กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 883

“เสียง​กีบ​เท้า​ม้าของ​ชายแดน​ไม่ดัง​ ต่อให้​ขุนนาง​ศาล​หง​หลู​อย่าง​พวกเรา​พูด​ดัง​แค่​ไหน​ก็​ไร้ประโยชน์​”

“ขอ​แค่​เสียง​กีบ​เท้า​ม้าบน​สนามรบ​ดัง​ราว​ฟ้าผ่า​ ต่อให้​เจ้าไม่พูด​อะไร​สัก​คำ​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​พูดจา​เหลวไหล​แล้ว​”

ผู้เฒ่า​ยก​มือขึ้น​มาชี้สวิน​ชวี่​ “คนหนุ่ม​ใน​วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​อย่าง​พวก​เจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ขุนนาง​ที่ทำงาน​อยู่​ใน​ศาล​หง​หลู​ของ​พวกเรา​ทุกวันนี้​ โชค​ดีกัน​มาก​เลย​นะ​ ดังนั้น​พวก​เจ้าต้อง​ทะนุถนอม​ความโชคดี​ที่​ได้มา​ไม่ง่าย​นี้​เอาไว้​ แล้ว​ยัง​ต้อง​คอย​นึกถึง​ความ​อันตราย​และ​ยากลำบาก​ใน​ยาม​ที่​ชีวิต​สุขสงบ​ ต้อง​พยายาม​ให้​มาก​ๆ เข้า​”

ผู้เฒ่า​เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​ หัวเราะ​เย้ยหยัน​ตัวเอง​ “ครั้งนั้น​ถือว่า​ข้า​อัดอั้น​จน​บาดเจ็บ​ภายใน​เชียว​ล่ะ​ ด้วย​ความโมโห​จึงคิด​จะลา​ออกจาก​การ​เป็น​ขุนนาง​ รู้สึก​ว่า​จะมีหรือไม่​มีข้า​ก็​ไม่มีประโยชน์​กะ​ผายลม​อะไร​ทั้งนั้น​”

“วันที่​ข้า​ยื่น​เอกสาร​ลาออก​ไป​ที่​ราชสำนัก​ ท่าน​ราชครู​ก็​มาเยือน​ศาล​หง​หลู​อย่าง​ที่​ใคร​ก็​คาดไม่ถึง​ ตอนนั้น​ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​ยัง​ถือว่า​เป็น​ขุนนาง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​ที่นี่​ ก็​เลย​มาพบ​ใต้เท้า​ราชครู​ ข้า​สะสมความไม่พอใจ​ไว้​เต็ม​ท้อง​ แต่​ก็​จงใจไม่ผายลม​ออก​ไป​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​ ใต้เท้า​ราชครู​เอง​ก็​ไม่พูด​อะไร​ ไม่โน้มน้าว​ ไม่ด่า​ ไม่โกรธ​ ภายหลัง​ที่​คน​เอา​ไป​เล่าลือ​กัน​ว่า​ราชครู​ช่วย​ให้​คำ​ชี้แนะ​ข้า​อย่าง​จริงใจ​อะไร​นั่น​ ไม่ได้​ใกล้เคียง​กับ​ความจริง​เลย​สัก​นิดเดียว​ อันที่จริง​ราชครู​ถามข้า​แค่​คำถาม​เดียว​ หาก​มีเพียง​ตอนที่​แคว้น​เจริญรุ่งเรือง​ การ​เป็น​ขุนนาง​จึงจะถือว่า​มีรส​มีชาติ​ ถ้าอย่างนั้น​เมื่อ​แคว้น​อ่อนแอ​ ใคร​เล่า​จะมาเป็น​ขุนนาง​”

อยู่ดีๆ​ ผู้เฒ่า​ก็​ยก​มือขึ้น​ปัด​ไหล่​ของ​ตนเอง​อย่าง​ไร้​ต้นสายปลายเหตุ​ น่าเสียดาย​ที่​ไม่ใช่หน้าหนาว​ ยัง​ไม่มีหิมะ​ตก​ลงมา​

การ​พบ​เจอกัน​ปลายปี​หยวน​เจีย​ที่​ห้า​ครานั้น​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​หิมะ​ใหญ่​ตก​ลงมา​พอดี​ บน​ถนนหนทาง​มีหิมะ​ทับถม​กอง​เป็น​พะเนิน​หนา​ กด​ทับ​ให้​กิ่ง​ของ​ต้นสน​ต้น​ป่าย​แตกหัก​ลงมา​เป็นระยะ​ เสียง​ลั่น​เปรี๊ยะ​ๆ ดัง​ต่อเนื่อง​

ปี​นั้น​ก่อนที่​ราชครู​จะออก​ไป​จาก​ศาล​หง​หลู​ก็ได้​ตบ​ไหล่​ของ​ฉางซุน​เม่า ใบหน้า​ประดับ​ยิ้ม​ เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​กับ​ซื่อ​ชิงศาล​หง​หลู​ที่​กำลังจะ​ลาออก​ด้วย​จิตใจ​ที่​เป็นกลาง​

แต่​ไม่เป็นไร​ หาก​เจ้าฉางซุน​เม่าไม่ยินดี​จะเป็น​ขุนนาง​อย่าง​ขับ​ข้องใจ​ ย่อม​ต้อง​มีคนอื่น​ยืนหยัด​ออกหน้า​มาแทน​ เจ้าก็​ออกจาก​ราชการ​ไป​นั่ง​เสวยสุข​อยู่​ใน​ศาลา​ พูด​กับ​พวก​นักประพันธ์​อย่าง​สบายใจ​ จะด่า​ฟ้าด่า​ดิน​ก็​ตามใจชอบ​ วางใจ​ได้​เลย​ว่า​วันหน้า​ราชสำนัก​ต้า​หลี​จะยัง​ยอมรับ​บัณฑิต​ที่​มีปณิธาน​อย่าง​เจ้าได้​

ฉางซุน​เม่ามอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​บน​ถนน​

ราวกับ​มอง​เห็นภาพ​ใน​อดีต​อย่าง​เลือนราง​

ผู้เฒ่า​สวม​ชุด​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ที่​จอน​ผม​สอง​ข้าง​เป็น​สีดอกเลา​คน​หนึ่ง​ค่อยๆ​ เดิน​จากไป​ไกล​ท่ามกลาง​ลม​หิมะ​ ไป​จาก​ศาล​หง​หลู​ทั้งอย่างนั้น​

วันนี้​ฉางซุน​เม่าก็​ยังมี​คำพูด​บางอย่าง​ที่​ไม่ได้​พูด​ออก​ไป​

ยกตัวอย่างเช่น​ประโยค​ที่​ปี​นั้น​ตน​ถูก​ขุนนาง​สกุล​หลู​ทำให้​โมโห​จน​ควัน​แทบ​ผุด​ออกจาก​ทวาร​ทั้ง​เจ็ด​ อันที่จริง​สิ่งที่​ทำให้​ฉางซุน​เม่ารู้สึก​หมดอาลัยตายอยาก​อย่าง​แท้จริง​เป็น​เพราะ​หาง​ตา​เหลือบ​ไป​เห็น​สีหน้าที่​แทบจะ​ใกล้เคียง​กับ​คำ​ว่า​ชินชา​ของ​พวก​คน​เฒ่าคนแก่​ใน​ศาล​หง​หลูต้า​หลี​มากกว่า​ ราวกับว่า​นั่น​เป็น​เหตุผล​ชอบธรรม​ที่​แผ่ออก​มาจาก​กระดูก​

ฉางซุน​เม่าเดินหน้า​ต่อ​อีกครั้ง​ “ข้า​น่ะ​โชคดี​ได้​อยู่​ใน​ยุคสมัย​แห่ง​ความ​ผาสุก​ เกิด​มาใน​ครอบครัว​ฐานะ​พอมีอันจะกิน​ อายุ​น้อย​ๆ ก็​มีชื่อเสียง​แล้ว​ มีความสามารถ​ใน​การ​เป็น​ขุนนาง​ ครอบครัว​อยู่ดี​มีสุข​ แต่ง​ภรรยา​ที่​เรียบร้อย​เพียบพร้อม​ ให้กำเนิด​บุตร​ที่​ฉลาดเฉลียว​ เจอ​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ที่​พันปี​ไม่เคย​มีปรากฏ​มาก่อน​ ราชสำนัก​ใสสะอาด​ กองทัพ​แข็งแกร่ง​ ผงาด​ลุก​อย่าง​กล้าหาญ​ กอบกู้​วิกฤต​ร้าย​ให้​กลายเป็น​ดี​ วัยชรา​มีความสุข​อยู่​กับ​ลูกหลาน​ หาก​ในอนาคต​จากไป​อย่าง​ไร้​โรค​ภัย​ได้​ แล้ว​ยัง​ได้รับ​สมญานาม​ย้อนหลัง​หลัง​ที่​จากไป​แล้ว​ ชีวิต​นี้​ก็​สามารถ​พูด​ได้​ว่า​สมบูรณ์พูนสุข​แล้ว​”

ฉางซุน​เม่าพลัน​หันหน้า​มาถาม “ความรู้​ของ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​เป็น​อย่างไร​?”

สวิน​ชวี่​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ เพราะ​คราว​ก่อนที่​พบ​เจอกัน​ ใต้เท้า​ซื่อ​ชิงก็​เคย​ถามคำถาม​ทำนองเดียวกัน​นี้​ไป​แล้ว​ และ​สวิน​ชวี่​ก็​ให้​คำตอบ​ของ​ตัวเอง​ไป​แล้ว​

ฉางซุน​เม่ายก​สอง​มือขึ้น​มาเป่า​ลม​เบา​ๆ ยิ้ม​เอ่ย​ “แต่ง​กลอน​มีอะไร​ยาก​ ก็​แค่​ต้อง​สัมผัส​คล้องจอง​เท่านั้น​”

แต่ง​กลอน​เป็น​เช่นนี้​ เป็น​ขุนนาง​ก็​เช่นเดียวกัน​ บางที​เป็น​ราชครู​ก็​คง​เป็น​เช่นนี้​เหมือนกัน​กระมัง​?

สวิน​ชวี่​ฟังด้วย​ความ​มึนงง​สนเท่ห์​

เรือน​ใหญ่​หลัง​หนึ่ง​ใน​ตรอก​อี้​ฉือ​ ตรง​เก้าอี้​ประธาน​ของ​ห้องโถง​มีหญิง​ชรา​ที่​แม้จะแก่เฒ่า​แต่​ก็​ยัง​แข็งแรง​คน​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​ มือสอง​ข้าง​ค้ำ​อยู่​บน​ไม้เท้า​ ยิ้ม​ตาหยี​มอง​ไป​ยัง​ฮองเฮา​และ​แม่นาง​น้อย​คน​หนึ่ง​ที่อยู่​นอก​ประตู​

ใน​วงการ​ขุนนาง​ หญิง​ชรา​ได้​รับคำ​เรียกขาน​อย่าง​ให้​ความเคารพ​ว่า​เหล่า​ไท่จ​วิน​

นาง​อายุ​น้อยกว่า​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​กวน​แค่​สิบสอง​ปี​ ห่าง​กัน​หนึ่ง​รอบ​พอดี​ ทั้ง​ยัง​เกิด​ปี​นักษัตร​เดียวกัน​

หญิง​ชรา​ลุกขึ้น​ยืน​ถวายบังคม​แก่​ฮองเฮา​

รับ​การ​คารวะ​มาก่อน​ จากนั้น​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​ก็​รีบ​ใช้สถานะ​ของ​ผู้เยาว์​ใน​ตระกูล​คารวะ​กลับคืน​ไป​

อวี๋อวี๋​ตะโกนเรียก​เสียงดัง​ว่า​ “ท่าน​ป้า​รอง​!”

เหล่า​ไท่จ​วิน​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​

ซ่งซวี่​รู้สึก​อึดอัด​อย่าง​ถึงที่สุด​

เวลา​ปกติ​เหล่า​ไท่จ​วิน​จะใช้ชีวิต​บั้นปลาย​อย่าง​สงบ​อยู่​ที่​บ้านเกิด​

แซ่สกุล​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ไม่ใช่ว่า​จะอยู่​ที่​เมืองหลวง​เหมือน​อย่าง​หยวน​และ​เฉาทั้งหมด​

ยกตัวอย่างเช่น​รากฐาน​ของ​ตระกูล​กวน​ก็​ยังอยู่​ที่​เมือ​งอ​วิ๋น​ไจ้จังหวัด​อี้​โจว​

เหล่า​ไท่จ​วิน​กับ​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​นั่งลง​บน​เก้าอี้​สอง​ตัว​ที่อยู่​ติดกัน​ หญิง​ชรา​ยื่นมือ​มากุมมือ​ของ​อวี๋เหมี่ยน​ไว้​เบา​ๆ มอง​ไป​ทาง​แม่นาง​น้อย​ที่นั่ง​อยู่​ฝั่งตรงข้าม​ ยิ้ม​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ปลาบปลื้ม​มีเมตตา​ “ไม่ได้​เจอกัน​แค่​ไม่กี่​ปี​ ในที่สุด​ก็​พอ​จะมีท่าที​ของ​หญิงสาว​บ้าง​แล้ว​ เวลา​เดิน​ก็​มีจังหวะ​แช่มช้อย​อยู่​บ้าง​ ไม่อย่างนั้น​มอง​แล้ว​จะเหมือน​เด็กผู้ชาย​ตัว​ปลอม​ ออกเรือน​ยาก​”

อวี๋อวี๋​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ใช่แล้ว​ๆ ทุกปี​น้ำหนัก​เพิ่มขึ้น​สอง​สามจิน​ อีก​แค่​ไม่กี่​ปี​ก็​จะใช้คำ​ว่า​ ‘แข็งแกร่ง​ทรงพลัง​’ ได้​แล้ว​! ถึงเวลา​นั้น​ก่าย​เยี่ยน​กับ​หัน​โจ้วจิ่น​รวมกัน​ก็​ยัง​สู้ข้า​ไม่ได้​”

ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​คลี่​ยิ้ม​เป็นปกติ​

องค์​ชาย​ที่นั่ง​อยู่​ข้า​งอ​วี๋อวี๋​ได้​แต่​เกร็ง​หน้า​ขึง​ตึง​ ดื่ม​ชาไป​เงียบๆ​

เหล่า​ไท่จ​วิน​ฟังเจ้าคน​คาบข่าว​อย่า​งอ​วี๋อวี๋​เล่าเรื่อง​ประหลาด​ที่​เกิดขึ้น​ใน​เมืองหลวง​ช่วง​ที่ผ่านมา​

บางครั้ง​ก็​วิจารณ์​บ้าง​สอง​สามประโยค​

“เป็น​คน​นี่​นะ​ เรียบง่าย​มาก​ พยายาม​ทำ​เรื่อง​ที่​ต้อง​ขมวดคิ้ว​ให้​น้อยลง​หน่อย​ ข้าง​กาย​พยาม​ให้​มีคน​ที่​เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน​น้อยลง​ ถนนหนทาง​ก็​กว้างขวาง​ขึ้น​แล้ว​”

“เจ้าลูก​ตะพาบ​หยวน​ฮว่า​จิ้งผู้​นั้น​ฝึก​ตน​ได้​ราบรื่น​เกินไป​ ขอบเขต​ได้มา​เร็ว​เกินไป​ มาด​ของ​ยอด​ฝีมือ​ยัง​ไม่ทัน​ตามทัน​ นี่​ก็​เป็น​หลักการ​เดียวกัน​กับ​ที่​ตัว​สูงขึ้น​พรวด​ๆ แต่​สมอง​กลับ​โต​ตาม​ไม่ทัน​นั่นแหละ​”

องค์​ชาย​ซ่งซวี่​ยังคง​แสร้ง​ทำเป็น​ว่าไม่ได้​ยิน​อะไร​ทั้งนั้น​

อันที่จริง​อายุ​ของ​เหล่า​ไท่จ​วิน​กับ​หยวน​ฮว่า​จิ้งนั้น​พอๆ กัน​

ซ่งซวี่​เคย​ได้​ฟังเรื่องเก่าแก่​ใน​อดีต​เรื่อง​หนึ่ง​มาจากอ​วี๋อวี๋​ที่​ปากไม่มีหูรูด​ ตอนที่​หยวน​ฮว่า​จิ้งยัง​เป็น​เด็กหนุ่ม​เคย​มีความขัดแย้ง​ที่​ค่อนข้าง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​ของ​ยุทธ​ภพ​กับ​เหล่า​ไท่จ​วิน​มาก่อน​

เหล่า​ไท่จ​วิน​กล่าว​ “ระหว่าง​ที่​เดินทาง​มามอง​ไกลๆ​ ไป​เห็น​เรือ​ลำ​หนึ่ง​จอด​อยู่​ชานเมือง​ ดูเหมือน​ลั่ว​อ๋อง​จะอยู่​บน​นั้น​”

ซ่งมู่อ๋อง​เจ้าเมือง​เป็น​พี่น้อง​ร่วมอุทร​ของ​ฮ่องเต้​ซ่งเห​อ​ ได้รับแต่งตั้ง​ให้​เป็น​อ๋อง​ปกครอง​พื้นที่​ศักดินา​ลั่ว​โจว​ และ​ลั่ว​โจว​ก็​เป็นหนึ่ง​ใน​ดินแดน​ต้นกำเนิด​ลำน้ำ​ใหญ่​ที่อยู่​ภาค​กลาง​สาย​นั้น​

ซ่งซวี่​เอ่ย​ทันใด​ว่า​ “ตอบ​เหล่า​ไท่จ​วิน​ เสด็จ​อา​ได้​โดยสาร​เรือ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​เปลี่ยว​ร้าง​แล้ว​”

เหล่า​ไท่จ​วิน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ ตบหลัง​มือ​ของ​ฮองเฮา​อวี๋เหมี่ยน​เบา​ๆ

หญิง​ชรา​ยิ้ม​ถาม “องค์​ชาย​ ท่าน​รู้สึก​ว่า​เซียน​กระบี่​เฉิน​แห่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เหมือน​ราชครู​ของ​พวกเรา​มากกว่า​ หรือ​เหมือน​เจ้าขุนเขา​ฉีแห่ง​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​มากกว่า​?”

ซ่งซวี่​ลำบากใจ​เล็กน้อย​ จึงเหลือบตา​ไป​มอง​เสด็จ​แม่

อวี๋เหมี่ยน​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

อวี๋อวี๋ตบ​ที่​เท้าแขน​เก้าอี้​ เด็กสาว​ยังคง​พูดจา​อย่าง​ไร้​ยำเกรง​เหมือน​ทุก​ครา​ “เหมือน​ทั้งคู่​เลย​!”

“เป็นไปไม่ได้​”

หญิง​ชรา​ส่ายหน้า​ “ปี​นั้น​ตอนที่​เจ้าขุนเขา​ฉีสอนหนังสือ​อยู่​ที่​สำนักศึกษา​ ทั้ง​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​เหมือน​นั่ง​อาบ​ไล้​อยู่​ท่ามกลาง​ลม​วสันต์​ ทั้ง​ให้​ความรู้สึก​ถึงความน่ารัก​ของ​ฤดูหนาว​ หัน​กลับมา​มอง​ราชครู​ที่​วางแผน​ยุ​คนใน​ให้​สามัคคี​ยุ​ให้​คนนอก​แตกแยก​อยู่​ใน​ราชสำนัก​ ทั้ง​ทำให้​คน​รู้สึก​เยียบ​เย็น​เหมือน​สายลม​ฤดูใบไม้ร่วง​ ทั้ง​ยังมี​ความ​น่าหวาดกลัว​ของ​ฤดูร้อน​ ทั้งสอง​คน​นิสัย​แตกต่าง​ ไม่ใกล้เคียง​กัน​เลย​สักนิด​ คน​คน​หนึ่ง​จะมีทั้งสอง​นิสัย​ได้​อย่างไร​ อวี๋อวี๋​ เจ้าต้อง​มอง​ผิด​เป็นแน่​ องค์​ชาย​ ยังคง​เป็น​ท่าน​ที่​ตรัส​เอง​เถิด​เพคะ​?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!