กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 877

เรื่อง​ของ​การลาก​ดวงจันทร์​ งานใหญ่​สำเร็จ​ลง​ได้​ด้วยดี​

ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​หวนกลับ​ไป​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก่อน​

ทั้งสอง​ไม่ได้​ไป​ที่​หัว​กำแพง​ แต่​พลิ้ว​กาย​ลง​บน​พื้นดิน​ทางทิศใต้​

ผู้​ที่​แกะสลัก​ตัวอักษร​ใหม่เอี่ยม​ไว้​บน​หัว​กำแพง​ อิ่น​กวาน​เฉิน​ผิง​อัน​

ฉีถิงจี้เงยหน้า​มอง​ไป​ทาง​ตัวอักษร​ใหญ่​ใน​จุด​ที่สูง​ที่สุด​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เจ้าไม่รู้สึก​ริษยา​สักนิด​เลย​หรือ​?”

ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​อยาก​แกะสลัก​ตัวอักษร​มาก​ที่สุด​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​ลู่​จือ​

อา​เหลียง​แกะสลัก​ตัวอักษร​ไป​แล้ว​ ส่วน​จั่ว​โย่ว​เดิมที​ก็​ไม่สนใจ​เรื่อง​พวก​นี้​อยู่แล้ว​ ต่อให้​สังหาร​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​ได้​ บางที​อาจจะ​ไม่ยินดี​แกะสลัก​ตัวอักษร​เลย​ด้วยซ้ำ​

หาก​เอ่ย​ตาม​คำพูด​ของ​อา​เหลียง​ก็​คือ​ลายมือ​ของ​เจ้าหมอ​นี่​อัปลักษณ์​เกินไป​ ไม่กล้า​ขายหน้า​คนอื่น​ แต่​ก็​ไม่เป็นไร​ ตน​สามารถ​ทำหน้าที่แทน​ได้​

ลู่​จือ​เบ้​ปาก​ “มิกล้า​ กลัว​ว่า​จะถูก​อาฆาตแค้น​”

ฉีถิงจี้รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ลู่​จือ​รู้จัก​พูด​ล้อเล่น​ด้วย​หรือ​?

ก็​แค่​ว่า​เป็น​มุก​ที่​แป้ก​ไป​หน่อย​เท่านั้น​

ลู่​จือ​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “หาก​ในอนาคต​เจ้าได้​สังหาร​บิน​ทะยาน​อีกครั้ง​ ยัง​จะแกะสลัก​ตัวอักษร​ไว้​ที่นี่​อีก​หรือไม่​?”

การ​ที่​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ถูก​สังหาร​ได้​ยาก​บน​สนามรบ​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ไม่ใช่ว่า​เซียน​กระบี่​อาวุโส​อย่าง​พวก​ฉีถึงจี้เวท​กระบี่​ไม่สูงพอ​ พลัง​พิฆาต​ไม่มาก​พอ​ แต่​เป็น​เพราะ​ปีศาจ​ใหญ่​หลบหนี​ไป​ได้​ง่าย​เกินไป​

ทว่า​ทุกวันนี้​สถานการณ์​ของ​สอง​ใต้​หล้า​สลับ​กัน​แล้ว​ ด้วย​ศักยภาพ​ของ​ฉีถิงจี้ก็​มีโอกาส​ที่จะ​จับคู่​เข่นฆ่า​กับ​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​เข้าตา​จนได้​อย่าง​เต็มที่​ และ​ยัง​สามารถ​ใช้กระบี่​ตัดหัว​อีก​ฝ่าย​ได้​ด้วย​

ฉีถิงจี้ส่ายหน้า​ “ให้​อักษร​คำ​ว่า​ ‘ผิง​’ นี้​เป็นตัว​ปิดท้าย​ก็ดี​ที่สุด​แล้ว​”

ชีวิต​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่อยู่​ที่นี่​ประหนึ่ง​จอก​แหน​ล่องลอย​แต่​ไม่จมหาย​

การ​ยก​นคร​บิน​ทะยาน​ครั้งหนึ่ง​ก็​คล้าย​กับ​จอก​แหน​ที่​กระจาย​ไป​ทั่ว​ฟ้าดิน​ ต่างบ้านต่างเมือง​ใน​ทุกวันนี้​ เมื่อ​เวลา​นาน​วัน​เข้า​ ในอนาคต​ก็​จะกลาย​มาเป็น​บ้านเกิด​ของ​แต่ละคน​ไป​เอง​

ฉีถิงจี้เงยหน้า​มอง​ไป​ยัง​หัว​กำแพงเมือง​ครึ่งหนึ่ง​นั้น​ “อิ่น​กวาน​ท่าน​นี้​ของ​พวกเรา​ ขอบเขต​ถดถอย​ไป​ไม่น้อย​”

ลู่​จือ​รู้สึก​กังวลใจ​เล็กน้อย​ “รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​สูงเกินไป​หน่อย​หรือไม่​”

ฉีถิงจี้ถามอย่าง​กังขา​ “ผู้ฝึก​กระบี่​เผ่า​ปีศาจ​คน​นั้น​มาจาก​ไหน​ ทำไม​ถึงมาดื่มเหล้า​กับ​เจ้าลัทธิ​ลู่​ได้​ล่ะ​?”

ลู่​เฉิน​ที่อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​โบกมือ​ให้​ลู่​จือ​แต่ไกล​ ตะโกน​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ว่า​ “พี่​หญิง​ลู่​ มาตรงนี้​ มาตรงนี้​!”

ลู่​จือ​กับ​ฉีถิงจี้ทะยาน​ลม​ไป​ที่​หัว​กำแพงเมือง​ด้าน​นั้น​ด้วยกัน​ หลังจาก​พลิ้ว​กาย​ลงพื้น​แล้ว​ ลู่​จือ​ก็​พูด​ด้วย​สีหน้า​คลางแคลง​ “มีธุระ​หรือ​? คน​ที่จะ​ไป​เป็น​แขก​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิงกับ​ลัทธิ​ลู่​คือ​หาว​ซู่ ไม่ใช่ข้า​เสียหน่อย​”

ลู่​เฉิน​ผงก​ปลาย​คาง​ไป​ทาง​ลู่​จือ​ เพียง​คลี่​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​อะไร​

ที่แท้​ลู่​จือ​ในเวลานี้​ ใน​มือ​ยัง​ถือ​หนัน​หมิง​เอาไว้​ ชื่นชอบ​จน​ตัดใจ​วาง​ไม่ลง​ อีก​ทั้ง​ตรง​เอว​ยัง​ห้อย​โหย​วเริ่น​ไว้​อีก​หนึ่ง​เล่ม​ ปลา​เขียว​ตัว​หนึ่ง​ว่า​ยวน​อยู่​กลางอากาศ​รอบกาย​ลู่​จือ​ ส่าย​สะบัด​หาง​อย่าง​สบายอารมณ์​

ลู่​จือ​เอง​ก็​เงียบ​ตาม​ไป​ด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​เปิดปาก​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​ไม่เป็นไร​”

“อีก​เดี๋ยว​หนิง​เหยา​ก็​กลับมา​แล้ว​”

ฉีถิงจี้ยิ้ม​กล่าว​ “หาว​ซู่คง​ไม่กลับมา​ที่นี่​แล้ว​ เพียงแค่​ให้​ข้า​นำ​ความ​มาบอก​เจ้า บอ​กว่า​ผู้ฝึก​กระบี่​กลุ่ม​ที่​ทุกวันนี้​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ให้​เจ้าวางใจ​ เขา​จะช่วย​จับตามอง​ให้​ สรุป​ก็​คือ​จะไม่ปล่อย​ให้​ใคร​รังแก​ตามใจชอบ​ แม้ว่า​เขา​จะไม่กล้า​รับประกัน​ความปลอดภัย​ของ​ชีวิต​ผู้ฝึก​กระบี่​ทุกคน​ บอ​กว่า​ถึงอย่างไร​ตัวเอง​ก็​ไม่ใช่อิ่น​กวาน​อย่าง​เจ้า มิอาจ​ทำหน้าที่​เป็น​แม่บ้าน​ผู้ดูแล​ที่เก็บ​ทุก​เรื่อง​มาใส่ใจได้​ แต่​เขา​หาว​ซู่สามารถ​รับประกัน​เรื่อง​หนึ่ง​ได้​ หาก​มีผู้ฝึก​กระบี่​คนใด​เกิดเรื่อง​ไม่คาดฝัน​ตาย​อยู่​ต่างบ้านต่างเมือง​ ก็​ไม่ถึงขั้น​ที่​ไม่มีคน​แก้แค้น​ให้​แน่นอน​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “แค่นี้​ก็​เพียง​พอแล้ว​”

ใน​บาง​ความหมาย​ หาว​ซู่ที่อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​มิได้​ปฏิบัติหน้าที่​สมกับ​เป็น​สิงกวาน​ คิดไม่ถึง​ว่า​กลับ​เลือก​ที่จะ​เป็น​สิงกวาน​จริงๆ​ จังๆ ตอนที่​ไป​อยู่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​แทน​

พลานุภาพ​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ ไม่ว่า​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​แห่ง​ไหน​ก็​ล้วน​มาก​มหาศาล​เสมอ​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หาว​ซู่ยัง​เคย​สังหาร​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ใต้​เปลือกตา​ของ​ศาล​บุ๋น​และ​ห​ลี่​เซิ่งกับ​มือ​ตัวเอง​

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​มาพูด​กับ​ลู่​เฉิน​ “เจ้าลัทธิ​ลู่​ เจ้าช่วย​ข้า​ถามหาว​ซู่ที​ว่า​ เขา​ยินดี​จะแบ่ง​คุณ​ความชอบ​ใน​การลาก​ดวงจันทร์​ส่วนหนึ่ง​ เอา​มาต่อรอง​เรื่อง​หนึ่ง​กับ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงของ​พวก​เจ้าหรือไม่​ วันหน้า​สามารถ​สังหาร​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ได้​โดยที่​ไม่ต้อง​รับผิดชอบ​ใดๆ​ กับ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง”

ลู่​เฉิน​ปวดหัว​อย่าง​หนัก​ “เรื่อง​นี้​ต้อง​ถามศิษย์​พี่​รอง​ถึงจะได้​ เขา​ต่างหาก​ที่​เป็น​คน​ดูแล​กิจธุระ​ต่างๆ​ อย่าง​แท้จริง​ เวลานี้​ผิน​เต้า​ไม่กล้า​รับปาก​หรอก​”

การ​เอา​ตัว​ไป​ยุ่ง​กับ​เรื่อง​ของ​คนอื่น​ไม่ใช่นิสัย​ของ​เจ้าลัทธิ​สามท่าน​นี้​ หลบเลี่ยง​เรื่องราว​ต่างๆ​ จึงจะเป็น​ความสามารถ​ดั้งเดิม​ของ​เขา​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “สามารถ​ให้​หาว​ซู่พยายาม​ออก​กระบี่​ภายใน​เวลา​ร้อย​ปี​ที่​เจ้าเป็น​คน​พิทักษ์​ดูแล​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ก็​ถือว่า​เป็นการ​มอบ​บันได​ลง​ให้​กับ​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​แล้ว​ แบบนี้​คงจะ​ได้​กระมัง​? แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ผู้ฝึก​กระบี่​เหล่านั้น​ของ​พวกเรา​ บน​เส้น​ทางการ​ฝึก​ตน​ก็​ไม่น่าจะเป็น​ฝ่าย​ไป​หาเรื่อง​คนอื่น​มาก​นัก​”

ลู่​เฉิน​เอ่ย​อย่าง​จนใจ​ “ก็ได้​ๆ ข้า​ล่ะ​กลัว​เจ้าแล้ว​ ผิน​เต้า​จะปรึกษา​กับ​ศิษย์​พี่​รอง​แบบนี้​ คาด​ว่า​คง​ต้อง​ดื่มเหล้า​ปลุก​ความกล้า​เสีย​ก่อน​ ต้อง​แข็ง​ใจถึงจะกล้า​เปิดปาก​พูด​ นิสัย​ของ​ศิษย์​พี่​รอง​ข้า​ คน​ทั้ง​ใต้​หล้า​ล้วน​รู้ดี​ แล้วก็​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​เกลียด​ขี้หน้า​ศิษย์​น้อง​อย่าง​ผิน​เต้า​เสีย​ด้วย​ คอย​หาเรื่อง​ข้า​อยู่​สารพัด​ หวัง​เพียง​ว่า​ผิน​เต้า​จะไม่หวังดี​ทำ​เรื่อง​พัง​เท่านั้น​”

“อีก​อย่าง​ผิน​เต้า​ก็​ต้อง​เอา​คำพูด​ไม่น่าฟัง​มาพูด​กัน​ก่อน​ ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ห้า​นคร​สิบสอง​หอ​เรือน​ไม่มีการ​แบ่งแยก​สูงต่ำ​ ตาม​กฎระเบียบ​ที่​ศิษย์​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​เป็น​คน​กำหนด​ไว้​ใน​อดีต​ นอกจาก​กฎเกณฑ์​บน​มหา​มรรคา​ไม่กี่​ข้อ​ที่​มีน้อย​นิด​แล้ว​ เรื่องราว​ส่วนใหญ่​ เจ้านคร​และ​เจ้าหอ​แต่ละคน​สามารถ​อาศัย​ความชื่นชอบ​ของ​ตัวเอง​โต้แย้ง​คำสั่ง​ของ​เจ้าลัทธิ​ทั้ง​สาม สามารถ​ปฏิเสธ​ที่จะ​ปฏิบัติตาม​ได้​อย่าง​เต็มที่​”

“ไม่ว่า​จะอย่างไร​ ผิน​เต้า​ก็​จะพยายาม​เต็มที่​เพื่อ​ทำ​เรื่อง​นี้​ให้​สำเร็จ​”

อันที่จริง​อวี๋​โต้​ว​เห็นดี​ใน​กลุ่ม​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​อย่าง​มาก​

เหตุผล​นั้น​เรียบง่าย​มาก​ สาย​ของ​เซียน​กระบี่​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ได้​ยึดครอง​โชคชะตา​วิถี​กระบี่​ของ​ใต้​หล้า​ไป​มาก​เกิน​พอแล้ว​

อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​เคย​ถูก​คน​เรียก​ว่า​เป็น​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​

จากนั้น​คำกล่าว​ที่​ชื่นชม​อาราม​เต๋า​และ​นักพรต​ซุน​จาก​ใจจริง​นี้​ก็​พลัน​แพร่หลาย​ไป​ทั่ว​

ผล​กลับ​ทำให้​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ซุน​โมโห​อย่าง​หนัก​ ว่า​กัน​ว่า​นักพรต​เฒ่าโกรธ​จน​เต้นผาง​ บอ​กว่า​ด่า​ข้า​นั้น​ได้​ แต่​ไป​ด่า​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ได้​อย่างไร​

ปรี่​ไป​หาเรื่อง​ถึงที่​ บอก​ให้​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​เอ่ย​คำพูด​นี้​ขึ้น​มาก่อน​ใคร​เก็บ​คำพูด​ประโยค​นี้​กลับคืน​ไป​ ไม่อย่างนั้น​เรื่อง​นี้​ก็​จะไม่จบ​ง่ายๆ​ มิตรภาพ​ที่​พวกเรา​สอง​พี่น้อง​สะสมมานาน​พันปี​จะถือว่า​ไหล​หาย​ไป​กับ​กระแสน้ำ​แล้ว​ นับแต่​วันนี้​ไป​ก็​ถือว่า​ได้​ผูกปม​แค้น​ต่อกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​

อีก​ฝ่าย​จึงได้​แต่​อาศัย​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​ทาง​สำนัก​ป่าวประกาศ​แก่​ใต้​หล้า​ ฝืนใจ​แก้ไข​คำพูด​เสีย​ใหม่​ บอ​กว่า​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ไม่ใช่กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​

เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ที่​พึงพอใจ​แล้ว​ถึงได้​ตบ​แขน​ของ​พี่น้อง​คนดี​ เอ่ย​เตือน​อีก​ฝ่าย​ว่า​วันหน้า​ก็​ระวัง​ให้​มาก​หน่อย​ น้ำลาย​หนึ่ง​ฟอง​เท่ากับ​ตะปู​หนึ่ง​ดอก​ จะพูดจา​เหลวไหล​ไม่ได้​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!