ตลอดทั้งคืนผ่านไปอย่างสงบไร้เรื่องราวใด
มีเสี่ยวโม่คอยเฝ้ายามให้ คิดอยากจะให้เกิดเรื่องก็ยังยาก
ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่เฉินผิงอันไปเยือนเขตชิงหยวนกับเสี่ยวโม่ ยังไปเป็นผู้คุ้มภัยอยู่หลายวัน ลูกศิษย์ของศูนย์ฝึกยุทธที่เดินทางคุ้มกัน ตอนนั้นยังกังวลว่าการแหกกฎดื่มเหล้าจะถูกพวกโจรที่ดักปล้นกลางทางมาสร้างหายนะให้ขบวนผู้คุมกันหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วตอนนั้นนอกจากผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางคนหนึ่งแล้ว ในที่ลับยังมีหยวนหลิงเตี้ยนแห่งยอดเขาจื่อเสวียนที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนว่าพลังพิฆาตของขอบเขตหยกดิบเทียบเคียงได้กับเซียนเหริน อย่าว่าแต่ไปอยู่ในเขตชิงหยวนของแคว้นเล็กเลย ไม่ว่าจะไปอยู่ในใต้หล้าแห่งใด ขบวนคุ้มกันที่เป็นเช่นนี้ หากยังมีใครทะเล่อทะล่าบุกเข้ามาก็ไม่เรียกว่าดักปล้นแล้ว ตามคำกล่าวบางอย่างของคฤหาสน์หลบร้อนนี่เรียกว่าของขวัญเบาน้ำใจหนัก เอาหัวคนมาส่งไกลพันลี้แล้ว
เฉินผิงอันหลับตาทำสมาธิ รวบรวมดวงจิตให้เป็นเมล็ดงาดวงหนึ่ง เก็บกวาดขุนเขาสายน้ำที่ปริแตกในฟ้าดินเล็กเรือนกายมนุษย์
เผยเฉียนยืนอยู่ริมหน้าผา เดินนิ่งตามตำราหมัดเขย่าขุนเขา คล้ายหลับคล้ายตื่น บำรุงปณิธานหมัดด้วยความอบอุ่น
เมื่อขอบฟ้าเริ่มกลายเป็นสีขาวพุงปลา เฉินผิงอันก็พลันเสนอว่าให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นจากมหาสมุทรบนท้องฟ้าสูงด้วยกัน แม้ว่าจะขอบเขตถดถอย แต่เฉินผิงอันกลับยังเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่แท้จริง
มีเพียงเฉาฉิงหล่างที่ตอนนี้ยังเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกร จึงขี่ลม ‘บินทะยาน’ ไปได้ไม่สูงพอ เสี่ยวโม่จึงกุมไหล่ของเขาแล้วพาไปที่ม่านฟ้าของใบถงทวีปด้วยกัน
ดวงอาทิตย์กลมโตลอยโผล่พ้นมหาสมุทร เพียงครู่เดียวก็ลอยขึ้นบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ ส่องแสงสว่างเจิดจ้า ขับไล่ดวงดาวและเศษเสี้ยวแสงจันทร์ทิ้งไป อาณาเขตของทวีปแห่งหนึ่งจากตะวันออกไปตะวันตกประหนึ่งได้รับการอภัยโทษ พันหมื่นภูเขาเหมือนถูกเปลวเพลิงลามเลีย
ชมทัศนียภาพไปแล้ว ตอนที่หวนกลับไปยังยอดเขา เฉินผิงอันทอดสายตามองไปไกลก็ค้นพบความผิดปกติในจุดหนึ่ง บรรยากาศปลอดโปล่งเกิดภาพมงคล ห่างจากยอดเขาไปประมาณสองพันลี้ ความเคลื่อนไหวของที่นั่นมีไม่น้อย ภูเขาลูกหนึ่งมีก้อนเมฆหลากสีมารวมตัวกันดุจเศวตฉัตร นี่คือนิมิตหมายว่าขุนเขาสายน้ำของพื้นที่แห่งหนึ่งได้ฟูมฟักวัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้าดินขึ้นมา หากไม่ใช่วัตถุดิบเซียนที่เกิดขึ้นตามฟ้าอำนวยก็ต้องเป็นสมบัติวิเศษที่ปราณแห่งขุนเขาสายน้ำฟูมฟักให้ก่อกำเนิด อย่างต่ำสุดก็ต้องมีระดับเป็นสมบัติอาคม ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจจำแลงภาพปรากฎการณ์ที่ฟ้าดินต่างขานรับเช่นนี้ได้
ทว่าภาพนิมิตมงคลนี้เกิดขึ้นไม่นานนัก เพราะถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับตัวของสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดินที่บ่มเพาะแสงศักดิ์สิทธิ์จิตวิญญาณที่แท้จริงได้แล้ว นี่ก็เป็นทั้งโอกาสในการพิสูจน์มรรคา แต่เมื่อความลับสวรรค์เช่นนี้ถูกเปิดเผยก็อาจเป็นหายนะได้เช่นกัน
ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ห่างอีกระยะทางหนึ่ง ด้วยขอบเขตน้อยนิดของเฉินผิงอันในทุกวันนี้ ช่วยไม่ได้ คิดจะร่ายวิชาอภินิหารมองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือก็ได้แต่ให้เสี่ยวโม่รับหน้าที่ทำแทนแล้ว
เสี่ยวโม่กวาดมองไปที่ภูเขาลูกนั้นสองสามที เอ่ยว่า “มีต้นไม้โบราณต้นหนึ่งที่ถูกสายฟ้าฟาดจนแห้งเหี่ยวตาย ด้านบนมีหลิงจือดอกหนึ่งงอกขึ้นมา มีฉิวตัวเล็กยาวชุ่นกว่าล้อมพันอยู่รอบต้นไม้แห้งเหี่ยว ช่วยรวบรวมปราณวิญญาณให้ไม่สลายหายไป เพียงแต่ว่าตบะของมันยังตื้นเขิน มิอาจบดบังความลับสวรรค์ส่วนนี้ได้ หากไม่ผิดไปจากที่คาด ผ่านไปอีกแค่ไม่กี่ปี มันก็จะสามารถหล่อหลอมเรือนกายได้สำเร็จ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะช่วยปกป้องมรรคาให้กับหลิงจือที่สติปัญญาเปิดออกดอกนั้นมากกว่า ด้านข้างมีภูตตะขาบอยู่ตัวหนึ่งที่หลอมเรือนกายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จแล้ว สวมชุดสีดำ มีรูปโฉมอ่อนเยาว์ คงเป็นเพราะอยากได้ของวิเศษนี้ มันจึงนำพาภูตภูเขาใต้อาณัติกลุ่มหนึ่งมา กำลัง…พอจะถือว่าจัดวางค่ายกลได้กระมัง เพียงแต่มันไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ฉิวน้อยตัวนั้นมากนัก กำลังรอคอยโอกาสเหมาะๆ อยู่”
“ห่างไปไม่ไกล ประมาณเจ็ดแปดร้อยลี้ บนภูเขายังมีศาลเถื่อนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากทางราชสำนักอยู่แห่งหนึ่ง ปราณสกปรกค่อนข้างหนาหนัก น่าจะเป็นตะขาบตัวนั้นแต่งตั้งตัวเองเป็นเทพภูเขาแล้วยึดครองภูเขาตั้งตัวเป็นราชา”
“ตรงตีนเขายังมีทหารบู๊สวมเสื้อเกราะปักหลักอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง ในกลุ่มคนมีผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางอยู่สามคน”
“บนเส้นทางภูเขาสายหนึ่งที่ทอดยาวไปยังศาลแห่งนั้นมีนักพรตที่สวมชุดเต๋าสีม่วงอยู่คนหนึ่ง มองดูคล้ายจะเป็นผู้ฝึกตนโอสถทอง”
“ห่างไปไกลอีกเล็กน้อย ขบวนรถที่พวกเราพบเจอก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าสังเกตเห็นความผิดปกติของที่นี่ ฝู่จวินเหนียงเนียงที่ใช้หนังสือเลิกผ้าม่านคนนั้นก็กำลังเดินทางไปที่ศาลเถื่อนของเทพภูเขาเช่นกัน”
เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน เอ่ยว่า “หากเป็นใบถงทวีปในอดีต ความเคลื่อนไหวของที่นี่ เกรงว่าคงจะเรียกให้เซียนดินจำนวนสองมือนับมาเยือนได้แล้ว”
วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ดึงเอาเซียนดินโอสถทองที่ในอดีตไม่มีคุณสมบัติมากพอออกมาสักคนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้าบนภูเขาที่เป็นผู้พิชิตของพื้นที่หนึ่งในใบถงทวีปทุกวันนี้ได้แล้ว
เจ้าขุนเขาคนใหม่ของสำนักศึกษาต้าฝูมีชื่อจริงว่าเฉิงหลงโจว เคยเป็นรองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาหลินลู่ภูเขาพีอวิ๋นต้าหลี รากฐานมหามรรคาของอีกฝ่ายก็คือเจียวเฒ่าหมื่นปีที่อยู่ในอาณาเขตของแคว้นหวงถิงตัวหนึ่ง
หลังจากที่มารับตำแหน่งก็ทำเรื่องหนึ่ง นั่นคือให้ภูตตามป่าเขาทุกตนซึ่งอยู่ทางเหนือของสำนักศึกษาต้าฝูขึ้นไป ขอแค่มีชาติกำเนิดเป็นผู้ฝึกตนในท้องถิ่น ภายในสิบปีขึ้นไปจำต้องเป็นฝ่ายยื่นเทียบแก่ราชสำนักใกล้เคียง หรือไม่ก็รายงานต่อสำนักศึกษาโดยตรง เขียนระบุนามแฝงให้ชัดเจน รวมไปถึงสถานที่ฝึกตนและอาณาเขตภายใต้การปกครอง มิอาจออกเดินทางไกลเองโดยพลการ การกระทำเช่นนี้มองดูเหมือนไร้เหตุผล แต่อันที่จริงแล้วนี่เท่ากับว่าสำนักศึกษาต้าฝูได้มอบยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่งให้กับพวกมัน เป็นยันต์ที่มีผลนานสิบปี
เนื่องจากช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเซียนซือทำเนียบบนภูเขาหรือผู้ฝึกลมปราณจากต่างถิ่นที่เดินทางไกลมาถึงที่แห่งนี้ล้วนไม่อาจท้าท้ายหรือจับตัวผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจกลุ่มนี้ได้ตามใจชอบ ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจในท้องถิ่นที่ถูกกรมพิธีการของแต่ละแคว้นและสำนักศึกษาต้าฝูบันทึกลงเอกสารคดี จึงไม่ถึงขั้นกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกผู้ฝึกตนสังหารอย่างพร่ำเพื่อหรือ ‘ฆ่าผิด’ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนเป็นคุณความชอบ หากมีข้อขัดแย้ง ไม่ว่าจะน้อยหรือใหญ่ วิญญูชนและนักปราชญ์ของสำนักศึกษาล้วนจะต้องไปที่กรมอาญาของแต่ละแคว้น ร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้ สืบสาวราวเรื่องให้ถึงที่สุด
เกรงว่านี่ก็น่าจะเป็นการจัดการโดยตั้งใจของศาลบุ๋น เฉิงหลงโจวถึงสามารถมารับหน้าที่เป็นเจ้าขุนเขาหนึ่งในเจ็ดสิบสองสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อได้ อีกทั้งยังได้ดูแลสำนักศึกษาต้าฝูที่ตั้งอยู่ภาคกลางของใบถงทวีปด้วย
เสี่ยวโม่ถามหยั่งเชิง “คุณชาย สมบัติในภูเขา ไม่พูดถึงฉิวน้อยที่ใช้วิธีการที่โง่เง่าที่สุดมาดูดดึงปณิธานที่แท้จริงของเวทอสนี พูดถึงแค่หลิงจือที่เอาไม้ถูกฟ้าผ่ามาทำเป็นสถานที่ฝึกตนดอกนั้น จะถือว่าเป็นของวิเศษที่สวรรค์ประทานให้อย่างที่บนภูเขาของไพศาลพูดถึงหรือไม่?”
เฉินผิงอันกล่าว “ถือว่าเป็นของที่มีเจ้าของครึ่งหนึ่งแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!