นั่งกลับลงไปบนขั้นบันได นักพรตชุดม่วงหยิบน้ำเต้าบรรจุเหล้าขนาดจิ๋วออกมาอีกครั้ง จิบเหล้าหนึ่งคำ เอ่ยว่า “เฉินผิงอัน เจ้าเองก็ไม่ต้องคิดมาก คนที่ข้ารออยู่ที่นี่ ไม่ใช่เจ้า แต่เป็นสหายของเจ้าคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าการคบหาสหายของเจ้าช่างมีโชค แต่ฝั่งตรงข้าม สายตาในการคบหาสหายของเขาถือว่าธรรมดาเท่านั้น”
เฉินผิงอันหันหน้ามาถาม “กำลังรอจางซานเฟิงอยู่หรือ?”
นักพรตชุดม่วงหัวเราะหึหึ “ถึงอย่างไรก็เป็นคนฉลาดนี่นะ”
จากนั้น? ทางฝั่งของตนไม่มีจากนั้นอะไรอีกแล้ว
เฉินผิงอันหมุนตัวกลับมา เก็บไม้เท้าเดินป่าใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ ประสานมือคารวะ “ผู้เยาว์คารวะเหลียงเทียนซือ”
จวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ ผู้สูงศักดิ์หวงจื่อล้วนแซ่จ้าว
นับแต่โบราณมาก็มีแค่คนเดียวที่เป็นข้อยกเว้น นั่นก็คือเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ ยกตัวอย่างเช่นฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้ที่เป็นเทียนซือใหญ่ต่างแซ่คนก่อน
สีหน้าของนักพรตชุดม่วงไร้อารมณ์ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เจินเหรินผู้เฒ่าที่หวนคืนสู่ความจริง มีศาสตร์คงความอ่อนเยาว์ได้แต่ถอนหายใจ ออกจากภูเขามาครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบมีแต่เรื่องน่าเบื่อหน่าย วันนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เจินเหรินผู้เฒ่าส่ายหน้า น่าสงสารซิ่วหู่ น่าเวทนาฉีจิ้งชุน น่าเสียดายสายเหวินเซิ่งแล้ว
นักพรตชุดม่วงมองพื้นดิน กระทืบเท้าเบาๆ หายใจเสียงแผ่วหนึ่งที จำต้องฝืนนิสัยเปิดปากเอ่ยกับคนหนุ่มเพิ่มอีกหนึ่งประโยค “จัดการดูแลสำนักเบื้องล่างให้ดี ไม่พูดถึงว่าทำเพื่อสายเหวินเซิ่งของพวกเจ้า ยิ่งไม่ถือว่าทำเพื่อใต้หล้าไพศาลอะไร ถือเสียว่าทำเพื่อตัวเจ้าเองก็แล้วกัน”
เฉินผิงอันที่หันหลังให้กับเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ที่ตัวเองรู้แค่ว่าแซ่เหลียงพยักหน้า แล้วเดินลงจากภูเขาไปต่อ
เสี่ยวโม่หน้าเขียวคล้ำ
เฉาฉิงหล่างส่ายหน้าให้ผู้อาวุโสสี่จู๋ท่านนี้เบาๆ บอกเป็นนัยให้รู้ว่าไม่เป็นไร
อันที่จริงเดิมทีเจินเหรินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดอยากจะถามอีกหนึ่งประโยค ถามว่าเฉินผิงอัน เจ้ามองใบถงทวีปแห่งนี้อย่างไร?
แต่เงื่อนไขก็คืออีกฝ่ายต้องตอบคำถามข้อแรกให้ได้เสียก่อน
สงครามที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเอาชนะได้แล้ว แต่ราคาที่ใต้หล้าไพศาลต้องจ่าย ไม่เรียกว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์ไม่ได้ เท่ากับว่าแผ่นดินครึ่งหนึ่งของสี่ทวีปครึ่งพังภินท์ไม่เหลือดี สภาพอเนจอนาถจนแทบทนมองไม่ได้
ทว่าฝูเหยาทวีปพ่ายแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี ต่อให้เป็นเกราะทองทวีปที่มีคนทรยศอย่างผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานหวานเหยียนเหล่าจิ่ง ชื่อเสียงของพวกเขาบนภูเขาก็ยังไม่เลว
ทักษินาตยทวีปยังมีเฉินฉุนอัน นอกจากนี้ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป โดยเฉพาะเส้นแนวรบเลียบมหาสมุทร อันที่จริงก็ต่อสู้กันได้ไม่เลว
มีเพียงใบถงทวีปแห่งนี้ที่ทั้งบนและล่างภูเขา ใจคนความเป็นคน ดูเหมือนว่าจะเลวร้ายอย่างถึงที่สุด
ดินแดนของหนึ่งทวีปโชคดีไม่ถึงกับแผ่นดินภูเขาจมดิ่ง แต่กลับเกลื่อนไปด้วยซากศพไร้ซึ่งผู้รอดชีวิต ภูเขาสายน้ำแผ่นดินกว้างใหญ่ ราวกับว่ามีเพียงผีเร่ร่อนตนเดียวที่นั่งอยู่ในสวนของอดีต จึงดูโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอย่างเห็นได้ชัด
เจินเหรินผู้เฒ่าลูบคลึงปลายคาง มองแผ่นหลังของคนชุดเขียวที่เดินลงจากภูเขาไปช้าๆ มองม่านฟ้าแวบหนึ่ง นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงถามว่า “ทำไมไม่เอาศีรษะของลูกศิษย์คนแรกของบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่กลับมา?”
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจตอบ “เขาเป็นผู้ฝึกกระบี่”
เจินเหรินผู้เฒ่าร้องเอ๊ะหนึ่งที ยิ้มถาม “ปูพื้นได้ดี ยอดเยี่ยม หรือว่าก็เพื่อใช้รับมือกับคำถามทำนองนี้? วิธีการที่ใช้ช่วงชิงชื่อเสียงจอมปลอมระดับนี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง คนหนุ่มในทุกวันนี้ร้ายกาจยิ่งนัก หรือจะบอกว่าซิ่วไฉเฒ่าสอนมาดี?”
เฉินผิงอันหันหน้ามาเอ่ย “ข้าขอใช้สถานะผู้เยาว์เตือนผู้อาวุโสเป็นครั้งสุดท้าย แค่พอสมควรก็พอแล้ว”
เจินเหรินผู้เฒ่าจุ๊ปาก “โอ้โห ที่แท้ก็เป็นคนหนุ่มที่นิสัยฉุนเฉียวอยู่บ้างเหมือนกันนี่นา ทำไม ในที่สุดก็ไม่ทำตัวแสร้งเป็นวิญญูชนจอมปลอมแล้ว นี่ถือว่าเผยธาตุแท้แล้วหรือไม่? หรือว่ายังมีแผนการที่ลึกล้ำยาวไกล เริ่มกังวลว่าข้าจะเอาไปป่าวประกาศ บอกว่าบัณฑิตอย่างเจ้ามีกลอุบายลึกล้ำ เจอกับเทียนซือใหญ่ต่างแซ่คนหนึ่งของภูเขามังกรพยัคฆ์ ให้ตายอย่างไรก็ไม่กล้าเถียงแม้แต่ครึ่งคำ? ก็เลยจำเป็นต้องชดเชยแก้ไขในทันที ฉวยโอกาสนี้แสร้งแสดงให้ข้าดู?”
ค่อยๆ หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทุกประโยคล้วนแทงใจ
เฉินผิงอันหมุนตัวกลับมา มองเจินเหรินผู้เฒ่าคนนั้น เอ่ยกับเฉาฉิงหล่างและเผยเฉียนว่า “พวกเจ้าจงทะยานลมจากไปทันที ยิ่งไกลยิ่งดี”
เผยเฉียนลังเลเล็กน้อย
เฉาฉิงหล่างเอ่ย “เผยเฉียน ไปได้แล้ว”
เผยเฉียนนึกถึงการ ‘ถามหมัด’ ของอาจารย์พ่อตอนที่อยู่ชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ก่อนหน้านี้แล้วนางก็ไม่ลังเลอีก
เจินเหรินผู้เฒ่ายิ้มพลางลุกขึ้นยืน ยืดแขนบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสาย ถ้าอย่างนั้นก็จงสัมผัสกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสามเล่มของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานขั้นสูงสุดคนหนึ่ง กับเวทกระบี่สูงต่ำและหมัดของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางจากอิ่นกวานคนสุดท้ายให้ดีๆ ก็แล้วกัน?
หากสู้ไม่ได้อย่างมากก็แค่เผ่นหนี ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว
เสี่ยวโม่ใช้เสียงในใจเอ่ยกับเจินเหรินผู้เฒ่าคนนั้นอย่างลับๆ “ตกลงกันไว้ก่อน จะแบ่งแพ้ชนะหรือแบ่งเป็นตายกับข้า?”
ครั้งนี้เสี่ยวโม่ไม่ได้บอกกล่าวกับคุณชายบ้านตนด้วยซ้ำ ไม่คิดจะปรึกษาในเรื่องนี้
เพียงแต่ว่าดูเหมือนเจินเหรินผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าจะได้รับบาดเจ็บไม่เบา จิตแห่งมรรคาจึงไม่มั่นคง
ขอแค่ตีกันขึ้นมาจริงๆ เสี่ยวโม่จะไม่ยอมให้คุณชายเข้ามาร่วมด้วยเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!