กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 892

ชุยตง​ซาน​ไม่ได้​ใช้เสียง​ใน​ใจมาตั้งแต่แรก​ ยิ้ม​พูด​หน้าทะเล้น​ว่า​ “การ​แต่งกาย​มอซอ​ สามารถ​เปลี่ยน​ชุด​คลุม​อาคม​ใหม่​ได้​ แต่​กลิ่นอาย​ความยากจน​นั้น​ยาก​จะลดทอน​ลง​ได้​ แบบ​นั้น​ก็​ไม่ดีแล้ว​”

ผล​คือ​ชุยตง​ซาน​ถูก​อาจารย์​ตบ​ป้าบ​เข้าที่​ท้ายทอย​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​สั่งสอน​ “เป็น​ถึงเจ้าสำนัก​แล้ว​ ใคร​สั่งใคร​สอน​ให้​เจ้าหัด​พูดจา​เหน็บแนม​คนอื่น​กัน​ห๊ะ”​

เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​แอบ​กลืนน้ำลาย​ให้​ลำคอ​ชุ่มชื้น​ ก่อน​จะพูด​เสียงดัง​กังวาน​ว่า​ “เจ้าขุนเขา​ เจ้าสำนัก​ชุย​พูด​ได้​ถูกต้อง​แล้ว​ หาก​ไม่เห็น​ผิน​เต้า​เป็น​คนกันเอง​ ไหน​เลย​จะยอม​เอ่ย​ถ้อยคำ​ล้ำ​ค่าที่​หาก​ฟังปราด​ๆ แล้ว​ระคายหู​พวก​นี้​ออกมา​”

เฉิน​ผิง​อัน​เงียบงัน​

ผู้คุม​กฎ​ฉางมิ่งคลี่​ยิ้ม​หวาน​

น่า​ห​ลัน​อวี้เตี๋ย​หยิบ​พู่กัน​และ​แผ่น​ไม้ไผ่​ชิ้น​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ เริ่ม​จดบันทึก​ตัวอักษร​ลง​ไป​

ก่อนหน้านี้​เจ้าขุนเขา​หนุ่ม​ไป​ที่​ตรอก​ฉีหลง​เพื่อ​เชื้อเชิญ​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ให้​ออกจาก​เขา​ด้วยตัวเอง​ หลังจาก​รับปาก​ว่า​จะรับหน้าที่​เป็น​ผู้ดูแล​ระดับ​รอง​ของ​เรือข้ามฟาก​แล้ว​ เจี่ยเฉิง​ก็​เข้าครัว​ด้วยตัวเอง​ ทำ​กับแกล้ม​เต็มโต๊ะ​ เรียก​ลูกศิษย์​สอง​คน​อย่าง​จ้าว​เติง​เกา​และ​เถียนจิ่วเอ๋อร์​มาด้วย​ เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​ไม่ได้​พูดมาก​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ เพียงแค่​ดื่ม​สุรา​คารวะ​อยู่​หลายครั้ง​ ถ้อยคำ​ที่​ใช้ยาม​ดื่ม​สุรา​คารวะ​ เมื่อ​เทียบ​กับ​เปิดปาก​เหมือน​ดอกบัว​ผลิบาน​อย่าง​ก่อนหน้านี้​แล้วก็​เห็นได้ชัด​ว่า​เป็น​ถ้อยคำ​ที่​ธรรมดา​อย่าง​มาก​ แค่​ขอบคุณ​ที่​ปี​นั้น​เจ้าขุนเขา​ยินดี​รับ​ตัว​พวกเขา​อาจารย์​และ​ศิษย์​สามคน​เอาไว้​ ให้​พวกเขา​ได้​มีที่​พักพิง​ ไม่ต้อง​พเนจร​ร่อนเร่​กัน​อีกต่อไป​ อีก​ทั้ง​ยัง​ขอบคุณ​ที่​ตลอด​หลาย​ปี​มานี้​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ปฏิบัติ​ต่อ​พวกเขา​อย่าง​ดี​ ให้​พวกเขา​ได้​มีชีวิต​ที่​สงบสุข​ ไม่มีความรู้สึก​ว่า​ต้อง​มาพึ่งพา​อยู่​ใต้​ชายคา​ของ​คนอื่น​แม้แต่น้อย​ ไม่ใช่แค่​เหมือน​บ้าน​ แต่​คือ​บ้าน​จริงๆ​ แล้ว​

สุดท้าย​นักพรต​เฒ่าลุกขึ้น​ยืน​ ถือ​จอก​สุรา​คารวะ​ฟ้าดิน​สี่ทิศ​ บอ​กว่า​ต้อง​ขอบคุณ​ที่​สวรรค์​ลืมตา​ ให้​ตน​โชคดี​ได้มา​ที่นี่​ โชคดี​ได้​พบ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ โชคดี​ได้​เจอก​ับทุกคน​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

ทุกคน​เดิน​ทางขึ้น​สู่ที่สูง​กัน​อี​กค​รั้​ น่าเสียดาย​ที่​วัตถุดิบ​เซียน​ต้นไม้​ใหญ่​ใน​ภูเขา​ถูก​ตัด​ไป​จน​หมดสิ้น​แล้ว​ หอ​เรือน​ศาลา​หรูหรา​โอ่อ่า​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ถูก​ทำลาย​จน​ไม่หลงเหลือ​อยู่เลย​ เหลือ​เพียง​ร่องรอย​ฐาน​ที่ตั้ง​ของ​พวก​มัน​เท่านั้น​ แม้แต่​ตัวอักษร​ที่​แกะสลัก​ลง​บน​หน้าผา​ก็​ยัง​หนี​ไม่พ้น​หายนะ​ครั้งนั้น​ บ้าง​ก็​ถูก​เวท​คาถา​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ปาด​ทิ้ง​จน​ราบเรียบ​ ไป​ถึงทาง​เล็ก​ริม​ลำธาร​ที่สูง​กว่า​ตำแหน่ง​กึ่งกลาง​ภูเขา​ไป​เล็กน้อย​ซึ่งสูงกว่า​เส้นทาง​นก​บิน​แล้ว​ ศาลา​ชมทัศนียภาพ​ริม​หน้าผา​และ​หอ​หลัง​เล็ก​ริมน้ำ​ต่าง​ก็​หายสาบสูญ​ไป​สิ้น​ มีเพียง​เมฆาขาว​นอก​ภูเขา​ที่​บิน​ผ่าน​ไป​ช้าๆ เท่านั้น​

เด็กหนุ่ม​ชุด​ขาว​วัก​น้ำขึ้น​มาหนึ่ง​กอบ​กำมือ​ ยิ้ม​เอ่ย​ “อาจารย์​ น้ำ​นี้​เอา​มาหมัก​เหล้า​ต้ม​ชา ล้วน​ไม่เลว​ ลำธาร​สาย​นี้​ถึงฤดู​น้ำหลาก​น้ำ​ไม่ท่วม​ ถึงช่วง​หน้าแล้ง​ก็​ไม่แห้งขอด​ เป็น​สถานที่​ที่​ยัง​พอใช้ได้​ซึ่งเหลืออยู่​ไม่มาก​ใน​ภูเขา​ อีก​ทั้ง​ยิ่ง​เป็นช่วง​ท้าย​ ระดับน้ำ​ไหล​ของ​ลำธาร​สาย​นี้​ก็​จะยิ่ง​สูงมากขึ้น​เรื่อยๆ​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เรื่อง​ของ​การ​หมัก​เหล้า​ชงชา ข้า​พอ​จะถือว่า​มีฝีมือ​ชำนาญ​ได้​อยู่​บ้าง​”

ชุยตง​ซาน​เอียง​ฝ่ามือ​ ลุกขึ้น​ยืน​ “วันหน้า​ข้า​จะมาตั้ง​ป้าย​ศิลา​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​นี้​ รวบรวม​ตัวอักษร​กับ​คน​บางคน​ จะแกะสลัก​กวี​ท่อง​แดน​เซียน​ (หรือ​อีก​ชื่อ​คือ​กวี​โหย​ว​เซียน​) หนึ่ง​บท​ เขียน​ว่า​…อาจารย์​ ไม่สู้ท่าน​ลอง​แต่ง​สัก​บท​หนึ่ง​?”

คน​บางคน​ที่​ชุยตง​ซาน​พูดถึง​ก็​น่าจะเป็น​ชุย​ฉาน​แล้ว​

เวลานี้​มีคน​อยู่​เยอะ​ เขา​จึงไม่สะดวก​จะเรียก​อีก​ฝ่าย​ตรงๆ​ ว่า​ตะพาบ​เฒ่า

พอ​ได้ยิน​ว่า​เจ้าขุนเขา​หนุ่ม​จะร่าย​บทกวี​

เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ก็​ร้อง​เสียงดัง​ว่า​ดี​ เฉินห​ลิง​จวิน​รีบ​ผสมโรง​ทันที​

น่า​ห​ลัน​อวี้เตี๋ย​กับ​เจ้าอ้วน​น้อย​เฉิงเฉาลู่​ตบมือ​รัว​ๆ

เฉิน​ผิง​อัน​หน้า​ดำทะมึน​

โชคดี​ที่​หมี่​ลี่​น้อย​ไม่ได้​อยู่​ที่นี่​ด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​ไป​มอง​เสี่ยว​โม่

เป็นการ​บอก​เสี่ยว​โม่อย่าง​เป็นนัย​ๆ ว่า​ หนังสือ​ที่​เจ้าเก็บ​ไว้​ใน​ทะเลสาบ​มีมากมาย​ รีบ​เปิด​หา​เร็วๆ เข้า​ ช่วย​ทำ​เรื่อง​นี้​แทน​หน่อย​ ช่วย​กู้หน้า​ให้​ข้า​ที​ เอา​กลอน​ท่อง​แดน​เซียน​ตรง​โน้น​มาประกอบ​กับ​ตรงนี้​ แค่​ให้​ผ่าน​เหตุการณ์​เฉพาะหน้า​นี้​ไป​ได้​ก็​พอ​

เสี่ยว​โม่ที่​เดิมที​บน​ใบหน้า​ยังมี​รอยยิ้ม​คลุมเครือ​อยู่​บ้าง​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​คุณชาย​รังเกียจ​ที่​ตน​ไม่ให้การ​สนับสนุน​มาก​พอ​จึงรีบ​กอด​ไม้เท้า​เดินป่า​ไว้​ใน​อ้อม​อก​ ยก​มือสอง​ข้างขึ้น​ปรบ​กัน​เบา​ๆ แสดง​ให้​รู้​ว่า​กำลัง​รอคอย​อยู่​

เฉิน​ผิง​อัน​ขยับ​เดิน​นำ​ไป​ก่อน​ ทิ้ง​ไว้​เพียง​ประโยค​เดียว​ว่า​ “เหลือ​ค้าง​ไว้​ก่อน​”

เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ลูบ​หนวด​ยิ้ม​ เอ่ย​กับ​เสี่ยว​โม่ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​เสียง​เบา​ว่า​ “เจ้าขุนเขา​ต้อง​มั่นใจ​อย่าง​มาก​แล้ว​แน่นอน​”

อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​ร่าง​บทกวี​ไว้​ใน​ใจแล้ว​ ก็​แค่​แต่ง​กลอน​ขำ​ๆ ใคร​บ้าง​ทำ​ไม่ได้​? เพียงแต่ว่า​มีอาจารย์​จ้งและ​ลูกศิษย์​อย่าง​เฉาฉิงหล่า​งอ​ยู่​ด้วย​ ถึงอย่างไร​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ไม่กล้า​ทำตัว​ขายหน้า​

เสี่ยว​โม่เริ่ม​พลิก​เปิด​ตำรา​ที่เก็บ​ไว้​ใน​ใจ บท​คำ​เขียว​กลอน​ท่อง​แดน​เซียน​มีมากมาย​เลย​ล่ะ​ เขา​จึงพยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “ไม้โบราณ​เสียดฟ้า​พาด​สะพาน​สู่ห้อง​เมฆา ดุจ​ดินแดน​แห่ง​เซียน​ของ​เจินห​ลิง​”

เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ทำท่า​ครุ่นคิด​ก่อน​พยักหน้า​ “น้อง​เสี่ยว​โม่ บังเอิญ​เอา​บทกวี​ของ​ติง​เหยียนห​ลิง​มาเป็น​บท​เปิดฉาก​ก็​เข้ากับ​บรรยากาศ​มาก​จริงๆ​”

ชุยตง​ซาน​สอด​สอง​มือรอง​ไว้​ใต้​ท้ายทอย​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “อาจารย์​ การ​จัด​ตำแหน่ง​ที่นั่ง​หน้า​ประตู​ภูเขา​เมื่อครู่นี้​ไม่ค่อย​เหมือน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เท่าไร​”

การ​จัดการ​ของ​ชุยตง​ซาน​สอดคล้อง​กับ​กฎเกณฑ์​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​อย่าง​มาก​ ดังนั้น​จึงดู​แตกต่าง​จาก​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “รับปาก​เจ้าไว้​นาน​แล้ว​ว่า​ กิจธุระ​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ เจ้าสามารถ​ตัดสินใจ​ได้​เอง​เลย​ ข้า​ไม่บังคับ​กะเกณฑ์​เจ้าหรอก​”

ใน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ผู้คน​สามัคคี​ปรองดอง​ บรรยากาศ​กลมเกลียว​ ขอบเขต​ของ​ผู้ฝึก​ตน​และ​ผู้ฝึก​ยุทธ​ล้วน​ไม่นับ​เป็น​อะไร​ได้​ แน่นอน​ว่า​จึงไม่ค่อย​พิถีพิถัน​ใน​การ​แบ่ง​ตำแหน่ง​หลัก​รอง​ ลำดับ​อาวุโส​สูงต่ำ​ หรือ​แบ่งแยก​ความใกล้ชิด​ความห่างเหิน​สัก​เท่าไร​

แต่​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่คิด​ว่า​สำนัก​เบื้องล่าง​จะต้อง​เอาอย่าง​ ทุก​เรื่อง​ล้วน​ทำตาม​สำนัก​เบื้องบน​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​

เว้นเสียแต่ว่า​วัน​ไหน​เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ว่า​สำนัก​เบื้องล่าง​เกิด​ปัญหา​บางอย่าง​ถึงจะแหก​กฎ​ตัดสินใจ​เผด็จการ​

ไป​ถึงที่ราบ​ฝูเหยา​บน​เนินเขา​ เฉิน​ผิง​อัน​หยิบ​ของ​สอง​สิ่งออกมา​มอบให้​กับ​ชุยตง​ซาน​

“ถือ​เสีย​ว่า​เป็น​ของขวัญ​อวยพร​ที่​ข้า​มอบให้​ล่วงหน้า​ก็แล้วกัน​ ถึงเวลา​นั้น​เมื่อ​จัด​งานเฉลิมฉลอง​ยัง​จะมีอีก​ชิ้น​หนึ่ง​ ไม่นับ​รวมกัน​”

กลอน​คู่​บท​หนึ่ง​ที่​อู๋ซวงเจี้ยง​มอบให้​

กระบี่​บิน​สิบสอง​เล่ม​ของ​นค​รอ​วี้​ป่าน​ราชวงศ์​อวิ๋น​เห​วิน​

เด็กหนุ่ม​ชุด​ขาว​เก็บ​มาใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ประสานมือ​คารวะ​อาจารย์​

ถ้ำสวรรค์​ที่​ได้​มาจาก​มือ​ของ​เถียน​หว่าน​ ยัง​ไม่ ‘สัมผัส​กับ​พื้นดิน​’ ชุยตง​ซาน​ยัง​ต้อง​จัดวาง​ภูเขา​สายน้ำ​ให้​ร้อย​เรียง​ต่อเนื่อง​กัน​

เฉิน​ผิง​อัน​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​ได้​ก็​ยิ้ม​ถามชุยตง​ซาน​ว่า​ “เวท​กระบี่​ของ​จูเหลี่ยน​ อันที่จริง​ร้ายกาจ​มาก​หรือ​?”

เพราะ​คราว​ก่อนที่​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ไป​เป็น​แขก​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ได้​หยุดพัก​อยู่​ที่​หน้า​ประตู​ภูเขา​ เพียงแค่​ดื่ม​ชาเท่านั้น​ และ​ได้​คุย​เล่น​กับ​ ‘คนบ้านเดียวกัน​’ ที่​มีชาติกำเนิด​มาจาก​พื้นที่​มงคล​อย่าง​จูเหลี่ยน​ เป็น​ฝ่าย​เอ่ยถึง​เวท​กระบี่​ของ​จูเหลี่ยน​ แล้ว​ยัง​ถามจูเหลี่ยน​ด้วยว่า​จะเลือก​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​เก้า​คน​เป็น​ลูกศิษย์​หรือไม่​ ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่คน​หนึ่ง​ย่อม​ไม่มีทาง​พูดจา​เหลวไหล​อย่าง​ส่งเดช​แน่นอน​

ปี​นั้น​เฉิน​ผิง​อัน​พลัด​หลง​เข้าไป​ใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ แค่​เคย​ได้ยิน​ฉายา​คน​คลั่ง​วร​ยุทธ​กับ​คุณชาย​ผู้สูงศักดิ์​ของ​จูเหลี่ยน​เท่านั้น​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​พ่อครัว​เฒ่าออก​ท่อง​ยุทธ​ภพ​ครั้งแรก​แล้ว​พก​กระบี่​ออก​เดินทางไกล​ เคย​สร้าง​หนี้​รัก​ไว้​กอง​ใหญ่​

ชุยตง​ซาน​กล่าว​ “เวท​กระบี่​ของ​จูเหลี่ยน​คู่ควร​กับ​คำ​ว่า​ ‘เลิศ​ล้ำ​’ คือ​ผู้​ประสบความสำเร็จ​ยิ่งใหญ่​ด้าน​เวท​กระบี่​ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​ใต้​หล้า​ก่อนหน้า​ติง​อิง​ ก็​เหมือน​บน​กลุ่ม​ยอดเขา​ที่​จู่ๆ ก็​มียอดเขา​หนึ่ง​โผล่​พรวด​ขึ้น​มา”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​กังขา​ “ถ้าอย่างนั้น​ทำไม​ถึงไม่เคย​เห็น​จูเหลี่ยน​ฝึก​กระบี่​เลย​เล่า​?”

กลับเป็น​ทุกครั้งที่​เห็น​ถ่าน​ดำ​น้อย​ร่าย​วิชา​กระบี่​มาร​คลั่ง​ ก็​เป็น​พ่อครัว​เฒ่าที่​ฮึกเหิม​ที่สุด​ ให้การ​สนับสนุน​มาก​ที่สุด​ ประจบสอพลอ​จน​เกิน​กว่า​เหตุ​มาก​ที่สุด​

ชุยตง​ซาน​ยิ้ม​กล่าว​ “คง​เป็น​เพราะ​พ่อครัว​เฒ่ารู้สึก​ว่า​เรื่อง​อย่าง​การ​ฝึก​กระบี่​ไม่ได้​มีความหมาย​อะไร​แล้ว​กระมัง​”

เฉิน​ผิง​อัน​ทอดถอนใจ​ “คน​เปรียบกับ​คน​ช่างชวน​ให้​คน​โมโห​ตาย​จริงๆ​”

ไกล​มีจูเหลี่ยน​ ใกล้​มีลูกศิษย์​อย่าง​เผย​เฉียน​ ทุกวันนี้​ข้าง​กาย​ยังมี​ไฉอู๋​เพิ่ม​มาอีก​คน​หนึ่ง​

ชุยตง​ซาน​ไม่ได้​หยุด​อยู่​ที่​ที่ราบ​ฝูเหยา​นาน​นัก​ เพียง​ไม่นาน​ก็​เอ่ย​ขอตัว​ลา​กลับ​ไป​ พา​ทุกคน​ลง​จาก​ภูเขา​ไป​ทำงาน​กัน​ต่อ​ ทุกวันนี้​แต่ละคน​แบ่งหน้าที่​กัน​อย่าง​ชัดเจน​แล้ว​ มีงาน​มากมาย​ล้นมือ​

ชุยตง​ซาน​ยัง​ลาก​เอา​กลุ่ม​อาจารย์​และ​ศิษย์​ของ​หลู​ป๋า​ยเซี่ยง​สามคน​ไป​ด้วย​

กิจธุระ​ทุกอย่าง​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ล้วน​เป็น​ชุยตง​ซาน​ที่​ลงมือทำ​ด้วยตัวเอง​ ทุ่มเท​อย่าง​สุดความสามารถ​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​เป็น​สำนัก​เบื้องบน​ ดูเหมือนว่า​จะได้​แต่​มอบ​คำ​ว่า​สำนัก​ให้​เท่านั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​หลู​ป๋า​ยเซี่ยง​อาจารย์​และ​ศิษย์​สามคน​ ดูเหมือนว่า​ตั้งแต่​ที่​พบ​เจอ​กันที่​ท่าเรือ​จนถึง​ตอนนี้​ที่​ติดตาม​หลู​ป๋า​ยเซี่ยง​เดิน​ออก​ไป​จาก​ยอดเขา​ หยวน​เป่า​จะไม่ได้​มอง​เฉาฉิงหล่า​งสัก​เท่าไร​เลย​

ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่ต้อง​เดา​แล้ว​ เทพ​รายงาน​ข่าว​อย่าง​หมี่​ลี่​น้อย​ต้อง​พูด​ถูก​แล้ว​แน่นอน​ มีเรื่อง​นี้​อยู่​จริงๆ​ เสีย​ด้วย​

เพียงแต่​เรื่อง​แบบนี้​ คนนอก​นอกจาก​จะรู้​แต่​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่รู้​แล้ว​ ยัง​จะทำ​อะไร​ได้​อีก​เล่า​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ไป​ยัง​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ที่อยู่​ใกล้​กับ​ยอดเขา​ชิงผิง​ ดูเหมือนว่า​ที่นั่น​จะถูก​สุย​โย่ว​เปีย​น​เก็บ​เข้า​กระเป๋า​ไป​แล้ว​ บน​ยอดเขา​ที่​คล้ายคลึง​กับ​ที่ราบ​ฝูเหยา​ถูก​นาง​ตั้งชื่อ​ให้​ว่า​หอ​ซ่าวฮ​วา​ (กวาด​ดอกไม้​)

ลม​ภูเขา​พัดผ่าน​ป่า​ที่​มีแต่​กิ่งไม้​แห้งเหี่ยว​ ส่งเสียง​แสก​สาก​ราวกับ​มีคน​มาเยือน​

เรือข้ามฟาก​เฟิงยวน​เดิน​ทางข้าม​ทวีป​ไป​กลับ​ครั้งหนึ่ง​ หาก​ไม่พิจารณา​ถึงช่วงเวลา​ที่​เรือ​จอด​เทียบท่า​ ทุกครั้ง​จะใช้เวลา​ประมาณ​เดือน​กว่า​ เพียงแต่ว่า​ระหว่าง​นี้​ยัง​ต้อง​เดิน​ทางผ่าน​ท่าเรือ​บน​ภูเขา​อีก​สิบ​เจ็ด​แห่ง​ บรรจุ​สิ่งของ​ลง​บน​เรือ​ต้อง​สิ้น​เปลืองเวลา​อยู่​บ้าง​ ดังนั้น​เดินทาง​รอบ​หนึ่ง​จึงใช้เวลา​ประมาณ​สอง​เดือน​ ปี​หนึ่ง​เดินทาง​สามครั้ง​ก็​ใช้เวลา​ไป​ถึงครึ่ง​ปี​เต็ม​แล้ว​ ปี​นั้น​เรือข้ามฟาก​ข้าม​ทวีป​ที่​ทำการค้า​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ส่วนใหญ่​แล้ว​ใน​ปี​หนึ่ง​จะไป​กลับ​ภูเขา​ห้อย​หัว​สอง​ครั้ง​เท่านั้น​

ก่อนที่​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​จะออก​ไป​จาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ สุดท้าย​ได้​มีข้อเรียกร้อง​อย่างหนึ่ง​ ให้​ชุยตง​ซาน​และ​จูเหลี่ยน​นำ​ความ​มาบอก​แก่​เฉิน​ผิง​อันว่า​ อาราม​จิน​ติ่ง​จะอยู่​หรือ​ไป​ใน​ใบ​ถงทวีป​ ไม่สำคัญ​ แต่​จำเป็นต้อง​เก็บ​เส้ายวน​หรา​น​ผู้​นั้น​เอาไว้​

ความนัย​ใน​ถ้อยคำ​นี้​ก็​คือ​ไม่ว่า​ภูเขา​ลั่วพั่ว​จะประลอง​เวท​คาถา​กับ​อาราม​จิน​ติ่ง​อย่างไร​ ไม่ว่า​ฝ่าย​หลัง​จะมีคนตาย​ไป​กี่มากน้อย​ จะรื้อถอน​ศาล​บรรพ​จารย์​ก็ได้​ไม่มีปัญหา​ แต่​ห้าม​แตะต้อง​เส้ายวน​หรา​น​ผู้​นี้​ การสืบทอด​ที่​แท้จริง​ของ​อาราม​จิน​ติ่ง​ มิอาจ​ปล่อย​ให้​ควัน​ธูป​ขาดสะบั้น​ได้​ และ​ระบบ​ลัทธิ​เต๋า​ของ​อาราม​จิน​ติ่ง​ก็​มีความลึกลับ​อำพราง​อย่าง​มาก​ สามารถ​ย้อน​สืบไป​ถึงพรรค​โหล​วกวน​สาย​ของ​การ​ ‘ผูก​หญ้า​เป็น​หอ​เรือน​ มอง​ดาว​พิศ​ลมปราณ​’ ได้​

แผนการ​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​กำหนด​ไว้​กับ​ชุยตง​ซาน​ก่อนหน้านี้​ก็​คือ​เลือก​ที่ตั้ง​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ ยึด​ครองตำแหน่ง​ ‘เทียน​เฉวียน​’ ซึ่งเป็น​จุด​เชื่อมต่อ​ระหว่าง​ตัว​ดาว​เป่ย​โต้​ว​กับ​ปลาย​ด้าม​ของ​ดาว​เป่ย​โต้​ว​ (เพราะ​ดาว​เป่ย​โต้​ว​ถูก​เรียก​อีก​อย่างหนึ่ง​ว่า​ดาว​กระบวย​เหนือ​ หรือ​อีก​ชื่อ​คือ​ดาว​จระเข้​ ดาว​หมี​ใหญ่​) ไม่เพียงแต่​ปกป้อง​ภูเขา​ไท่​ผิง​ไว้​ได้​ ยัง​สามารถ​ทำลาย​การ​จัดวาง​เจ็ด​ปราก​ฎสอง​อำพราง​ของ​อาราม​จิน​ติ่ง​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​ด้วย​

รอ​กระทั่ง​ชุยตง​ซาน​เลือก​สถานที่​แห่ง​นี้​เป็นที่​ก่อตั้ง​สำนัก​ คิดดู​แล้ว​ตู้​หัน​ห​ลิง​แห่ง​อาราม​จิน​ติ่ง​ก็​น่าจะ​โล่งใจ​ได้​บ้าง​ไม่มาก​ก็​น้อย​

แต่​วันหน้า​ทั้งสองฝ่าย​ก็​ถือว่า​เป็น​เพื่อนบ้าน​กัน​ครึ่งตัว​แล้ว​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ตู้​หัน​ห​ลิง​จะมาร่วม​แสดงความยินดี​ด้วยตัวเอง​ หรือ​จะส่งผู้​ถวายงาน​อย่าง​หลู​อิง​ที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​อาราม​มาหยั่งเชิง​แทน​

หมี่​อวี้​มาหา​เฉิน​ผิง​อัน​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ ข้า​มีข้อเสนอแนะ​ที่​ไม่ค่อย​แน่ใจ​นัก​ข้อ​หนึ่ง​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​ “ไม่ค่อย​แน่ใจ​? งั้น​รอ​ให้​แน่ใจ​ก่อน​แล้ว​ค่อย​มาพูด​กับ​ข้า​ก็แล้วกัน​”

หมี่​อวี้​สะอึก​อึ้ง​ไป​ทันใด​

ก่อนหน้านี้​ตอน​ไป​อยู่​จวน​ไฉ่เชวี่ย​ แล้ว​ตอนหลัง​ที่อยู่​เกาะ​จูไช บัญชี​สอง​ก้อน​นี้​เฉิน​ผิง​อัน​ยัง​ไม่ได้คิด​กับ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​เลย​

ทำลาย​ขนบธรรมเนียม​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ข้า​เสียได้​

หมี่​อวี้​แข็งใจ​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​อยาก​ให้​เสี่ยว​โม่มาเป็น​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ ส่วน​ข้า​ก็​คง​สถานะ​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​รอง​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เอาไว้​ ฝึก​ตน​อยู่​ที่นี่​ ขอ​แค่​มีจุด​ใด​ที่​ข้า​ควร​ออกแรง​ ข้า​จะไม่เกียจคร้าน​เด็ดขาด​”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “เรื่อง​นี้​ตอนนี้​ยัง​ทำ​ไม่ได้​ ข้า​มีข้อตกลง​ร่วมกับ​เสี่ยว​โม่ เขา​จะเป็น​นักรบ​พลีชีพ​อยู่​ข้าง​กาย​ข้า​ เป็นเรื่อง​ที่​กำหนด​เวลา​ไว้​แน่ชัด​ สถานะ​ของ​ผู้​ถวายงาน​ในเวลานี้​ของ​เขา​ก็​เป็น​แค่​เวท​อำ​พรางตา​อย่างหนึ่ง​เท่านั้น​ รอ​ให้​กำหนด​เวลา​นั้น​มาถึง ถึงเวลา​นั้น​เสี่ยว​โม่จะอยู่​หรือ​ไป​ถึงจะตัดสินใจ​ได้​อย่าง​แท้จริง​”

หมี่​อวี้​กล่าว​ “จาก​นิสัย​ของ​เสี่ยว​โม่ บวก​กับ​ที่​เขา​เอง​ก็​ถูกชะตา​กับ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ของ​พวกเรา​มาก​ถึงเพียงนี้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “แม้ว่า​เรื่องราว​จะเป็น​เช่นนี้​ แต่​หลักการ​เหตุผล​กลับ​ไม่ได้​เป็น​หลักการ​เหตุผล​นี้​”

หมี่​อวี้​กล่าว​อย่าง​นับถือ​ทั้งกายและใจ​ “มิน่าเล่า​ข้า​ไป​ถึงเรือน​ชุน​ฟาน​ถึงเป็นได้​แค่​เทพ​ทวารบาล​ของ​ห้อง​บัญชี​แห่ง​นั้น​”

“หมี่​อวี้​คือ​หมี่​ผ่า​เอว​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ตลอดไป​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​เสริม​มาอีก​ประโยค​ว่า​ “แล้ว​ยัง​เป็น​ลูก​พี่ใหญ่​ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​พวกเรา​ด้วย​”

หาก​บอ​กว่า​เผย​เฉียน​เจอก​วอ​จู๋จิ่ว​แล้ว​ปวดหัว​มาก​ ถ้าอย่างนั้น​พอ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​คิดถึง​พวก​ผู้ฝึก​กระบี่​รุ่นเยาว์​ที่​ฉลาดเฉลียว​อย่าง​ถึงที่สุด​ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​กลุ่ม​นั้น​ก็​ปวดหัว​ยิ่งกว่า​ พูดจา​ช่างระคายหู​คน​เหลือเกิน​ อะไร​ที่​บอ​กว่า​เซียน​กระบี่​หมี่​ที่​ทั้ง​เวท​กระบี่​และ​ความรัก​ล้วน​เลิศ​ล้ำ​ ทั้ง​ยัง​สร้าง​คุณูปการ​ยิ่งใหญ่​ อะไร​ที่​บอ​กว่า​ผู้นำ​แห่ง​หยก​ดิบ​และ​หมู่​มวล​บุปผา​…

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “โจว​อันดับ​หนึ่ง​ได้​เชิญให้​เจ้าไป​ยัง​ภูเขา​ฮวา​เสิน​ของ​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาหรือไม่​ เคย​ได้ยิน​เรื่อง​ภาพ​แยนจือ​ไหม​?”

หมี่​อวี้​เอ่ย​อย่าง​หนักแน่น​ “ไม่เคย​เชิญ ไม่เคย​ได้ยิน​มาก่อน​!”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​หึหึ​ “หมี่​ลี่​น้อย​ไม่ได้​พูด​แบบนี้​นะ​ นาง​ไม่เพียงแต่​บอ​กว่า​เจ้าเชี่ยวชาญ​การ​ประลอง​บทกวี​ ความสามารถ​ด้าน​การ​ประพันธ์​ใหญ่​เท่า​ถ้วย​ เจ้ายัง​พูดจา​น่าเชื่อถือ​ เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความมั่นใจ​ ป่าวประกาศ​ไว้​แล้ว​ว่า​จะพยายาม​อย่าง​สุดกำลัง​ความสามารถ​อันน้อย​นิด​ที่​มีเพื่อ​การประเมิน​แยนจือ​แห่ง​ภูเขา​ฮวา​เสิน​ของ​โจว​อันดับ​หนึ่ง​”

หมี่​อวี้​ทำ​สีหน้า​จนใจ​ แกล้ง​โง่ไม่รับรู้​

เท้าหน้า​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​เพิ่งจะ​จากไป​ เท้าหลัง​ของ​เฉินห​ลิง​จวิน​ก็​ตามมา​ติดๆ​

เฉินห​ลิง​จวิน​ถามหยั่งเชิง​ว่า​ “นาย​ท่าน​ มีเรื่อง​จะปรึกษา​น่ะ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ถาม “เพราะ​คุณสมบัติ​น่า​ตะลึง​ บวก​กับ​ฝึก​ตน​อย่าง​ยากลำบาก​ ก็​เลย​จะฝ่าทะลุ​ขอบเขต​อีกแล้ว​หรือ​? คิด​จะเดินลง​น้ำ​อีกครั้ง​?”

เฉินห​ลิง​จวิน​สะอึก​อึ้ง​

ครั้งนี้​ทำ​หน้าหนา​ขอ​ติดตาม​เรือข้ามฟาก​เฟิงยวน​เดิน​ทางลง​ใต้​มายัง​ใบ​ถงทวีป​ แน่นอน​ว่า​เฉินห​ลิง​จวิน​ย่อม​มีใจเห็นแก่ตัว​ เพียงแต่ว่า​เรื่อง​นี้​ค่อนข้าง​ลำบากใจ​ที่จะ​เอ่ยปาก​

เฉิน​ผิง​อัน​จึงเอ่ย​อย่าง​ตรงไปตรงมา​ว่า​ “ผู้​ถวายงาน​พิทักษ์​ภูเขา​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ เจ้าอย่า​ได้คิด​เลย​ ข้า​ปรึกษา​กับ​ตง​ซาน​มาก่อน​แล้ว​ คิด​ว่า​จะให้​หง​เซี่ย​รับหน้าที่​เป็น​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ของ​ภูเขา​บรรพบุรุษ​สำนัก​เบื้องล่าง​”

เฉินห​ลิง​จวิน​เกา​หัว​ เอ่ย​ว่า​ทราบ​แล้ว​

รู้สึก​ผิดหวัง​เล็กน้อย​ แต่​ก็​ไม่เป็นไร​ ความ​กลัดกลุ้ม​น้อย​นิด​ก็​เป็น​แค่​เรื่อง​ของ​เหล้า​มื้อ​หนึ่ง​เท่านั้น​

ตัวเลือก​คน​ที่จะ​มาเป็น​ผู้​ถวายงาน​พิทักษ์​ภูเขา​ของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ นอกจาก​หง​เซี่ย​ก่อกำเนิด​ที่​เดินลง​น้ำ​กลายร่าง​เป็น​เจียว​ได้​สำเร็จ​แล้ว​ยังมี​เพ่​ยเซียง​เจ้าแห่ง​แคว้น​หู​ เพียงแต่ว่า​ฝ่าย​หลัง​ยัง​รอ​การตัดสินใจ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยื่นมือ​ไป​กด​ศีรษะ​ของ​เด็กชาย​ชุด​เขียว​โยก​เบา​ๆ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “รอ​วันใด​เจ้าเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​หยก​ดิบ​แล้​วจะ​ให้​เจ้าเป็น​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายซ้าย​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ก็​เป็น​ผู้​ถวายงาน​พิทักษ์​ภูเขา​เหมือนกัน​ไม่ใช่หรือ​? ตำแหน่ง​ขุนนาง​ยัง​ใหญ่​กว่า​ด้วย​”

เฉินห​ลิง​จวิน​ที่​หัว​โยก​ไปมา​รู้สึก​เวียนหัว​อยู่​บ้าง​

เฉิน​ผิง​อัน​บอก​ตามตรง​ว่า​ “เรื่อง​นี้​เป็น​หมี่​ลี่​ที่​ช่วย​แนะนำ​ให้​อย่าง​เต็มที่​ เผย​เฉียน​ก็​เห็นด้วย​ หน่วน​ซู่ไม่เห็น​ค้าน​ ใน​เมื่อ​เจ้าสยบ​ใจผู้คน​ได้​มาก​ขนาด​นี้​ ข้า​จึงตอบ​ตกลง​ไป​แล้ว​”

ใคร​บ้าง​ไม่รู้​ว่า​สาย​เรือน​ไม้ไผ่​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เป็น​สาย​ที่​ได้รับ​ความรัก​ความ​เอ็นดู​ที่สุด​และ​พูดจา​ได้​ผลที่สุด​กับ​เจ้าขุนเขา​?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!