กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 876

ลู่​เฉิน​ถอนหายใจ​ พอ​จะเดา​ความคิด​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ออก​คร่าวๆ​ กุมาร​แจก​ทรัพย์​ สมกับ​เป็น​กุมาร​แจก​ทรัพย์​จริงๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​เริ่ม​สร้าง​ความมั่นคง​ให้​กับ​ขอบเขต​ ก็​เหมือน​ท่าน​เทพ​เทวดา​ของ​ฟ้าดิน​เล็ก​เรือน​กาย​มนุษย์​แห่ง​หนึ่ง​ที่​จำต้อง​เก็บกวาด​ขุนเขา​สายน้ำ​เก่า​ สร้าง​ความ​ผาสุก​สงบ​ปลอดภัย​ให้​กับ​รอบด้าน​

ขอบเขต​วิถี​วร​ยุทธ​ร่วง​จาก​ปลายทาง​มายัง​ชั้น​ของ​ปราณ​โชติช่วง​

ขอบเขต​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ถอย​จาก​ขอบเขต​หยก​ดิบ​มาเป็น​ขอบเขต​โอสถ​ทอง​

ลู่​เฉิน​กับ​สหาย​สี่ที่​จู๋นั่ง​อยู่​ห่าง​ไป​ไกล​ หันมา​พูดคุย​กัน​

หยิบ​เหล้า​หมัก​เซียน​เถาเจียง​ซึ่งเป็น​เหล้า​ที่​มีเฉพาะ​นคร​เสิน​เซียว​ป๋า​ยอ​วี้​จิงออกมา​สอง​กา​ จากนั้น​จึงหยิบ​ยันต์​กระดาษ​แผ่น​หนึ่ง​ที่​มีขนาดใหญ่​เท่า​โต่ว​ใบ​หนึ่ง​มาทำเป็น​ผ้าปูโต๊ะ​ วาง​กับแกล้ม​ไว้​สอง​สามจาน​ กับแกล้ม​ก็​ได้แก่​ยำ​แตง​ทุบ​ ยำ​หู​หมู​ สุดท้าย​ยังมี​เมล็ด​ซิ่งเห​ริน​ (เมล็ด​อัลมอนด์​) และ​เมล็ด​สน​อีก​หนึ่ง​จาน​ จัดวาง​ไว้​เต็มโต๊ะ​

มอง​สหาย​สี่จู๋ที่​มีท่าทาง​ระมัดระวัง​ตัวอย่าง​เห็นได้ชัด​ ลู่​เฉิน​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​ชื่นชม​อีก​ฝ่าย​ ควบคุม​จิตใจ​ได้ดี​ แล้ว​ยัง​เปลี่ยน​นิสัยใจคอ​ได้​อีกด้วย​

เห็นได้ชัด​ว่า​ใช้วิธีการ​ของ​เทพ​ยุค​บรรพกาล​ ผู้อาวุโส​เหล่านี้​ เมื่อ​ร่าย​วิชา​ที่​หายสาบสูญ​ไป​นาน​ออกมา​ก็ช่าง​ทำให้​คน​ได้​เปิดหูเปิดตา​จริงๆ​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​ถาม “ผู้อาวุโส​สี่จู๋ได้​หวนคืน​มายัง​โลก​มนุษย์​ครั้งนี้​ รู้สึก​อย่างไรบ้าง​?”

เสี่ยว​โม่พูด​ด้วย​สีหน้า​เศร้าใจ​ “วัตถุ​แปรเปลี่ยน​ สหาย​ใน​วันวาน​พลัดพราก​ เจ็บ​ปวดใจ​เหมือน​ถูก​มีดคว้าน​ รวดร้าว​ทรมาน​ ยาก​จะทำใจ​ได้​”

หยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ เสี่ยว​โม่ก็​ยก​จอก​เหล้า​ขึ้น​ ให้​ข้อสรุป​ต่อ​สภาพ​อารมณ์​ของ​ตัวเอง​ด้วย​ถ้อยคำ​ที่​กระชับ​เรียบง่าย​มากกว่า​เดิม​ แค่​คำ​เดียว​ “ขม”​

ลู่​เฉิน​ชูจอก​เหล้า​ขึ้น​ชน​กับ​ของ​อีก​ฝ่าย​เบา​ๆ “ฟังมาถึงตรงนี้​ เสี่ยว​เต้า​ก็​ต้อง​ขอ​ขัด​ผู้อาวุโส​สัก​หนึ่ง​ประโยค​แล้ว​”

เสี่ยว​โม่เอ่ย​ “เชิญพูด​มาได้​เลย​”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​กล่าว​ “ชีวิต​คน​เมื่อ​เจอ​ความทุกข์ยาก​มาหมดสิ้น​แล้ว​ความหวาน​ชื่น​ย่อม​มาเยือน​ อีก​อย่าง​ มีคน​ร่วมทุกข์​ด้วย​ ต่อให้​ขมขื่น​ก็​ไม่รู้สึก​ขม​มาก​ขนาด​นั้น​อีกแล้ว​”

เสี่ยว​โม่เห็นด้วย​อย่างยิ่ง​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “สหาย​ลู่​กล่าว​ได้​ถูกต้อง​”

ลู่​เฉิน​ถาม “ดูเหมือนว่า​ชื่อเสียง​ของ​ผู้อาวุโส​ใน​โลก​ยุค​หลัง​…จะไม่ค่อย​โด่งดัง​เท่าใด​นัก​?”

ความนัย​ใน​ประโยค​นี้​ก็​คือ​ ผู้อาวุโส​ขอบเขต​ท่าน​สูงขนาด​นี้​ เหตุใด​ถึงไม่เคย​ทิ้ง​วีรกรรม​ยาว​เป็น​พรวน​ให้​โลก​มนุษย์​แซ่ซ้อง​กัน​นาน​หมื่น​ปี​ไว้​บ้าง​เลย​เล่า​

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​ “ข้า​ชอบ​ตั้งใจ​ฝึก​กระบี่​อย่าง​เดียว​ ไม่ค่อย​ชอบ​เข่นฆ่า​กับ​ใคร​ เรื่อง​ของ​การโอ้อวด​บารมี​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ที่​ข้า​ถนัด​”

ลู่​เฉิน​ทอดถอนใจ​หนึ่ง​ที​ “วีรบุรุษ​ไร้​นาม​ เป็น​วิถี​ทางโลก​ที่​ไม่ถูก​ ต้อง​ชน​กับ​ผู้อาวุโส​สัก​จอก​แล้ว​”

เสี่ยว​โม่กับ​ลู่​เฉิน​ต่าง​คน​ต่าง​ดื่ม​จน​หมด​จอก​แล้ว​ เสี่ยว​โม่ก็​ครุ่นคิด​เล็กน้อย​ เอ่ย​ว่า​ “ข้า​เคย​ไล่​ฆ่าหย่า​งจื่อ​มาก่อน​ น่าเสียดาย​ที่​ตอนนั้น​เวท​กระบี่​ยัง​ไม่เข้าขั้น​ เปลืองเวลา​ไป​หนึ่ง​เดือน​กว่า​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ไล่​ฆ่าหย่า​งจื่อ​ได้​ ผล​คือ​ถูก​จูเยี่ยน​ขัดขวาง​แล้ว​ช่วย​นาง​เอาไว้​ ข้า​คนเดียว​รับมือ​กับ​ศัตรู​สอง​คน​ สู้ไม่ได้​ก็​ต้อง​เผ่นหนี​แล้ว​”

ข้อมือ​ลู่​เฉิน​สะบัด​ เหล้า​เกือบจะ​กระฉอก​นอง​เต็ม​พื้น​ เขา​รีบ​ร่าย​เวท​คาถา​เรียก​สุรา​ให้​ไหล​กลับ​เข้าไป​ใน​จอก​อีกครั้ง​ จากนั้น​ก็​แหงนหน้า​กระดก​ดื่ม​จน​หมด​จอก​ เช็ด​มุมปาก​ รีบ​เอ่ย​ขออภัย​ว่า​ “ได้​ฟังวีรกรรม​เหมือน​ฟ้าผ่า​กลางวันแสกๆ​ เช่นนี้​ เสียกิริยา​แล้ว​ เสียกิริยา​แล้ว​”

แม้ว่า​ใน​ใจเสี่ยว​โม่จะรู้สึก​กังขา​ เหตุใด​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่คน​หนึ่ง​ถึงมาตกอกตกใจ​กับ​เรื่อง​แบบนี้​ได้​

แต่​อีก​ฝ่าย​ทำ​เช่นนี้​…เหมือน​ให้การ​สนับสนุน​เขา​ บน​ใบหน้า​ของ​เสี่ยว​โม่จึงมีรอยยิ้ม​เพิ่มมากขึ้น​

ช่วยไม่ได้​ ปีศาจ​บรรพกาล​ที่​หลับ​มานาน​ตน​นี้​ ความทรงจำ​ส่วนใหญ่​ยังคง​เป็น​ภาพ​ของ​สนามรบ​ดุเดือด​เมื่อ​หมื่น​ปี​ก่อนที่​เอะอะ​องค์​เทพ​จาก​ฝ่าย​ต่างๆ​ ก็​ล่วงลับ​เหมือน​สายฝน​ ปีศาจ​ใหญ่​ที่​รบ​ตาย​ไป​โครงกระดูก​กอง​กัน​เป็น​ภูเขา​ของ​ เทือกเขา​ยิ่งใหญ่​โอฬาร​ที่​ทุกวันนี้​ถูก​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​มอง​เป็น​ ‘ภูเขา​บรรพบุรุษ​’ ‘ยอดเขา​หลัก​’ ทั้งหลาย​ แทบจะ​เป็น​ ‘ซากปรักหักพัง​’ ที่​จำแลง​มาจาก​โครงกระดูก​ของ​ร่าง​จริง​ปีศาจ​ใหญ่​ทั้งสิ้น​

มัน​จึงไม่รู้สึก​ว่าการ​จับคู่​เข่นฆ่า​ใดๆ​ สามารถ​คู่ควร​กับ​สอง​คำ​ว่า​ ‘ยอดเขา​’ ได้​อีกแล้ว​

ลู่​เฉิน​จึงเล่าเรื่อง​ของ​อดีต​ผู้​ครอง​ลำคลอง​เย่ลั่ว​และ​บรรพบุรุษ​ย้าย​ภูเขา​ให้​เสี่ยว​โม่ฟัง

ทุกวันนี้​จูเยี่ยน​ยังคง​ใช้ชีวิต​อย่าง​อิสระ​เสรี​ กลับเป็น​หย่า​งจื่อ​ที่​ถูก​ศาล​บุ๋น​กักตัว​ไว้​ใน​ซาก​ปรัก​เตา​หลอม​โอสถ​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มรรคา​จารย์​เต๋า​ทอดทิ้ง​ไม่ใช้แล้ว​

เสี่ยว​โม่ฟังด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ เห็นได้ชัด​ว่า​เป็น​ผู้ฟัง​ที่​ดีมาก​ รอ​กระทั่ง​ลู่​เฉิน​พล่าม​พูด​จน​จบ​ เขา​ถึงได้​จิบ​เหล้า​หนึ่ง​คำ​เล็ก​ “ที่แท้​จูเยี่ยน​กับ​หย่า​งจื่อ​ก็​ไม่ได้​ผูก​สมัคร​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​กัน​เสียที​”

กวาดตา​มอง​ไป​รอบด้าน​ เสี่ยว​โม่ก็​รำพึงรำพัน​ขึ้น​ว่า​ “จิต​แห่ง​มรรคา​ไม่มั่นคง​ สามภพ​ภูมิไม่สงบ​ ประหนึ่ง​อยู่​ใน​เรือน​แห่ง​ไฟ ความทุกข์​ตรม​ขมขื่น​เต็ม​ล้น​ เปลว​เพลิงไหม้​ลาม​ไม่เคย​มอด​ดับ​ ช่างน่าหวาดกลัว​ยิ่งนัก​”

ลู่​เฉิน​พยักหน้า​ “เรือน​แห่ง​ไฟสามภพ​ภูมิ น้ำ​เมฆเย็นสบาย​ ใช้การ​ช่วยเหลือ​คนอื่น​มาช่วยตัวเอง​ก็​ยิ่ง​ล้ำค่า​หา​ยาก​เข้าไป​อีก​”

ลู่​เฉิน​คีบ​กับแกล้ม​ขึ้น​มาหนึ่ง​คำ​ เคี้ยว​อย่าง​ละเอียด​ ถามอย่าง​ใคร่รู้​ว่า​ “ผู้อาวุโส​เชี่ยวชาญ​ใน​หลัก​พระธรรม​ด้วย​หรือ​?”

เสี่ยว​โม่ยิ้ม​อย่าง​เขินอาย​ “เคย​โชคดี​ได้​ฟังพระธรรมเทศนา​จาก​ภิกษุ​รูป​หนึ่ง​ที่นั่ง​อยู่​ใต้​ต้น​โพธิ์​กับ​หู​ตัวเอง​ หลุดพ้น​จาก​กรงขัง​แห่ง​ตัวอักษร​ คน​จาก​ทั่ว​สารทิศ​ล้วน​มารับฟังได้​ ยอดเยี่ยม​ไร้​สิ่งใด​จะเปรียบ​โดยแท้​”

ลู่​เฉิน​หา​คำ​มาต่อ​บทสนทนา​ไม่ได้​แล้ว​

แต่ไหนแต่ไร​มาเขา​ก็​ไม่กล้า​คบค้าสมาคม​กับ​พระพุทธองค์​อยู่แล้ว​

เสี่ยว​โม่ถาม “ดูเหมือน​ว่าที่​บ้านเกิด​ของ​คุณชาย​จะมีภัย​ร้าย​ใหญ่​ที่ซ่อน​แฝงอยู่​?”

ลู่​เฉิน​พยักหน้า​แล้วก็​ส่ายหน้า​ “มี แต่​ก็​หาย​ไป​แล้ว​”

มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่ อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ คือ​คน​สอง​คน​ที่​แตก​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​

โจว​มี่ แสวงหาผลประโยชน์​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​

ส่วน​เฉิน​ผิง​อันนั้น​แสวงหา​ความถูกต้อง​ไร้​ข้อผิดพลาด​อยู่​ตลอดเวลา​ เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​ผลลัพธ์​ที่​เลวร้าย​ที่สุด​เกิดขึ้น​

เจิ้งจวี​จงแห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ที่​เป็น​ทาง​หนี​ที​ไล่​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ อันที่จริง​เมื่อก่อนนี้​ลำดับ​รายชื่อ​บน​ยอดเขา​ของ​เขา​ใน​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​ไม่สูงมาก​นัก​

ไม่อย่างนั้น​ปี​นั้น​ที่​เผย​เปย​พา​เฉาสือ​ผู้​เป็น​ลูกศิษย์​กลับ​มาจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ออกจาก​ภูเขา​ห้อย​หัว​ย้อนกลับ​ไป​ยัง​แผ่นดิน​กลาง​ ก็​คง​ไม่ไป​ถามหมัด​ที่​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​

ทว่า​เจิ้งจวี​จงที่​อำพราง​ตน​อย่าง​ลึกล้ำ​ผู้​นั้น​ ลู่​เฉิน​กลับ​รู้สึก​มาโดยตลอด​ว่า​ไม่ว่า​จะมอง​คน​ผู้​นี้​สูงอย่างไร​ก็​ไม่เกิน​กว่า​เหตุ​แม้แต่น้อย​

มีเพียง​หลักการ​ที่​เป็น​โจร​พัน​วัน​เท่านั้น​ ไม่มีหลักการ​ที่​ต้อง​คอย​ป้องกัน​โจร​พัน​วัน​

ใน​ช่วงเวลา​ที่​โจว​มี่รู้สึก​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ต้อง​ลำพองใจ​อย่าง​ถึงที่สุด​ บวก​กับ​ที่​ไม่มีห​ลี่​เซิ่งคอย​เฝ้าพิทักษ์​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ช่างเป็น​โอกาส​ที่​หา​ได้​ยาก​ยิ่งนัก​ ผ่าน​มาแค่​วูบ​เดียว​ก็​หายวับ​

ถ้าอย่างนั้น​เจิ้งจวี​จงที่​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่แล้ว​ จึงเป็น​คน​ที่​เหมาะสม​ที่สุด​ที่จะ​เอา​มาประลอง​หมากล้อม​ด้วย​ ‘วิธี​ไร้เหตุผล​’ กับ​โจว​มี่มาก​ที่สุด​

ปัญหา​นั้น​อยู่​ที่ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ขอร้อง​เจิ้งจวี​จง? หรือว่า​แอบ​ทำการค้า​อะไร​กัน​อย่าง​ลับ​ๆ?

ไม่ว่า​เป็น​สถานการณ์​แบบ​ใด​ ลู่​เฉิน​ก็​รู้ดี​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​มีราคา​ที่​ต้อง​จ่าย​ไม่น้อย​

เสี่ยว​โม่กล่าว​ “รอ​ให้​ข้า​ติดตาม​คุณชาย​กลับ​บ้านเกิด​ คิดดู​แล้วก็​คง​ต้อง​มีโอกาส​ให้​ข้า​ได้​แสดง​ฝีมือ​อันน้อย​นิด​อยู่​บ้าง​”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​กล่าว​ “มีได้​ แต่​อย่า​ให้​มาก​ไป​”

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​ตอบรับ​ว่า​ใช่ จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​ ยิ้ม​เอ่ย​ “ข้า​เรียน​กระบี่​ได้​เร็ว​ ออก​กระบี่​ได้​เร็ว​ยิ่งกว่า​”

มีเพียง​พูดถึง​เรื่อง​เวท​กระบี่​เท่านั้น​ที่​ถึงจะเผย​พลัง​อำนาจ​ที่​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ขั้นสูงสุด​ควร​มีออกมา​

จากนั้น​ลู่​เฉิน​ก็​พูดคุย​เรื่อง​ขนบธรรมเนียมประเพณี​บางอย่าง​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ให้​เสี่ยว​โม่ฟัง

อันที่จริง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ก็​ไม่ขาด​บุคคล​และ​เรื่องราว​มหัศจรรย์​เช่นกัน​

ใต้​หล้า​มืด​สลัว​มีอาณาเขต​ที่​พอ​จะแบ่ง​ออกมา​ได้​สิบ​เก้า​เขต​ ทว่า​ไพศาล​กลับ​มีเก้า​ทวีป​ นี่​แสดงให้เห็น​ว่า​โชคชะตา​ขุนเขา​และ​โชคชะตา​สายน้ำ​ของ​สอง​ใต้​หล้า​แตก​ต่างกัน​มาก​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!