กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 874

สรุปบท บทที่ 874.3 แกะสลักตัวอักษร: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 874.3 แกะสลักตัวอักษร – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 874.3 แกะสลักตัวอักษร ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

นอกจากนี้​ศึก​ที่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ ลำพัง​เพียงแค่​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ก็​มีถึงสามตน​แล้ว​ ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ขอบเขต​หยก​ดิบ​และ​ขอบเขต​เซียน​ดิน​แน่นอน​ว่า​ต้อง​มีมาก​ยิ่งกว่า​

แต่​เผ่า​ปีศาจ​เซียน​เห​ริน​ตน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ได้​ถูก​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​คน​หนึ่ง​เอาชีวิต​มาแลก​

ลู่​เฉิน​ตัด​ภาพ​ม้าวิ่ง​แห่ง​กาลเวลา​มาส่วนหนึ่ง​ ‘รูป​และ​เสียง​’ ของ​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​เหล่านั้น​ล้วน​ถูก​เจ้าลัทธิ​ลู่​นำมา​ทำเป็น​ภาพเหมือน​หลาย​ภาพ​

แต่​ลู่​เฉิน​ก็ดี​รู้​ถึงแผนการ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ จึงเฉลี่ย​คุณ​ความชอบ​ทางการ​สู้รบ​ทั้งหมด​นอกเหนือจาก​ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงให้​กับ​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ของ​ฉีถิงจี้และ​นคร​บิน​ทะยาน​ของ​หนิง​เหยา​

ผลงาน​ทางการ​สู้รบ​ที่​เรียก​ได้​ว่า​สร้าง​ความ​ตะลึงพรึงเพริด​ให้​กับ​ผู้คน​เหล่านี้​ ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​จะต้อง​จด​ลงบันทึก​เอกสาร​เอาไว้​อย่าง​ละเอียด​

เฉิน​ผิง​อัน​ไปหา​กลุ่ม​ของ​หม่า​ขู่​เสวียน​และ​อวี๋สือ​อู้​ก่อน​

อวี๋สือ​อู้​กุม​หมัด​ยิ้ม​เอ่ย​ “คารวะ​เจ้าขุนเขา​เฉิน”​

นอก​จากอ​วี๋สือ​อู้​แล้ว​ คนอื่นๆ​ ล้วน​ไม่มีความเคลื่อนไหว​

ลูกศิษย์​คน​แรก​และ​สาวใช้​ของ​หม่า​ขู่​เสวียน​นั้น​ไม่กล้า​เปิดปาก​พูด​

ส่วน​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​หม่า​ขู่​เสวียน​นั้น​เป็น​เพราะ​ยัง​ไม่แน่ใจ​ใน​สถานะ​ของ​ ‘นักพรต​’ ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​

เฉิน​ผิง​อัน​กุม​หมัด​คารวะ​อวี๋สือ​อู้​กลับคืน​

ก็​เหมือน​อย่าง​ที่​หม่า​ขู่​เสวียน​ว่า​ไว้​ เฉิน​ผิง​อัน​เกิด​ความ​กริ่งเกรง​ต่อ​คน​ผู้​นี้​เมื่อ​ตอนที่​พบกัน​ครั้งแรก​ที่​ศาล​ของ​ลำน้ำ​ใหญ่​จริงๆ​

เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ที่​พก​มีด​ผ่า​ฟืน​ไว้​ตรง​เอว​พลัน​ก้าว​ออกมา​หนึ่ง​ก้าว​ ถามว่า​ “เจ้าขุนเขา​เฉิน​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​พวก​ท่าน​ยัง​รับ​ลูกศิษย์​อีก​หรือไม่​?”

ผล​คือ​ถูก​หม่า​ขู่​เสวียน​เตะ​ก้น​จน​เขา​หน้า​ทิ่ม​ เด็กหนุ่ม​เอง​ก็​ไม่ถือสา​ เอา​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ปัด​พื้น​เบา​ๆ พลิกตัว​กลับมา​เหยียบ​พื้น​อีกครั้ง​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ตอนนี้​ยัง​ไม่รับ​ลูกศิษย์​”

เด็กหนุ่ม​ยังคง​ไม่ถอดใจ​ ถามว่า​ “ช่วย​เก็บ​ตำแหน่ง​ไว้​ให้​ข้า​ก่อน​สัก​ตำแหน่ง​ได้​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​

หม่า​ขู่​เสวียน​กดหัว​ของ​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “คนคน​หนึ่ง​มักจะ​ไม่ค่อย​สนใจ​เงาของ​ตัวเอง​เท่าใด​นัก​ ต่อให้​เหยียบ​ลง​บน​เงาก็​ยัง​ไม่สนใจ​ คน​บน​ภูเขา​มัก​อยู่​อย่าง​เดียวดาย​ ถือเป็น​เรื่องเล็ก​ที่​ไม่เจ็บ​ไม่คัน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ ดูเหมือน​จะเดา​ไม่ออ​กว่า​หม่า​ขู่​เสวียน​ต้องการ​จะสื่อ​อะไร​กัน​แน่​ จึงไม่ต่อ​บทสนทนา​ เพียงแค่​หันหน้า​ไป​ถามอ​วี๋สือ​อู้​ “ต่อจากนี้​พวก​เจ้าจะไป​ที่ไหน​?”

อวี๋สือ​อู้​ยิ้ม​กล่าว​ “คิด​ว่า​จะไปดู​ที่​นคร​สูงซึ่งจวี้จื่อ​แห่ง​สำนัก​โม่เป็น​ผู้สร้าง​เสียหน่อย​”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ไปหา​เว่ย​จิ้น​และ​เฉาจวิ้น​

เว่ย​จิ้น​ใช้เสียง​ใน​ใจเล่าเรื่อง​ของ​ผู้อาวุโส​จงหยวน​ให้​ฟัง

เฉิน​ผิง​อัน​มีสีหน้า​เคร่งขรึม​ พยักหน้า​เอ่ย​ “โชคดี​ที่​ปณิธาน​กระบี่​หลาย​กลุ่ม​นั้น​ถูก​ท่าน​คว้า​มาไว้​ใน​มือ​ได้​ ไม่อย่างนั้น​จะเป็นปัญหา​ยุ่งยาก​มาก​ ยุ่งยาก​อย่าง​มาก​!”

เว่ย​จิ้น​ถาม “เปลี่ยนใจ​กลางคัน​ ไม่ไป​ที่​สนามรบ​แห่ง​นั้น​แล้ว​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ “คอย​อ้อม​เส้นทาง​อยู่​ตลอด​ สุดท้าย​ไป​เยือน​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​มารอบ​หนึ่ง​”

เว่ย​จิ้น​ชี้ไป​ที่​ดวงจันทร์​ใหญ่​บน​ท้องฟ้า​ ยิ้ม​ถาม “สุดท้าย​ก็​เลย​สร้างเรื่อง​อึกทึกครึกโครม​ถึงเพียงนี้​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​รับ​

เฉาจวิ้น​ถามโพล่ง​ขึ้น​มาว่า​ “เจ้าขุนเขา​เฉิน​ ช่วย​บอก​กัน​สัก​คำ​ หาก​ข้า​มาเยือน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เร็ว​กว่า​นี้​ สรุป​แล้​วจะ​เข้าไป​อยู่​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ได้​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​เฉาจวิ้น​ถึงได้​ถามเรื่อง​นี้​ คิดดู​แล้ว​ ก็​ยัง​ให้​คำตอบ​ที่​จริงใจ​ “นิสัย​ฉุนเฉียว​ขี้​หงุดหงิด​เกินไป​ เข้าไป​อยู่​ไม่ได้​หรอก​”

ไม่ใช่ว่า​สติปัญญา​ของ​เฉาจวิ้น​ไม่มาก​พอ​ แต่​เป็น​เพราะ​สนามรบ​ที่​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​เป็น​ผู้บัญชา​การณ์​ตลอด​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​นั้น​ การ​จัด​ขบวน​รบ​การ​วาง​กลยุทธ์​ใน​แต่ละครั้ง​ มีจุดประสงค์​เพียง​หนึ่งเดียว​ นั่น​คือ​แสวงหา​คุณ​ความชอบ​ทางการ​สู้รบ​ที่​ใหญ่​ที่สุด​โดย​ใช้ความเสียหาย​ทางการ​สู้รบ​ที่​เล็ก​น้อยที่สุด​มาแลก​ สามารถ​ถ่วงเวลา​การ​ทำสงคราม​ได้​นาน​ยิ่งขึ้น​ พยายาม​ถ่วงเวลา​เอาไว้​ให้ได้​มาก​ที่สุด​ ยื้อ​ได้​หนึ่ง​วัน​ก็​คือ​หนึ่ง​วัน​ หาก​เปลี่ยน​มาเป็น​สนามรบ​ที่​พลัง​การต่อสู้​สูสีกัน​ ด้วย​นิสัย​ที่​ชอบ​เสี่ยงอันตราย​ของ​เฉาจวิ้น​แล้ว​ เกิน​ครึ่ง​ต้อง​ได้​สร้าง​ผลงาน​อย่าง​แน่นอน​ แต่​เมื่อ​เทียบ​กับ​พวก​หลิน​จวิน​ปี้​ เสวียน​เซิน​แล้ว​ เฉาจวิ้น​ต้อง​ยัง​ด้อย​กว่า​อยู่​ไม่น้อย​

หลังจากที่​เฉิน​ผิง​อัน​หวนกลับ​บ้านเกิด​ก็ได้​ตั้งใจ​ทำความเข้าใจ​กับ​นิสัย​และ​ลักษณะ​การนำ​ทัพ​ของ​เมล็ด​พันธ์​แม่ทัพ​อย่าง​หลิว​สวิน​เหม่​ย​และ​คน​ร่วม​บ้านเกิด​อย่าง​เฉาจวิ้น​โดย​การ​สอบถาม​เอา​จาก​เว่ยเซี่ยน​ เนื่องจาก​เว่ยเซี่ยน​และ​เฉาจวิ้น​ที่อยู่​ใน​กองทัพ​ของ​ต้า​หลี​ต่าง​ก็​เคย​ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​หลิว​สวิน​เหม่​ย​ แม้ว่า​คน​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​สวม​ยศ​ผู้ฝึก​ตน​ติดตาม​กองทัพ​ ทว่า​ในความเป็นจริง​แล้ว​พวกเขา​ต่าง​ก็​เคย​ได้​เป็น​ผู้นำ​ของ​กองทัพ​ม้ากอง​หนึ่ง​ ซึ่งก็​ถือว่า​หลิว​สวิน​เหม่​ย​ใช้คน​โดย​ไร้​ข้อกังขา​ เกี่ยวกับ​สหาย​ร่วมงาน​อย่าง​เฉาจวิ้น​ เว่ยเซี่ยน​ได้​ใช้คำ​กล่าวว่า​เชี่ยวชาญ​เรื่อง​ขา​ใน​กระโปรง​ ความหมาย​คร่าวๆ​ ก็​คือ​มีทั้ง​ข้อดี​และ​ข้อเสีย​ หาก​พูด​ให้​น่าฟัง​หน่อย​ก็​คือ​ทำสงคราม​อย่าง​สุ่มเสี่ยง​ แต่​หาก​พูด​ให้​ไม่น่าฟัง​ก็​คือ​ใช้วิธีการ​ชั่วร้าย​เลวทราม​ เพื่อ​คุณ​ความชอบ​ทางการ​สู้รบ​แล้วก็​ยอม​ทุ่ม​ทุกอย่าง​ แน่นอน​ว่า​เฉาจวิ้น​เอง​ก็​พา​ตัว​ไป​อยู่​ทัพหน้า​เช่นกัน​

เฉาจวิ้น​ถาม “ตอน​อยู่​ที่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ได้​จัดการ​กับ​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ได้​สนใจ​เฉาจวิ้น​ที่​พยายาม​หาเรื่อง​ชวน​คุย​ แค่​หยิบ​เหล้า​ออกมา​สอง​กา​ ยื่น​ส่งให้​เว่ย​จิ้น​หนึ่ง​กา​

เฉาจวิ้น​ยื่นมือ​ออกมา​ “เจ้าขุนเขา​เฉิน​อย่า​ลำเอียง​สิ”

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้ศอก​ถอง​ฝ่ามือ​ของ​เฉาจวิ้น​กลับ​ไป​ ถามเว่ย​จิ้น​ว่า​ “เคย​ได้ยิน​ชื่อ​ฮุ่ย​ถิงผู้ฝึก​กระบี่​เผ่า​ปีศาจ​ของ​สำนัก​หง​เย่​หรือไม่​?”

เว่ย​จิ้น​พยักหน้า​ “แน่นอน​ แต่​ดูเหมือนว่า​ระหว่าง​ศึก​ใหญ่​คราวก่อน​ เขา​จะไม่ได้​ปรากฏตัว​ ว่า​กัน​ว่า​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​จาก​ขอบเขต​ที่​ถดถอย​อยู่​ใน​สำนัก​บน​ภูเขา​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​นิ้วโป้ง​เช็ด​มุมปาก​ ยิ้ม​เอ่ย​ “ครั้งนี้​ข้า​ได้​ถือโอกาส​สังหาร​เขา​ไป​พร้อมกัน​ด้วย​”

เว่ย​จิ้น​เอง​ก็​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​มาก​ ยก​กา​เหล้า​ขึ้น​ชน​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​เบา​ๆ

มีเพียง​ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เท่านั้น​ถึงจะรู้​ว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​เผ่า​ปีศาจ​คน​นั้น​สมควร​ตาย​มาก​เพียงใด​

เว่ย​จิ้น​ยิ้ม​ถาม “ออก​เดินทางไกล​ครั้งนี้​ก็​ ‘หยุด​แต่​พอสมควร​’ อีกแล้ว​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​ “ก็​แค่​พอ​ถูไถ ถือโอกาส​จูงแพะ​กลับมา​ด้วย​ พอ​จะมีผล​เก็บเกี่ยว​เล็กๆ น้อยๆ​”

เว่ย​จิ้น​เอ่ย​สัพยอก​ “หาก​เปลี่ยน​ข้า​ไป​เป็น​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ จะต้อง​เสียใจ​ภายหลัง​แน่​ที่​เคย​เอ่ย​ประโยค​นี้​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “แน่นอน​อยู่แล้ว​”

เฉาจวิ้น​รู้สึก​จนใจ​เล็กน้อย​ ไม่มีที่​ให้​เขา​พูดแทรก​เลย​จริงๆ​ สำนัก​กระบี่​หง​เย่​อะไร​กัน​ แค่​ชื่อ​ยัง​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก่อน​ แล้ว​ ‘หยุด​แต่​พอสมควร​’ ล่ะ​มาจาก​เรื่องเล่า​อะไร​? บรรพบุรุษ​ใหญ่​เปลี่ยว​ร้าง​พูด​ประโยค​นี้​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ทำไม​?

ตอน​ที่อยู่​เมืองหลวง​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​ เฉิน​ผิง​อัน​ได้​ค่าย​กล​กระบี่​ชุด​หนึ่ง​ที่​เป็น​จุดศูนย์กลาง​ของ​ค่าย​กล​ปกป้อง​นคร​มาจาก​มือ​ของ​เย่​พู่​ฮ่องเต้​ที่​มีฉายา​ว่า​ ‘ตู๋ปู้’​ ค่าย​กล​กระบี่​ชุด​นี้​มีกระบี่​บิน​ขนาด​จิ๋ว​สิบสอง​เล่ม​ เหมือน​เอา​วาง​ไว้​บน​ที่​วาง​พู่กัน​ปะการัง​แดง​ ดังนั้น​หาก​จะพูด​ให้​ถูกต้อง​ก็​ต้อง​บอ​กว่า​เป็น​อาวุธ​เซียน​สอง​ชิ้น​

ตอนนั้น​เย่​พู่​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความมั่นใจ​ รู้สึก​ว่า​สามารถ​เล่นงาน​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​ เพียงแต่​คิด​คำนวณ​มาแล้ว​พัน​หมื่น​ตลบ​ก็​คำนวณ​ไม่ถึงว่า​ ‘สหาย​เฉิน’​ ที่​สวม​ชุด​คลุม​เต๋า​ผ้า​โปร่ง​สีเขียว​ สวม​กวาน​ดอกบัว​ แต่กลับ​โกหก​บอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​อิ่น​กวาน​ผู้​นั้น​ ไม่เพียงแต่​เป็น​เฉิน​ผิง​อัน​ตัวจริง​ อีก​ทั้ง​ข้าง​กาย​ยังมี​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงติด​ตามมา​ด้วย​ ถึงกับ​สามารถ​แก้​ค่าย​กล​ได้​ กลายเป็น​ว่า​เขา​เอา​ซาลาเปา​ขว้าง​หัว​หมา​ มีแต่​ไป​ไม่มีกลับ​

ก่อนหน้านี้​ฟังลู่​เฉิน​เล่า​ให้​ฟังว่า​ ใน​บรรดา​ชื่อ​ของ​ลูกหลาน​ใน​ตระกูล​ของ​เจ้าหอ​หลิน​หลา​งหนึ่ง​ใน​ห้า​นคร​สิบสอง​หอ​เรือน​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ส่วนใหญ่​มักจะ​มีคำ​ว่า​ ‘จือ’​ ต่อท้าย​ หาก​เฉิน​ผิง​อัน​ยินดี​ตัดใจ​มอบ​ที่​วาง​พู่กัน​ปะการัง​แดง​ชิ้น​นี้​ออก​ไป​ ราคา​สามารถ​เพิ่มขึ้น​สูงจาก​ราคา​แท้จริง​ได้​อีก​หนึ่ง​เท่าตัว​

ตัวอักษร​จือ​ต่อท้าย​

ตระกูล​เหยา​กองทัพ​ชายแดน​ของ​ราชวงศ์​ต้า​เฉวียน​ เหยา​จิ้น​จือ​ เหยา​เซียน​จือ​ เหยา​หลิ่ง​จือ​ ล้วน​มีอักษร​คำ​ว่า​ ‘จือ’​

ส่วน​หญิง​ชรา​ของ​นคร​เซียน​จาน​ ผี​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​มีฉายา​ว่า​ฉงโอว​ นาง​คือ​บรรพ​จารย์​ของ​เสวียน​ผู่​ อาจารย์​ของ​อู​ถี ทว่า​ร่าง​จริง​ของ​นาง​กลับเป็น​แค่​ยุง​ตัว​หนึ่ง​

ตอนนั้น​นาง​ถูก​บีบ​ให้​ต้อง​ทิ้ง​แส้ปัดฝุ่น​หาง​กวาง​ที่​ประวัติ​ความเป็นมา​ไม่แน่ชัด​ มีระดับ​ขั้น​เป็น​อาวุธ​เซียน​ชั้นสูง​อย่าง​สมชื่อ​ ใช้ตัวอักษร​เหนี่ยว​จ้วน​แกะสลัก​สอง​คำ​ว่า​ ‘ฝูเฉิน’​ นอกจากนี้​คน​ที่​กล้า​ตั้งชื่อ​แบบนี้​ย่อม​มิอาจ​ดูแคลน​ได้​ ยกตัวอย่างเช่น​สำนัก​ใบ​ถงของ​ใบ​ถงทวีป​ ขุน​เขาใหญ่​ชิงซาน​แห่ง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​

แส้ปัดฝุ่น​ชิ้น​หนึ่ง​ ด้าม​ไม้ยาว​เป็น​สีม่วง​อม​แดง​ เส้นด้าย​สีขาว​หิมะ​สามพันหกร้อย​กว่า​เส้น​ไม่รู้​ว่า​ทำ​มาจาก​วัสดุ​อะไร​ ห้อย​ห่วง​สีทอง​อัน​เล็ก​ไว้​ด้านล่าง​แส้

แต่​ความเสียหาย​ทุกอย่าง​ล้วน​สามารถ​มองข้าม​ไป​ได้​ เพิ่ม​ดวงจันทร์​ ‘เฮ่าไฉ่’ ดวง​หนึ่ง​ให้​กับ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เป็น​ผลประโยชน์​ที่​ใหญ่หลวง​อย่าง​มาก​สำหรับ​บน​มหา​มรรคา​ มาก​จน​มิอาจ​ประมาณการณ์​ได้​ ลู่​เฉิน​ตัดสินใจ​แล้ว​ว่าการ​เดินทาง​มาครั้งนี้​ผิน​เต้า​มีทั้ง​ความดี​และ​ความชอบ​ หวนกลับ​ไป​ถึงป๋า​ยอ​วี้​จิง ต่อให้​เป็น​ศิษย์​พี่​รอง​ก็​ต้อง​ฝืนใจ​เค้น​รอยยิ้ม​ส่งให้​ตน​ ยก​นิ้วโป้ง​ให้​ แล้ว​ยัง​ต้อง​ยก​ทั้งสอง​มือ​ด้วย​ ไม่อย่างนั้น​เรื่อง​นี้​ไม่มีทาง​จบ​ง่ายๆ​ แน่​

ยัง​จะมีหน้า​มาบ่นว่า​เมื่อ​ร้อย​ปีก่อน​ศิษย์​น้อง​เกียจคร้าน​อีก​หรือ​? ไม่เพียงแต่​ชดเชย​เมื่อ​ร้อย​ปีก่อน​ได้​แล้ว​ แม้แต่​คุณ​ความชอบ​ของ​อีก​ร้อย​ปี​ถัดไป​ก็​คว้า​มาไว้​ใน​มือ​ได้​แต่​เนิ่นๆ​ แล้ว​

อีก​อย่าง​กล่อง​กระบี่​ที่อยู่​กับ​ลู่​จือ​ใบ​นั้น​ ผิน​เต้า​ให้ยืม​ ไม่ได้​มอบให้​เลย​เสียหน่อย​

เฉิน​ผิง​อัน​ปลด​กวาน​ดอกบัว​ลงมา​มอบให้​กับ​ลู่​เฉิน​ ชุด​คลุม​เต๋า​ผ้า​โปร่ง​สีเขียว​ที่อยู่​บน​ร่าง​สลาย​หาย​ไป​ด้วยตัวเอง​ จากนั้น​ก็​เก็บ​ดาบ​แคบ​สอง​เล่ม​ที่​เหน็บ​ซ้อน​กัน​ตรง​เอว​มา

เพียงแค่​ใช้เรือน​กาย​ของ​คน​ชุด​เขียว​สะพาย​กระบี่​เผชิญหน้า​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เท่านั้น​

เต้า​ฝ่า ฮ่าว​หรา​น​ ซีเทียน​

เจี้ยน​ชี่ฉางฉุน​ (ปราณ​กระบี่​คงอยู่​ยาวนาน​) เห​ลยฉือจ้งตี้​ (สถานที่สำคัญ​บ่อ​สายฟ้า​)

ฉี ต่ง​ เฉิน​ เห​มิ่ง

บน​หัว​กำแพงเมือง​สอง​ฝั่ง มีตัวอักษร​ทั้งหมด​สิบ​แปด​ตัว​

ด้าน​หนึ่ง​แบ่ง​ออก​เป็น​แกะสลัก​คำ​ว่า​เต้า​ฝ่า ฮ่าว​หรา​น​ ซีเทียน​ เห​ลยฉือจ้งตี้​

อีก​ด้าน​หนึ่ง​เป็น​คำ​ว่า​เจี้ยน​ชี่ฉางฉุน​ ฉี ต่ง​ เฉิน​ เห​มิ่ง

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เฮ้อ​โซ่ว​เริ่ม​ไล่​คน​แล้ว​

ทุกคน​จำเป็นต้อง​ออก​ไป​จาก​หัว​กำแพงเมือง​ทันที​

เว่ย​จิ้น​และ​เฉาจวิ้น​ออก​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​ กลุ่ม​ของ​หม่า​ขู่​เสวียน​ อวี๋สือ​อู้​ก็​ทะยาน​ลม​ลง​ใต้​ ผู้ฝึก​ตน​ต่างถิ่น​อีก​ร้อย​กว่า​คน​ที่มา​ท่องเที่ยว​ที่นี่​ต่าง​ก็​พา​กัน​ออก​ไป​

เฉิน​ผิง​อัน​เปิดปาก​พูดว่า​ “การ​เดินทาง​ไป​เยือน​พื้นที่​ใจกลาง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ครั้งนี้​ ผู้​ปกป้อง​มรรคา​ที่​เดินทาง​ร่วมกับ​อิ่น​กวาน​เฉิน​ผิง​อัน​ คือ​ลู่​เฉิน​แห่ง​ไพศาล​”

บน​สนามรบ​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ผู้​ปกป้อง​มรรคา​แบ่ง​ออก​เป็น​สอง​ประเภท​ หนึ่ง​คือ​ข้า​รับใช้​ถือ​กระบี่​ที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​หรือ​องค์​รักษ์​ใน​ตระกูล​ของ​ตัวเอง​ คล้ายคลึง​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ใหญ่​ห​ลี่​ทุ่ย​มี่แห่ง​ตระกูล​เยี่ยน​ น่า​ห​ลัน​เย่​สิงแห่ง​จวน​หนิง​ คำกล่าว​ที่ว่า​ข้า​รับใช้​ถือ​กระบี่​ ไม่ได้​มีความหมาย​ในแง่​ลบ​ของ​คำ​ว่า​ข้า​รับใช้​แม้แต่น้อย​

ส่วน​อีก​ประเภท​หนึ่ง​คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ขอบเขต​สูง รับผิดชอบ​ปกป้อง​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ขอบเขต​ต่ำ​ ไม่ปล่อย​ให้​ฝ่าย​หลัง​ตาย​ก่อน​วัย​อัน​ควร​บน​สนามรบ​เร็ว​เกินไป​ จึงมีชื่อ​เรียก​ว่า​อาจารย์​กระบี่​

คำ​ว่า​องค์​รัก​ผู้รับใช้​ เป็น​ทั้ง​การ​เดิน​ร่วมทาง​บน​มหา​มรรคา​ แล้วก็​เป็น​ทั้ง​ผู้พิทักษ์​ของ​ผู้เยาว์​ ส่วน​คำ​ว่า​อาจารย์​กระบี่​นี้​ ทุกครั้งที่​ปล่อย​กระบี่​ก็​เป็น​ทั้ง​การ​ช่วย​คน​และ​ถ่ายทอด​มรรคา​

ลู่​เฉิน​เผย​สีหน้า​เคร่งขรึม​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ “ลู่​เฉิน​แห่ง​ไพศาล​ถือ​เป็นเกียรติ​ที่​ได้​เดินทาง​ร่วมกัน​”

จอก​แหน​ไร้​ราก​ล่องลอย​ ลอย​วน​ใน​น้ำ​ไม่จมหาย​

ผู้ฝึก​กระบี่​นักโทษ​อาญา​หมื่น​ปี​ประหนึ่ง​จอก​แหน​ที่​ล่องลอย​อยู่​ระหว่าง​ฟ้าดิน​ ตาย​ไป​ไร้​หลุม​ฝัง มีเพียง​ปราณ​กระบี่​ที่​ดำรงอยู่​อย่าง​ยาวนาน​

ส่วน​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ของ​เฉิน​ชิงตู​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ มีชื่อว่า​ฝูผิง​ (จอก​แหน​)

กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่ตั้ง​ตระหง่าน​มานาน​หมื่น​ปี​ อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ที่​ปราณ​กระบี่​ดำรงอยู่​ยาวนาน​

สอง​ฝ่าย​มอง​กันและกัน​ ประสาน​สายตา​กัน​เงียบๆ​

มือ​กระบี่​ชุด​เขียว​ถือ​กระบี่​ยาว​เย่​โหย​ว​ไว้​ใน​มือ​ ใช้ปราณ​กระบี่​เฉียบคม​แกะสลัก​ตัวอักษร​ไว้​ตรงจุด​ที่สูง​ที่สุด​ของ​หัว​กำแพงเมือง​ครึ่งหนึ่ง​

ผู้​ที่​แกะสลัก​คำ​ว่า​ ‘ผิง​’ (萍 ผิง​จาก​ฝูผิง​ที่​แปล​ว่า​จอก​แหน​ เขียน​คนละอย่าง​กับ​ผิง​ใน​ชื่อ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ แต่​ออกเสียง​เหมือนกัน​) คือ​มือ​กระบี่​เฉิน​ผิง​อัน​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!