กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 882

อิง​ตาม​อุบาย​เล็ก​ๆ ที่​หนัน​จาน​คิด​ไว้​ หาก​เด็กบ้านนอก​ผู้​นี้​เจรจา​กับ​บรรพบุรุษ​สกุล​ลู่​สำเร็จ​ อย่าง​มาก​ก็​แค่​ให้​คน​เอา​เครื่องกระเบื้อง​แห่ง​ชะตาชีวิต​กลับ​มาจาก​เมือง​เล็ก​ หรือ​ถ้าคุย​กัน​ไม่รู้เรื่อง​ ยกตัวอย่างเช่น​บรรพ​จารย์​สกุล​ลู่​คิด​จะทอดทิ้ง​ตน​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​จะมาโทษ​ที่​ตน​ทำการค้า​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​เพียงลำพัง​ไม่ได้​ พวก​เจ้าสกุล​ลู่​เห็น​ราชวงศ์​ต้า​หลี​เป็น​มะพลับ​นิ่ม​ที่​ใคร​จะบีบ​อย่างไร​ก็ได้​จริงๆ​ หรือ​? ข้า​คือ​หนัน​จาน​ คือ​ไทเฮา​ต้า​หลี​ที่​มีชาติกำเนิด​มาจาก​เข​ตอ​วี้​จาง ไม่ใช่ลู่​เจี้ยง​อะไร​ทั้งนั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้สายตา​เวทนา​มอง​หนัน​จาน​ “คิด​จะเล่น​เล่ห์​ อย่าง​เจ้าน่ะ​หรือ​จะเอาชนะ​ลู่​เหว่​ย​ได้​? คิด​อะไร​อยู่​ ไข่​มุกห​ลิง​ซีเส้น​นี้​หมดค่า​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​ ฉวยโอกาส​ที่​ลู่​เหว่​ย​ไม่อยู่​ที่นี่​ หาก​เจ้าไม่เชื่อ​ก็​ลองดู​ได้​”

หนัน​จาน​เหมือน​ถูก​ฟ้าผ่า​ รีบ​ก้มหน้า​ลง​ ยื่นมือ​ไป​ขยับ​เม็ด​ไข่มุก​ทั้งหลาย​ ไข่มุก​ที่​เดิมที​มีประกาย​แสงศักดิ์สิทธิ์​แฝงเร้น​คล้าย​สูญเสีย​ตรา​ผนึก​พันธนาการ​แห่ง​ขุนเขา​สายน้ำ​ชั้นหนึ่ง​ไป​ กลาย​มาเป็น​หม่นหมอง​ไร้​แสง เกิด​ลาง​ว่า​จะแห้งเหี่ยว​

เสี่ยว​โม่เก็บ​ปณิธาน​กระบี่​ที่​ใช้ปาด​แสงศักดิ์สิทธิ์​ของ​ไข่​มุกห​ลิง​ซีทิ้ง​ไป​อย่าง​เงียบเชียบ​มา ถามอย่าง​สงสัย​ว่า​ “คุณชาย​จะไม่ถามสักหน่อย​หรือว่า​ซ่อน​อยู่​ที่ไหน​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจยิ้ม​กล่าว​ “ข้า​รู้​แล้ว​ว่า​ซ่อน​อยู่​ที่ไหน​ คราวหน้า​ค่อย​กลับ​ไป​เอา​ก็แล้วกัน​”

ถึงอย่างไร​ก็​อยู่​ห่าง​จาก​บ้าน​บรรพบุรุษ​ของ​ตน​แค่​ไม่กี่​ก้าว​เท่านั้น​

หนัน​จาน​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ แล้วจึง​หัน​กลับมา​มอง​บรรพบุรุษ​สกุล​ลู่​ที่​หัว​และ​ร่าง​แยก​จากกัน​

ความเกลียด​แค้น​ใน​ดวงตา​มากมาย​นัก​

แต่​สายตา​ที่​ไทเฮา​ต้า​หลี​มอง​ฝ่าย​แรก​ นอกจาก​มีความเคียดแค้น​ครึ่งหนึ่ง​แล้ว​ ยังมี​ความ​หวาดเกรง​อีก​ครึ่งหนึ่ง​ด้วย​

“เห็นแก่​ที่​คำตอบ​นี้​นับว่า​น่าพึงพอใจ​ ข้า​ก็​มีคำแนะนำ​อย่างหนึ่ง​ให้​เจ้า”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​เตือน​ “ลู่​เจี้ยง​เป็น​ใคร​ ข้า​ไม่รู้​ แต่​ไทเฮา​ต้า​หลี​ หนัน​จาน​แห่ง​เข​ตอ​วี้​จาง ข้า​เคย​พบ​เจอ​มานาน​แล้ว​ วันหน้า​ทำ​อะไร​ต้อง​วางแผน​ให้​ดี​ก่อน​ค่อย​ลงมือ​ สกุล​ซ่งต้า​หลี​ไม่อาจ​ขาด​ฮ่องเต้​ได้​แม้แต่วัน​เดียว​ แต่​ไทเฮา​น่ะ​หรือ​ กลับ​สามารถ​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​ตำหนัก​ฉางชุน​เป็นเวลายาวนาน​เพื่อ​ขอพร​ให้​บ้านเมือง​ได้​”

“เข้าใจ​แล้ว​หรือยัง​?”

หนัน​จาน​พยักหน้า​รับ​เบา​ๆ ด้วย​สีหน้า​ทึ่ม​ทื่อ​

เฉิน​ผิง​อัน​ถามอี​กว่า​ “ข้า​ไม่เชื่อ​ใน​สมอง​ของ​เจ้า ดังนั้น​จึงจะถามเจ้าซ้ำอีกครั้ง​ ‘ไม่อาจ​ขาด​ฮ่องเต้​ได้​แม้แต่วัน​เดียว​’ เจ้าเข้าใจ​แล้ว​จริงๆ​ หรือ​?”

หนัน​จาน​ยังคง​พยักหน้า​

หนึ่ง​ประโยค​สอง​ความหมาย​ ซ่งเห​อ​ฮ่องเต้​สกุล​ซ่งต้า​หลี​จำเป็นต้อง​ครองราชย์​ มิเช่นนั้น​บ้านเมือง​จะเป็น​ดั่ง​ฝูงมังกร​ไร้​ผู้นำ​ จะสร้าง​ความ​สั่นสะเทือน​รุนแรง​ให้​แก่​ราชสำนัก​

นอกจากนี้​ก็​คือ​หาก​เกิดเรื่อง​ไม่คาดฝัน​อะไร​ขึ้นกับ​ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​ ราชสำนัก​ก็​ต้อง​เปลี่ยนคน​ ต้อง​มีคน​มารับ​ตำแหน่ง​ต่อ​ทันที​ ยกตัวอย่างเช่น​เปลี่ยน​ฮ่องเต้​ใน​วันนั้น​เลย​ ยังคง​เป็น​ประโยค​ที่ว่า​มิอาจ​ขาด​ฮ่องเต้​ได้​แม้แต่วัน​เดียว​เหมือนกัน​

ส่วน​ดวงจิต​เมล็ด​งาของ​ลู่​เหว่​ย​ก็​เหมือน​ถูก​บังคับ​ยัด​เข้าไป​ใน​เนื้อหนัง​ที่​ล่องลอย​ว่างเปล่า​ ทำ​ให้ได้​เห็นภาพ​แห่ง​กาลเวลา​ภาพ​แล้ว​ภาพ​เล่า​

บน​สนามรบ​ที่​เป็น​ภาพมายา​แห่ง​หนึ่ง​ ปีศาจ​ใหญ่​ขั้นสูงสุด​ของ​ราชา​บัลลังก์​เก่า​สิบ​สี่คน​ซึ่งรวม​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ยืน​เรียง​กัน​เป็นแถว​ คล้าย​กับ​ว่า​ลู่​เหว่​ย​คนเดียว​กำลัง​คุมเชิง​กับ​พวก​มัน​

เป็นเหตุให้​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ลู่​เหว่​ย​ส่าย​ไหว​ไม่มั่นคง​

บน​พื้นดิน​ ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​เก่า​อย่าง​เฟยเฟย​กำลัง​กระชาก​ลำคลอง​ใหญ่​อยู่​กลางอากาศ​

บน​ยอดเขา​ของ​ภูเขาใหญ่​แห่ง​หนึ่ง​ ปีศาจ​ใหญ่​บน​ยอดเขา​ที่​มีชื่อว่า​หยวน​ซง ข้าง​กาย​มีดรุณี​น้อย​ยืน​อยู่​บน​ลำคลอง​ มีแสงกระบี่​ที่​คล้าย​กับ​พุ่ง​ดิ่ง​ตรง​มาหา​ลู่​เหว่​ย​

……

ใน​ช่วงเวลา​ที่​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ลู่​เหว่​ย​กำลังจะ​แหลก​สลาย​

สุดท้าย​เขา​ก็​มาถึงตรอก​ซิ่งฮวา​ที่​ลู่​เหว่​ย​คุ้นเคย​เป็น​อย่าง​ดี​ ที่นั่น​มีชาย​วัยกลางคน​คน​หนึ่ง​ตั้ง​แผง​ขาย​ถังหู​ลู่​

ชายฉกรรจ์​คน​นั้น​กึ่ง​ยิ้ม​กึ่ง​บึ้ง​ เอ่ย​กับ​บรรพบุรุษ​สกุล​ลู่​สำนัก​หยิน​หยาง​ด้วย​ประโยค​ที่​พูด​ก็​เหมือน​ไม่พูด​ “ไม่ได้​เจอกัน​นาน​เลย​นะ​ เศษสวะ​ลู่​เหว่​ย”​

จิต​แห่ง​มรรคา​แตก​โพละ​แหลก​สลาย​ ประหนึ่ง​ตะเกียง​แก้ว​ที่​ร่วง​ตก​พื้น​

ทั้งๆ ที่​ลู่​เหว่​ย​รู้ดี​ว่า​นี่​เป็น​ฝีมือ​ของ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ แต่กลับ​ยังคง​ยาก​ที่จะ​รั้ง​จิต​ซึ่งหลุด​ออกจาก​การควบคุม​ของ​ตัวเอง​ได้​

ต่อมา​จิตวิญญาณ​ของ​ลู่​เหว่​ย​ที่​ขวัญหนีดีฝ่อ​ก็​ถูก​กระชาก​ดึง​ให้​มาที่​หน้า​ประตู​ ‘เรือน​’ หลัง​หนึ่ง​ ประตู​ไม่ได้​ปิด​ไว้​ ด้านใน​มีผู้ฝึก​ตน​คน​หนึ่ง​นั่งขัดสมาธิ​ ข้างหน้า​วาง​โต๊ะ​เอา​ไว้ตัว​หนึ่ง​ ดูเหมือนว่า​ผู้ฝึก​ตน​จะกำลัง​เขียน​อะไร​บางอย่าง​

เห็น​ลู่​เหว่​ย​แล้ว​ คน​ผู้​นั้น​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​ทันที​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​สีหน้า​ประหลาดใจ​ ทั้ง​ยังมี​ความตื่นเต้น​หลาย​ส่วน​ เขา​รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​ เดิน​มาที่​หน้า​ประตู​ แต่กลับ​ไม่กล้า​ข้าม​ธรณีประตู​ออกมา​แม้แต่​ก้าว​เดียว​ เพียงแค่​ใช้ภาษากลาง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ถามอย่าง​กระตือรือร้น​ว่า​ “สหาย​ท่าน​นี้​มาจาก​ที่ใด​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​หรือ​?”

ลู่​เหว่​ย​เชี่ยวชาญ​ภาษากลาง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ ลังเล​อยู่​เล็กน้อย​ ก่อน​จะตอบ​ด้วย​น้ำ​เสียงแหบ​พร่า​ “สกุล​ลู่​แห่ง​แผ่นดิน​กลาง​ เจ้าคือ​?”

คน​ผู้​นั้น​พลัน​หัวเราะ​เสียง​ดังลั่น​ “ดี​ๆ ดีเยี่ยม​ไป​เลย​ เป็น​คน​ที่​หล่น​ร่วง​ลง​มาจาก​ขอบฟ้า​ (เปรียบเปรย​ถึงคน​ที่​ตกอับ​ต้อง​ซัดเซพเนจร​) เหมือนกัน​”

มีทุกข์​ร่วม​ต้าน​ ไม่สน​หรอ​กว่า​จะมาจาก​บ้านเกิด​หรือ​ไพศาล​

ทาง​ที่​ดี​ที่สุด​คือ​ทั้งสอง​ได้​เป็น​เพื่อนบ้าน​กัน​ ยาม​ปกติ​ยัง​พูดคุย​กัน​ได้​ด้วย​

คน​ตรงหน้า​ลู่​เหว่​ย​ ‘คน​นี้​’ ก็​คือ​อิ๋น​ลู่​รอง​เจ้านคร​ของ​นคร​เซียน​จาน​ที่​นคร​ถูก​ผ่า​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​ ก่อนหน้านี้​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​กัก​หนึ่ง​จิต​หนึ่ง​วิญญาณ​แล้ว​โยน​มาไว้​ที่นี่​

ทุกวันนี้​นคร​เซียน​จาน​ถูก​ยันต์​สอง​แผ่น​อย่าง​ยันต์​อักษร​ภูเขา​และ​ยันต์​อักษร​น้ำ​แบ่งแยก​เอาไว้​ พื้นที่​มงคล​เห​ยาก​วง​ที่​เป็น​คลัง​ยุทโธปกรณ์​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​ไม่เหลือ​อยู่แล้ว​เหมือนกัน​ อิ๋น​ลู่​ที่อยู่​ที่นี่​อิจฉา​อิ๋น​ลู่​ที่จะ​ดี​จะชั่ว​ก็​ยัง​มีอิสระ​ผู้​นั้น​แทบตาย​แล้ว​ แค่​ขอบเขต​ถดถอย​จาก​เซียน​เห​ริน​มาเป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​แล้ว​อย่างไร​ ก็​ยัง​ได้​อิงแอบ​แนบชิด​สาวงาม​ ได้​เกลือกกลิ้ง​อยู่​ใน​บ้านเกิด​แห่ง​ความอ่อนโยน​อยู่​ทุกวัน​ไม่ใช่หรือ​ เสวียน​ผู่​ผู้​เป็น​อาจารย์​ตาย​ไป​ ไม่แน่​ว่า​ ‘ตัวเอง​’ คน​นั้น​อาจ​ได้​เป็น​เจ้านคร​ไป​แล้ว​ก็ได้​

น่าสงสาร​ตน​ที่​ต้อง​มาถูก​ขัง​อยู่​ที่นี่​ ได้​แต่​ก้มหน้าก้มตา​เขียนหนังสือ​

ต้อง​คอย​จดบันทึก​ทุกสิ่ง​ที่​เคย​ได้​เห็น​ได้ยิน​มาเกี่ยวกับ​เปลี่ยว​ร้าง​ลง​สมุดบันทึก​

หาก​กล่าว​ตาม​คำพูด​ของ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ เขียน​ได้​ไม่ถึงหนึ่ง​ล้าน​คำ​ก็​อย่า​หวัง​ว่า​จะได้​เห็น​เดือน​เห็น​ตะวัน​อีก​เลย​ หาก​คุณภาพ​ของ​เนื้อหา​ยัง​พอใช้ได้​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​ปล่อย​ให้​เขา​ได้​ออก​ไป​เดิน​ดู​ข้างนอก​บ้าง​

ทาง​ฝั่งของ​งานเลี้ยง​สุรา​นอก​ฟ้าดิน​เล็ก​

เสี่ยว​โม่พลัน​เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “คุณชาย​”

เวลานี้​เฉิน​ผิง​อัน​กำลัง​ก้มหน้า​มอง​หมัด​ที่ซ่อน​ฉาก​สายฟ้า​เอาไว้​ สายตา​ฉาย​ประกาย​เจิดจ้า​ผิดปกติ​

ได้ยิน​คำ​เรียกขาน​ของ​เสี่ยว​โม่แล้ว​ แต่​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้ยิน​

เสี่ยว​โม่จึงได้​แต่​เรียก​ว่า​คุณชาย​อีกครั้ง​

เฉิน​ผิง​อัน​ถึงได้​เงยหน้า​ขึ้น​ คลี่​ยิ้ม​ให้​กับ​เสี่ยว​โม่

หนัน​จาน​กับ​ลู่​เหว่​ย​รู้สึก​มาโดยตลอด​ว่า​ ‘โม่เซิง’ ที่​แปลกหน้า​ผู้​นี้​คือ​ผู้​ปกป้อง​มรรคา​ที่​มาจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

แต่​แท้จริง​แล้ว​ไม่ใช่ ตรงกันข้าม​กัน​เลย​ด้วยซ้ำ​ ครั้งนี้​เสี่ยว​โม่ติดตาม​เฉิน​ผิง​อัน​มาเป็น​แขก​ใน​วังหลวง​ มาเยี่ยมเยือน​คนรู้จัก​สอง​คน​ ก็​เพื่อให้​เสี่ยว​โม่คอย​เตือน​ให้​เขา​ยับยั้ง​ตัวเอง​ใน​ช่วงเวลา​ใด​เวลา​หนึ่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​คลาย​นิ้ว​ทั้ง​ห้า​ออก​ จิตวิญญาณ​ของ​ลู่​เหว่​ย​พลัน​กลับคืน​สู่ตำแหน่ง​ รีบ​คลำหา​ยันต์​สีม่วง​เขียว​แผ่น​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ เอา​มาทาบ​ทับ​ตรง​ลำคอ​ทันใด​

เซียน​เห​ริน​ที่อยู่​ใน​ช่วง​คอขวด​แล้ว​ กลับ​ขอบเขต​ถดถอย​เป็น​หยก​ดิบ​ภายใต้​สถานการณ์​ที่​ยัง​ไม่ได้​ลงมือ​เลย​สักครั้ง​

ความอัปยศ​ใหญ่หลวง​สำหรับ​คน​บน​ภูเขา​ประเภท​นี้​ มิอาจ​หา​สิ่งใด​มาเทียบ​เทียม​ได้​อีกแล้ว​

ควรจะ​รับมือ​กับ​บรรพบุรุษ​สกุล​ลู่​ผู้​นี้​อย่างไร​ อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่มีทางเลือก​มาก​นัก​ ลู่​เหว่​ย​ไม่ใช่อิ๋น​ลู่​แห่ง​นคร​เซียน​จาน​ผู้​นั้น​ เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ค่อย​กล้า​ดึง​จิตวิญญาณ​ของ​อีก​ฝ่าย​มาทิ้ง​ไว้​ใน​ตรา​ผนึก​ของ​ฟ้าดิน​เล็ก​ร่างกาย​มนุษย์​ของ​ตัวเอง​ ดังนั้น​หาก​ไม่หลอม​จิตวิญญาณ​ของ​อีก​ฝ่าย​ให้​หมดสิ้น​ เป็นเหตุให้​ลู่​เหว่​ย​ต้อง​อาศัย​ตะเกียง​ต่อ​ชะตาชีวิต​ใน​ศาล​บรรพชน​ตระกูล​ตัวเอง​ เอาอย่าง​ไหว​เฉียน​ กลับมา​ฝึก​ตน​ใหม่​อีกครั้ง​ หรือไม่​ก็​เหมือน​อย่าง​ตอนนี้​ที่​ทำให้​อีก​ฝ่าย​ขอบเขต​ถดถอย​ เรื่อง​ไม่คาดฝัน​เพียง​หนึ่งเดียว​คือ​จิต​แห่ง​มรรคา​ดวง​นั้น​ของ​ลู่​เหว่​ย​เปราะบาง​กว่า​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​คาดการณ์​ไว้​มาก​นัก​ คาด​ว่า​อาจารย์​ฉีและ​โจว​จื่อ​ต่าง​ก็​ต้อง​เคย​ทิ้ง​ตราประทับ​ที่​มิอาจ​ลบเลือน​ไว้​บน​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ลู่​เหว่​ย​ และ​เขา​ก็​ต้อง​เคย​เผชิญ​กับ​ความทุกข์ยาก​อย่าง​ใหญ่หลวง​มาก่อน​แน่นอน​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!