าย​ไป​ไหน​ คาด​ว่า​คงจะ​มีอายุ​พอๆ กับ​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​แล้ว​ คิดไม่ถึง​ว่า​ไม่ถูก​ฮ่องเต้​ใน​แต่ละ​ยุค​แต่ละ​สมัย​ริบ​เอา​ไป​ แต่กลับ​ต้อง​มาถูก​เซียน​กระบี่​สอง​คน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่​ดัน​ไม่ตาย​จาก​การแลก​ชีวิต​กับ​ราชา​บน​บัลลังก์​เก่า​ใหม่​มากวาด​เอา​ไป​จน​เกลี้ยง​ จะไม่ให้​ก็​ไม่ได้​จริงๆ​ เพราะ​หาก​ลังเล​แม้เพียง​เล็กน้อย​ก็​ต้อง​เจอ​กับ​แสงกระบี่​หนึ่ง​เส้น​

เวลานี้​ใน​ท้องพระโรง​ของ​เมืองหลวง​ ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าจำนวน​ไม่น้อย​ที่​ไม่ทัน​ได้​สวม​ชุด​ขุนนาง​กำลัง​ตี​อก​ชก​ตัว​ ผู้ฝึก​ตน​หญิง​บางส่วน​ที่​มีตำแหน่ง​ขุนนาง​ใหญ่โต​ก็​ยิ่ง​ร้องไห้​สะอึกสะอื้น​ ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​หวัง​ว่า​ฮ่องเต้​จะช่วย​ทวง​ความยุติธรรม​ให้​พวกเขา​

เย่​พู่​ที่​ต้อง​เสีย​ค่าย​กล​กระบี่​แห่ง​หนึ่ง​ไป​ยิ่ง​หงุดหงิด​ใจมากกว่า​เดิม​ ใน​นค​รอ​วี้​ป่าน​แห่ง​นี้​ คน​ที่​สูญเสีย​พลัง​ต้นกำเนิด​และ​บาดเจ็บสาหัส​ที่สุด​ควรจะเป็น​เขา​ที่​เป็น​ฮ่องเต้​ถึงจะถูก​

ป๋า​ยเริ่น​หน้า​ขาวซีด​ ริมฝีปาก​สั่น​ระริก​ สอง​มือ​ของ​นาง​กำ​เป็น​หมัด​แน่น​ ก่อนหน้านี้​ตอน​อยู่​ใน​ระเบียง​หอ​สูงซึ่งเป็นที่ตั้ง​ของ​ค่าย​กล​กระบี่​ นาง​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​แต่งกาย​เป็น​นักพรต​ใช้นิ้ว​จิ้มหน้าผาก​แค่​ทีเดียว​ก็​กระเด็น​ลอย​ออก​ไปนอก​เมืองหลวง​ ขอบเขต​ผู้ฝึก​ยุทธ​ลด​จาก​ปลายทาง​มาเป็น​ยอดเขา​!

นาง​เหลือบตา​มอง​สตรี​คน​หนึ่ง​ที่​เคย​มีสัมพันธ์​ชู้สาว​กับ​เย่​พู่​ ก้าว​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​แล้ว​ปล่อย​หมัด​แสกหน้า​ จากนั้น​รัว​หมัด​สังหาร​นัง​จิ้งจอก​โอสถ​ทอง​ผู้​นั้น​จนตาย​ดับ​

ป๋า​ยเริ่น​โบก​ชาย​แขน​เสื้อ​ สลาย​กลิ่นคาว​สาบ​สางขุม​นั้น​ทิ้ง​ไป​ หันหน้า​ไป​มอง​เจ้าพวก​คน​ที่​อึ้ง​ตะลึง​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​ แล้ว​นาง​ก็​หา​เหตุผล​มาอ้าง​ส่งๆ ว่า​ “บังอาจ​สมคบคิด​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ต่างถิ่น​ พยายาม​จะช่วงชิง​บัลลังก์​อย่าง​ลับ​ๆ ไม่รู้จัก​กลัว​ตาย​เสีย​เลย​”

เย่​พู่​ที่นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​มังกร​พยักหน้า​รับ​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ยึด​ทรัพย์สิน​ทั้งหมด​มาเป็น​ของหลวง​”

เอา​กลับมา​ได้​เท่าไร​ก็​เท่านั้น​

สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​

เจ้าสำนัก​มีฉายา​ว่า​ห​ลิง​โย่ว​ คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ที่​มีประสบการณ์​โชกโชน​คน​หนึ่ง​ เจ้าสำนัก​ผู้เฒ่า​กับ​หมี่​จือ​บรรพ​จารย์​ผู้คุม​กฎ​ขอบเขต​หยก​ดิบ​พา​กัน​ออกจาก​ภูเขา​ ทะยาน​ลม​มายัง​ร้านเหล้า​แห่ง​นั้น​

เถ้าแก่​ร้าน​มอบ​เงินร้อน​น้อย​ที่​ลู่​จือ​ทิ้ง​ไว้​ให้​ รวม​ถึงเงิน​ฝน​ธัญพืช​เหรียญ​หนึ่ง​ของ​เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ฉีถิงจี้

ห​ลิง​โย่ว​ยิ้ม​รับเงิน​เทพ​เซียน​ทั้งสอง​เหรียญ​เอาไว้​

หมี่​จือ​เป็นกังวล​ ทำ​ท่าจะ​พูด​ไม่พูด​ คล้าย​ว่า​จะไม่เห็นด้วย​ที่​เจ้าสำนัก​ผู้เฒ่า​รับเงิน​เทพ​เซียน​เอาไว้​

ห​ลิง​โย่ว​จึงหัวเราะ​ร่วน​เอ่ย​ว่า​ “ได้​โจ๊ก​ก็​อย่า​รังเกียจ​ว่า​ข้าว​น้อย​เกินไป​ ขา​ยุง​ก็​ยัง​เป็น​เนื้อ​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ยัง​มีเงิน​ฝน​ธัญพืช​เหรียญ​หนึ่ง​ด้วย​”

หมี่​จือ​นั่งลง​ข้าง​โต๊ะ​ตัว​หนึ่ง​ แม้จะบอ​กว่า​นาง​ไม่เชี่ยวชาญ​การเข่นฆ่า​ ทว่า​สภาพ​เละเทะ​น่าสังเวช​ที่​ร้านเหล้า​แห่ง​นี้​ นาง​กลับ​ไม่สนใจ​สักนิด​เลย​จริงๆ​ ไม่รู้สึก​ตกอกตกใจ​แม้แต่น้อย​ อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ เหตุการณ์​เช่นนี้​จะนับ​เป็น​อะไร​ได้​ นาง​หยิบ​เหล้า​กา​หนึ่ง​ที่​หมัก​เอง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ เจิบ​เหล้า​เซียน​หนึ่ง​อึก​ ใช้เสียง​ใน​ใจถามว่า​ “สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​รับเงิน​เทพ​เซียน​สอง​เหรียญ​ที่​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​จงใจทิ้ง​ไว้​ให้​ หลัง​จบเรื่อง​ทาง​ฝั่งภูเขา​ทัว​เย​ว่​จะซักไซ้​เรื่อง​นี้​แล้ว​จงใจเอา​เงิน​เทพ​เซียน​สอง​เหรียญ​มาเป็น​ข้ออ้าง​ หาเรื่อง​สร้าง​ความลำบาก​ให้​พวกเรา​หรือไม่​? หาก​พูด​ให้​เล็ก​หน่อย​ก็​เป็น​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​ที่​ไม่ได้เรื่อง​ ขัดขวาง​พวกเขา​ไม่อยู่​ แต่​หาก​พูด​ให้​ใหญ่​ก็​คือ​สมคบคิด​ใน​นอก​ตีขนาบ​ประสาน​กับ​พวก​กากเดน​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ต้อง​เจอ​กับ​การ​ลงทัณฑ์​หรือไม่​?”

ห​ลิง​โย่ว​ยังคง​มีสีหน้า​ไม่ยี่หระ​อยู่​เช่น​เดิม​ เขา​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​เอ่ย​ “นับแต่​โบราณ​มาเงินทอง​ไม่เคย​ทับ​มือ​ เงิน​เทพ​เซียน​ก็​ไม่กัด​คน​ พวกเรา​ต้อง​เชื่อ​ใน​ความใจกว้าง​ของ​เซียน​กระบี่​เฝ่ย​หรา​น​สิ”

หมี่​จือ​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ “เดิมที​พวกเรา​ก็​เป็น​แค่​พรรค​ตระกูล​เล็ก​ๆ ข้า​ไม่เชื่อ​ว่า​เซียน​กระบี่​พวก​นี้​บุก​เข้า​มาถึงใจกลาง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​แค่​เพื่อ​ดื่มเหล้า​ของ​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​พวกเรา​ไม่กี่​กา​เท่านั้น​”

เจ้าสำนัก​ผู้เฒ่า​ยก​เท้า​เตะ​เศษซาก​แขนขา​ที่​เกลื่อน​อยู่​ข้าง​ฝ่าเท้า​ออก​ไป​ นั่งลง​บน​ม้านั่งยาว​ ลูบ​หนวด​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ “ก็​ต้อง​ดู​ว่า​นอกจาก​พวกเรา​แล้ว​ยังมี​สำนัก​ใหญ่​ที่​เจอ​กับ​หายนะ​อีก​หรือไม่​ หากว่า​มี ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่มีเกี่ยว​ผายลม​อะไร​กับ​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​พวกเรา​แล้ว​ หากว่า​ไม่มี ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่ต้อง​ลุ้น​แล้ว​ หวัง​เพียง​ว่า​พวก​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​สำนัก​ใหญ่​ทั้งหลาย​จะช่วย​แบ่งเบาภาระ​ของ​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​พวกเรา​ได้​บ้าง​”

เจ้าสำนัก​ผู้เฒ่า​ริน​เหล้า​ให้​ตัวเอง​หนึ่ง​ชาม หัวเราะ​ฮ่าๆ เอ่ย​ว่า​ “จะวางตัว​เป็น​คน​แบบนี้​ได้​อย่างไร​? ไร้​คุณธรรม​เกินไป​แล้ว​”

เพียง​ไม่นาน​ก็​มีกระบี่​บิน​ส่งข่าว​มาจาก​ทาง​สำนัก​บ้าน​ตน​ เซียน​กระบี่​ผู้เฒ่า​ใช้นิ้ว​คีบ​กระบี่​บิน​เอาไว้​ ถอนหายใจ​เอ่ย​ “นคร​อวี้​ป่าน​ของ​เย่​พู่​ถูก​ฉีถิงจี้กับ​ลู่​จือ​ยกเค้า​ไป​รอบ​หนึ่ง​ ส่วน​นคร​เซียน​จาน​…ก็​ถูก​อิ่น​กวาน​ที่​แต่งกาย​เป็น​นักพรต​ฟัน​จน​ขาด​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​ ส่วน​เรื่อง​ที่ว่า​สรุป​แล้ว​นั่น​จะใช่เฉิน​ผิง​อัน​ตัวจริง​หรือไม่​ กลับ​ไม่มีคำบอกกล่าว​ที่​แน่ชัด​ ผู้ฝึก​ตน​ที่​เดินทาง​มาท่องเที่ยว​พา​กัน​หนี​ตาย​ออกจาก​นคร​เซียน​จาน​ พวกเขา​พูด​อย่าง​มั่นใจ​ว่า​จะต้อง​เป็น​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​คน​นั้น​แน่นอน​ ทาง​ฝั่งของ​ศาล​บรรพ​จารย์​นคร​เซียน​จาน​…ช่างเถิด​ ไม่มีศาล​บรรพ​จารย์​อะไร​อีกแล้ว​ ดูเหมือน​จะถูก​คน​ทุบ​เละ​ไป​แล้ว​”

“ต้อง​เป็น​เฉิน​ผิง​อัน​แน่นอน​”

“เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ก่อนหน้านี้​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ท่าน​นี้​ได้​เดิน​ทางผ่าน​ที่นี่​หรือไม่​”

ฟังมาถึงตรงนี้​ หมี่​จือ​ก็​ถามอย่าง​กังขา​ว่า​ “ทำไม​จะต้อง​เป็น​เขา​แน่นอน​?”

เซียน​เห​ริน​ผู้เฒ่า​แกว่ง​สุรา​ที่อยู่​ใน​ชาม “มีเพียง​อิ่น​กวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เท่านั้น​ที่​ถึงจะสามารถ​โยกย้าย​ฉีถิงจี้ หนิง​เหยา​และ​ลู่​จือ​ให้​ติดตาม​เขา​ออก​เดินทางไกล​มาปล่อย​กระบี่​ที่​เปลี่ยว​ร้าง​ได้​”

หมี่​จือ​กล่าว​อย่าง​กระจ่างแจ้ง​ “เป็น​เหตุผล​นี้​จริงๆ​ เสีย​ด้วย​”

เซียน​เห​ริน​ผู้เฒ่า​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​ “ตอนนี้​มาลอง​มองดู​แล้ว​ ยังคง​เป็น​สำนัก​จิ่ว​เฉวียน​เรา​ที่​มีหน้ามีตา​นะ​”

อา​เหลียง​ ฉีถิงจี้ ลู่​จือ​ หาก​ยัง​บวก​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​เข้าไป​ด้วย​อีก​คน​เล่า​?

หมี่​จือ​ดื่มเหล้า​ หันหน้า​ไป​มอง​ถนน​ด้านนอก​ที่​เงียบสงัด​วังเวง​ “ไม่รู้​ว่า​จะยัง​ได้​พบ​หน้า​หมี่​อวี้​สักครั้ง​หรือไม่​”

สำหรับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​มีแซ่เดียว​กับ​ตน​คน​นี้​ หมี่​จือ​ได้ยิน​ชื่อเสียง​ของ​อีก​ฝ่าย​มานาน​มาก​แล้ว​ แต่​ยัง​ไม่เคย​พบ​หน้า​ค่า​ตา​มาก่อน​

ห​ลิง​โย่ว​เหลือบมอง​ผู้ฝึก​ตน​ผู้คุม​กฎ​ที่​มีรูป​โฉมงามล้ำ​ เอ่ย​สัพยอก​ว่า​ “อยาก​จะเจอ​หมี่​ผ่า​เอว​ไป​ทำไม​ เจ้าเอวบางร่างน้อย​ถึงเพียงนี้​ ดูท่า​แล้ว​คง​รับ​กระบี่​ของ​เขา​ได้​แค่​ไม่กี่​ที​หรอก​”

หมี่​จือ​กรอก​เหล้า​เข้า​ปาก​แรง​ๆ พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ดังลั่น​ “แค่​เคย​ได้ยิน​ว่า​มีวัว​ที่​เหนื่อย​ ไหน​เลย​จะมีนา​ที่​ถูก​ไถจน​พรุน​”

ใบหน้า​ของ​เซียน​เห​ริน​เฒ่าเปลี่ยน​มาเป็น​กระจ่างแจ้ง​ใน​บัดดล​ ลูบคลำ​ปลายจมูก​ที่​แดงก่ำ​ของ​ตน​ อยู่ดีๆ​ ก็​เอ่ย​ทอดถอนใจ​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​ “จู่ๆ ก็​คิดถึง​คำพูด​สัปดน​บน​โต๊ะ​เหล้า​ของ​อา​เหลียง​ขึ้น​มาเสียแล้ว​”

นคร​เซียน​จาน​

ตัว​อิ๋น​ลู่​รอง​เจ้านคร​ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​เหตุใด​ตนเอง​ถึงไม่ตาย​ แต่​หนึ่ง​จิต​หนึ่ง​วิญญาณ​กลับ​ถูก​คน​ผู้​นั้น​ใช้เวท​ลับ​กักขัง​พา​ไป​แล้ว​ เป็นเหตุให้​เซียน​เห​ริน​อิ๋น​ลู่​ขอบเขต​ถดถอย​กลายเป็น​หยก​ดิบ​

นคร​สูงสอง​ท่อน​ที่​เดิมที​ได้รับ​การขนานนาม​ว่า​สูงเป็น​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ใต้​หล้า​ ตอนนี้​ถูก​ยันต์​ภูเขา​สายน้ำ​สอง​เส้น​กั้น​ขวาง​ ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​อยู่​ห่าง​กัน​หลาย​ร้อย​ลี้​ ไม่อาจ​กลับมา​ประกบ​เชื่อม​ติดกัน​ได้​ดังเดิม​อีก​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ต่อให้​อิ๋น​ลู่​มีความสามารถ​นั้น​ ก็​ไม่มีทาง​กล้า​ให้​นคร​เซียน​จาน​กลับคืน​รูปลักษณ์​เดิม​อย่าง​แน่นอน​ เจ้านคร​คน​ใหม่​ที่​ตกใจ​จน​ขวัญ​แทบ​กระเจิง​รู้สึก​ว่า​ต่อให้​ตน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่เหมือนกัน​ เจอ​กับ​เจ้าคน​ผู้​นั้น​ก็​ยัง​เป็น​กระดาษ​เปียก​อยู่​เหมือนเดิม​

น่านน้ำ​ของ​ลำคลอง​เย่ลั่ว​

เฟยเฟย​ไม่มีเวลา​มาสนใจ​ความเสียหาย​บน​มหา​มรรคา​ อาศัย​ลมปราณ​ส่วน​นั้น​ นาง​รีบ​หด​ย่อ​พื้นที่​มายัง​ใต้​ต้นไม้​แห่ง​หนึ่ง​ทันที​ นาง​ข่ม​กลั้น​ความ​อึดอัด​ใน​ใจลง​ไป​ ก่อน​จะรีบ​เอาอย่าง​สตรี​ล่าง​ภูเขา​ยอบ​กาย​คารวะ​อย่าง​ขัดเขิน​ เอ่ย​อย่าง​นอบน้อม​ว่า​ “เฟยเฟย​คารวะ​อาจารย์​ป๋า​ย”​

ต่อให้​อยู่​ใน​การประชุม​ที่​ตำหนัก​อิง​ห​ลิง​ก่อนหน้านี้​ เผชิญหน้า​กับ​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ หรือ​มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่ที่​เป็น​ราชา​บน​บัลลังก์​ตำแหน่ง​สูงเหล่านี้​ นาง​ก็​ยัง​ไม่เคย​มีท่าที​อ่อนโยน​อ่อนหวาน​เช่นนี้​มาก่อน​

ป๋า​ย​เจ๋อ​เดิน​ก้าว​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ เท้า​สัมผัส​พื้น​ ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​ของ​เฟยเฟย​ ส่ายหน้า​เอ่ย​ว่า​ “เรียกชื่อ​ข้า​ตามตรง​ก็​พอ​”

ป๋า​ย​เจ๋อ​หันมา​มอง​เฟยเฟย​แวบ​หนึ่ง​ ใน​ดวงตา​ที่​เป็น​สีแดงก่ำ​ของ​นาง​คู่​นั้น​คล้าย​จะเปี่ยม​ไป​ด้วย​ความคาดหวัง​

ป๋า​ย​เจ๋อ​ถาม “พวก​เจ้าไม่ควร​เคียดแค้น​อยู่​ใน​ใจหรอก​หรือ​?”

เฟยเฟย​ในเวลานี้​เรียก​ได้​ว่า​เป็น​โฉมงามสภาพ​น่าเวทนา​ นาง​คลี่​ยิ้ม​กว้าง​ ยก​หลัง​มือ​เช็ด​คราบเลือด​ที่​เปรอะเปื้อน​เต็ม​ใบหน้า​ ส่ายหน้า​กล่าว​ “ไม่กล้า​มี และ​ไม่มีทาง​มี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!