กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 880

เฉิน​ผิง​อัน​ทิ้ง​กระบี่​ยาว​เย่​โหย​ว​ไว้​ที่​หอ​เห​ริ​นอวิ๋น​อี้​อวิ๋น​ พา​เสี่ยว​โม่ไป​ซื้อ​ขนม​สำหรับ​คน​สอง​คนใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ จากนั้น​ก็​ซื้อ​เหล้า​หนึ่ง​กา​ เป็น​เงิน​สิบ​สี่ตำลึง​พอดี​ ไม่ขาดไม่เกิน​ไป​แม้แต่​อีแปะ​เดียว​

เสี่ยว​โม่ซื้อ​ขนม​และ​สุรา​เป็นเพื่อน​เฉิน​ผิง​อัน​เรียบร้อย​แล้วก็​เดินเล่น​อยู่​ใน​เมืองหลวง​ที่​เจริญรุ่งเรือง​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “คน​ที่​มีเวลาว่าง​มองดู​คน​บน​โลก​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​ทำ​เรื่อง​ต่างๆ​ ถึงจะเป็น​คน​ที่​ยุ่ง​และ​มุ่งมั่น​อยู่​กับ​เรื่อง​ที่​คน​บน​โลก​ละทิ้ง​ไม่สนใจ​ สหาย​ลู่​เคย​บอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​ลูกสมุน​ (ปัง​เสีย​น​ แปล​ตรง​ตาม​ตัวอักษร​ว่า​ช่วยเหลือ​ตอน​ว่าง​) คำกล่าว​นี้​ยอดเยี่ยม​มาก​”

ชมที​หนึ่ง​ชมถึงสอง​

เฉิน​ผิง​อัน​ถือ​กล่อง​อาหาร​ไว้​ใน​มือ​ ยิ้ม​ถามว่า​ “เสี่ยว​โม่ เจ้าเรียก​คำ​แล้ว​คำ​เล่า​ว่า​สหาย​ลู่​ หรือ​เจ้าไม่รู้​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​ลู่​เฉิน?”​

เสี่ยว​โม่กล่าว​ “สหาย​ลู่​พูดจา​เปิดเผย​ ก่อนหน้านี้​จึงไม่ได้​ปิดบัง​สถานะ​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงของ​ตัวเอง​ เพียงแต่​ข้า​รู้สึก​ว่า​เรียก​ว่า​เจ้าลัทธิ​ลู่​จะดู​ห่างเหิน​เกินไป​ ผิด​ต่อ​ความ​กระตือรือร้น​ที่​สหาย​ลู่​มีให้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ “เสี่ยว​โม่ไม่ว่า​เจ้าจะไป​อยู่​ที่ไหน​ก็​ต้อง​ปรับตัว​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​แน่​”

รอยยิ้ม​ของ​เสี่ยว​โม่แฝงความ​เขินอาย​หลาย​ส่วน​ด้วย​ความเคยชิน​ เหลือบมอง​กล่อง​อาหาร​ที่อยู่​ใน​มือ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​แล้ว​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ว่า​ “คุณชาย​ ของกิน​และ​สุรา​ที่อยู่​ใน​กล่อง​อาหาร​ใบ​นี้​ล้วน​มีข้อ​พิถีพิถัน​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “มีสิ ไม้ของ​กล่อง​อาหาร​ใบ​นี้​มาจาก​เข​ตอ​วี้​จางบ้านเกิด​แห่ง​ที่สอง​ของ​ไทเฮา​ต้า​หลี​ เรื่อง​กิน​เป็น​เรื่องใหญ่​สำหรับ​ชาวบ้าน​ คน​ที่​อิ่ม​ตาย​มีน้อย​ คน​ที่​หิว​ตาย​มีมาก​ ก็​ต้อง​ดู​ว่า​กระเพาะ​ของ​ไทเฮา​พวกเรา​ท่าน​นี้​เป็น​อย่างไร​แล้ว​ การ​เดินทาง​มาเยือน​เมืองหลวง​ ขอ​แค่​ไม่ยุ่ง​กับ​เรื่อง​ของ​คนอื่น​ เดิมที​ก็​ไม่ใช่เรื่องใหญ่​สัก​เท่าใด​ สิบ​สี่ตำลึง​เงิน​กำลังดี​”

เข​ตอ​วี้​จางซึ่งเป็น​ภูมิลำเนา​ของ​ไทเฮา​หนัน​จาน​ผลิต​ไม้งามได้​มากมาย​ หลาย​ปี​มานี้​ผลผลิต​ล้วน​ไม่พอกับ​ความต้องการ​มาโดยตลอด​ ก่อนหน้านี้​ที่​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ไม่ควบคุม​อย่าง​เข้มงวด​ก็​ไม่ใช่เพราะ​เรื่อง​นี้​ควบคุม​ได้​ยาก​อะไร​ หาก​มีคำสั่ง​ทาง​กองทัพ​ประกาศ​ออก​ไป​ ขอ​แค่​โยกย้าย​กำลัง​พล​ที่​เฝ้าประจำ​อยู่​ใน​พื้นที่​ออกมา​ ไม่ว่า​จำนวน​คน​จะมาก​หรือ​น้อย​ อย่า​ว่าแต่​ตระกูล​ชนชั้นสูง​ที่​มีอำนาจ​ใน​ท้องถิ่น​เลย​ ต่อให้​เป็น​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่กล้า​ไป​แตะต้อง​ต้น​หญ้า​หรือ​ต้นไม้​สัก​ต้น​ของป่า​ใน​เข​ตอ​วี้​จาง

สืบสาวราวเรื่อง​กัน​แล้ว​ยัง​เป็น​เพราะ​สงคราม​ดุเดือด​ครั้งนั้น​ กองทัพ​ต้า​หลี​มีคนตาย​มากเกินไป​ คนตาย​ไป​แล้วก็​ต้อง​มีโลงศพ​

ดังนั้น​ช่วงนี้​ราชสำนัก​ถึงได้​เริ่ม​ลงมือ​ออกคำสั่ง​ห้าม​การ​ตัด​ต้นไม้​กันเอง​อย่าง​จริงจัง​ เตรียม​จะปิดผนึก​ภูเขา​และ​ผืนป่า​ เหตุผล​ก็​เรียบง่าย​มาก​ ศึก​ใหญ่​ปิดฉาก​ลง​หลาย​ปี​แล้ว​ ไม้เหล่านั้น​จึงเริ่ม​กลาย​มาเป็น​วัสดุ​ไม้ชั้นเยี่ยม​ที่​พวก​ขุนนาง​ชั้นสูง​และ​ตระกูล​เซียน​บน​ภูเขา​เอา​มาก่อสร้าง​จวน​ หรือไม่​ก็​ใช้สถานะ​ของ​ผู้​แสวงบุญ​รายใหญ่​คอย​ส่งเอา​ไม้ใหญ่​สำหรับ​ทำ​เสาคาน​ไป​ให้​วัดวาอาราม​ก่อสร้าง​ซ่อมแซม​ สรุป​ก็​คือ​ไม่มีอะไร​เกี่ยวข้อง​กับ​โลงศพ​แล้ว​

ตรอก​อี้​ฉือ​และ​ถนน​ฉือเอ๋อร์​ตั้งอยู่​เหนือ​พระราชวัง​ขึ้นไป​ ดังนั้น​ขุนนาง​ชั้นสูง​ใน​เมืองหลวง​พวก​นี้​จึงเข้าร่วม​การประชุม​เช้าและ​เข้างาน​ใน​ที่ว่าการ​ได้​สะดวก​อย่าง​มาก​

การประชุม​เช้าของ​ต้า​หลี​ ทุกวัน​ฟ้ายัง​ไม่ทัน​สาง ถนน​สอง​เส้น​นี้​ก็​มีขบวน​รถม้า​เคลื่อน​ขยับ​ไม่ขาดสาย​แล้ว​

ได้ยิน​มาว่า​เมื่อ​หลาย​สิบ​ปีก่อน​ตอนที่​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​กวน​เพิ่งจะ​เข้าไป​อยู่​ในกรม​ขุนนาง​ หาก​ขบวนรถ​แน่น​ขวาง​ถนน​ เขา​ก็​มักจะ​ลงไม้​ลงมือ​เพื่อ​ช่วงชิง​ถนน​เสมอ​ ถึงอย่างไร​ขุนนาง​ต้า​หลี​ในเวลานั้น​ก็​แทบจะ​ถือว่า​มีชาติกำเนิด​จาก​ขุนนาง​บู๊​กัน​ทั้งหมด​ ค่อนข้าง​คล้ายคลึง​กับ​ที่ว่าการ​หก​กรม​ของ​เมืองหลวง​สำรอง​ต้า​หลี​ใน​ทุกวันนี้​ ต่อให้​ขุนนาง​ไม่ได้​ลง​สนามรบ​เข้าร่วม​การเข่นฆ่า​ แต่​เอกสาร​ที่​ผ่านมือ​ทุกวัน​ก็​คล้าย​จะพกพา​เอา​กลิ่น​ควัน​ปืน​และ​คาวเลือด​มาด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​พา​เสี่ยว​โม่เดินผ่าน​ประตู​ใหญ่​ของ​พระราชวัง​ หน้า​ประตู​กว้าง​ถึงเจ็ด​บาน​ มีประตู​คู่​หนึ่ง​ที่​ทาสี​ชาด​สลัก​ด้วย​ปุ่ม​นูน​สีทอง​ พลัง​อำนาจ​ยิ่งใหญ่​น่า​ครั่นคร้าม​ หิน​หยก​ขาว​เขียว​ปู​เป็นพื้น​ ผนัง​สูงสีชาด​ หลังคา​ทรง​จั่ว​ปลาย​ยอด​แหลม​ปู​ด้วย​กระเบื้อง​แก้ว​ใสสีเหลือง​ สอง​ข้าง​ของ​ประตู​สร้าง​เป็น​ห้อง​เรียงราย​เหมือน​ห่าน​สยาย​ปีก​ ห้อง​ท้ายสุด​เป็น​ห้อง​เข้าเวร​ สถานที่สำคัญ​อย่าง​พระราชวัง​ เวลา​ปกติ​พวก​ชาวบ้าน​ต้อง​ไม่มีโอกาส​ได้​เข้ามา​โดยพลการ​แน่นอน​ เฉิน​ผิง​อัน​มอบ​ป้าย​สงบสุข​แผ่น​นั้น​ให้​กับ​เสี่ยว​โม่แล้ว​ ให้​เสี่ยว​โม่แขวน​ไว้​ที่​เอว​พอเป็นพิธี​

ขุนนาง​บู๊​สวม​เสื้อเกราะ​คน​หนึ่ง​ก้าว​เร็ว​ๆ ตรง​มา เขา​จำอีก​ฝ่าย​ได้​แต่แรก​ อาณาเขต​หลาย​ลี้​รอบ​ประตู​ใหญ่​ของ​พระราชวัง​บาน​นี้​ได้​สร้าง​ตรา​ผนึก​เวท​คาถา​ไว้​หลาย​ชั้น​เพื่อ​สะดวก​ให้​พวก​ขุนนาง​ที่​รับหน้าที่​เฝ้าประตู​ตรวจสอบ​และ​บันทึก​สถานะ​ของ​ผู้​ที่มา​เยือน​ ขุนนาง​ต้า​หลี​และ​ผู้​ถวายงาน​บน​ภูเขา​บางส่วน​ที่มา​เข้างาน​ปกติ​ไม่จำเป็นต้อง​ขัดขวาง​ พวกเขา​สามารถ​เข้าออก​วังหลวง​ได้​ตามใจชอบ​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ท่าน​ผู้​นี้​คือ​ผู้​ถวายงาน​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​พวกเรา​ ชื่อว่า​โม่เซิง โม่จาก​เซี่ยง​โม่ (ตรอก​ถนน​) เซิงจาก​เซิงหัว​ (ชีวิต​)”

เพียง​ไม่นาน​ก็​มีขุนนาง​ผู้ช่วย​คน​หนึ่ง​เดิน​ออก​มาจาก​ห้อง​เข้าเวร​ ใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​กับ​ขุนนาง​บู๊​ครู่หนึ่ง​

ขุนนาง​บู๊​กุม​หมัด​คารวะ​ “เจ้าสำนัก​เฉิน​ ตรวจสอบ​เรียบร้อย​แล้ว​ ในกรม​อาญา​ไม่มีเอกสาร​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ ‘โม่เซิง’ ดังนั้น​โม่เซิงแขวน​ป้าย​ผู้​ถวายงาน​เดิน​อยู่​ใน​เมืองหลวง​โดยพลการ​ก็​ถือว่า​ไม่สอดคล้อง​กับ​กฎระเบียบ​ของ​ราชสำนัก​แล้ว​”

ความนัย​ใน​คำพูด​นี้​ก็​คือ​เฉิน​ผิง​อัน​สามารถ​เข้า​วัง​ได้​ แต่​ ‘โม่เซิง’ ที่​เป็น​คน​ติดตาม​กลับ​ไม่อาจ​เข้าไป​ได้​

แน่นอน​ว่า​ไม่โง่จน​ถึงขั้น​เตือน​ให้​เซียน​กระบี่​หนุ่ม​รีบ​สั่งให้​ผู้ติดตาม​ปลด​ป้าย​สงบสุข​ของ​กรม​อาญา​ลงมา​

แต่​เรื่อง​นี้​ทาง​ฝั่งของ​ห้อง​เข้าเวร​จะต้อง​มีการ​บันทึก​ลง​เอกสาร​อย่าง​ละเอียด​แน่นอน​ ส่วน​เรื่อง​ที่ว่า​หลัง​จบเรื่อง​ทาง​กรม​อาญา​จะคิดเล็กคิดน้อย​หรือไม่​ กล้า​มาซักไซ้​เอาโทษ​หรือไม่​ ต้องการ​จะถามหา​ความรับผิดชอบ​จาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​หรือไม่​ ก็​เป็นเรื่อง​ของ​กรม​อาญา​แล้ว​ ร้อย​ปี​ที่ผ่านมา​ ขุนนาง​บุ๋น​บู๊​ของ​ต้า​หลี​ ไม่ว่า​จะเป็น​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ที่​เล็ก​หรือ​ใหญ่​ก็​เคยชิน​ที่จะ​แบ่งงาน​กัน​อย่าง​ชัดเจน​ ต่าง​คน​ต่าง​ทำงาน​ตามหน้าที่​ของ​ตัวเอง​กัน​มานาน​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “กลับ​ไป​แล้ว​ข้า​จะให้​กรม​อาญา​บันทึก​เพิ่ม​ลง​ไป​”

ขุนนาง​บู๊​สะอึก​อึ้ง​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​ลำบากใจ​

สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ครั้ง​ สายตา​ของ​ขุนนาง​บู๊​ผู้​นี้​ก็​เผย​แวว​เด็ดเดี่ยว​ ยื่นมือ​ไป​กด​ด้าม​ดาบ​ ส่ายหน้า​ให้​กับ​เซียน​กระบี่​ชุด​เขียว​ เอ่ย​เสียงทุ้ม​หนัก​ว่า​ “เจ้าสำนัก​เฉิน​ ใน​เมื่อ​ไม่ถูก​หลัก​กฎเกณฑ์​ และ​ข้า​ก็​มีหน้าที่​ที่​ต้อง​ทำ​ คง​ต้อง​ล่วงเกิน​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​แสร้ง​ทำเป็น​มองไม่เห็น​ท่า​ที่​ใช้มือ​กด​ด้าม​ดาบ​ของ​ขุนนาง​บู๊​ แล้วก็​ไม่สร้าง​ความ​ลำบากใจ​ให้​กับ​คน​ที่​ต้อง​ทำ​ตามหน้าที่​อย่าง​พวกเขา​เหล่านี้​ เพียง​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ห้อง​เข้าเวร​ของ​พวก​เจ้าสามารถ​ส่งข่าว​แจ้งไป​ทาง​กรม​อาญา​ ข้า​จะรอ​ฟังข่าว​อยู่​ที่นี่​ก็แล้วกัน​”

หาก​กรม​อาญา​ตอบ​ตกลง​ย่อ​มดี​ที่สุด​ แต่​หาก​ไม่ตกลง​ แล้ว​เกี่ยว​อะไร​กับ​ที่​ข้า​จะเข้า​วังหลวง​ด้วย​

พวก​เจ้าคิด​ว่า​ตัวเอง​คือ​หลิว​เจีย​หรือ​?

ขุนนาง​บู๊​ถอนหายใจ​โล่งอก​ บอก​ให้​เจ้าขุนเขา​เฉินรอ​สักครู่​ แล้วก็​ไม่ทำตัว​อิดออด​อีก​ หัน​ตัว​ก้าว​ยาว​ๆ ตรง​ไป​ยัง​ห้อง​เข้าเวร​ รีบ​ส่งข่าว​ไป​ที่​กรม​อาญา​ทันที​ เพียง​ไม่นาน​ก็​ได้รับ​การ​ตอบกลับ​ เนื้อหา​เรียบง่าย​มาก​ แค่​สอง​คำ​เท่านั้น​ ปล่อย​ผ่าน​

เพียงแต่​ใน​จดหมาย​นอกจาก​ตราประทับ​ใหญ่​ของ​ฝ่าย​ถังปู้​แล้ว​ ถึงกับ​ยังมี​ตราประทับ​ขุนนาง​ของ​รอง​เจ้ากรม​อาญา​สอง​ท่าน​ด้วย​

นี่​ทำให้​ขุนนาง​บู๊​ค่อนข้าง​ประหลาดใจ​

เปี่ยมล้น​ไป​ด้วย​ความสงสัย​ใคร่รู้​ต่อ​การ​เดินทาง​มาเยือน​วังหลวง​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ใน​ครั้งนี้​ ดู​จาก​ท่าทาง​แล้ว​คง​ไม่เรียบง่าย​เพียงแค่​ไป​เป็น​แขก​ใน​ที่ว่าการ​อย่าง​ที่​ตรอก​หนันซ​วิน​เท่านั้น​

รอ​กระทั่ง​เซียน​กระบี่​ชุด​เขียว​ที่​ชื่อเสียง​เลื่องลือ​กับ​ผู้ติดตาม​ที่​สวม​หมวก​เหลือง​รองเท้า​เขียว​ถูก​ปล่อย​ผ่าน​และ​ค่อยๆ​ เดิน​จากไป​ไกล​

ขุนนาง​บู๊​กลับมา​ที่​ห้อง​เข้าเวร​ ยิ้ม​เอ่ย​กับ​ขุนนาง​ผู้ช่วย​ที่​มาจาก​แคว้น​ใต้​อาณัติ​ซึ่งเวลานี้​กำลัง​ยก​พู่กัน​เขียน​บันทึก​ว่า​ “เจ้าขุนเขา​เฉิน​ผู้​นี้​คือ​คนใน​พื้นที่​ของ​ต้า​หลี​เรา​ เซียน​กระบี่​ที่​อายุ​น้อย​ขนาด​นี้​ ไม่ด้อย​ไป​กว่า​เว่ย​จิ้น​แห่ง​ศาล​ลม​หิมะ​เลย​”

“ส่วน​วิชา​หมัด​ของ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​เป็น​เช่นไร​ ยอด​ฝีมือ​ที่​สามารถ​อบรมสั่งสอน​ปรมาจารย์​ใหญ่​ที่​ได้รับ​การประเมิน​อย่าง​เผย​เฉียน​ออกมา​ได้​ จะอ่อนด้อย​ได้​หรือ​? การต่อสู้​ที่​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ครานั้น​ เวท​กระบี่​ของ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​พวกเรา​สูงหรือ​ต่ำ​ ข้า​มอง​ตื้น​ลึก​ไม่ออก​ แต่​การต่อสู้​ระหว่าง​เขา​กับ​ผู้พิทักษ์​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ครั้งนั้น​ ทำเอา​ข้า​ที่​ได้​ดู​ต้อง​จ่าย​เงิน​ไป​ไม่น้อย​เพื่อ​ซื้อ​เหล้า​มาดื่ม​”

ขุนนาง​ผู้ช่วย​หัวเราะ​ร่า​ “เหล่า​หม่า​ เซียน​กระบี่​เฉิน​เป็น​ญาติ​เจ้าหรือ​? น่า​ประหลาดใจ​นัก​ ดูเหมือนว่า​เซียน​กระบี่​เฉิน​จะไม่ได้​แซ่หม่า​นะ​”

ขุนนาง​บู๊​ยิ้ม​เอ่ย​ “เจ็บ​นะเนี่ย​”

ขุนนาง​ผู้ช่วย​วาง​พู่​กันลง​ พลัน​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าสำนัก​ที่​ร้ายกาจ​ขนาด​นี้​ เป็น​ทั้ง​เซียน​กระบี่​หนุ่ม​ แล้วก็​เป็น​ทั้ง​ปรมาจารย์​ด้าน​การ​ฝึก​ยุทธ​ ทำไม​อยู่​ใน​สนามรบ​ใหญ่​ครั้งนั้น​ถึงเห็น​แค่​ลูกศิษย์​และ​ผู้​ถวายงาน​ศาล​บรรพ​จารย์​ของ​เขา​เท่านั้น​ที่​บ้าง​ก็​ออก​หมัด​บ้าง​ก็​ออก​กระบี่​อยู่​บน​สนามรบ​ แต่กลับ​ไม่เห็น​ตัว​เขา​เลย​?”

ขุนนาง​บู๊​สะอึก​อึ้ง​ไป​เล็กน้อย​ ก่อน​จะเอ่ย​อย่าง​ขุ่นเคือง​ว่า​ “ไม่แน่​ว่า​อาจ​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​ปิด​ด่าน​ก็ได้​ เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​งีบ​ที​หนึ่ง​ก็​ต้อง​ใช้เวลา​หลาย​เดือน​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​เรื่องใหญ่​อันดับ​หนึ่ง​อย่าง​การ​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​เลื่อน​เป็น​ห้า​ขอบเขต​บน​ พลาด​สงคราม​ใหญ่​ครั้งนั้น​ไป​ก็​ถือว่า​เป็นเรื่อง​ปกติ​”

เฉิน​ผิง​อัน​พา​เสี่ยว​โม่เดิน​อยู่​ใน​วังหลวง​ที่​ทุก​พื้นที่​ล้วน​มีแต่​ที่ว่าการ​น้อย​ใหญ่​ ที่ทำงาน​ของ​เหล่า​ขุนนาง​ บรรยากาศ​เคร่งเครียด​ เป็น​ทัศนียภาพ​ที่​แตกต่าง​ไป​จาก​ใน​และ​นอกเมือง​อย่าง​สิ้นเชิง​

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​มอง​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​ลำน้ำ​ใหญ่​ที่​ตั้งอยู่​ภาค​กลาง​ของ​เมืองหลวง​แห่ง​ที่สอง​ คาด​ว่า​ตอนนี้​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลอง​คง​ได้รับ​กระบี่​บิน​ส่งจดหมาย​ไป​จาก​ทาง​ฮ่องเต้​ต้า​หลี​แล้ว​กระมัง​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!