เฉาฉิงหล่างพูดเสียงเบา “ยังเป็นห่วงอาจารย์อยู่หรือ?”
เผยเฉียนส่ายหน้ากล่าว “มีอาจารย์แม่อยู่ด้วย แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้างกายอาจารย์พ่อยังมีผู้อาวุโสสี่จู๋ ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงหรอก”
อีกอย่างใต้หล้านี้คนที่ทำให้คนอื่นวางใจที่สุดก็คืออาจารย์พ่อของตน
เฉาฉิงหล่างทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
อาจารย์เป็นคนรอบคอบมากไป หลายๆ เรื่องล้วนคิดไว้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
ยกตัวอย่างเช่นตอนอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่เคยได้พูดกับเฉาฉิงหล่างเป็นการส่วนตัวว่า หากวันหน้าพวกเจ้าสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ข้าจะแสดงออกว่าลำเอียงรักเผยเฉียนมากกว่า
อันที่จริงนี่ยังไม่เท่าไร
ที่ทำให้เฉาฉิงหล่างไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีก็คืออาจารย์พูดเสริมประโยคหนึ่งมาอย่างรวดเร็วว่า ‘อย่าโทษอาจารย์เลยนะ ใครใช้ให้นางเป็นเด็กผู้หญิง เจ้าเป็นเด็กผู้ชายเล่า ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว เจ้าก็ใจกว้างหน่อยแล้วกัน’
เผยเฉียนคืนสติกลับมา นางสัมผัสได้ถึงสภาพผิดปกติในใจของเฉาฉิงหล่างอย่างเฉียบไว จึงถามกลับประโยคหนึ่งว่า เป็นอะไรไป?
เฉาฉิงหล่างยิ้มเอ่ย “ไม่มีอะไร”
บนเรือข้ามฟากลำนี้มีคนใช้วิธีการรวมเสียงให้เป็นเส้นของผู้ฝึกยุทธเอ่ยขึ้นว่า
“ขอละลาบล้วงถามสักคำ ใช่ปรมาจารย์เจิ้งหรือไม่?”
เผยเฉียนขมวดคิ้วน้อยๆ หันหน้าไปมองจุดหนึ่ง
เห็นสายตาสอบถามของเฉาฉิงหล่างมองมา เผยเฉียนก็อธิบายว่า “เป็นอวี๋หงผู้นั้น ไม่รู้ว่าสังเกตเห็นข้าได้อย่างไร”
เฉาฉิงหล่างถาม “อีกฝ่ายจงใจสะกดรอยตามมาหรือ?”
เผยเฉียนส่ายหน้า “น่าจะเดินทางลงใต้โดยบังเอิญเหมือนกันพอดี”
อันที่จริงตอนที่อวี๋หงกำลังขึ้นเรือ เผยเฉียนก็สัมผัสได้แล้ว ผู้มีชื่อเสียงแห่งยุทธภพที่มีชาติกำเนิดจากราชวงศ์จูอิ๋งเก่าผู้นี้จงใจเก็บภาพบรรยากาศของปรมาจารย์ส่วนนั้นเอาไว้ กดขอบเขตไว้ที่ขอบเขตเดินทางไกล
เพียงแต่เผยเฉียนไม่คิดจะไปสนิทสนมด้วย ยิ่งไม่มีความคิดจะประลองฝีมือกับอีกฝ่าย
ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งที่อยู่บนสนามรบของเมืองหลวงแห่งที่สอง มองดูเหมือนลงมือด้วยพลังอำนาจอันน่าครั่นคร้าม แต่แท้จริงแล้วกลับหลีกเลี่ยงหนักเลือกเบา
สามารถเข้าใจได้ แต่ยอมรับไม่ได้
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายแค่เดินกันไปคนละทางก็พอแล้ว ไม่ต้องมาทำความรู้จักสนิทสนมอะไรกัน
เผยเฉียนอธิบาย “ได้ยินมาว่าในอดีตอวี๋หงมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่ง ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ชู้สาวคลุมเครือกับเหนียงเนียงเทพวารีของแม่น้ำอวี้เย่ผู้นั้น และยังมีข่าวลือที่ประหลาดยิ่งกว่า บอกว่าลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของอวี๋หงคนนี้มีคนรู้ใจที่เป็นคู่รักกันแท้จริง แต่กลับไม่มีสถานะเป็นสามีภรรยา สตรีผู้นั้นคือเซียนดินโอสถทองของบนภูเขาคนหนึ่ง เชี่ยวชาญเวทน้ำ เนื่องจากถ้ำตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างจวนวารีแม่น้ำอวี้เย่คือพื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลที่เหมาะกับการฝึกวิชาน้ำ ผลคือไม่รู้ว่าทำไมท้ายที่สุด ผู้ฝึกยุทธ เซียนดินและเทพวารีสามฝ่ายนี้ถึงกลายเป็นศัตรูที่ต่อให้ตายก็จะไม่ไปมาหาสู่กันอีก แต่เรื่องวุ่นวายพวกนี้ล้วนเป็นข่าวลือเล็กๆ ในยุทธภพเท่านั้น อาจไม่เป็นความจริง ดังนั้นอวี๋หงนั่งโดยสารเรือลำนี้มาจึงสมเหตุสมผล ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไร”
เฉาฉิงหล่างพยักหน้า “ความเป็นไปได้ของอย่างหลังมีมากกว่า”
เมืองหงจู๋คือสถานที่ที่แม่น้ำสามสายมารวมตัวกัน และทุกวันนี้ก็ยิ่งเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางเส้นทางน้ำที่สำคัญที่สุดของต้าหลี ถูกขนานนามว่าเป็นสถานที่ที่มีกระแสเงินทองไหลริน แต่แม่น้ำทั้งสามสายมีธาตุน้ำที่ต่างกัน แม่น้ำซิ่วฮวาธาตุน้ำอ่อนโยน ปราณวิญญาณเปี่ยมล้นอีกทั้งยังมั่นคง นอกจากนี้ก็คือแม่น้ำชงตั้นที่แม้จะชื่อว่าชงตั้น (ชะล้างให้เจือจาง) แต่แท้จริงแล้วโชคชะตาน้ำกลับโหมซัดรุนแรง ธาตุน้ำดุดัน กระแสน้ำขุ่นมัว นับแต่โบราณมาก็มักจะมีภัยทางน้ำเกิดขึ้นหลายครั้ง กลางวันแสกๆ ก็ยังมีฟ้าร้องฟ้าผ่า ยากจะจัดการที่สุด อีกทั้งหากอิงตามบันทึกของอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ท้องถิ่นของต้าหลี รวมไปถึงประวัติศาสตร์ เกร็ดพงศาวดารของแคว้นเสินสุ่ยโบราณหลายเล่มที่เฉาฉิงหล่างรวบรวมมา ในตำราก็มีบันทึกอันน่าอัศจรรย์ที่บอกไว้ว่า ‘น้ำนี้เชื่อมโยงกับปราณแห่งทะเล’ ตำแหน่งเทพของแม่น้ำสายนี้ว่างมานานหลายปี เถ้าแก่ร้านหนังสือที่ใช้นามแฝงว่าหลี่จิ่นคือเทพวารีองค์ใหม่ของแม่น้ำชงตั้น ถือว่าเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภูเขาลั่วพั่วมากที่สุดคนหนึ่ง
แม่น้ำอวี้เจียงมีท้องน้ำคดเคี้ยวที่สุด ธาตุของน้ำจึงแปรปรวน โชคชะตาน้ำในช่วงของแม่น้ำที่แตกต่างจะมีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันมาก ดังนั้นจึงมีทั้งช่วงแม่น้ำที่ปราณวิญญาณแร้นแค้นเหมือน ‘สถานที่ไร้อาคม’ แล้วก็มีทั้งพื้นที่ลับที่ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้ล้วนถูกเย่ชิงจู๋เหนียงเนียงเทพวารีบุกเบิกสร้างเป็นสถานที่สำหรับการฝึกตนหลายแห่ง แล้วก็เป็นรายรับก้อนที่ไม่เล็กก้อนหนึ่งของแม่น้ำอวี้เจียง
เผยเฉียนเหลือบมองเฉาฉิงหล่าง
เจ้าเป็นวิญญูชนผู้เที่ยงตรงคนหนึ่ง กลับรู้เรื่องเรื่องซุบซิบในยุทธภพมากกว่าข้าอีกหรือ?
เฉาฉิงหล่างจึงได้แต่อธิบายว่า “ข้าเองก็ฟังท่านอาเจิ้งเล่ามาอีกที สตรีสองคนที่เดิมทีสนิทสนมกัน สุดท้ายกลับกลายมาเป็นศัตรู ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของความรัก เป็นเพราะบุรุษคนหนึ่งเสมอ”
เกี่ยวกับคำเรียกขานเจิ้งต้าเฟิง หากอิงตามคำกล่าวของเจิ้งต้าเฟิงก็คือเขาอายุห่างกับเฉาฉิงหล่างแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น รูปโฉมก็ยิ่งดูคล้ายกัน ยืนอยู่ด้วยกันก็ง่ายที่จะถูกคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่พลัดพรากจากกันไปนานหลายปี ดังนั้นแค่เรียกเขาว่าพี่ใหญ่เจิ้งก็พอแล้ว หากเรียกท่านอาเจิ้งจะทำให้เขาดูแก่เกินไป ไม่มีใครเชื่อ
ต้องรู้ว่าเฉาฉิงหล่างในเวลานั้นเพิ่งจะออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัว แล้วยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งด้วย
ถึงอย่างไรเฉาฉิงหล่างก็ตัดสินใจแล้วว่าหากเจอหน้ากันก็จะเรียกแค่ท่านอาเจิ้งเท่านั้น
กลับเป็นเฉินหลิงจวินที่เรียกคำแล้วคำเล่าว่าพี่น้องต้าเฟิง เรียกเสียจนคล่องปาก กอดคอเกี่ยวไหล่ คุยกันได้แค่ไม่กี่คำก็มักจะหันมาสบตากัน จากนั้นหนึ่งคนตัวโตหนึ่งคนตัวเล็กก็เท้าเอวหัวเราะดังลั่น
เผยเฉียนกล่าว “ท่านอาเจิ้งเป็นเถ้าแก่อยู่ที่ร้านเหล้าของนครบินทะยานต้องไม่มีทางเหงาแน่นอน”
เฉาฉิงหล่างยิ้มเอ่ย “เห็นได้ชัดเลยล่ะ”
เผยเฉียนขมวดคิ้วอีกครั้ง ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “อีกฝ่ายมาหาถึงที่แล้ว นอกจากอวี๋หงยังมีอีกสี่คน ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ แต่ขอบเขตต่างก็ไม่สูง สองคนในนั้นฟังจากเสียงลมหายใจและเสียงฝีเท้าแล้วน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธสายเดียวกับอวี๋หง ส่วนสถานะของพวกเขาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดหรือเป็นศิษย์หลานของอวี๋หง ตอนนี้ยังบอกได้ยาก”
ใช้ความคิดเล็กน้อย ตรวจสอบความทรงจำอย่างละเอียด เผยเฉียนก็คล้ายจะตกตะลึงเล็กน้อย นางลังเลไปพักหนึ่งก่อนจะปลดหน้ากากลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง
คนทั้งกลุ่มเดินจากดาดฟ้าเรือมาถึงระเบียงของชั้นหนึ่ง
ผู้นำมีเส้นผมขาวโพลน เรือนกายแข็งแกร่งกำยำ พลังอำนาจน่าเกรงขาม ผู้เฒ่าตัวสูงกว่าบุรุษแดนเหนือถึงครึ่งศีรษะ ก็คือหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ใหญ่ที่ได้รับการประเมินด้านวรยุทธของแจกันสมบัติทวีป อวี๋หง
การประลองยุทธบนเวทีของศาลเทพอัคคีเมืองหลวงที่เลื่องลือกันไปทั้งทวีปครั้งนั้น อวี๋หงเอาชนะโจวไห่จิ้งไปได้
ทำให้ชื่อเสียงในยุทธภพของปรมาจารย์ผู้เฒ่าท่านนี้ไต่ทะยานถึงขีดสูงสุดทันใด
ว่ากันว่ามีพรรคบนภูเขาไม่ต่ำกว่าสิบแห่งที่เชื้อเชิญอวี๋หงให้ไปเป็นผู้ถวายงานหรือไม่ก็เค่อชิงด้วยความกระตือรือร้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!