ลังเลเล็กน้อย เด็กสาวก็ถามเสียงเบาว่า “พี่หญิงชื่อแซ่อะไรหรือ?”
เผยเฉียนลืมตาตอบ “เจิ้งเฉียน”
สายตาเด็กสาวฉายประกายแวววาว “ชื่อดี! ถึงกับแซ่เดียวชื่อเดียวกับปรมาจารย์ใหญ่เจิ้งที่ข้าเลื่อมใสที่สุด!”
ในยุทธภพมีคำกล่าวอยู่สองอย่าง หนึ่งคือปรมาจารย์ใหญ่เจิ้งคนนั้นงดงามราวบุปผาราวหยก เรือนกายบอบบางอรชร แต่กลับซุกซ่อนพละกำลังสะท้านฟ้าสะเทือนดินที่ผีร้องไห้เทพคร่ำครวญเอาไว้
และยังมีข่าวลือในยุทธภพอีกอย่างหนึ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่า บอกว่าเจิ้งซาเฉียนผู้นั้น แม้ว่าจะเป็นสตรีอายุน้อย แต่กลับสูงหนึ่งจั้ง เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ต้นขาหนาสะโพกใหญ่ ปล่อยหมัดออกไปครั้งสองครั้ง ไม่ว่าจะผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจหรือผู้ฝึกยุทธเผ่าปีศาจก็ล้วนต้องมีจุดจบแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
ดูเหมือนเด็กสาวจะนึกถึงเรื่องที่น่าสนใจอย่างถึงที่สุดขึ้นมาได้จึงหัวเราะชอบใจ กว่าจะหยุดเสียงหัวเราะได้ไม่ใช่เรื่องง่าย นางเอ่ยว่า “พี่หญิงเจิ้งเฉียนคงไม่ได้มีนามแฝงในยุทธภพอีกอย่างว่าเผยเฉียนหรอกกระมัง?”
โรงเตี๊ยมของบ้านตนอยู่ห่างจากตรอกอี้ฉือและถนนฉือเอ๋อร์ไปแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น จึงมักจะได้ยินข่าวคราวเล็กๆ บางอย่างของบนภูเขาและในยุทธภพ และยังมีก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เวทีประลองยุทธใกล้กับศาลเทพอัคคีก็เพิ่งได้ยินข่าวลือมาอีกอย่าง เจิ้งเฉียนผู้นั้นมีชื่อจริงว่าเผยเฉียน มาจากสถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าภูเขาลั่วพั่ว ส่วนเรื่องราวเทพเซียนและเรื่องน่าสนใจในยุทธภพที่มากกว่านั้น ตอนนั้นรอบข้างเสียงดังมาก เด็กสาวพยายามเงี่ยหูตั้งใจฟังเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังได้ยินไม่ชัดเจน
เผยเฉียน? (ขาดทุน) เจิงเฉียน? (หาเงิน/ได้เงิน) ทำไมถึงดูเหมือนว่าสองชื่อนี้ถึงเอาแต่งัดข้ออยู่กับเงินล่ะ?
เผยเฉียนคลี่ยิ้ม ไม่ได้เอ่ยอะไร
เด็กสาวก็ยิ้ม รู้สึกว่าคำพูดนี้ของตนค่อนข้างน่าขำ
“พี่หญิงเจิ้งเฉียน เคยอ่านบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มหนึ่งไหม? เมื่อหลายปีก่อนขายดีมาก ข้าลงมือช้าไปก็เลยซื้อมาไม่ได้ เสียใจจนไส้แทบเขียวแล้ว”
เผยเฉียนกล่าว “เคยอ่าน”
ในบันทึกขุนเขาสายน้ำที่อาจารย์พ่ออยู่ทั้งในตำราและนอกตำรา เผยเฉียนที่เป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาเคยอ่านมาไม่น้อย
เด็กสาวถามอย่างใคร่รู้ “นี่ท่านกำลังฝึกวิชาหมัดอยู่หรือ?”
“ออกหมัดง่ายแต่เดินนิ่งยาก ยากแรกนั้นอยู่ที่จะเรียนหมัดต้องเรียนการเดินก่อน ความยากต่อมาอยู่ที่หยดน้ำที่กร่อนหิน ต้องพากเพียรอย่างไม่ลดละ”
เผยเฉียนเดินเล่นต่อ อืมรับหนึ่งที “อาจารย์พ่อของข้าเคยบอกว่าฝึกวิชาหมัดอย่างยากลำบากมาสองสามปี ทว่าทำวิชาหมัดหายใช้เวลาแค่สองสามวันเท่านั้น”
เด็กสาวกระโดดผลุงขึ้นมา “สัจธรรมแห่งหมัดนี้ ข้ารู้ ข้ารู้ ขอแค่เดินทางผ่านศูนย์ฝึกยุทธแห่งนั้น ทุกวันจะต้องได้ยินเสียงชายแขนเสื้อสะบัดตีดังพึ่บพั่บมาจากข้างใน หรือไม่ก็เป็นเสียงฮื่อฮ่าที่ดังจากปาก แล้วจู่ๆ ก็พลันกระทืบเท้า กระทืบจนพื้นดินดังตึงๆๆ ตามคำกล่าวที่บอกไว้ในตำราหมัด นี่เรียกว่ากระดูกบิดเส้นเอ็นพลิกประหนึ่งประทัดระเบิด ใช่ไหม? คำพูดเก่าแก่ในตำราหมัดกล่าวได้ดี หมัดประหนึ่งพยัคฆ์ลงจากภูเขา ประหนึ่งมังกรลงมหาสมุทร พี่หญิงเจิ้งเฉียน ท่านลองดูสิว่าท่าทางของข้าเป็นอย่างไร ถือว่าเข้าขั้นแล้วหรือไม่?”
เผยเฉียนไร้คำพูดตอบโต้ แล้วก็ไม่อยากจะสาดน้ำเย็นใส่แม่นางน้อย จึงได้แต่แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินคำพูดเหลวไหลของนาง
ส่วนท่าทางที่ก้าวเดินส่งเดชของแม่นางน้อย เผยเฉียนก็ยิ่งมองดูด้วย…ความใกล้ชนิดสนิทสนม ไม่ต่างจากตนตอนเด็กสักเท่าไร
พอคิดถึงสายตาที่อาจารย์พ่อและพวกพ่อครัวเฒ่า เว่ยคอแข็งมองตนในอดีต เผยเฉียนก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก
ปัญหาก็อยู่ที่วิชากระบี่มารคลั่งที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาตอนเป็นเด็ก ตัวเผยเฉียนเองไม่คิดจะใช้แล้ว ผลกลับถูกหมี่ลี่น้อยเรียนรู้เอาไปเสียได้
เผยเฉียนเห็นว่าเด็กสาวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจึงได้แต่ยืนนิ่ง เปิดปากเอ่ยว่า “เรียนหมัดง่าย แต่ฝึกหมัดยาก กระบวนท่าเรียนง่าย แต่ปณิธานเรียนได้ยาก อะไรที่เรียกว่าเดินเข้าห้อง นั่นก็คือต้องมีปณิธานหมัดส่วนหนึ่งอยู่บนร่าง เป็นเหตุให้ผู้ฝึกยุทธอย่างเราๆ ประหนึ่งมีเทพช่วย ทว่าความสามารถที่มากกว่านั้นกลับเป็นคนที่บังคับหมัด ไม่ใช่เอาแต่เดินตามหมัดไปอย่างเดียว ก็เหมือนการออกคำสั่งต่อเทพ ปณิธานหมัดของทั้งร่าง อาวุธยุทโธปกรณ์สารพัด แค่หยิบเอามาไว้ในมือง่ายๆ แต่ละชิ้นล้วนเหมือนแขนเหมือนนิ้วมือตัวเองที่ขยับเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เข้าใจหรือไม่?”
เด็กสาวพยักหน้ารัวๆ เหมือนไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก “แน่นอนอยู่แล้ว! ไม่เข้าใจ!”
เผยเฉียนยิ้มบางๆ “กระบวนท่าหมัดของใต้หล้ามีนับพันนับหมื่น สัจธรรมแห่งหมัดมีนับสิบนับร้อย มีเพียงวิชาหมัดที่มีแค่หนึ่งเดียว”
เด็กสาวฉงนสนเท่ห์ “หมายความว่าอย่างไร?”
เผยเฉียนหรี่ตายิ้มเอ่ย “เบื้องหน้าไร้ผู้คน วรยุทธไร้อันดับสอง”
อาจารย์พ่อเคยพูดเองว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยอมให้ได้ มีเพียงการฝึกวรยุทธเดินขึ้นสู่ที่สูงเท่านั้นที่ไม่อาจยอมหลีกทางให้ได้ ถามหมัดกับคนอื่น เบื้องหน้าต้องไร้เงาคน เรียนวรยุทธเดินขึ้นสู่ที่สูง ข้างกายต้องไม่มีผู้ใด
อีกทั้งท่านปู่ชุยก็เคยเอ่ยหลักการทำนองเดียวกันนี้มาก่อน
เด็กสาวฟังด้วยใบหน้าแดงปลั่ง รู้สึกเลื่อมใสสุดขีด “เผด็จการ! เต็มเปี่ยม!”
เผยเฉียนยิ้มถาม “ทำไมเจ้าถึงอยากท่องยุทธภพถึงเพียงนี้?”
เด็กสาวนั่งกลับลงไปบนม้านั่ง เอ่ยอย่างไม่ลังเลว่า “เป็นชายหญิงในยุทธภพมีอิสระน่ะสิ ไม่ต้องแต่งงาน แล้วยังได้พบเห็นเรื่องราวและผู้คนแปลกประหลาดมากมาย ทางที่ดีที่สุดคือก่อนออกท่องยุทธภพจะต้องแบกเอาเมล็ดแตงทอง ใบไม้ทองกองใหญ่ไปด้วย หาร้านเหล้าข้างทางสักร้าน หยุดม้าลง ดื่มเหล้าเสร็จก็โยนเงินก้อนใหญ่ไปให้ เอ่ยประโยคหนึ่งว่าเถ้าแก่คิดเงิน ช่างใจป้ำยิ่งนัก ในหนังสือล้วนเขียนไว้เช่นนี้”
เผยเฉียนยิ้มกล่าว “ออกไปอยู่ข้างนอก นอกจากคนที่แค่พบหน้าก็เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว กับคนอื่นก็อย่าละโมบในคำว่าใจกว้างเด็ดขาด หนึ่งการไม่เปิดเผยทรัพย์สินก็คือกฎของยุทธภพ อีกอย่างก็คือคนในยุทธภพที่แท้จริงมีชีวิตที่คมดาบต้องอาบเลือด หาเงินได้ไม่ง่าย ในหนังสือเขียนไว้ว่าพวกจอมยุทธใหญ่ถูกคนฟันหนึ่งที คิ้วไม่กระดิกสักครั้ง ก็แค่ต้องทำแผลให้เรียบร้อยแล้วออกเดินทางต่ออีกครั้ง บางทีเจ้ายังไม่ทันเปิดหนังสือไปอีกหน้า จอมยุทธใหญ่ก็รักษาบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ไปพูดคุยแย้มยิ้มอยู่บนโต๊ะเหล้าแห่งอื่นแล้ว ทว่าหากบาดเจ็บถึงเส้นเอ็นและกระดูกต้องรักษาตัวหนึ่งร้อยวัน นี่คือหลักการที่แม้แต่เด็กน้อยก็ยังเข้าใจ”
เด็กสาวอึ้งตะลึง
เผยเฉียนลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “เจ้าลองใช้แรงที่มากที่สุดตบบ้องหูตัวเองทีหนึ่งสิ”
แค่ได้ยินประโยคนี้เด็กสาวก็เข้าใจทันที
คงเป็นนักต้มตุ๋นในยุทธภพกระมัง
มีใครเขาสอนวิชาหมัดอย่างเจ้าบ้าง?
เพียงแต่เห็นว่าหญิงสาวผู้นั้นไม่เหมือนล้อเล่น เด็กสาวที่เหมือนถูกผีดลใจก็ตบบ้องหูตัวเองแรงๆ ทีหนึ่ง ตบจนตัวเองเซถลา พอมองเผยเฉียนที่ไม่สะทกสะท้าน เด็กสาวก็ไหล่ลู่คอตก “ไม่แรงพอ ใช่ไหม”
เผยเฉียนยิ้มกล่าว “เอาเป็นว่าดีกว่าข้าในอดีตมากก็แล้วกัน”
ปีนั้นตอนที่อยู่นครมังกรเฒ่า นักพรตหญิงหวงถิงเคยจับเส้นเอ็นบีบกระดูกให้กับเผยเฉียน เจ็บปวดจนถ่านดำน้อยแหกปากร้องเสียงดังสนั่นฟ้า
ทำเอาคนบางคนสงสารจนพูดทันทีว่าไม่ต้องฝึกหมัดแล้ว ไม่ต้องฝึกหมัดแล้ว
เด็กสาวตัดสินใจได้ทันที “เจิ้งเฉียน ข้าเข้าใจแล้ว นับแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่เรียนวิชาหมัดอีกแล้ว!”
เผยเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ช่างเถิด ตนไม่เหมาะจะเป็นอาจารย์หรือเป็นผู้ถ่ายทอดมรรคากะผายลมอะไรเลยจริงๆ กับเจ้าใบ้น้อย อันที่จริงก็มีสภาพการณ์อันน่าเวทนาทำนองเดียวกันนี้ ลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของตนในนามผู้นี้อยู่ร่วมกับสือโหรวอย่างปรองดอง เห็นได้ชัดว่าสนิทกันยิ่งกว่าตนด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรพอมาอยู่กับอาจารย์ อาหมานก็ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ให้เห็นเลยสักครั้ง ถนอมคำพูดราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก ยอมเป็นเจ้าใบ้น้อยเท่านั้น
เผยเฉียนเดินไปหยุดอยู่ข้างกายเด็กสาว ยกฝ่ามือขึ้นขยี้แก้มของเด็กสาวเบาๆ เพียงไม่นานรอยแดงก็สลายหายไป นางยิ้มเอ่ย “คนที่เจ้าต้องการตามหาคนนั้น อันที่จริงอยู่ห่างเจ้าไม่ไกล ดังนั้นจึงไม่ต้องไปหาในยุทธภพหรอก”
เด็กสาวนวดคลึงข้างแก้มตัวเอง ไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายพูดอะไรอยู่ แต่เด็กสาวก็รู้แค่ว่าเจิ้งเฉียนที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ต้องเป็นจอมยุทธหญิงอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว นางจึงตะโกนเสียงดัง “พี่หญิงเจิ้งเฉียน ข้าจะเรียนหมัด!”
เผยเฉียนส่ายหน้ายิ้มกล่าว “ตัวข้าเองยังเรียนได้ไม่ถึงแก่น ไม่อาจสอนวิชาหมัดเลิศล้ำอะไรให้เจ้าได้หรอก”
แล้วนับประสาอะไรกับที่การเรียนหมัดก็ลำบากมากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!