เผยเฉียนกับเฉาฉิงหล่าง คนทั้งสองมองไปยังเฉินผิงอันในเวลาเดียวกัน
เฉินผิงอันพยักหน้าอีกครั้ง
เผยเฉียนและเฉาฉิงหล่างถึงได้เก็บของขวัญชิ้นนั้นไป
เฉินผิงอันมองแค่แวบเดียวก็รู้ตื้นลึกหนาบาง คือสมบัติอาคมที่ซุกซ่อน ‘ถ้ำสวรรค์เล็ก’ สองชิ้นซึ่งมีระดับสูงยิ่งกว่าวัตถุจื่อชื่อ
สมบัติล้ำค่าบนภูเขาประเภทนี้ อย่าวว่าแต่ผู้ฝึกตนทั่วไปเลย แม้แต่ร้านผ้าห่อบุญอย่างเฉินผิงอันก็ยังไม่มีสักชิ้น
คนทั้งสองต่างเอ่ยขอบคุณผู้อาวุโสสี่จู๋
เสี่ยวโม่คลี่ยิ้มไม่เอ่ยคำใด เห็นว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีท่าทีว่าจะนั่งลง เสี่ยวโม่ถึงได้นั่งลงไป
เด็กสองคนนี้ที่บ้านสอนมารยาทมาดีมาก
คงไม่ใช่ว่าสหายลู่หลอกตนแล้วกระมัง? จงใจพูดให้ถ้ำสวรรค์หลีจูเก่าที่ขนบธรรมเนียมเรียบง่ายบริสุทธิ์กลายมาเป็นบ่อมังกรถ้ำพยัคฆ์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยอันตราย? ถือเป็นการมอบความตกตะลึงระคนยินดีให้กับตน?
เสี่ยวโม่อดไม่ไหวใช้เสียงในใจเอ่ย “คุณชาย แม่นางเผยอายุน้อยมากเลยนะ แต่ใกล้จะได้เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางแล้วหรือ?”
ยามอยู่กับอาจารย์พ่อของนาง แม่นางน้อยนอบน้อมอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าสหายลู่หลอกตนอีกครั้งแล้ว
เฉินผิงอันไม่ได้ใช้เสียงในใจตอบกลับ แต่เปิดปากยิ้มเอ่ยว่า “เผยเฉียนอายุน้อยมาก แต่ราชวงศ์เหวินอวิ๋นของใต้หล้าเปลี่ยวร้างมีสตรีคนหนึ่งชื่อว่าป๋ายเริ่น ดูเหมือนว่าจะพอๆ กันกับนาง อายุห้าสิบก็เป็นขอบเขตปลายทางแล้ว อีกทั้งฟังลู่เฉินเล่าว่าราชครูหญิงของราชวงศ์ชิงเสินก็เลื่อนเป็นขอบเขตปลายทางตอนอายุน้อยยิ่งกว่านี้”
เผยเฉียนพยักหน้ารับ
เฉาฉิงหล่างกลับมองเห็นความภาคภูมิใจของอาจารย์ตนได้อย่างชัดเจน แจ่มกระจ่าง
อันที่จริงก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินผิงอันยืมขอบเขตสิบสี่มาจากลู่เฉิน ก่อนจะออกไปจากเมืองหลวงต้าหลีก็ได้เห็นความประหลาดบนร่างของเผยเฉียนแล้ว นี่ทำให้เขาที่เป็นอาจารย์ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เพราะตอนนี้เผยเฉียนอยู่ในสภาพการณ์ที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
นางกำลังกดขอบเขต!
เป็นเรื่องที่แม้แต่เฉินผิงอันก็ยังไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินมาก่อน
การฝ่าทะลุขอบเขตของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวใช่ว่าตัวของผู้ฝึกยุทธเองจะเป็นผู้ตัดสินใจได้ จะฝ่าคอขวดได้หรือไม่ ตัวเองก็ไม่ใช่คนตัดสินใจ ต้องอดทน เมื่อคอขวดถูกเปิดออก ไม่เลื่อนขั้น ก็ยิ่งไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตน อีกทั้งหากสามารถฝ่าทะลุขอบเขตได้ ใต้หล้านี้จะมีผู้ฝึกยุทธคนใดที่เป็นอย่างเผยเฉียนบ้างเล่า?
แต่เสี่ยวโม่เห็นการเข่นฆ่ามาจนเคยชินแล้ว อีกทั้งการเข่นฆ่าบนยอดเขาส่วนใหญ่ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าเรื่องประหลาดมากมายไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป
ทว่าตอนนี้เสี่ยวโม่กลับมีความใคร่รู้ในตัวเฉาฉิงหล่างมากกว่า
เผยเฉียนฝึกหมัดในทุกวันนี้ก็แค่เพื่อกดขอบเขตจริงๆ
นางต้องการเลือกสถานที่แห่งหนึ่งและวันใดวันหนึ่งก่อน ถึงจะยอมให้ตัวเองเลื่อนเป็นขอบเขตปลายทาง
เฉินผิงอันพูดเข้าประเด็นโดยตรง บอกให้เฉาฉิงหล่างรู้ถึงความคิดของชุยตงซาน
คำตอบของเฉาฉิงหล่างเรียบง่ายมาก “อาจารย์ อันที่จริงเป็นเช่นนี้ย่อมดีที่สุด ก่อนหน้านี้เพราะเห็นว่าดูเหมือนอาจารย์กับศิษย์พี่เล็กจะตัดสินใจกันแล้ว ข้าถึงได้แข็งใจตอบตกลงว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่าง”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ภูเขาลั่วพั่วของพวกเราไม่ใช่พวกเผด็จการเสียหน่อย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากตัวเจ้าเองมีความคิดเห็นก็เป็นเรื่องปกติ ตอนนั้นเจ้าก็ควรจะบอกอาจารย์ตามตรง...ช่างเถิด ครั้งนี้เป็นเพราะอาจารย์คิดไม่รอบคอบเอง วันหน้าข้าจะระวังให้มาก เจ้าเองก็เหมือนกัน”
เฉาฉิงหล่างพยักหน้ารับ “จำไว้แล้วขอรับ”
เฉินผิงอันรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “เดิมทีเจ้าสามารถเป็นเจ้าสำนักที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของไพศาลได้”
เฉาฉิงหล่างเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรมากในเรื่องนี้
เมื่อก่อนศาลบุ๋นควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้ฝึกลมปราณรับหน้าที่เป็นเจ้าสำนัก จำเป็นต้องมีขอบเขตเป็นหยกดิบ นี่คือกฎเหล็ก
ผู้ฝึกตนอิสระของป่าเขา คิดจะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนก่อนอายุสี่สิบก็ช่างเป็นความฝันของคนปัญญาอ่อนโดยแท้
ต่อให้จะเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่รากฐานลึกล้ำ การสืบทอดมีระบบระเบียบ คิดจะกลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบในช่วงอายุเท่านี้ก็ยากราวกับเดินขึ้นสวรรค์เช่นกัน ในประวัติศาสตร์ของไพศาลมีน้อยจนนับนิ้วได้
นอกจากนี้ต่อให้มีผู้มากพรสวรรค์ด้านการฝึกตนที่เป็นเช่นนี้ หนึ่งทางสำนักย่อมไม่มีทางปล่อยให้ลูกรักแห่งสวรรค์ที่พรสวรรค์ดีเยี่ยมถูกกิจธุระยิบย่อยในภูเขามาผลาญเวลาการฝึกตนที่มีค่าไป เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้ในสำนักใหญ่ ต่อให้มีสำนักเบื้องล่าง ขอบเขตหยกดิบที่อายุน้อยเพียงเท่านี้ก็ไม่เหมาะที่จะให้ไปเป็นเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่างโดยตรง เพราะบนเส้นทางการฝึกตนที่รุดหน้าไปราวกับผ่าลำไม้ไผ่สายนั้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าผู้ฝึกลมปราณจะเดินโซซัดโซเซ เจออุปสรรคมากมายอยู่ในกองเรื่องหยุมหยิม
ตัวเองเป็นเช่นไร เฉินผิงอันแทบไม่เคยมีข้อพิถีพิถันอะไรมาก่อน ถึงขั้นที่ว่ายามออกท่องยุทธภพก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลกับ ‘ขอบเขตที่ถดถอย’ มากนัก
แต่พอมาเป็นเผยเฉียนกับเฉาฉิงหล่างกลับต่างออกไปอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่นเฉาฉิงหล่างสอบติดปั้งเหยี่ยน พอเฉินผิงอันรู้เข้า นอกจากจะดีใจแล้วก็อดนินทาในใจอยู่สองสามส่วนไม่ได้ ลูกศิษย์ของข้าทำไมถึงเป็นแค่ปั้งเหยี่ยน ไม่ใช่จ้วงหยวน? เป็นเหตุให้ครั้งนี้เฉินผิงอันมาเยือนเมืองหลวงต้องอดทนข่มกลั้นอย่างมาก ถึงจะไม่ไปแอบขโมยเปิดดูข้อสอบในการสอบหน้าพระที่นั่งของจ้วงหยวนคนใหม่ในคลังเก็บเอกสารของกรมพิธีการ ดูสิว่าจะใช่กระดาษคำตอบของลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจของตนหรือไม่ แต่แค่เพราะตัวอักษรเขียนไม่เป็นระเบียบมากนัก พวกขุนนางที่ตรวจข้อสอบซึ่งอายุมากแล้วถึงได้มองพลาดไป หรือไม่ก็เป็นฮ่องเต้ที่จงใจลดระดับของเขาลงมา?
เฉาฉิงหล่างเอ่ย “อาจารย์ ข้าเพิ่งไปหาสวินชวี่มา เขาบอกว่าอาจารย์เข้ากับคนได้ง่ายมาก ไม่ใช่ว่าแสร้งทำเป็นไม่มีมาด แต่ท่านไม่วางมาดเลยจริงๆ”
“สวินชวี่ไม่ใช่คนที่ชอบประจบสอพลอใคร ยิ่งไม่ได้จงใจให้ข้าเอามาบอกต่อให้อาจารย์ฟัง เขายินดีพูดแบบนี้ก็แสดงว่าต้องเคารพเลื่อมใสอาจารย์อย่างมากแน่ เขายังบอกอีกว่าวันหน้าหากตัวเองเป็นขุนนางใหญ่แล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ ไม่ว่าอยู่ร่วมกับใครก็จะต้องทำให้คนรู้สึกเหมือนได้อาบไล้ท่ามกลางลมวสันตฤดู”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไม่ได้ทำให้สวินชวี่รู้สึกว่าเจ้าหาอาจารย์มาผิดคนก็ดีแล้ว”
เฉินผิงอันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของฮว่อหลงเจินเหรินขึ้นมาบ้างแล้ว
ออกไปอยู่นอกบ้าน ถูกคนมองเป็นฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้ เป็นเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ หรือถูกมองเป็นอาจารย์ของจางซานเฟิง อันที่จริงทั้งสองอย่างนี้มีความต่างที่ลี้ลับอยู่
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงเบา “ช่วงที่ผ่านมาข้าคิดถึงปัญหาข้อนี้มาโดยตลอด ตัวของปัญหาคงไม่พูดถึงแล้ว วันหน้ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมจะต้องมาทบทวนกระดานกับเจ้าอย่างแน่นอน สรุปก็คือที่ภูเขาลั่วพั่ว ข้าอาจจะยังต้องจัดการกับเรื่องอีกมากมาย ทั้งน้อยและใหญ่ หากเห็นแล้วรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องก็จะต้องจัดการเสียหน่อย แต่ทางฝั่งของสำนักเบื้องล่างในวันหน้า ข้าอาจจะปล่อยมือมากกว่า ดังนั้นเจ้าที่อยู่ข้างกายตงซานอาจมีความเห็นต่างไม่อย่างนั้นก็อย่างนี้ ถึงขั้นที่อาจต้องทะเลาะกัน ถึงเวลานั้นเขาเป็นเจ้าสำนัก แล้วยังเป็นศิษย์พี่เล็กของเจ้า เรื่องนี้ก่อนที่เจ้าจะไปใบถงทวีปก็ลองคิดดูก่อนได้”
เฉินผิงอันโคลงศีรษะอยู่กับตัวเอง “ไม่ใช่ว่าอาจจะ แต่ต้องเป็นแน่นอน”
เฉาฉิงหล่างพยักหน้า “อาจารย์ อันที่จริงข้าไม่กลัวการทะเลาะกันหรอก ขอแค่ไม่ใช่การถกเถียงกันด้วยอารมณ์ก็สามารถหาข้อดีมาชดเชยข้อเสีย ตรวจสอบหาช่องโหว่แล้วแก้ไขได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!