ท่าเรือหนิวเจี่ยว สายน้ำใสไหลไปทางทิศตะวันออก ห่านโบยบินในฤดูใบไม้ร่วง
เรือข้ามฟากขนาดมหึมาลำหนึ่งจอดเทียบท่าช้าๆ พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม ปราณวิญญาณมหาศาลแผ่กระเพื่อมพร้อมกับนำพาลมภูเขาโชยมาเป็นระลอก เมื่อเทียบกับท่าเรือตระกูลเซียนทั่วไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษ ประหนึ่งเจียวหลงที่บางครั้งผลุบจากน้ำขึ้นมาเกยหาดน้ำตื้น ก็คือเรือข้ามฟากเฟิงยวนที่เรื่องของการซ่อมแซม ทางภูเขาลั่วพั่วไม่ต้องออกเงินแม้แต่ครึ่งเหรียญทองแดงนั่นเอง
มีเพียงจ้งชิวกับชุยเหวยที่ติดตามเรือลำนี้กลับมาที่อาณาเขตของหลงโจว การเดินเรือข้ามทวีปครั้งแรกของเฟิงยวนลำนี้สำเร็จลงด้วยดี
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มเอ่ย “ลำบากแล้ว”
พอเจ้าขุนเขาเปิดฉากเช่นนี้ ผู้คนกลุ่มใหญ่ก็พากันกุมหมัดขอบคุณพร้อมเอ่ยว่าลำบากแล้ว ลำบากแล้ว
จ้งชิวอดไม่ไหวหลุดขำ ประสานมือคารวะกลับคืนทุกคน แต่ชุยเหวยกลับปรับตัวไม่ได้อยู่บ้างเล็กน้อย ได้แต่กุมหมัดคารวะกลับคืน
เฉินผิงอันอ่อนใจเป็นที่สุด เดิมทีรู้สึกเกรงใจคนอื่นจากใจจริง ผลกลับดีนัก ถูกเจ้าพวกคนที่เหลือพาออกนอกเรื่องจนกลายเป็นเหมือนคำสัพยอกเสียอย่างนั้น
ออกจากบ้านมาครั้งนี้ จำนวนคนของภูเขาลั่วพั่วที่จะติดตามเฉินผิงอันเดินทางไกลมีอยู่ไม่น้อย
เจ้าขุนเขานำพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดมาด้วยกลุ่มหนึ่ง เผยเฉียนผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง ผู้ฝึกกระบี่กวอจู๋จิ่ว จ้าวซู่เซี่ยผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้า จ้าวหลวนผู้ฝึกลมปราณ
ผู้ถวายงานเสี่ยวโม่ สวมหมวกเหลืองรองเท้าเขียว สะพายหีบหนังสือถือไม้เท้าเดินป่า เหมือนกับบัณฑิตอ่อนแอที่ออกไปทัศนศึกษามากกว่า
และยังมีหมี่อวี้ที่กำลังจะไปรับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของสำนักเบื้องล่าง อวี๋เสียหุยที่ออกจากหอบูชากระบี่แล้วต้องออกเดินทางไกลอีกครั้ง
เด็กชายเห็นชุยเหวยแล้วก็ฝืนนิสัยเอ่ยเรียกว่าอาจารย์อย่างอึดอัด คงเป็นเพราะรู้สึกว่าน่าขายหน้าเกินไป เด็กชายจึงยังไม่ลืมแค่นเสียงหึในลำคออีกที
แม้ชุยเหวยจะประหลาดใจ แต่ก็ยังพยักหน้ารับเงียบๆ ในดวงตามีรอยยิ้ม ทุกเรื่องล้วนยากที่การเริ่มต้น ขอแค่อวี๋เสียหุยยินดีเรียกเขาว่าอาจารย์ ชุยเหวยก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะทำให้เด็กชายไม่ต้องรู้สึกว่ารับตนเป็นอาจารย์อย่างเสียเปล่า
ฉางมิ่งผู้คุมกฎแห่งภูเขาลั่วพั่วพาน่าหลันอวี้เตี๋ยลูกศิษย์ที่นางเพิ่งรับมาใหม่มาด้วย
ตนมิอาจสอนเวทกระบี่เลิศล้ำอะไรได้ แต่ยังจะมอบเงินให้นางไม่ได้อีกหรือ?
ภูเขาลั่วพั่วมีผู้ฝึกกระบี่อยู่มากขนาดนั้น ทั้งเจียงซ่างเจิน หมี่อวี้ ชุยเหวย สุ่ยโย่วเปียน...แค่ซื้อตำราลับเวทกระบี่เล่มสองเล่มมาจากพวกเขาก็ได้แล้ว
ทุกวันนี้ผู้คุมกฎฉางมิ่งควบตำแหน่งผู้ดูแลใหญ่ของเรือข้ามฟากเฟิงยวนด้วย หลังจากที่ชุยตงซานรับหน้าที่เป็นเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่าง ในจดหมายลับที่ส่งมายังเมืองหลวงต้าหลีก็เขียนระบุไว้ชัดเจนว่าอาจารย์ต้องตอบตกลงกับเรื่องนี้ ต่อให้ผู้คุมกฎฉางมิ่งจะไม่ใคร่ยินดีก็ต้องรบกวนให้อาจารย์ช่วยโน้มน้าวนางให้ได้
ส่วนสาเหตุก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว เพราะผู้คุมกฎของสำนักท่านนี้ก็คืออ่างรวมสมบัตินั่นเอง
เนื่องจากการแบ่งส่วนแบ่งของเรือเฟิงยวนลำนี้ สำนักเบื้องบนและสำนักเบื้องล่างแบ่งเป็นเจ็ดต่อสาม
ดังนั้นเรื่องอย่างการขุดมุมกำแพง เจ้าสำนักเบื้องล่างอย่างชุยตงซานก็เรียกได้ว่าไม่เก็บออมแรงเอาไว้เลยจริงๆ
ชุยตงซานอยากจะแบ่งหกต่อสี่ แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่ตอบตกลง ลูกศิษย์คนนี้คิดถึงเงินจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไร
นอกจากนี้ยังมีเจี่ยเฉิงเถ้าแก่ร้านฉ่าวโถวตรอกฉีหลงและเฉินหลิงจวินที่แค่มาร่วมวงความครึกครื้นอย่างเดียวเท่านั้น
ผู้ดูแลอันดับรองของเรือข้ามฟากลำนี้ก็คือนักพรตเฒ่าตาบอดเจี่ยเฉิง เทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตประตูมังกรท่านนี้ ในอนาคตจะต้องรับผิดชอบเรื่องการสานสัมพันธ์กับท่าเรือแต่ละแห่งที่เรือข้ามฟากผ่านทาง รวมไปถึงพรรคตระกูลเซียนทั้งหลาย การไปมาหาสู่ระหว่างผู้คนคือความรู้ใหญ่วิชาหนึ่ง
บนภูเขามีสี่ผีใหญ่ตอแยยากซึ่งรวมผู้ฝึกกระบี่เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตามความเห็นของเจี่ยเฉิงแล้วยังมีคนอีกสองประเภทที่คบค้าสมาคมด้วยได้ยากที่สุด เพราะยากมากที่จะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้นานโดยไร้ความเบื่อหน่าย หนึ่งคือปัญญาชนของสถานที่เล็กๆ นอกจากนี้ก็คือเซียนซือทำเนียบที่อยู่กึ่งกลางภูเขา
โชคดีที่เจี่ยเฉิงคิดว่าตัวเองพอจะมีประสบการณ์ในยุทธภพอยู่บ้าง
ตอนนั้นเจ้าขุนเขามาเยือนตรอกฉีหลงด้วยตัวเอง แล้วเป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้กับเขาที่เป็นตัวแทนเถ้าแก่มานานหลายปี
เทพเซียนผู้เฒ่าตื่นเต้นจนแทบมิอาจควบคุมตัวเองได้ ได้แต่พึมพำซ้ำๆ ด้วยประโยคว่า ‘ข้ามีความสามารถใดถึงได้คู่ควรกับตำแหน่งนี้’
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้าขุนเขา เห็นดีในกระดูกแก่ๆ อย่างตน ยังจะทำอย่างไรได้อีกเล่า ม้าแก่แต่กายใจหมายพันลี้ ภาระหนักหน่วงใหญ่เทียมฟ้าหล่นลงมาบนบ่า มิอาจผลักภาระหน้าที่ได้ ก็ได้แต่ทุ่มสุดชีวิตเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ชุยตงซานเคยพูดกระทบกระเทียบเทพเซียนผู้เฒ่า เขาจึงถอดชุดคลุมเต๋าที่สะดุดตาออกไป ในเมื่อทุกวันนี้สถานะมีการเปลี่ยนแปลง ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว จะปล่อยให้เซียนซือของแต่ละฝ่ายดูแคลนภูเขาบ้านตนก็คงไม่ได้ เทพเซียนผู้เฒ่าจึงเอาชุดคลุมเต๋าที่เก็บไว้ก้นกรุซึ่งไม่ได้เอามาสวมบนร่างนานมากแล้วตัวนั้นออกมา อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า สีหน้าท่าทางสดชื่นปลอดโปร่ง ยิ่งมีกลิ่นอายของเซียนมากกว่าเดิม
เซียนเว่ยไม่ยอมย้ายไปไหน บอกว่าให้ข้าได้พักหายใจหายคอก่อน
เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เฉินผิงอันยืนอยู่ตรงหัวเรือ โบกมือให้กับกลุ่มคนที่มาส่งตรงท่าเรือ
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันไปถามป๋ายเสวียนแล้วว่ายินดีจะติดตามเสี่ยวโม่ฝึกกระบี่หรือไม่ รากฐานมหามรรคา ตบะขอบเขตของเสี่ยวโม่ เขาล้วนบอกให้เด็กชายฟังตามตรง
ป๋ายเสวียนส่ายหน้าปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับที่เสี่ยวโม่มีชาติกำเนิดจากเผ่าปีศาจ เพราะถึงอย่างไรตลอดหมื่นปีที่ผ่านมาเขาก็นอนหลับอยู่ตลอด ไม่มีความแค้นใดๆ กับกำแพงเมืองปราณกระบี่ เขาก็แค่ยังไม่อยากมีอาจารย์
มีประโยคหนึ่งที่เด็กชายไม่ได้พูดออกจากปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!