หากคนที่อวี๋หงถามหมัดด้วยคือเจิ้งเฉียนไม่ใช่โจวไห่จิ้ง อย่าว่าแต่ผู้คนเบียดเสียดแออัดตามตรอกตามถนนอะไรเลย คาดว่าหลังคาเรือนทุกหลังที่อยู่ใกล้กับศาลเทพอัคคีก็คงถูกพวกคนที่มาชมการประลองนั่งจนพังถล่มลงมาแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคุณชายและลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์ของเมืองหลวงต้าหลีกลุ่มนั้น แม้แต่ลูกหลานเมล็ดพันธ์แม่ทัพที่เคยไปเยือนสนามรบมาก่อน แต่ละคนยามที่พูดถึง ‘เจิ้งเฉียน’ ความชื่นชมเลื่อมใสนั้นมีมากจนมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว สรุปก็คือใครกล้าพูดว่าเผยเฉียนไม่สวยก็จะมีเรื่องกับคนนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยียนกวานที่เคยโชคดีได้เห็นการออกหมัดของ ‘เจิ้งเฉียน’ บนสนามรบกับตาตัวเองมาก่อน
ในค่ายทหารขนาดใหญ่ของเปลี่ยวร้างที่กองทัพทั้งหลายมารวมตัวกัน หญิงสาวเรือนกายผอมเพรียวคนหนึ่งพลันหล่นร่วงลงมาจากฟ้า จากนั้นเพียงแค่ชั่วพริบตาฟ้าดินก็สว่างไสว ในรัศมีร้อยจั้งรอบด้าน ผู้ที่ล้มลงไปกองกับพื้นล้วนตายอย่างศพไร้สภาพสมบูรณ์ มีเพียงผู้ฝึกยุทธหญิงคนเดียวที่ยืนอยู่
เป็นเหตุให้ในใจของเหยียนกวาน สตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จึงแทบไม่ต่างจากเทพของบนสวรรค์
เป็นเหตุให้ก่อนหน้านี้ตอนที่กุมหมัดคารวะ ไม่ว่าจะเป็นมือหรือเสียงของเหยียนกวานก็ล้วนสั่นสะท้านเล็กน้อยอย่างที่มิอาจควบคุม
เผยเฉียนถาม “ผู้อาวุโสอวี๋ มีเรื่องจะปรึกษาหรือ?”
อวี๋หงยิ้มกล่าว “มีเรื่องอยากจะปรึกษากับปรมาจารย์เจิ้งจริงๆ ครั้งนี้พวกเราจะลงจากเรือที่ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยว คิดว่าจะแวะไปที่ภูเขาลั่วพั่ว ไม่ทราบว่าทุกวันนี้เจ้าขุนเขาเฉินอยู่บนภูเขาหรือไม่?”
เผยเฉียนกล่าว “อาจารย์พ่อของข้าชอบออกท่องยุทธภพเพียงลำพัง ร่องรอยไม่แน่นอน ตอนนี้อาจารย์พ่ออยู่บนภูเขาหรือไม่ ข้าก็ไม่กล้าแน่ใจ”
อวี๋หงพยักหน้า “ไม่เป็นไร เมื่อเรือจอดเทียบท่า ข้าลงจากเรือไปแล้วจะไปเยือนภูเขาพีอวิ๋นก่อนสักรอบ ถึงเวลานั้นอาจต้องรบกวนปรมาจารย์เจิ้งให้ส่งคนนำข่าวไปแจ้งให้ด้วย”
เผยเฉียนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ส่งคน?
ข้าจะใช้ใครได้?
ผู้พิทักษ์ซ้ายขวาของตรอกฉีหลงหรือ?
หมี่ลี่น้อยขี้ขลาด ไม่กล้าออกจกาบ้าน ส่วนเจ้าตัวนั้นที่วันๆ ชอบเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
ซ่งจ่างจิ้งแห่งต้าหลี อวี๋หงไม่กล้าไปถามหมัดด้วยแม้แต่น้อย เพราะจะต้องตาย
เผยเฉียนที่อยู่ตรงข้ามผู้นี้ ถึงอย่างไรก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน อวี๋หงจึงไม่ยินดีจะมอบชื่อเสียงให้นางเปล่าๆ
ภูเขาลั่วพั่ว ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งจริงๆ
เค่อชิงเว่ยจิ้น เซียนกระบี่ใหญ่แห่งศาลลมหิมะ บุคคลอันดับหนึ่งแห่งวิถีกระบี่ของแจกันสมบัติทวีป
และยังมี ‘อวี๋หมี่’ เซียนกระบี่ที่ปล่อยกระบี่อยู่ในนครมังกรเฒ่าผู้นั้นอีก
ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้ย้ายจากภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือมาอยู่กับภูเขาลั่วพั่ว
บวกกับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นขอบเขตเดินทางไกลกลุ่มนั้น
โชคชะตาบู๊โชติช่วงเป็นอันดับหนึ่งในทวีป
สำนักที่เป็นเช่นนี้มีค่าพอให้อวี๋หงลดตัวลงมาเป็นฝ่ายผูกมิตรด้วยจริงๆ
เผยเฉียนมองจู๋เฟิ่งเซียน รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เอ่ยอะไร
อีกฝ่ายจำตนไม่ได้ แต่เผยเฉียนกลับจำเจ้าประมุขผู้เฒ่าของพรรคต้าเจ๋อคนนี้ได้
ปีนั้นติดตามอาจารย์พ่อไปเที่ยวที่อารามจินกุ้ยแคว้นชิงหลวนก็ได้เจอกับจางกั่วเจ้าอารามที่กำลังรับลูกศิษย์พอดี ตอนที่หลบฝนได้เจอกับคนในยุทธภพสองกลุ่ม ฝ่ายหนึ่งมาจากเรือนแยนจือแคว้นอวิ๋นเซียว นอกจากนี้ก็คนของพรรคต้าเจ๋อแคว้นชิงหลวน ในบรรดานั้นก็มีจู๋เฟิ่งเซียนเจ้าประมุขผู้เฒ่ามารในยุทธภพชื่อเสียงเลื่องลือคนนี้
ตอนนั้นยังมีเด็กสาวอีกสองคนที่ชื่อว่าจู๋จื่อหยางและหลิวชิงเฉิง ฝ่ายแรกมีใบหน้ารูปไข่ เวลาพูดจาชอบหน้าแดง นางพกมีดตัดกระดาษติดตัวไว้เล่มหนึ่ง มีชื่อว่า ‘จุ้ยเอ่อ’
ส่วนคนหน้ากลมอีกคนหนึ่งพูดจามีนัยชวนให้ขบคิด เหมือนกับท่านปู่ของนาง
ตอนที่อยู่บนภูเขาชิงเหย้าของแคว้นชิงหลวน บนภูเขามีอารามจินกุ้ยที่มีชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์มาเนิ่นนาน ในอารามปลูกต้นกุ้ยโบราณไว้หกต้น เคยมีเซียนที่เดินทางมาเที่ยวเยือนที่แห่งนี้พูดเปิดเผยความลับสวรรค์ว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งดวงจันทร์
ใต้ต้นไม้ที่แกะสลักกระดานหมากล้อมตัดสลับกันสิบแปดช่องไว้บนโต๊ะหิน ว่ากันว่าเป็นหลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้าที่ใช้ปราณกระบี่แกะสลักเอาไว้ ร่มกิ่งกุ้ยที่นักพรตในอารามมอบให้คนอื่นโดยดูตามวาสนาค่อนข้างจะมีค่า
อวี๋หงไม่คิดจะพูดถึงเรื่องนั่งลงดื่มน้ำชาอะไรด้วยซ้ำ ทักทายพูดคุยเสร็จก็พาคนบอกลาจากไปโดยตรง
ลำพังเรื่องนี้ก็เท่ากับว่ามอบหน้าตาที่ใหญ่อย่างถึงที่สุดให้กับ ‘เจิ้งเฉียน’ แล้ว
เผยเฉียนจึงเดินไปส่งตามระเบียงเส้นนั้นตลอดทาง จนถึงปลายระเบียงถึงได้หยุดเท้า
หวงเหมยสังเกตเห็นว่าตอนที่อาจารย์กลับไป คล้ายจะอารมณ์ไม่เลว
เผยเฉียนกลับมาที่ห้อง เฉาฉิงหล่างกำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างใน
ผ่านไปไม่นานนักก็มีคนชุดเขียวแอบดอดเข้ามาในห้องจากทางหน้าต่างของเรือข้ามฟาก พลิ้วกายลงบนพื้น
เผยเฉียนและเฉาฉิงหล่างทยอยกันลุกขึ้นยืน ต่างคนต่างเรียก “อาจารย์พ่อ” “อาจารย์”
เสี่ยวโม่ปรากฏตัวข้างกายเฉินผิงอันหลังจากนั้น
เฉินผิงอันนั่งลงบนเก้าอี้ เฉาฉิงหล่างไม่เคลื่อนไหวเหมือนตอไม้ตอหนึ่ง เผยเฉียนกลับรินน้ำสองถ้วยให้กับอาจารย์พ่อและผู้อาวุโสสี่จู๋แล้ว
เสี่ยวโม่เอ่ยขอบคุณเผยเฉียนหนึ่งคำ หยิบถ้วยน้ำขึ้นมาจากบนโต๊ะ ถือประคองด้วยสองมือ ยืนดื่มน้ำ
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่มาส่งพวกเจ้าเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว”
เผยเฉียนกล่าว “อาจารย์พ่อ เมื่อครู่ข้าเจอกับเจ้าประมุขผู้เฒ่าจู๋ของพรรคต้าเจ๋อด้วย”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “เมื่อครู่ข้ากับเสี่ยวโม่ซ่อนตัวอยู่กลางเมฆ มองไกลๆ มาเห็นภาพนี้แล้ว อีกเดี๋ยวจะไปทักทายเขาเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!