กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 875

ลู่​เฉินจุ๊​ปาก​พูด​ “ซิน​ขู่​ (ลำบาก​) ชื่อ​ประหลาด​ นิสัย​ก็​ประหลาด​ ไอ้​หมอ​นี่​ก็​คือ​…ตัว​ประหลาด​จริงๆ​”

“จะยกตัวอย่าง​ให้​ฟังแล้วกัน​ หาก​เขา​ไม่ได้​ฝึก​วร​ยุทธ​ตั้งแต่​แรกเริ่ม​ แต่​ขึ้น​เขา​ฝึก​ตน​แทน​ เขา​จะต้อง​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​แน่นอน​ ถอย​ไป​พูด​หนึ่ง​ก้าว​ ตอนนี้​เขา​ยินดี​จะสละ​วิถี​วร​ยุทธ​ทิ้ง​ไป​ หันไป​ฝึก​ตน​เป็น​เทพ​เซียน​ก็​ยัง​จะต้อง​ได้​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่อย่าง​แน่นอน​”

“ขนาด​ป๋า​ย​โอ่​ว​ที่​ถือว่า​เป็น​คน​ที่​ฟ้าไม่กลัว​ดิน​ไม่เกรง​ เคย​ถามหมัด​กับ​หลิน​เจียง​เซียน​สอง​ครั้ง​แล้ว​ แต่กลับ​คอย​จงใจหลบเลี่ยง​ซิน​ขู่​ ไม่มีความคิด​จะถามหมัด​ด้วย​แม้แต่น้อย​”

เฉิน​ผิง​อัน​จด​จำไว้​ใน​ใจเงียบๆ​

โดยเฉพาะ​ซิน​ขู่​ ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​คน​หนึ่ง​ที่​สามารถ​ทำให้​ลู่​เฉิน​มอง​เขา​สูงได้​ถึงเพียงนี้​

นี่​คือ​สามอันดับ​แรก​ของ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ใน​ใต้​หล้า​ ไม่ใช่รายชื่อ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ที่​ผ่าน​การประเมิน​จาก​หนึ่ง​ทวีป​

ก็​เหมือน​ใน​ซาก​ปรัก​จวน​เซียน​ของ​อุตรกุรุทวีป​ปี​นั้น​ นักพรต​ซุน​ที่​เดินทางไกล​ไป​เยือน​ไพศาล​ ร่าง​จริงอยู่​ที่​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ แต่​เมื่อ​นักพรต​เฒ่าพูดถึง​ไหว​อิน​หนึ่ง​ใน​สิบ​คน​ของ​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​กลับ​ไม่ปก​ปิดความ​เย้ยหยัน​ของ​ตัวเอง​ไว้​แม้แต่น้อย​ แขนขา​เล็ก​บาง​ กลัว​ด้วยซ้ำ​ว่า​หาก​ไม่ระวัง​ ไม่กะ​น้ำหนัก​ให้​ดี​จะตี​จน​อีก​ฝ่าย​แขนขา​หัก​เอา​ได้​

เฉิน​ผิง​อัน​อดไม่ไหว​ถามว่า​ “เหตุใด​ใต้​หล้า​ถึงมีผู้ฝึก​ตน​ที่​เพียงแค่​เริ่ม​ขึ้น​เขา​ก็​กล้า​พูดว่า​จะต้อง​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​แน่นอน​”

เจิ้งจวี​จงแห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ บางที​อาจ​เป็น​ข้อยกเว้น​

ต่อให้​เป็น​อู๋ซวงเจี้ยง​แห่ง​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ หากว่า​กัน​ใน​ความหมาย​ที่​เข้มงวด​แล้วก็​อาจจะ​ถือว่า​เป็นได้​แค่​ครึ่งตัว​เท่านั้น​

ลู่​เฉิน​ถอนหายใจ​ “ก็​นั่น​น่ะ​สิ แต่​เรื่องราว​ก็​มักจะ​แปลกประหลาด​เช่นนี้​เสมอ​”

ยกนิ้ว​ขึ้น​มาสามนิ้ว​แล้ว​ลู่​เฉิน​ก็​เอ่ย​อย่าง​อ่อนใจ​ว่า​ “ผิน​เต้า​เคย​แอบ​ไป​ที่​ยอดเขา​รุ่น​เย​ว่​สามครั้ง​ จะมอง​ตะแคง​มอง​ตรงๆ​ หรือ​มอง​บน​มอง​ล่าง​ ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ก็​ยัง​มอง​ไม่ออ​กว่า​ซิน​ขู่​ผู้​นั้น​มีคุณสมบัติ​ของ​ขอบเขต​สิบ​สี่ ไม่ว่า​จะอนุมาน​อย่างไร​ อย่าง​มาก​สุด​ซิน​ขู่​ก็​ต้อง​เป็นได้​แค่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ถึงจะถูก​ แต่​ช่วยไม่ได้​ เรื่อง​นี้​เป็น​อาจารย์​ข้า​ที่​พูด​เอง​กับ​ปาก​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ไม่ว่า​ที่ใด​ล้วน​มีเรื่อง​ประหลาด​และ​คน​ประหลาด​อยู่​เสมอ​”

ลู่​เฉิน​ประกบ​ฝ่ามือสอง​ข้าง​เข้าด้วยกัน​ ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​ชุด​คลุม​เต๋า​ที่​กว้างใหญ่​คลุม​ทับ​ฝ่ามือ​เอาไว้​ เขา​ก้าวเดิน​ไป​อย่าง​เนิบ​ช้า “หาก​จะบอ​กว่า​ความประทับใจ​ใหญ่​ที่สุด​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิงมอบให้​กับ​คนอื่น​ก็​คือ​ค่อนข้าง​เงียบสงบ​ ต่าง​คน​ต่าง​ฝึก​ตน​ ยุ่ง​อยู่​แต่​กับ​การ​ฝึก​ตน​ จิตใจ​แน่วแน่​ไม่วอกแวก​”

“ราวกับว่า​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ทุกคน​ล้วน​มีเส้น​ทางเดิน​ขึ้น​ฟ้าอยู่​เส้น​หนึ่ง​ ขั้นบันได​มีให้​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ เดิน​ได้​มั่นคง​ ทุก​ก้าว​ที่​เหยียบ​ลง​บน​บันได​หนึ่ง​ขั้น​ก็​จะต้อง​มองเห็น​บันได​อีก​หลาย​ขั้น​ที่อยู่​สูงกว่า​เสมอ​ คำ​ว่า​เดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​ แค่​ยก​เท้า​ก็ได้​แล้ว​”

ลู่​เฉิน​พลัน​หันหน้า​กลับมา​ ยิ้ม​เอ่ย​แนะนำ​ว่า​ “วันหน้า​เมื่อ​เจ้าไป​ถึงใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ถึงอย่างไร​ก็​คง​ไม่รีบร้อน​ไป​เป็น​แขก​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ถ้าอย่างนั้น​ก็​ต้อง​ไป​หยุด​อยู่​ที่​เขต​บางแห่ง​สัก​หลาย​ๆ ปีก่อน​ ยกตัวอย่างเช่น​ตามหา​สือ​ฟางฉงหลิน​ (ระบบ​การ​ดูแล​วัด​อย่างหนึ่ง​ ส่วนมาก​จะหมายถึง​วัด​ของ​นิกาย​เซ็น​ (ฌาน​) เป็นหลัก​ สือ​ฟางหมายถึง​สิบ​ทิศ​ ฉงหลิน​หมายถึง​ผืนป่า​ที่​มีต้นไม้​หนาแน่น​ เปรียบเปรย​ถึงสถานที่​ที่​รวบรวม​คน​มีความสามารถ​ไว้​ด้วยกัน​) สัก​แห่ง​หนึ่ง​ แล้ว​ลอง​ทำหน้าที่​เป็น​ผู้กำกับ​ดูแล​ คอย​ควบคุม​สามตู​ห้า​จู่สิบ​แปด​โถว​ ไม่ต้องหา​สถานที่​ที่​ใหญ่​มาก​นัก​ก็​น่าสนใจ​ได้​มาก​เหมือนกัน​”

“ข้า​เคย​ใช้เวลา​ถึงสามร้อย​ปี​เต็ม​เดินทาง​ท่องเที่ยว​ไป​ทั่ว​สารทิศ​ สุดท้าย​กว่า​จะทำหน้าที่​ใน​สี่สิบ​อาราม​เต๋า​น้อย​ใหญ่​ได้​ครบ​ก็​ไม่ง่าย​เลย​ ต้อง​คอย​ดูแล​กิจธุระ​ยิบ​ย่อย​ ไม่ว่า​เรื่อง​อะไร​ก็​ต้อง​จัดการ​หมด​จริงๆ​ ส่วน​ตำแหน่ง​ถีเค​อ​ (นักพรต​ที่​ทำหน้าที่​เล่น​ดนตรี​และ​สวดมนต์​ใน​ปะรำ​พิธี​ ต้อง​เป็น​คน​ที่​มีน้ำ​เสียงดัง​กังวาน​ คุ้นเคย​กับ​ขั้นตอน​ของ​พิธีกรรม​ สามารถ​ท่อง​บท​สวด​ได้​) จู่ฮั่น​ (ทำหน้าที่​เขียน​บทความ​ วาดภาพ​ ฯลฯ​) และ​เย่ส​วิน​ (ทำหน้าที่​ลาดตระเวน​ ควบคุม​ดูแล​และ​ตรวจสอบ​ใน​ยามค่ำคืน​) ล้วน​น่าสนใจ​อย่าง​มาก​ แต่​ถ้าเป็น​ชิงโถว​ (คน​ทำความสะอาด​ห้องน้ำ​) จะค่อนข้าง​น่าอนาถ​แล้ว​ ทว่า​ถึงแม้งาน​จะต่ำต้อย​แต่กลับ​ได้​ค่าน้ำร้อนน้ำชา​เยอะ​ แล้ว​ยัง​ไม่มีใคร​มาแย่ง​ทำ​ด้วย​ มีอิสระ​อย่าง​มาก​ แต่​พูด​ไป​พูด​มาก​็ยังคง​เป็น​ฮ่าว​ฝาง (ชื่อ​เรียก​อีก​อย่าง​ของ​คน​เฝ้าประตู​) ที่​น่าสนใจ​ที่สุด​ คอย​ต้อนรับขับสู้​ผู้คน​ ดู​ว่า​คน​แบบ​ไหน​เหมาะกับ​อะไร​ก็​ปฏิบัติตัว​ไป​อย่างนั้น​”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ยอมรับ​และ​ไม่ปฏิเสธ​

ลู่​เฉิน​พลัน​ถามว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ เจ้าคิด​ว่า​ควร​ทำ​อย่างไร​ถึงจะไร้​ความต้องการ​ไร้​ปรารถนา​ได้​อย่าง​แท้จริง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ไม่รู้​เหมือนกัน​ ไม่เคย​คิดถึง​ปัญหา​ข้อ​นี้​มาก่อน​”

ลู่​เฉิน​กล่าว​ “ก่อน​จะเจอ​ความปรารถนา​ถัดไป​หลังจาก​ความปรารถนา​ทุกอย่าง​ล้วน​ได้รับ​การ​เติมเต็ม​หมด​แล้ว​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คิด​แล้วก็​เคย​ว่า​ “ฟังแล้ว​เหมือน​จะมีเหตุผล​อยู่​มาก​”

ลู่​เฉิน​ขบคิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​ “ไม่สู้รอ​ให้​เจ้ากับ​ไป​ถึงแจกัน​สมบัติ​ทวีป​ก่อน​แล้ว​ค่อย​คืน​ขอบเขต​ให้​ข้า​ดี​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ไม่ต้อง​หรอก​”

ลู่​เฉิน​ทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ไม่พูด​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่ต้อง​เกรงใจ​กัน​ขนาด​นี้​จริงๆ​”

ลู่​เฉิน​จึงไม่ยืนกราน​อีก​

พริบตา​นั้น​ข้าง​กาย​คน​ทั้งสอง​ก็​เกิด​ริ้ว​คลื่น​กระเพื่อม​ระลอก​หนึ่ง​ ถึงขั้น​ที่ว่า​แม้กระทั่ง​ขอบเขต​สิบ​สี่ทั้ง​ ‘สอง​คน​’ ก็​ยัง​สัมผัส​ถึงล่วงหน้า​ไม่ได้​ สตรี​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​พลัน​เดิน​ออกมา​

ด้านหลัง​สตรี​ชุด​ขาว​มีผู้ฝึก​กระบี่​หนุ่ม​ที่​หดหัว​ห่อไหล่​เดิน​ตามมา​ด้วย​

ไม่ว่า​อย่างไร​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะมาปรากฏตัว​ที่นี่​

ก็​คือ​ปีศาจ​ใหญ่​บรรพกาล​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​นั้น​

นาง​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ขอบเขต​ต้อง​ถดถอย​แน่นอน​ ดังนั้น​ช่วงนี้​ภูเขา​ลั่วพั่ว​อาจจะ​ต้องการ​นักรบ​พลีชีพ​ที่​พอ​จะต่อสู้​ได้​สัก​คน​หนึ่ง​”

ลู่​เฉิน​ยื่นมือ​มาปิดบัง​ใบหน้า​

พอ​จะต่อสู้​ได้​…นักรบ​พลีชีพ​…

นาง​ยิ้ม​เอ่ย​ “จำไว้​ว่า​รีบ​ไป​หลอม​กระบี่​ที่​นอก​ฟ้าให้​เร็ว​หน่อย​ ข้า​กลับ​ก่อน​ล่ะ​”

ระหว่าง​ที่​พูด​นาง​ก็​กลายร่าง​เป็น​แสงกระบี่​เส้น​หนึ่ง​ที่​พุ่ง​ออก​ไปนอก​ฟ้า

เฉิน​ผิง​อัน​ได้​แต่​เงยหน้า​ขึ้น​แล้ว​พยักหน้า​รับ​เบา​ๆ

ปีศาจ​บรรพกาล​ตน​นั้น​รักษา​รอยยิ้ม​น้อย​ๆ ไว้​บน​ใบหน้า​ เป็น​รอยยิ้ม​ที่​ดู​แข็งทื่อ​อย่าง​เห็นได้ชัด​

เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​อดกลั้น​อยู่​นาน​ ถึงได้​โพล่ง​ประโยค​หนึ่ง​ออก​ไป​ “อันที่จริง​ข้า​เอง​ก็​กระอักกระอ่วน​เหมือนกัน​ ถือว่า​หายกัน​แล้ว​”

ปีศาจ​ใหญ่​บรรพกาล​ที่​กว่า​จะฟื้น​ตื่นขึ้น​มาจาก​การ​หลับใหล​อัน​ยาวนาน​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ถึงได้​ผ่อน​ลมหายใจ​โล่งอก​ มัน​หันหน้า​ไป​มอง​นักพรต​หนุ่ม​แล้ว​ถามด้วย​ภาษาทางการ​ของ​ไพศาล​ที่​สำเนียง​ถูกต้อง​อย่าง​ที่​ใคร​ก็​คาดไม่ถึง​ “เจ้าเป็น​ใคร​?”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​หน้าทะเล้น​ “ก็​แค่​บุคคล​ตัวเล็ก​ๆ คน​หนึ่ง​ เป็น​ลูกสมุน​ที่​ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ ไม่มีค่า​พอให้​พูดถึง​”

ดวงจันทร์​ดวง​ใหญ่​ที่อยู่​บน​ฟ้ากำลังจะ​ขยับ​เข้าใกล้​ประตู​ใหญ่​บาน​นั้น​แล้ว​

ลู่​เฉิน​เงยหน้า​ขึ้น​ พึมพำ​ว่า​ “ท้องฟ้า​กว้างใหญ่​หมื่น​ปี​ สายลม​ดวงจันทร์​หนึ่ง​วัน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ทอดสายตา​มอง​ไกล​ไป​ยัง​ม่าน​ฟ้า

ค่ำคืน​อัน​ยาวนาน​เงียบสงบ​ มีประโยชน์​มากมาย​ กาย​และ​วาจา​ล้วน​สะอาด​บริสุทธิ์​ ไม่สัมผัส​สิ่งสกปรก​ชั่วร้าย​

ในอนาคต​รอ​ให้​วันใด​มีเวลาว่าง​จริงๆ​ ก็​จะนำ​กระบี่​ยาว​เย่​โหย​ว​ที่​สะพาย​ไว้​ด้านหลัง​เล่ม​นี้​ไป​แขวน​ไว้​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​ยอดเขา​จี้เซ่อ​ ให้​เป็น​ของ​แทน​ตัว​เจ้าสำนัก​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่วคน​ถัดไป​

เฉิน​ผิง​อัน​ปลด​กวาน​ดอกบัว​บน​ศีรษะ​ลงมา​ ยื่น​ส่งให้​ลู่​เฉิน​ เอ่ย​ว่า​ “เจ้าลัทธิ​ลู่​ ท่าน​สามารถ​นำ​ขอบเขต​กลับคืน​ไป​ได้​แล้ว​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!