เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มกล่าว “ไม่รีบร้อน พวกเราไปดูกันก่อนว่าเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นท่านนี้คบค้ากับฝู่จวินเหนียงเนียงผู้นั้นอย่างไร วางใจเถอะ อาจารย์พ่อต้องปกป้องสถานที่ฝึกตนที่ฉิวน้อยและเห็ดหลิงจือมีชีวิตพึ่งพากันและกันให้ได้แน่นอน จะพยายามไม่ให้คนนอกรบกวนการเปิดสติปัญญาและการหลอมเรือนกายของทั้งสองฝ่ายหลังจากนี้”
เรื่องราวบนโลกก็ประหลาดนัก มนุษย์ฝึกตน คนไม่ใช่คน เผ่าพันธุ์ภูตกลับกลายเป็นว่ามีความใกล้เคียงมนุษย์มากยิ่งกว่า
เผยเฉียนพยักหน้ารับ
ออกท่องยุทธภพกับอาจารย์พ่อนั้นสบายใจที่สุดแล้ว
ขุนเขาสายน้ำ มองดูแล้วน่ารักน่าใกล้ชิดกว่ามากนัก
ช่วงเวลาที่อาจารย์พ่อไม่ได้อยู่ในใต้หล้าบ้านเกิด
เผยเฉียนไปเที่ยวเยือนแจกันสมบัติทวีป อุตรกุรุทวีป ธวัลทวีป ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เกราะทองทวีป ทักษินาตยทวีปและใบถงทวีปมาแล้ว
เก้าทวีปของไพศาลมีเพียงฝูเหยาทวีปและหลิวเสียทวีปเท่านั้นที่ไม่เคยเหยียบย่างไปเยือน
ตามคำกล่าวของพ่อครัวเฒ่า ในภูเขาลั่วพั่วบ้านตน แม้แต่ศิษย์พี่เล็กที่เคยไปเยือนขุนเขาสายน้ำของห้าทวีปก็ยังไม่เคยไปเที่ยวได้หลายสถานที่เท่านาง
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนางที่ไปเพียงลำพัง
โดยไม่ทันรู้ตัว นางก็เปลี่ยนจากถ่านดำน้อยในปีนั้นมาเป็นเด็กสาวสูงโปร่งสะโอดสะอง แล้วจึงกลายมาเป็นหญิงสาวอย่างในทุกวันนี้แล้ว
ขุนเขาเก่าสายน้ำซ้ำและคนคนเดิม
ขึ้นเขาลงห้วย นอกจากตลาดล่างภูเขาแล้วก็ยังได้เจอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีวิญญาณและภูตประหลาดจากที่ต่างๆ มาไม่น้อย
ผีสาวในน้ำ นอนอยู่บนน้ำครึ่งตัว คล้ายกับใช้ผิวน้ำต่างกระจก ส่องกระจกหวีผมประทินโฉม เส้นผมสีนิลประดุจพืชน้ำที่ส่ายไหว
ในป่าเก่าแก่โบราณที่ตัดขาดจากโลกภายนอกมีภูตภูเขาที่เชี่ยวชาญด้านยันต์อักขระโบราณ หล่อหลอมเรือนกายมาได้นานเป็นพันปี เชี่ยวชาญเวทกระบี่ มันพุ่งทะยานจากยอดเขามาที่จวนกึ่งกลางภูเขา เรือนกายกับแสงกระบี่เหมือนผ้าแพรสีขาวเส้นหนึ่งที่แขวนห้อยอยู่ระหว่างหน้าผาสีดำ
เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์ คงจะคิดว่ามีคนบุกเข้ามาในบ้านตัวเองโดยพลการจึงอารมณ์ไม่ดี เดิมทีเผยเฉียนก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น จึงเอ่ยขออภัยผู้เฒ่าชุดขาวที่จำแลงกายมาจากภูตภูเขาแล้วเตรียมจะจากไป เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรา พกกระบี่มาขวางทางนางอยู่หลายครั้ง ถึงอย่างไรก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่มีคนรู้เรื่องการพบเจอกันบนทางแคบครั้งนี้ เผยเฉียนจึงคิดว่าจะประทานวิชากระบี่มารคลั่งให้อีกฝ่ายสักชุด คิดไม่ถึงว่าต่อให้นางจะกดขอบเขตไว้สองขั้นก็ยังเอาชนะอีกฝ่ายได้
ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่พออีกฝ่ายพ่ายแพ้ดันไม่โกรธ กลับยังดีใจมาก อีกทั้งความตกตะลึงบนใบหน้ายังดูจริงใจอย่างมาก หนังหน้าหนาใช้ได้เลย
มันเกาหูเกาแก้ม ใช้มือเท้าทำท่าทางประกอบ แต่ก็ยังบอกกล่าวได้ไม่ชัดเจน สุดท้ายจึงใช้สองมือประคองกระบี่โบราณที่อยู่ในมือขึ้นมา คงอยากจะให้เซียนกระบี่หญิงท่านนั้นถ่ายทอดเวทกระบี่ชั้นสูงบทนี้ให้ เพื่อเป็นค่าตอบแทน มันสามารถมอบกระบี่เล่มนี้ให้ได้ แต่เผยเฉียนไม่ได้สนใจมัน ทะยานลมจากไปทันที
เวทกระบี่มารคลั่งชุดนั้นก็เป็นแค่วิชากระบี่ที่นางคิดค้นเล่นๆ ตอนเป็นเด็กเท่านั้น มันมีหน้าเรียน เผยเฉียนกลับไม่มีหน้าจะสอน
ในวัดแห่งหนึ่ง หลัวฮั่นห้าร้อยที่อยู่ในโถงหลัวฮั่นต่างก็ถูกทำลายหมดสิ้นท่ามกลางไฟสงคราม
ทางวัดจึงกำลังรวบรวมเงินหาตัวช่างฝีมือมาสร้างเทวรูปหลัวฮั่นขึ้นมาใหม่ คำว่าสร้างร่างทอง อันที่จริงก็คือการแปะทองคำเปลวนั่นเอง ผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมบุญจะถูกบันทึกชื่อลงบนสมุดคุณความชอบ แล้วยังจะได้แกะสลักชื่อลงไปบนป้ายศิลาอีกด้วย เผยเฉียนจึงเอาเงินทองที่อยู่บนร่างทั้งหมดออกมา ทว่ากลับใช้ชื่อของอาจารย์พ่อ
นางยังบูชาตะเกียงดอกบัวดวงหนึ่ง แล้วเลือกกระดาษสีแดงหนึ่งแผ่นเอามาวางไว้ด้านใต้ตะเกียง บนกระดาษเขียนถ้อยคำมงคลที่เผยเฉียนเห็นแล้วชื่นชอบลงไปสองสามประโยค
วันนั้นบังเอิญเป็นวันที่ห้าเดือนห้าของปีพอดี
ภายหลังเผยเฉียนยังฝืนใจรับเหนียงเนียงเทพภูเขาท่านหนึ่งเป็นพี่น้อง ได้พบกับเทพอภิบาลเมืองท่านหนึ่งที่คอแข็งพอๆ กับเหล่าเว่ย บนกิ่งต้นหลิวใต้แสงจันทร์ เทพแห่งผืนดินท่านหนึ่งถึงกับคลอเคลียแนบชิดกับแม่ย่าลำคลองท่านหนึ่ง ผลคือพบว่าตรงริมน้ำมีคนนั่งตกปลาอยู่ จึงรังเกียจที่เผยเฉียนเกะกะสายตา มีซานจวินแคว้นเล็กที่สวมชุดสีม่วงรัดเข็มขัดหยกออกลาดตระเวนขุนเขาสายน้ำ ราชรถที่ใช้โอ่อ่ามากบารมี
พบเจอเรื่องราวพิสดารแปลกประหลาดมากมาย เผยเฉียนที่เดินทางท่องเที่ยวในใต้หล้าเพียงลำพังจึงไม่ถึงขั้นรู้สึกเบื่อหน่ายมากนัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าสนใจสักเท่าไร
คิดไปคิดมา เผยเฉียนก็มีแค่ความคิดเรียบง่ายอย่างเดียว
ไม่เป็นอย่างไร ก็แค่นั้นเอง
ทะยานลมไปที่ภูเขาลูกนั้นด้วยกัน จากนั้นเฉินผิงอันก็เลือกตำแหน่งเงียบสงัดที่ไม่ไกลไม่ใกล้แห่งหนึ่ง แล้วให้เสี่ยวโม่ร่ายวิชาอภินิหารมองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามืออีกครั้ง ขณะเดียวกันก็คลี่กางภาพวาดขุนเขาสายน้ำนั้นให้เห็นด้วย
มีนักพรตชุดสีม่วงใบหน้างดงามดุจหยกคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาบนทางภูเขาช้าๆ เดินมาถึงหน้าประตูศาลเทพภูเขา ในมือถือก้อนหินก้อนหนึ่งที่เก็บมาระหว่างทาง ขนาดเท่ากำปั้น เขาเดินมาถึงศาลที่ว่างเปล่าแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งยองที่หน้าประตู วางหินก้อนนั้นลงบนธรณีประตูง่ายๆ
“วิชาในการสยบกำราบนี้ของผินเต้า ไม่พูดไม่ได้ว่า…”
นักพรตชุดม่วงมองหินธรรมดาที่ประหนึ่งยอดเขาตระหง่านอยู่บนสันเขาทอดยาวก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง คิดหาคำพูดเหมาะๆ ในที่สุดก็หาถ้อยคำที่ตัวเองค่อนข้างพอใจได้ “สุดยอดจริงๆ”
จากนั้นเจินเหรินพิทักษ์แคว้นที่สวมมงกุฎสีทองท่านนี้ก็นั่งอยู่บนบันไดนอกประตูด้วยความเบื่อหน่าย คล้ายกับรอเจ้าของศาลกลับมาไปพร้อมกับก้อนหินก้อนนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!