กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 887

ส่วน​เซียน​เว่ย​ผู้​นั้น​ ก่อนหน้านี้​ได้​กิน​อาหารเจ​ใน​หน่วย​แปล​คัมภีร์​แห่ง​นี้​ไป​แล้ว​ ฟ้าดิน​กว้างใหญ่​ เรื่อง​กิน​ใหญ่​ที่สุด​ หน้าตา​ศักดิ์ศรี​อะไร​ล้วน​อยู่​ริม​ๆ ขอบ​ทั้งนั้น​ แม้ว่าการ​ที่นั่ง​อยู่​ตรงนี้​ตลอด​ทำให้​เซียน​เว่ย​รู้สึก​เบื่อหน่าย​อยู่​บ้าง​ แต่​เมื่อ​เทียบ​กับ​สภาพ​อับจน​ยากแค้น​ตลอด​หลาย​ปี​ที่​ต้อง​เดิน​ทางขึ้น​เหนือ​มานั้น​ อันที่จริง​นี่​ก็​ถือว่า​ดีมาก​แล้ว​ ถือ​เสีย​ว่า​หวน​ระลึกถึง​อดีต​ที่​ขมขื่น​และ​ขอบคุณ​ปัจจุบัน​ที่​หอมหวน​อยู่​ตรงนี้​ก็แล้วกัน​

ต่อมา​เมื่อ​เฉิน​ผิง​อัน​ลืมตา​ขึ้น​แล้ว​เงยหน้า​มอง​ ดวงจันทร์​ก็​ลอย​ขึ้น​สูงกลาง​นภา​แล้ว​

ดวงจันทร์​หอ​เรือน​สูง อยู่​ลำพัง​เดียวดาย​ แสงจันทร์​ดุจ​สายน้ำ​ สายน้ำ​ดุจ​ผืน​ฟ้า วัก​มาเพียงใด​ก็​ไม่เต็ม​ฝ่ามือ​

เฉิน​ผิง​อัน​ถอน​สายตา​กลับคืน​ มอง​ไป​ยัง​เสี่ยว​โม่และ​เซียน​เว่ย​ที่อยู่​ตรง​ขั้นบันได​ เสี่ยว​โม่ยังคง​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​ ส่วน​เซียน​เว่ย​นั้น​มีความสามารถ​ไม่น้อย​ นั่ง​อยู่​ก็​ยัง​หลับ​ได้​ เวลานี้​ส่งเสียงกรน​ราว​เสียง​ฟ้าผ่า​

เฉิน​ผิง​อัน​ลุกขึ้น​เดิน​ไป​ตรง​ขั้นบันได​ สวม​รองเท้า​ให้​เรียบร้อย​

เสี่ยว​โม่กำลังจะ​ยื่นมือ​ไป​ปลุก​เซียน​เว่ย​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ให้​ตื่น​ เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ ว่า​ “ไม่เป็นไร​ ให้​เขา​นอนหลับ​อีกสักครู่​เถอะ​”

นั่ง​กัน​ไป​เกือบ​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ตบ​หัว​เซียน​เว่ย​ เอ่ย​กับ​เสี่ยว​โม่ว่า​ “จะตี​คน​ต้อง​รีบ​ตี​แต่​เนิ่นๆ​”

เซียน​เว่ย​ขยี้ตา​ ถามอย่าง​มึนงง​ว่า​ “ยาม​ใด​แล้ว​?”

ประโยค​ถัดมา​ก็​คือ​จะกิน​อาหาร​มื้อ​ดึก​กัน​หรือไม่​

เฉิน​ผิง​อัน​พา​พวกเขา​ออก​มาจาก​หน่วย​แปล​คัมภีร์​ แล้วก็​พา​เซียน​เว่ย​ไปหา​ร้าน​ที่​ขาย​อาหาร​มื้อ​ดึก​กิน​จริงๆ​

……

อาณาเขต​หลง​โจว​ที่​กำลังจะ​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็น​ชู่โจว​ กลุ่ม​ของ​ปรมาจารย์​เฒ่าอวี๋หง​โดยสาร​เรือ​ข้าม​ฟากห​ลี่​เฉวียน​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​ เลือก​จะลงเรือ​ที่​ภูเขา​หนิ​วเจี่ยว​ ไป​เยือน​เมือง​หง​จู๋ที่​เป็น​สถานที่​ที่​แม่น้ำ​สามสาย​รวมตัวกัน​ก่อน​ จากนั้น​ค่อย​อ้อม​เส้นทาง​ไป​ยัง​ศาล​เทพ​วารี​ของ​แม่น้ำ​อวี้เย่​

ยาม​ดึกสงัด​ไร้​เสียง​ผู้คน​ อวี๋หง​ไป​เยือน​ศาล​เทพ​วารี​

เทพ​วารี​ระดับ​สี่ของ​สายน้ำ​ขุนเขา​ใน​หนึ่ง​ทวีป​

ตำแหน่ง​ร่าง​ทอง​ของ​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​แม่น้ำ​อวี้เย่​ผู้​นี้​ไม่ถือว่า​ต่ำ​แล้ว​

ที่​ศาล​เทพ​วารี​แห่ง​นี้​ เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ได้​เปลี่ยน​ผู้ดูแล​ศาล​คน​ใหม่​แล้ว​ ไม่ใช่คน​ที่​คล่องแคล่ว​นัก​ ชาย​หญิง​ผู้​มีจิต​ศรัทธา​ที่มา​จุด​ธูป​ขอพร​ที่นี่​มักจะ​มีมาไม่ขาดสาย​ตลอด​ทั้งปี​ พูด​ได้​แค่​ว่า​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ผู้​นี้​ต้อนรับขับสู้​ผู้คน​ได้​อย่าง​เหมาะสม​ แต่​ใน​เรื่อง​ของ​การสาน​สัมพันธ์​กับ​พวก​ผู้​แสวงบุญ​รายใหญ่​ เห็นได้ชัด​ว่า​ความสามารถ​ของ​นาง​ค่อนข้างจะ​ธรรมดา​สามัญ ถึงขั้น​ยัง​เกิด​ข้อผิดพลาด​อยู่​หลายครั้ง​ ผล​คือ​ผู้​แสวงบุญ​รายใหญ่​หลาย​คน​ต่าง​ก็​ไป​ที่​แม่น้ำ​ซิ่ว​ฮวา​และ​แม่น้ำ​ชงตั้น​แทน​ ทว่า​ห​ลี่​ชิงจู๋เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​กลับ​ไม่ถือสา​ ราวกับ​มั่นใจ​แล้ว​ว่า​นาง​คือ​ตัวเลือก​ที่​ดี​ที่สุด​ใน​การ​เป็น​คน​เฝ้าศาล​บ้าน​ตน​

หลังจากที่​อวี๋หง​บอกกล่าว​สถานะ​ตัวเอง​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ไม่ต้อง​รบกวน​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ พวกเขา​สามารถ​เดินทาง​ไป​ที่​จวน​วารี​กันเอง​ได้​ ผล​คือ​สตรี​คน​เฝ้าศาล​ที่​ไม่เข้าใจ​การ​วางตัว​อยู่​ใน​สังคม​แม้แต่น้อย​ผู้​นั้น​ทำ​ตามที่​เขา​พูด​จริงๆ​ แค่​โยน​ยันต์​เลี่ยง​น้ำ​เปิดทาง​ และ​ยันต์​รถม้า​ที่​สร้าง​ขึ้น​ด้วย​กรรมวิธี​ลับ​ของ​บ้าน​ตน​ แค่​ลง​น้ำ​ก็​จำแลง​ร่าง​ขึ้น​มาเอง​ อวี๋หง​คลี่​ยิ้ม​ ไม่ได้​สนใจ​ ขึ้นไป​นั่ง​บน​รถม้า​ก่อน​ แต่​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ของ​เขา​อย่าง​หวง​เหมย​กลับ​มีสีหน้า​ไม่สบอารมณ์​ค่อน​ข้างมาก​

รถม้า​ตระกูล​เซียน​แล่น​แหวก​น้ำ​ตรง​ไป​ เพียง​ไม่นาน​ก็​มาถึงหน้า​ประตู​ใหญ่​ของ​จวน​วารี​ สตรี​คน​เฝ้าศาล​จึงไป​แจ้งข่าว​แก่​องค์​รักษ์​คน​เฝ้าประตู​

ห​ลี่​ชิงจู๋ออกมา​ต้อนรับ​อวี๋หง​ด้วยตัวเอง​อย่าง​ว่องไว​ ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ต้า​หลี​ แล้ว​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​เก้า​คน​หนึ่ง​ด้วย​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ใน​อดีต​นาง​กับ​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​คน​หนึ่ง​ขอ​งอ​วี๋หง​ก็​เคย​มีบุพเพ​ชีวิตคู่​แสน​สั้น​ที่​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​บน​ภูเขา​ร่วมกัน​

อวี๋หง​สัมผัส​ได้​อย่าง​เฉียบ​ไว​ว่า​ดูเหมือน​หว่าง​คิ้ว​ของ​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ท่าน​นี้​จะมีความ​กลัดกลุ้ม​อยู่​หลาย​ส่วน​

อันที่จริง​หลาย​ปี​มานี้​ ความปรารถนา​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​ห​ลี่​ชิงจู๋ก็​คือ​ได้​มีชีวิต​อยู่​อย่าง​สงบสุข​

มิอาจ​จินตนาการ​ได้​เลย​ว่า​เทพ​วารี​ที่​ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​อย่าง​ถูกต้อง​คน​หนึ่ง​ถึงกับ​เคย​ปลอมตัว​แปลง​โฉมไป​จุด​ธูป​ขอพร​ที่​ศาล​ซาน​จวิน​ภูเขา​พี​อวิ๋น​และ​ศาล​เทพ​วารี​แม่น้ำ​เถี่ยฝู​มาแล้ว​หลายครั้ง​…

เมืองหลวง​ต้า​หลี​ งานแต่งงาน​หนึ่ง​ถูก​จัด​ขึ้น​

ครั้งนี้​หลิน​โส่ว​อี​เข้า​เมืองหลวง​ก็​เพื่อ​เข้าร่วม​งานเลี้ยง​ฉลอง​แต่งงาน​ของ​ลูกชาย​คนโต​ของ​สือ​เจีย​ชุน​โดยเฉพาะ​

คราว​ก่อนที่​เจอ​กับ​สือ​เจีย​ชุน​สหาย​ร่วม​ห้อง​ก็​คือ​การ​กลับ​ไป​เจอกัน​อีกครั้ง​ที่​อำเภอ​ไหว​หวง​บ้านเกิด​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​

ยาก​จะจินตนาการ​ได้​ว่า​ตอนนั้น​บุตรชาย​ของ​สือ​เจีย​ชุน​ยัง​เป็น​แค่​เด็กเล็ก​คน​หนึ่ง​ มาวันนี้​กลับ​แต่ง​ภรรยา​แล้ว​

การ​กลับมา​รวมตัวกัน​อีกครั้ง​ของ​สหาย​ร่วม​ห้อง​ใน​ครั้งนั้น​ สือ​เจีย​ชุน​ไม่ได้​เจอ​กับ​ห​ลี่​เป่า​ผิง​สหาย​รัก​ของ​นาง​ตอน​เป็น​เด็ก​แค่​คนเดียว​เท่านั้น​

ทว่า​คราวนี้​กลับ​มีแค่​หลิน​โส่ว​อี​ที่มา​ร่วมงาน​ ห​ลี่​เป่า​ผิง​และ​ห​ลี่​ไหว​ต่าง​ก็​ไม่อยู่​ ส่วน​ต่งสุ่ย​จิ่งก็​มีธุระ​กะทันหัน​ ไม่อาจ​ปลีกตัว​มาได้​ จึงไม่ได้​เดินทาง​มาที่​เมืองหลวง​ แต่​ได้​ไหว้วาน​ให้​คน​นำ​เงิน​ใส่ซอง​ใน​จำนวน​ที่​ทำให้​คน​อ้าปากค้าง​มาด้วย​ซอง​หนึ่ง​

ประเด็นสำคัญ​คือ​คน​ที่​ต่งสุ่ย​จิ่งไหว้วาน​มากลับ​น่า​ตกใจ​ยิ่งกว่า​ ตรง​เอว​ห้อย​น้ำเต้า​บรรจุ​เหล้า​ใบ​หนึ่ง​ ทั่ว​ร่าง​มีแต่​กลิ่น​สุรา​คละคลุ้ง​ คน​เอ้อระเหย​ลอยชาย​ผู้​นี้​ไม่ได้​บอกกล่าว​ชื่อ​แซ่ บอก​แค่​ว่า​เอา​ซอง​แดง​มามอบให้​แทน​สหาย​อย่าง​ต่งสุ่ย​จิ่ง

โชคดี​ที่ทาง​นี้​มีคน​ตา​ดี​จำอีก​ฝ่าย​ได้​ นอกจาก​การ​วางตัว​ผ่อนคลาย​สบาย​ๆ อย่าง​ลูกหลาน​ตระกูล​ชนชั้นสูง​ใน​เมืองหลวง​แล้ว​ อันที่จริง​ต้อง​ยก​คุณ​ความชอบ​ให้​กับ​กา​เหล้า​ใบ​นั้น​ ใน​วงการ​ขุนนาง​ หรือ​แม้กระทั่ง​ตลอดทั้ง​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ คน​ผู้​นี้​คือ​คน​คนเดียว​ที่​สามารถ​พก​กา​เหล้า​ไป​ยัง​ที่ว่าการ​ได้​

แต่​อีก​ฝ่าย​เพียงแค่​ทิ้ง​ซอง​แดง​ไว้​แล้วก็​จากไป​ ไม่มีใคร​กล้า​รั้ง​ให้​คน​ผู้​นี้​อยู่​ต่อ​

เพราะ​คน​ผู้​นี้​ก็​คือ​ ‘ผี​ขี้เหล้า​’ เฉาเกิง​ซิน​ที่​เปลี่ยน​จาก​ขุนนาง​ผู้ตรวจการ​ของ​หลง​โจว​มาเป็นรอง​เจ้ากรม​ฝ่ายขวา​กรม​โยธา​ของ​เมืองหลวง​สำรอง​แห่ง​ที่สอง​ แล้วจึง​เปลี่ยน​มาเป็นรอง​เจ้ากรม​กรม​ขุนนาง​ของ​เมืองหลวง​ คือ​หลานชาย​คนโต​ของ​สกุล​เฉาเสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ อย่า​ไป​สน​ว่า​ชื่อเสียง​ใน​วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​ของ​เฉาเกิง​ซิน​เป็น​อย่างไร​ การ​วางตัว​และ​การ​เป็น​ขุนนาง​ไม่ได้เรื่อง​สัก​อย่าง​มาก​แค่​ไหน​ เพราะ​เขา​คือ​ขุนนาง​ขั้น​สามชั้นเอก​ของ​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ที่​แท้จริง​

อีก​ทั้ง​ท่าน​อา​รอง​ของ​เขา​ยัง​เป็น​เฉาผิง​ทูต​ผู้ตรวจการ​ด้วย​

รอ​กระทั่ง​คน​ตระกูล​เปีย​น​และ​ผู้อาวุโส​ใน​กลุ่ม​ญาติ​ที่​เกี่ยวดอง​กัน​ได้ข่าว​ รีบร้อน​ออกจาก​ประตู​ไล่ตาม​เซียน​สุรา​เฉาผู้​นั้น​ไป​ คิดไม่ถึง​ว่า​แม้คน​ผู้​นั้น​จะเดิน​โงนเงน​ แต่​ฝีเท้า​กลับ​ไม่ช้า เดิน​เลี้ยว​เข้าไป​ใน​ถนน​เส้น​หนึ่ง​ก็​หายวับ​ไม่เห็น​เงาแล้ว​ ดูเหมือนว่า​ระหว่างทาง​จะชน​ไหล่​ของ​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​คน​หนึ่ง​ เขา​ก้าว​ถ้อย​หลัง​ คารวะ​ขออภัย​ คลี่​ยิ้ม​เจิดจ้า​ สตรี​ออกเรือน​แล้ว​เห็น​ว่า​บุรุษ​รูปโฉม​หล่อเหลา​ จึงไม่รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​เสียเปรียบ​สัก​เท่าไร​ ด่า​ขำ​ๆ ไป​สอง​ประโยค​ก็​เลิก​แล้วกันไป​

นอกจาก​เฉาเกิง​ซิน​จะเผย​กาย​แล้ว​ยังมี​จ้าว​เหยา​ที่​รับหน้าที่​เป็นรอง​เจ้ากรม​อาญา​ เนื่องจาก​งาน​ยุ่ง​จึงไหว้วาน​ให้​คน​นำ​ซอง​แดง​มามอบให้​ นี่​ทำให้​ตระกูล​เปีย​น​และ​ตระกูล​ที่​แต่งงาน​สาน​สัมพันธ์​ด้วย​รู้สึก​มีหน้ามีตา​อย่าง​ถึงที่สุด​

เปีย​น​เห​วิน​เม่าสามีของ​สือ​เจีย​ชุน​มีชาติกำเนิด​จาก​ตระกูล​ปัญญา​ชนชั้นสูง​ใน​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ ฐานะ​ทางบ้าน​ไม่ถือว่า​โดดเด่น​ เพียงแต่ว่า​ใน​อดีต​เปีย​น​เห​วิน​เม่าทำงาน​ใน​สำนัก​บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​ที่​ถูก​มองว่า​เป็น​ ‘สถานที่​แห่ง​ฉู่เซียง’​ ดังนั้น​แม้ทุกวันนี้​หมวก​ขุนนาง​จะไม่ใหญ่​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ขุนนาง​น้ำ​ใสอันดับ​หนึ่ง​ ดังนั้น​ผู้​ถวาย​งานประจำ​ตระกูล​ของ​ตระกูล​เปีย​น​จึงเป็น​ผู้อาวุโส​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์คน​หนึ่ง​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​

หลิน​โส่ว​อี​คือ​นักปราชญ์​แห่ง​สำนักศึกษา​ของ​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​ต้า​สุย​ ภายหลัง​ก็​ยัง​ได้​เป็น​คน​เฝ้าศาล​ของ​ลำน้ำ​ใหญ่​ที่​เมืองหลวง​สำรอง​ต้า​หลี​ และ​ใน​อดีต​ก่อนหน้านี้​ระหว่าง​เมืองหลวง​ของ​ต้า​หลี​และ​ต้า​สุย​ หลิน​โส่ว​อี​ก็​เคย​เป็น​บุคคล​ที่​ถูก​คนพูด​ถึงกัน​มาก​ที่สุด​ เป็น​คน​ที่​มีชื่อเสียง​ตั้งแต่​อายุ​ยัง​น้อย​ตามแบบฉบับ​ เรื่อง​การศึกษา​หา​ความรู้​ก็​เป็น​เด็ก​อัจฉริยะ​ของ​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​ ก็​แค่​ไม่ได้​เข้าร่วม​สอบ​เค​อจวี่​เท่านั้น​ เรื่อง​ของ​การ​ฝึก​ตน​ก็​ยิ่ง​ก้าว​กระโดด​

หลิน​โส่ว​อี​ปฏิเสธ​คำเชิญ​อย่าง​ละมุนละม่อม​ ไม่ได้​นั่ง​โต๊ะ​ประธาน​

เขา​นั่ง​ร่วมโต๊ะ​กับ​เซียน​ซือบน​ภูเขา​กลุ่ม​หนึ่ง​

ทาง​ฝั่งของ​โต๊ะ​ประธาน​ คน​ที่​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ใหญ่​สุด​ก็​คือ​รอง​เจ้ากรม​โยธา​ต้า​หลี​ เป็น​คน​ที่​บ้าน​ดอง​ของ​ตระกูล​เปีย​น​เชิญมา

นอกจากนี้​ยังมี​หยาง​ซ่วง​ทั่น​ฮวา​หลา​ง อายุ​น้อย​มาก​ และ​ยังมี​หวัง​ชิน​รั่ว​หนึ่ง​ใน​สิบห้า​จิ้น​ซื่อ​อันดับ​สอง​

คน​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​ถือว่า​เป็น​คน​ที่​เข้ามา​อยู่​ใน​สำนัก​บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​ต้า​หลี​ภายหลัง​ แต่​เปีย​น​เห​วิน​เม่าหรือ​จะกล้า​วางมาด​ผู้อาวุโส​ใน​วงการ​ขุนนาง​ใส่สอง​คน​นี้​

และ​ยังมี​ฟู่อวี้​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​เพิ่ง​ถูก​โยกย้าย​จาก​การ​เป็น​เจ้าเมือง​เขต​เป่า​ซีกลับมา​ที่​เมืองหลวง​ เขา​เป็น​ฝ่าย​มาพูดคุย​กับ​หลิน​โส่ว​อี​สอง​สามประโยค​

หลิน​โส่ว​อี​เป็น​ทั้ง​เมล็ด​พันธ์​บัณฑิต​ซึ่งเป็น​คน​ท้องถิ่น​ของ​ต้า​หลี​ และ​ยิ่ง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ก่อกำเนิด​ที่​ไม่เปิดเผย​ตัว​คน​หนึ่ง​!

หญิง​ชรา​ที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​ของ​ตระกูล​เปีย​น​มีขอบเขต​ประตู​มังกร​ แม้ว่า​ขอบเขต​จะไม่สูง แต่กลับ​เป็นสมาชิก​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​ตำหนัก​ฉางชุน​ เมื่อ​ลูกศิษย์​ตำหนัก​ฉางชุน​ลง​จาก​ภูเขา​ไป​ฝึก​ประสบการณ์​ ส่วนใหญ่​ก็​เป็น​นาง​ที่​เป็น​ผู้​ปกป้อง​มรรคา​ ไม่เคย​เกิด​ความผิดพลาด​สักครั้ง​ เว้น​จาก​ ‘อวี๋​หมี่​’ ผู้​นั้น​ที่​ทำให้​หญิง​ชรา​หวาดผวา​มาจนถึง​ทุกวันนี้​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!