เรือข้ามฟากลำหนึ่งของตำหนักฉางชุนที่เดินทางลงใต้ ระหว่างทางจะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวในอาณาเขตของหลงโจว
เฉาฉิงหล่างมาที่นอกห้องของเผยเฉียน ยืนอยู่กลางระเบียง เคาะประตูเบาๆ เอ่ยว่า “ข้าเอง”
เผยเฉียนเปิดประตูห้องแล้วก็กลับไปเดินนิ่งหกก้าวในห้องต่อ ถามง่ายๆ ว่า “มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”
ไปกลับระหว่างภูเขาลั่วพั่วกับเมืองหลวงครั้งนี้ ระหว่างที่เดินทางเผยเฉียนจะต้องสวมหน้ากากของเด็กสาว หลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องเสียค่ายาโดยไม่จำเป็นหลายก้อน
เดินนิ่งหกก้าวคือ ‘ทักษะวิชาหมัด’ เพียงหนึ่งเดียวที่เฉินผิงอันไม่ได้ปิดบังตอนที่เผยเฉียนเป็นเด็ก
เพียงแต่ว่าถ่านดำในเวลาน้อยในเวลานั้นดูแคลน รู้สึกว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลา วันๆ คิดแต่จะอยากขอให้เหล่าเว่ยกับเสี่ยวป๋ายมอบกำลังภายในให้นางหกสิบปี ไม่ต้องเจ็บตัว เป็นสุดยอดวิชาบู๊ล้ำโลกที่หล่นลงมาจากฟ้า
เฉาฉิงหล่างยืนอยู่ตรงประตู “รอให้เจ้าฝึกหมัดเสร็จข้าค่อยมาใหม่ดีไหม?”
เผยเฉียนทำหน้าพิกล “นอกจากตอนนอน ข้าก็ฝึกหมัดอยู่ตลอด”
เฉาฉิงหล่างประดักประเดิดอย่างเห็นได้ชัด
เผยเฉียนกล่าว “พูดคุยกันไม่ถ่วงเวลาการเดินนิ่งหรอก”
เฉาฉิงหล่างถึงได้ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา งับประตูปิดเบาๆ นั่งลงข้างโต๊ะ รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งถ้วย
นอกจากเรือกองทัพของต้าหลีแล้ว น้ำเปล่าที่เรือข้ามฟากตระกูลเซียนทุกลำเตรียมไว้ให้ล้วนมีข้อพิถีพิถันแทบทุกแห่ง ส่วนใหญ่จะไปเอามาจากน้ำพุที่มีชื่อเสียง ในอดีตไม่รู้ว่ามีพวกชอบสอดรู้สอดเห็นคนใดที่แบ่งประเภทของน้ำชั้นยอดในหนึ่งทวีปออกเป็นเจ็ดระดับ
ยกตัวอย่างเช่นน้ำพุเจินจูในวัดป๋ายสุ่ยของแคว้นชิงหลวน สระน้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขาหลงถวนของภูเขาเมฆาเรือง ว่ากันว่าเทน้ำลงถ้วย น้ำสามารถลอยพ้นระดับของแก้วขึ้นมาโดยไม่ล้นออก น้ำในสระยังถึงขั้นสามารถประคองให้เหรียญทองแดงลอยตัวได้ด้วย และยังมีอารามชิงเหมยทะเลสาบหนันถังในอดีต ส่วนน้ำกานี้ที่อยู่บนโต๊ะก็คือน้ำหลิงชิวที่มีเฉพาะของตำหนักฉางชุน ว่ากันว่ามีประโยชน์ในการบำรุงความงามของสตรี สามารถลบรอยตีนกาได้อย่างมีประสิทธิภาพ…
ปีนั้นที่เจิ้งต้าเฟิงยังเฝ้าประตูภูเขาให้กับภูเขาลั่วพั่ว เฉาฉิงหล่างจะต้องเข้าร่วมการสอบระดับมณฑลที่เมืองหลวง เจิ้งต้าเฟิงจึงเริ่มยุยงเฉาฉิงหล่างว่าจะต้องช่วยเดินทางอ้อมไปที่ตำหนักฉางชุนให้เขาสักรอบ หากหาซื้อมาได้ย่อมดีที่สุด แต่หากจ่ายเงินแล้วก็ยังซื้อมาไม่ได้ ต่อให้ขโมยก็ต้องขโมยน้ำพุหลิงชิวกลับมาที่บ้านสักหลายๆ กา ถึงเวลานั้นเขาพี่น้องต้าเฟิงจะต้องตอบแทนอย่างหนักแน่นอน!
เฉาฉิงหล่างบอกกล่าวจุดประสงค์ในการมาเยือนครั้งนี้ “นอกจากเจ้าจะเดินทางขึ้นเหนือกับอาจารย์เมื่อครั้งที่ออกไปจากพื้นที่มงคลดอกบัวแล้ว ภายหลังยังเดินทางลงใต้ไปเยือนใบถงทวีปเพียงลำพัง ข้าอยากจะขอความรู้เรื่องผู้คนและขนบธรรมเนียมระหว่างทางจากเจ้าสักหน่อย พูดได้ละเอียดเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น นี่อาจจะถ่วงเวลาการฝึกหมัดของเจ้าอยู่สักครึ่งวัน”
เผยเฉียนความจำดี เมื่อเทียบกับการอ่านหนังสือทีละสิบบรรทัด อ่านผ่านตาไม่เคยลืมของสวินชวี่แล้ว นางยังเหมือนเทพเซียนมากยิ่งกว่า
เฉาฉิงหล่างความจำไม่แย่ พอจะงัดข้อกับสวินชวี่ได้ แต่หากจะให้เปรียบเทียบกับเผยเฉียนก็เป็นการหาเรื่องอัปยศใส่ตัวเองจริงๆ
ตามแผนการที่อาจารย์และศิษย์พี่เล็กวางไว้ ปลายปีของปีนี้ หรืออย่างช้าสุดฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า ภูเขาลั่วพั่วจะต้องเลือกที่ตั้งในสถานที่หนึ่งทางทิศเหนือของใบถงทวีป แล้วสร้างสำนักเบื้องล่างขึ้นมาอย่างเป็นทางการ
เวลาสั้นๆ เพียงแค่สิบปี ก่อตั้งสำนักเบื้องบนก่อนแล้วจึงตามมาด้วยสำนักเบื้องล่าง อันที่จริงในประวัติศาสตร์ของใต้หล้าไพศาลแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีแค่สองครั้งเท่านั้น
ผู้ฝึกตนสองคนที่สร้างวีรกรรมระดับนี้ได้สำเร็จก็ได้แก่ฝูลู่อวี๋เสวียนแห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง รวมไปถึงผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานเฒ่าที่เคยเลือกจะทรยศกลางสงครามใหญ่ในเกราะทองทวีป หวานเหยียนเหล่าจิ่ง
เผยเฉียนกล่าว “วันหน้าข้าเขียนเป็นตำราเล่มหนึ่งให้เจ้าดีไหม?”
เฉาฉิงหล่างยกมือขึ้นกุมหมัดเขย่าเบาๆ ยิ้มเอ่ย “หากเป็นแบบนี้ได้ย่อมดีที่สุด ขอบคุณศิษย์พี่หญิงใหญ่มาก”
ความตั้งใจเดิมคือให้เผยเฉียนบรรยายผ่านปากเปล่า ส่วนเฉาฉิงหล่างจะเอากระดาษหมึกพู่กันและแท่นฝนหมึกออกมาทำการคัดลอก ‘บันทึกการเดินทาง’ เล่มนั้น
ทุกวันนี้เขากับเผยเฉียนต่างก็มี ‘ถ้ำสวรรค์เล็ก’ ชิ้นหนึ่งที่ผู้อาวุโสสี่จู๋มอบให้ ระดับขั้นสูงยิ่งกว่าวัตถุจื่อชื่อ ดังนั้นยามออกมาข้างนอกจึงสะดวกกว่าเดิมมาก
เผยเฉียนเดินนิ่งไม่หยุด กระตุกมุมปากเอ่ย “ต้องเก็บเงินนะ คิดราคาตามตัวอักษร หนึ่งอักษรหนึ่งอีแปะ เป็นอย่างไร?”
เฉาฉิงหล่างพยักหน้ารับ “ไม่มีปัญหา”
รู้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ หนีไม่พ้นเงินทุกที
ระหว่างที่เผยเฉียนเดินนิ่งหกก้าวครั้งหนึ่งก็ได้หยิบ ‘สมุดบัญชี’ เล่มใหญ่ออกมาจากชายแขนเสื้อโยนให้กับเฉาฉิงหล่าง
ตัวอักษรมีมากถึงสองล้านคำ เนื้อหาด้านในล้วนเขียนด้วยตัวอักษรแบบบรรจงขนาดเล็กเท่าหัวแมลงวัน
เห็นได้ชัดว่านางเตรียมไว้นานแล้ว แค่รอให้เฉาฉิงหล่างเปิดปากขอเท่านั้น
ดูจากลายน้ำหมึก เกินครึ่งนางคงเขียน ‘บันทึกท่องเที่ยว’ เล่มนี้ขึ้นมาตอนที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมเมืองหลวงต้าหลี
เฉาฉิงหล่างพลิกเปิดไปสองสามหน้าก็ให้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นอกจากเผยเฉียนจะบรรยายอาณาเขต เทือกเขาสายน้ำ วัดวาอาราม กองทัพที่มาตั้งฐานบัญชาการณ์ ขนบธรรมเนียมและผู้คนของแต่ละแคว้นเอาไว้แล้ว ถึงกับยังบันทึกเรื่องของผลผลิตอย่างพวกเกลือและเหล็กของแต่ละสถานที่เอาไว้ด้วย ถึงขั้นที่ว่ายังคัดลอกเนื้อหาในอักขรานุกรมภูมิศาสตร์จำนวนไม่น้อย สอดแทรกไว้ด้วยภาพแผนที่ของทางการอีกหลายภาพ
เผยเฉียนหยุดท่าเดินนิ่ง นั่งลงข้างโต๊ะ
รวบผมเป็นมวยกลมกลางกระหม่อม เปิดหน้าผากนูนสูง
คนทั้งคนมองดูแล้วสะอาดสะอ้านคล่องตัว องอาจมากเป็นพิเศษ
นางมองไปนอกหน้าต่างเงียบๆ
เป็นสตรีที่ไม่ได้งดงามมากมายอะไร แต่เผยเฉียนในทุกวันนี้จะต้องทำให้คนที่ได้พบเห็นนางจดจำนางได้อย่างลึกซึ้งแน่นอน
นอกหน้าต่างมีเมฆลอยตัวบ้างสูงบ้างต่ำ เผยเฉียนมองจนเหม่อลอยไปเล็กน้อย
อันที่จริงตอนเด็กนางมักจะมองดูเมฆลอยไปลอยมานอกภูเขาเป็นเพื่อนพี่หญิงหน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยเป็นประจำ
เพียงแต่ไม่เหมือนกับหมี่ลี่น้อยที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำ ต่อให้จะเป็นทัศนียภาพที่เหมือนกันแค่ไหนก็ยังถูกหมี่ลี่น้อยมองออกมาแปลกใหม่ได้สารพัดแบบ
อาจารย์พ่อเคยบอกว่าบทความในตำราคือขุนเขาสายน้ำบนโต๊ะ ภูเขาลำน้ำในใต้หล้าคือบทความบนพื้นดิน ล้วนสามารถทำให้คนที่ได้เห็นจิตใจปลอดโปร่งผ่อนคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างหลังที่มองได้เปล่าๆ โดยไม่เก็บเงิน ไม่มองก็เสียเปล่าน่ะสิ!
ห่านขาวใหญ่เองก็เคยบอกว่า อยากเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญแต่เป็นไม่ได้ ทว่าก็พอจะเลียนแบบได้คล้ายคลึงของจริงอยู่บ้าง อยากได้วิสุทธิ์จารย์ผู้มีชื่อเสียงแต่หาไม่ได้ ก็คือมีปณิธานยิ่งใหญ่แต่ทำไม่สำเร็จแล้วยังจะกลายเป็นตัวตลกของผู้อื่น พวกเราสองคนโชคดี โชคดีมากๆๆ เลยล่ะ อาจารย์ของข้า อาจารย์พ่อของเจ้า จะไปหาจากที่ไหนได้อีกเล่า?
ทุกครั้งที่พี่หญิงหน่วนซู่ลงจากภูเขาไปซื้อของที่ตัวจังหวัด จะต้องห่อเอาเต้าหู้เหม็นสามถุงกลับมาบ้านด้วย
นั่งอยู่ริมหน้าผาด้วยกัน แกว่งเท้าเล็กด้วยกัน โคลงศีรษะด้วยกัน กินเต้าหู้เหม็นที่ยิ่งกินก็ยิ่งหอมอร่อย
เวลาอยู่กับคนนอกพี่หญิงหน่วนซู่เป็นสตรีที่เรียบร้อยมากความสามารถ อันที่จริงเวลาอยู่กับนางและหมี่ลี่น้อย นางกลับร่าเริงอย่างมาก
เก็บอารมณ์อ่อนจางที่ไม่เรียกว่าเป็นความกลัดกลุ้มอะไรมา เผยเฉียนหันหน้ามองไปทางเฉาฉิงหล่าง
เฉาฉิงหล่างสังเกตเห็นแววตาประหลาดของเผยเฉียนก็ถามอย่างสงสัย “เป็นอะไรไป?”
เผยเฉียนถามอย่างใคร่รู้ “ถูกศิษย์พี่เล็กแย่งตำแหน่งเจ้าสำนักไป เจ้าไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ?”
เฉาฉิงหล่างคลี่ยิ้มอย่างสง่างาม “แน่นอนว่าต้องรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ที่มากกว่ากลับเป็นความรู้สึกโล่งอก”
เฉาฉิงหล่างยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆ “ยังคงมีความสามารถไม่มากพอ แบกรับภาระหนักไม่ไหวหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!