กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 883

ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​เด็กหนุ่ม​ที่​ปี​นั้น​เห็น​คน​ก้น​ใหญ่​ก็​ละสายตา​ออก​ไม่ได้​กลาย​มาเป็น​ขุนนาง​ใหญ่​ที่​มีชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​ทั้ง​ราชสำนัก​คำพูด​หนึ่ง​คำ​ล้ำค่า​ดุจ​ทองคำ​ แม้แต่​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ก็​ยัง​ต้อง​ขอ​ตัวอักษร​จาก​เขา​มาได้​อย่างไร​

ผู้ฝึก​ตน​ก็​มีดี​เช่นนี้​ ได้​เห็น​ ‘เด็กหนุ่ม​’ ที่​กลายเป็น​คนแก่​ล่าง​ภูเขา​มามากมาย​

หลิว​เจีย​แก้​ด้าย​สีเหลือง​ทอง​ที่​รัด​อยู่​บน​แกน​ภาพ​ออก​ บิด​หมุน​ข้อมือ​สะบัด​ม้วน​ภาพ​ให้​คลี่​กาง​อยู่​กลางอากาศ​ ด้านบน​คือ​ตัวอักษร​ใหญ่​สอง​แถว​ที่​น้ำหมึก​เปี่ยมล้น​ ราวกับ​คนเขียน​ใส่อารมณ์​อย่าง​เต็มที่​ ‘เดียวดาย​เพียงลำพัง​มีเพียง​เงาเคียงข้าง​ แรงกดดัน​รอบด้าน​มิอาจ​สยบ​กำราบ​ข้า​ได้​’

หลิว​เจีย​ด่า​ขำ​ๆ “เสี่ยว​จ้าว​ตัวดี​ ตัวอักษร​เหมือน​ความสามารถ​ใน​การ​ประจบสอพลอ​จริงๆ​ แม้จะแก่​แต่​ก็​ยัง​แข็งแรง​”

จ้าว​ตวน​หมิง​บ่น​พึม​ “อาจารย์​ แค่​พอหอมปากหอมคอ​ก็​พอแล้ว​กระมัง​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ท่าน​ปู่​ของ​ข้า​ ท่าน​เอาแต่​เรียก​ว่า​เสี่ยว​จ้าว​ เสี่ยว​จ้าว​อยู่​อย่างนี้​ ข้า​ทำตัว​ลำบาก​นะ​ จะแสร้ง​หูหนวก​แสร้ง​เป็น​ใบ้​ก็​เหมือน​คน​อกตัญญู​ แต่​จะโต้เถียง​ท่าน​ก็​อกตัญญู​อยู่ดี​”

หลิว​เจีย​หัวเราะ​ พลัน​ถามว่า​ “คง​ไม่ใช่ว่า​เป็น​ของปลอม​ที่​เชิญให้​คนอื่น​มาเขียน​แทน​หรอก​กระมัง​?”

จ้าวต​วน​หมิง​ยืด​คอ​ยาว​ไป​มอง​ “อาจารย์​ สายตา​ท่าน​นี่​ยังไง​กัน​ น้ำหมึก​บน​นี้​ยัง​ไม่ทัน​แห้ง​ดี​เลย​ แล้ว​ยังมี​ตราประทับ​ที่​หาก​ไม่ใช่ผลงาน​ที่​ภาคภูมิใจ​จะไม่ประทับ​ลง​ไป​อีก​เด็ดขาด​ จะยัง​เป็น​ของปลอม​ได้​อีก​หรือ​?”

“อีก​อย่าง​อาจารย์​ท่าน​ก็​ใช่ว่า​จะไม่รู้​สักหน่อย​ ท่าน​ปู่​ของ​ข้า​รัก​ศักดิ์ศรี​หน้าตา​เป็น​ที่สุด​ ต่อให้​เป็น​ตอน​หนุ่ม​ที่​ขาดเงิน​ อย่าง​มาก​สุด​ท่าน​ปู่​ก็​แค่​วาดภาพ​เลียนแบบ​หาเงิน​มาเล็กน้อย​เท่านั้น​”

หลิว​เจีย​หันหน้า​มาถาม “ก็​แค่​ล้อเล่น​ จะทำ​หน้างอ​ทำไม​”

เด็กหนุ่ม​นั่ง​ยอง​บน​พื้น​ “ท่าน​ปู่​บอก​แล้ว​ว่า​ให้​ท่าน​เอา​ตราประทับ​ที่​แกะสลัก​เอง​สอง​ชิ้น​ไป​มอบให้​เขา​ด้วย​ แบ่ง​เป็น​แกะสลัก​คำ​ว่า​ ‘เซียน​กระบี่​’ และ​ ‘ผู้​เล่น​ระดับ​แคว้น​’ หาก​ท่าน​ไม่ทำให้​ เขา​จะมาดักหน้า​ประตู​รอ​ทวงหนี้​ที่นี่​ด้วยตัวเอง​”

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าถลึงตา​กล่าว​ “เสี่ยว​จ้าว​ออกจาก​บ้าน​ไม่ทัน​ดู​ทาง​ หัว​เลย​ถูก​ประตู​หนีบ​ใช่ไหม​? ตา​เฒ่าที่​แค่​ลม​พัด​ก็​ตัว​ปลิว​ยัง​จะกล้า​มาดักหน้า​ประตู​ที่นี่​ด้วย​?”

จ้าวต​วน​หมิง​ใช้สายตา​เวทนา​มอง​อาจารย์​ของ​ตน​

ทำไม​ตน​ถึงต้อง​มาเจอ​อาจารย์​ที่​หัวทึบ​แบบนี้​ด้วย​นะ​

เพียง​ไม่นาน​หลิว​เจีย​ก็​เข้าใจ​จุด​เชื่อมต่อ​ของ​เรื่องราว​จึงกระแอม​สอง​สามที​ หา​บันได​ลง​ให้​ตัวเอง​ด้วย​การ​พูดว่า​ “ก็ได้​ๆ อันที่จริง​อาจารย์​ก็​เป็น​นัก​แกะสลัก​หิน​ทอง​ผู้เชี่ยวชาญ​ที่​อำพราง​ตัวตน​อย่าง​ลึกล้ำ​คน​หนึ่ง​ ก็​แค่​ว่า​ไม่ชอบ​เปิดเผย​สุดยอด​ฝีมือ​นี้​ง่ายๆ​ ก็​เท่านั้น​”

มารดา​มัน​เถอะ​ บัณฑิต​ที่​เป็น​ขุนนาง​พวก​นี้​มีไส้หลาย​ขด​เสีย​เหลือเกิน​ พูดจา​หรือ​ทำ​อะไร​ก็​ชอบ​วกวน​อ้อมค้อม​กัน​ซะจริง​

หลิว​เจีย​เปิด​อักษร​ภาพ​อีก​ชิ้น​ ร้อง​เอ๊ะ​หนึ่ง​ที​ ค่อนข้าง​ตกตะลึง​อยู่​มาก​

ต่อให้​ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ​ด้าน​การเขียน​อักษร​พู่กัน​จีน​ แต่​เขา​ก็​รู้สึก​ว่า​เทียบ​อักษร​ชิ้น​นี้​ แค่​คลี่​ออกมา​ก็​ไม่ธรรมดา​อย่าง​มาก​แล้ว​

เรียบง่าย​มาก​ ก็​คือ​หนึ่ง​อักษร​หนึ่ง​แถว​ที่​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​!

เป็นเหตุให้​ตอนที่​คลี่​กาง​เทียบ​อักษร​ออก​ทั้งหมด​ ม้วน​ภาพ​จึงยาว​ถึงสามจั้ง!

เริ่มต้น​ด้วย​ประโยค​ว่า​ ‘หยวน​เจีย​ปี​ที่หก​ สถานที่​ที่​หนาวเหน็บ​ยากแค้น​ อุทกภัย​สิ้นสุด​ เห็น​คน​ชุด​เขียว​ ดึง​หญ้า​ถ่อ​เรือ​ ล่อง​ลำน้ำ​อย่าง​เดียวดาย​ ดุจ​มนุษย์​ดุจ​เทพ​ ดุจ​ผี​ดุจ​เซียน​’

ลงท้าย​ด้วย​สี่คำ​ว่า​ ‘ถือ​เทียน​เดินทาง​กลับ​ยามค่ำคืน​’

ตัวอักษร​เหมือน​หอก​ยาว​ง้าว​ใหญ่​ พลัง​อำนาจ​บีบคั้น​กดดัน​ผู้คน​

จ้าวต​วน​หมิง​อึ้ง​ไป​พักใหญ่​ เอ่ย​อย่าง​เหม่อลอย​ว่า​ “เหตุใด​แม้แต่​เทียบ​อักษร​นี้​ท่าน​ปู่​ก็​เอา​มามอบให้​คนอื่น​ด้วย​เล่า​”

ท่าน​ปู่​พูด​ไม่ใช่แค่​ครั้ง​เดียว​ บอ​กว่า​ในอนาคต​จะต้อง​เอา​เทียบ​อักษร​นี้​ใส่ลง​โลง​ต่าง​หมอน​นอน​

ท่าน​ปู่​คือ​บัณฑิต​อ่อนแอ​ตามแบบฉบับ​ ได้ยิน​ว่า​ตอน​เด็ก​ร่างกาย​อ่อนแอ​ป่วย​ออด​ๆ แอด​ๆ ตอน​อายุ​สามสิบ​เป็น​ขุนนาง​อยู่​ในกรม​คลัง​ เคย​มีความเห็น​แตกต่าง​จาก​ราชครู​ชุย​ รู้สึก​ว่า​กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​ทุ่ม​กำลัง​ทรัพย์​จับ​ศึก​พร่ำ​เพื่อ​ ผล​คือ​ถูก​เนรเทศ​ไป​รับ​ความ​ทรมาน​หนาวเหน็บ​ที่​ชายแดน​ ระหกระเหิน​อยู่​หรง​โจว​ที่​ซึ่งขุนเขา​สายน้ำ​อันตราย​นาน​ถึงหก​ปี​ อดีต​หลา​งจงกอง​ชิงลี่​แห่ง​กรม​คลัง​ได้​แต่​ไป​เป็น​นายอำเภอ​ที่​ชายแดน​ อีก​ทั้ง​ตอนนั้น​ที่​ท่าน​ปู่​ออก​ไป​จาก​เมืองหลวง​ก็​ไม่คิด​ว่า​ตัวเอง​จะมีชีวิตรอด​กลับมา​อีก​

จ้าวต​วน​หมิง​เคย​ได้ยิน​บิดา​เล่าเรื่อง​นี้​ บอ​กว่า​ท่าน​ย่า​ของ​เจ้านิสัย​ดื้อรั้น​แข็งกร้าว​ ชั่วชีวิต​นี้​ไม่เคย​ร้องไห้​ต่อหน้า​คนนอก​ มีเพียง​ครั้ง​เดียว​ที่​ร้องไห้​อย่าง​น่าสงสาร​ยิ่ง​

รอ​กระทั่ง​ท่าน​ปู่​กลับ​มาถึงเมืองหลวง​ก็​ไม่ได้รับ​ร่ม​หมื่น​ประชา​ (ร่ม​ที่​มอบให้​กับ​ขุนนาง​ซึ่งแสดง​การ​ยกย่อง​ว่า​มีคุณูปการ​ต่อ​ชาว​ประชา​) แล้วก็​ไม่ได้​มีชื่อเสียง​ที่​ดี​ใน​ท้องถิ่น​อะไร​ ไม่ได้​ทิ้ง​กลอน​ไว้​แม้แต่​บท​เดียว​ ราวกับว่า​นอกจาก​สัมภาระ​หนึ่ง​ห่อ​แล้ว​ ของ​ที่​เกิน​มาบน​ร่าง​ก็​มีแค่​เทียบ​อักษร​ชิ้น​นี้​เท่านั้น​

ทุกครั้งที่​คลี่​กาง​ม้วน​ภาพ​นี้​ออก​บน​โต๊ะ​ช้าๆ เจ้าประมุข​สกุล​จ้าว​เทียน​สุ่ย​ผู้​นี้​จะต้อง​หยิบ​เหล้า​มาด้วย​หนึ่ง​กา​

จาก​ช่วง​วัยหนุ่ม​ฉกรรจ์​ที่​อ่านหนังสือ​หนึ่ง​ตัว​พร้อม​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ มาจนถึง​วัยชรา​ที่​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​กับ​อ่าน​อักษร​หลาย​ตัว​ จนกระทั่ง​ถึงวันนี้​ ผู้เฒ่า​แค่​ดื่มเหล้า​ครึ่ง​กา​ก็​อ่าน​เทียบ​อักษร​ทั้ง​เทียบ​จบ​แล้ว​

และ​คำ​ว่า​หยวน​เจีย​ปี​ที่หก​ที่​เป็น​ประโยค​เปิด​เทียบ​อักษร​

ก็​เป็น​ปี​รัช​ศก​ที่​กองทัพ​ต้า​หลี​ผ่าน​สงคราม​ยากลำบาก​เอาชนะ​กองทัพ​ม้าของ​สกุล​หลู​ได้​พอดี​

ก็​เป็น​ปี​นี้​เอง​ที่​หาก​ใช้คำกล่าว​ของ​ชาวบ้าน​ก็​คือ​ กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​ที่​ถูก​ขุนนาง​บุ๋น​กรม​คลัง​ซึ่งเปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​แห่ง​ตำรา​ด่าว่า​ทุ่ม​กำลัง​ทัพ​จับ​ศึก​พร่ำ​เพื่อ​ได้​จับ​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ฝีมือดี​สอง​แสน​นาย​ของ​สกุล​หลู​ที่​ใคร​ก็​มิอาจ​ต่อกร​กด​ลงพื้น​แล้ว​อัด​เสีย​น่วม​ สังหาร​ศัตรู​ไป​นับไม่ถ้วน​ ครั้งแรก​ที่​กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​บุก​เข่นฆ่า​เข้าไป​ถึงใน​อาณาเขต​แคว้น​สกุล​หลู​ คือ​ชัยชนะ​อัน​ยิ่งใหญ่​ของ​ชายแดน​ที่​ไม่เคย​มีมานาน​หลาย​ร้อย​ปี​แล้ว​!

หาก​ใช้คำพูด​ของ​ทางการ​ต้า​หลี​ก็​จะมีความพิถีพิถัน​อยู่​สักหน่อย​ นั่น​คือ​ฆ่าจน​กองทัพ​ม้าเหล็ก​สกุล​หลู​ที่​ใน​อดีต​บุก​ผ่าน​ที่ใด​ที่นั่น​ก็​ราบเป็นหน้ากลอง​จน​ ‘หลัง​ม้าไม่เหลือ​คน​แม้แต่​คนเดียว​’!

นับแต่​นั้น​มาขุนเขา​สายน้ำ​ทาง​ทิศเหนือ​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ก็​ไม่มีกองทัพ​ม้าเหล็ก​สกุล​หลู​อีกต่อไป​ มีเพียง​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​เท่านั้น​

หลิว​เจีย​ม้วน​เทียบ​อักษร​เก็บ​กลับมา​อย่าง​เชื่องช้า​ หันหน้า​มาพูด​กับ​เด็กหนุ่ม​ว่า​ “ไป​บอก​กับ​ท่าน​ปู่เจ้า​สัก​คำ​ว่า​ ตราประทับ​สอง​ชิ้น​นั้น​ ข้า​จะจัดการ​ให้​เอง​”

หัน​โจ้วจิ่น​ผู้ฝึก​ตน​สาย​แผนภูมิ​ดิน​ออกจาก​เมืองหลวง​ไป​อย่าง​ลับ​ๆ นาง​มายัง​วัด​เล็ก​ไร้​ชื่อเสียง​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ตั้งอยู่​ชาน​เมืองหลวง​

นาง​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ เห็น​คนหนุ่ม​คน​หนึ่ง​กำลัง​คัด​คัมภีร์​อยู่​ใน​กุ​ฎิ สีหน้า​มุ่งมั่น​มีสมาธิ คัด​คัมภีร์​พุทธ​บท​หนึ่ง​ด้วย​ตัวอักษร​บรรจง​ขนาดเล็ก​เท่า​หัวแมลงวัน​

คน​ผู้​นั้น​มองดู​แล้ว​เหมือน​ลูกหลาน​ของ​ตระกูล​ชั้นสูง​ที่​เอ้อระเหย​ลอยชาย​เสีย​มากกว่า​

แต่​หัน​โจ้วจิ่น​กลับ​ตึงเครียด​อย่าง​มาก​ ถึงกับ​เหงื่อ​ไหล​เปียก​ฝ่ามือ​

เจ้าประมุข​คน​ปัจจุบัน​ของ​สกุล​เยี่ยนจื่อ​จ้าว​ ก็​คือ​เยี่ยน​หย่ง​เฟิงซื่อ​ชิงแห่ง​วัด​กวง​ลู่​ เมื่อ​เทียบ​กับ​ยศ​ของ​แซ่สกุล​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​แล้ว​ ตำแหน่ง​ขุนนาง​ของ​เขา​จึงไม่เล็ก​ไม่ใหญ่​ ประเด็นสำคัญ​คือ​ยัง​เป็น​ที่ว่าการ​น้ำ​ใสของ​เก้า​มนตรี​เล็ก​อีกด้วย​ แต่​คน​ที่​มีสิทธิ์​ตัดสินใจ​ของ​สกุล​เยี่ยน​อย่าง​แท้จริง​ กลับเป็น​บุคคล​ที่​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่กล้า​ดูแคลน​

นั่น​ก็​คือ​ผู้ฝึก​ตน​ที่​มีศาสตร์​คง​ความ​เยาว์วัย​ตรงหน้า​หัน​โจ้วจิ่น​อย่าง​เยี่ยนเจี่ยว​หรา​น​ผู้​นี้​

เยี่ยนเจี่ยว​หรา​น​เชี่ยวชาญ​การเขียน​ตัวอักษร​แบบ​หวัด​ แต่กลับ​ชอบ​มาคัด​คัมภีร์​ด้วย​ตัวอักษร​แบบ​บรรจง​ขนาดเล็ก​อยู่​ที่นี่​ ราวกับว่า​ทุกครั้งที่​เข้า​เมืองหลวง​ หาก​มีเวลาว่าง​ก็​จะต้อง​มาคัด​คัมภีร์​ที่วัด​แห่ง​นี้​

นี่​เป็น​ครั้ง​ที่สาม​ที่​หัน​โจ่ว​จิ้น​มาพบ​คน​ผู้​นี้​ที่นี่​

คัด​จบ​หนึ่ง​ประโยค​แล้ว​ เยี่ยนเจี่ยว​หรา​น​ก็​หันหน้า​มายิ้ม​กล่าว​ “เข้ามา​นั่ง​สิ มัว​ยืน​อึ้ง​อยู่​ทำไม​”

เยี่ยนเจี่ยว​หรา​น​ก้มหน้า​ลง​ เอ่ย​เสียง​เบา​ “แม่นาง​หัน​ รอ​สักครู่​ ยัง​ขาด​อีก​ร้อย​กว่า​ตัว​”

หัน​โจ้วจิ่น​ปิดประตู​ห้อง​ลง​เบา​ๆ จากนั้น​ก็​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​

ก่อน​จะเจอ​กับ​อาจารย์​เฉิน​ หัน​โจ้วจิ่น​กลัว​แค่​คน​ตรงหน้า​เท่านั้น​

ใน​ห้อง​มีเพียง​เสียง​แสก​สาก​จาก​ปลาย​พู่​กันที่​เสียดสี​กับ​แผ่น​กระดาษ​เท่านั้น​

หลังจาก​เยี่ยนเจี่ยว​หรา​น​คัด​คัมภีร์​พุทธ​บท​หนึ่ง​เสร็จ​ก็​วาง​พู่​กันลง​เบา​ๆ หันหน้า​มามอง​สตรี​ที่​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ ยิ้ม​กล่าว​ “นั่ง​สิ”

หัน​โจ้วจิ่​นรี​บ​ขยับ​เดิน​มาข้างหน้า​สอง​สามก้าว​ เคลื่อน​เก้าอี้​ออก​แล้ว​นั่งลง​

เยี่ยนเจี่ยว​หรา​น​ยื่นมือ​ไป​กด​เทียบ​อักษร​ล้ำ​ค่าที่​พก​ติดตัว​มาซึ่งวาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ “เมื่อก่อน​ได้​ฟังท่าน​ราชครู​เคย​บอ​กว่า​ วิถี​แห่ง​การเขียน​พู่กัน​จีน​คือ​เส้นทาง​สาย​เล็ก​ที่อยู่​ปลายแถว​มาก​ที่สุด​ เทียบ​กับ​การ​วาดภาพ​แล้ว​ยัง​ด้อย​กว่า​ แนะนำ​ข้า​ว่า​อย่า​สิ้นเปลือง​ความคิด​และ​แรงกาย​อยู่​กับ​เรื่อง​นี้​ ภายหลัง​คง​เป็น​เพราะ​เห็น​ว่า​ข้า​ไม่ยอม​เปลี่ยนใจ​ บางที​อาจ​รู้สึก​ว่า​ข้า​เอง​ก็​พอ​จะมีพรสวรรค์​อยู่​บ้าง​หลาย​ส่วน​? มีครั้งหนึ่ง​ที่​การประชุม​สิ้นสุดลง​ก็​เลย​ชี้แนะ​ข้า​สอง​สามประโยค​ แล้ว​ยัง​มอบ​เทียบ​อักษร​แบบ​หวัด​ฉบับ​นี้​มาให้​ข้า​ด้วย​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!