บทที่ 894.3 เล่นหมากล้อม – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!
ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 894.3 เล่นหมากล้อม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
พูดถึงแค่เสี่ยวหลงชิวที่เป็นตัวสำรองสำนัก ในเรื่องการค้นภูเขาก็ตั้งใจอย่างมาก ถึงขั้นสร้าง ‘สวนป่า’ แห่งหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ในนั้นยังล้อมขังเผ่าปีศาจแห่งเปลี่ยวร้างที่ยังหล่อหลอมเรือนกายมนุษย์ไม่สำเร็จเอาไว้กลุ่มใหญ่และผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจห้าขอบเขตล่างอีกบางส่วน
บรรพจารย์ผู้เฒ่าเจ้าขุนเขาของเสี่ยวหลงชิวปิดด่านพักรักษาตัวมานานหลายปีแล้ว เป็นเหตุให้ขอบเขตก่อกำเนิดที่ดูแลเรื่องเงินทอง ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือฐานะในสำนักก็ล้วนเป็นคนมาทีหลังที่ตามมาทัน เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี อำนาจของสายเจ้าขุนเขาเสี่ยวหลงชิวก็ลดระดับลงไปมาก นี่คงเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่าทุกบ้านล้วนมีคัมภีร์ที่อ่านยากกระมัง
รอกระทั่งคนทั้งกลุ่มกลับมาที่ภูเขาอีกครั้ง ฝู่จวินเหนียงเนียงเทพภูเขาก็เอาตำราตราประทับเล่มนั้นใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มเอ่ย “เซียนซือสามารถเรียกชื่อข้าโดยตรง ข้าแซ่เจียงนามอิ๋ง มาจากภูเขาจี้ซาน”
คนชุดเขียวคลี่ยิ้มอบอุ่น เอ่ยว่า “คารวะเจียงฝู่จวิน ข้าชื่อเฉาโม่ เป็นคนของแจกันสมบัติทวีป”
เจียงอิ๋งถอนหายใจโล่งอก คิดเสียว่ามาปรากฏตัวให้อีกฝ่ายได้คุ้นหน้าคุ้นตา ส่วนวาสนาตระกูลเซียนทางฝั่งนั้น ภูเขาจี้ซานไม่คาดหวังแล้ว นางกำลังจะบอกลาจากไป กลับได้ยินคนผู้นั้นเอ่ยต่ออีกว่า “เจินเหรินผู้เฒ่าของแคว้นเหลียงให้ข้าช่วยถามแทนเรื่องหนึ่ง หากวันนี้เป็นเจียงฝู่จวินที่ชิงโอกาสคว้าโชควาสนาส่วนนี้ไปครองได้ก่อน ภูเขาจี้ซานจะจัดการกับหลิงจือและฉิวน้อยอย่างไร”
เจียงอิ๋งยิ้มตอบ “หากข้าโชคดีได้มาครองก็จะทะนุถนอมเห็นค่าวาสนาครั้งนี้เป็นอย่างดี ภูเขาจี้ซานย่อมปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีมารยาท”
เฉินผิงอันกล่าว “ไม้ที่ถูกฟ้าผ่าต้นนั้นแม้จะแห้งเหี่ยวตายไปแล้ว แต่กลับมีความเชื่อมโยงกับรากภูเขาอย่างลึกล้ำ เรื่องของการย้ายไม้ฟ้าผ่าและหลิงจือ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะพอช่วยได้”
เจียงอิ๋งเอ่ย “ทางที่ดีที่สุดคือรอให้หลิงจือเปิดสติปัญญาอย่างแท้จริง สามารถออกจากสถานที่ฝึกตนได้ชั่วคราวเสียก่อน คนนอกค่อยมาทำเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นการทำลายรากฐานพลังต้นกำเนิดของหลิงจือต้นนั้นไม่มากก็น้อย”
เผยเฉียนได้ยินประโยคนี้ก็แอบพยักหน้าอยู่กับตัวเอง
แค่อาศัยประโยคนี้ ฝู่จวินเหนียงเนียงท่านนี้ก็ถือว่าผ่านด่านได้แล้ว
วาสนานี้จะกลายเป็นบุญสัมพันธ์
อาจารย์พ่อถึงจะวางใจได้อย่างแท้จริง
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เป็นข้าที่มองข้ามไป ยังคงเป็นเจียงฝู่จวินที่ทำอะไรได้มั่นคงยิ่งกว่า”
เจียงอิ๋งกล่าวอย่างสงสัย “ความหมายของเหลียงเจินเหรินคือ? หรือว่ายินดีจะให้จวนจี้ซานของพวกเราออกหน้าซื้อไว้จริงๆ?”
พูดถึงแค่ฉิวน้อยตัวนั้น หากยินดีรับหน้าที่เป็นเค่อชิงหรือผู้ถวายงานของภูเขาจี้ซานจะต้องเป็นเรื่องดีที่ใหญ่เทียมฟ้าอย่างแน่นอน
หากอิงตามบทอธิบายปลาของเผ่าพันธุ์น้ำ เผ่าพันธุ์เจียวหลงบนโลกมนุษย์ที่สามารถเรียกว่าเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงได้ อันที่จริงมีอยู่ไม่มาก ยกตัวอย่างเช่นเผ่าพันธุ์น้ำที่มีเขาเรียกว่าฉิว ไม่มีเขาเรียกว่าชือ ฉิวน้อยที่ปกป้องเห็ดหลิงจืออยู่ในภูเขา ทุกวันนี้มีขอบเขตแค่ถ้ำสถิต เมื่อเทียบกับภูตภูเขาทั่วไปแล้วการหลอมเรือนกายกลับยากยิ่งกว่า แต่หากหลอมเรือนกายได้สำเร็จแล้วเดินลงน้ำเสร็จสิ้น โอกาสที่จะจำแลงร่างกลายเป็นเจียวก็จะมีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นหลิงจือพันปีที่สามารถช่วยเพิ่มพูนกลิ่นอายพืชพรรณให้มากขึ้น หรือฉิวน้อยที่ชาติกำเนิดสูงส่ง คุณสมบัติในการฝึกตนล้วนไม่ธรรมดา จะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือส่วนตัว จวนจี้ซานบ้านตนย่อมต้องปลูกฝังประคับประคองอย่างเต็มความสามารถอย่างแน่นอน
หากฉิวน้อยไปอยู่ในอาณาเขตภูเขาจี้ซานบ้านตนจริงๆ รอกระทั่งได้เลื่อนเป็นหนึ่งในห้าบรรพตแล้ว อาณาเขตขุนเขาสายน้ำของภูเขาจี้ซานก็จะไม่ได้เพิ่มแค่หนึ่งเท่าตัวเท่านั้น นางจะต้องจัดการเรื่อง ‘เดินลงน้ำ’ ให้ดีอย่างแน่นอน ในวงการขุนนางของขุนเขาสายน้ำ การทำเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าเอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมอะไรด้วยซ้ำ
หากโชคดี ไม่ถึงสามร้อยปีภูเขาจี้ซานก็จะมีเจียวน้ำเซียนดินเพิ่มมาตนหนึ่ง สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้วล้วนถือเป็นเรื่องดี
นอกจากนี้ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็น เมื่อแจกันสมบัติทวีปมีมังกรที่แท้จริงตัวแรกปรากฏขึ้นหลังศึกพิฆาตมังกร ก็ประหนึ่งสายลมฤดูใบไม้ผลิที่โชยมายามค่ำคืน ภูเขาที่ถูกผนึกคลายตัวออก เผ่าพันธุ์น้ำนับพันนับหมื่นจึงช่วงชิงกันข้ามฝั่ง
ได้ยินมาว่าทุกวันนี้บริเวณใกล้เคียงกับนครจักรพรรดิขาวของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ประตูมังกรที่ถ้ำสวรรค์เล็กหวงเหอ หลายปีมานี้ได้รวบรวมเผ่าน้ำที่บรรลุมรรคาไว้จำนวนมาก มากมายเหมือปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ ล้วนอยากจะเป็นปลาหลีที่กระโดดข้ามประตูมังกร
เฉินผิงอันส่ายหน้าเอ่ย “ไม่พูดถึงเรื่องเงิน สุดท้ายเหลียงเจินเหรินแค่ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่าให้เจียงฝู่จวินไปเก็บโชควาสนานี้มาได้เลย”
เฉินผิงอันคร้านจะหาข้ออ้างอะไรอีก คาดว่าต่อให้ฝู่จวินแห่งภูเขาจี้ซานคนนี้จะคิดมากแค่ไหน แต่หากไม่ผิดไปจากที่คาด สุดท้ายแล้วก็จะยังรับโชควาสนาส่วนนี้เอาไว้
เจียงอิ๋งอึ้งตะลึงอยู่กับที่ เจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นของแคว้นต้าเหลียงคนนั้นถึงกับสละโชควาสนาส่วนนี้ทิ้งไปเปล่าๆ? เป็นหลุมพราง? หรือว่าแค่อยากจะเป็นพันธมิตรกับจวนจี้ซานเท่านั้น จะได้ช่วยหาโอสถเซียนบางอย่างในภูเขามาให้พวกเขา?
เฉินผิงอันขอตัวลา กำลังจะขยับเท้า เด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านท้ายของขบวนรถหน้าแดงก่ำ ปลุกความกล้าตะโกนเรียกอย่างขลาดๆ ว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน?”
เสียงแม่นางน้อยอ่อนเบาเหมือนเสียงยุง สตรีวัยกลางคนสวมชุดชาววังคนหนึ่งขมวดคิ้วน้อยๆ
ฝู่จวินเหนียงเนียงกำลังคุยธุระกับแขกผู้มีเกียรติ คนนอกกล้าก่อกวนเช่นนี้ นังเด็กโง่นี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียบ้างเลย! วันๆ ดีแต่จะดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ รายงานขุนเขาสายน้ำที่เหลวไหลพวกนั้น ไม่รู้จักประหยัดเงินเลยแม้แต่น้อย วันหน้ายังอยากจะแต่งงานกับคนดีๆ อยู่หรือไม่ หรือคิดแค่อยากจะขอให้ฝู่จวินเหนียงเนียงประทานสินเดิมให้ตามประเพณี?
เฉินผิงอันหันหน้าไปมอง ยิ้มถาม “เรียกข้ามีธุระอะไรหรือ?”
เด็กสาวพลันหน้าแดงไปถึงใบหู เอ่ยอย่างไม่แน่ใจว่า “คือเจ้าขุนเขาเฉินจริงๆ หรือ?”
เจียงอิ๋งใช้เสียงในใจถามอย่างสงสัย “หูโอ่ว มีเรื่องอะไร?”
เด็กสาวเอ่ยเสียงสั่น “ตอบฝู่จวินเหนียงเนียง เฉาเซียนซือท่านนี้ แท้จริงแล้วคือเซียนกระบี่เฉินแห่งภูเขาลั่วพั่วของแจกันสมบัติทวีปคนนั้น ทุกวันนี้ยังเป็นเจ้าสำนักของสำนักแห่งหนึ่งด้วย! เคยเปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้าน รื้อถอนศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยง ตัดหัวของภูเขาถวายงานพิทักษ์ภูเขาภายใต้สายตาของคนจับจ้องมากมาย สวมชุดเขียวพกกระบี่ แสงกระบี่ดุจสายรุ้ง สรุปก็คือที่แจกันสมบัติทวีปแห่งนั้น ชื่อเสียงของเซียนกระบี่ท่านนี้ใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้าแล้ว…”
เด็กสาวยิ่งพูดก็ยิ่งรัวเร็วเหมือนเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่ต้องร่างคำพูดไว้ก่อนด้วยซ้ำ เรื่องราวบางอย่าง บวกกับข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ภายนอก นางท่องจำขึ้นใจได้นานแล้ว ท่องย้อนกลับหลังก็ยังได้
เจียงอิ๋งที่ฟังแม่นางน้อยเล่าอึ้งตะลึงไปทันใด
เสี่ยวโม่ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “คุณชาย ข้าเพิ่งค้นพบว่าแม่นางน้อยคนนี้คล้ายกับจะเป็นทายาทของช่างสวรรค์กรมดวงจันทร์คนหนึ่ง”
ไม่อย่างนั้นลำพังอาศัยแค่ค่าเช่าจากร้านค้าหกสิบกว่าร้าน รวมไปถึงเงินค่าผ่านทางจากเรือข้ามฟากเล็กๆ ทั้งหลาย ปีเดือนไหนถึงจะได้เงินฝนธัญพืชหนึ่งร้อยเหรียญมาเล่า? แทบไม่ต่างจากคนปัญญาอ่อนที่เพ้อฝันเลย
ดังนั้นภูเขาหลิงปี้จึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเด็กหนุ่มหน้าตางดงามมีไฝแดงกลางหว่างคิ้วผู้นั้นอย่างมาก ส่วนเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายมีความเป็นมาอย่างไร มีรากฐานอะไร พวกเขาไม่ไปสืบเสาะ ขอแค่เงินเป็นของจริงก็พอแล้ว
มีเงินเทพเซียนก้อนใหญ่ขนาดนี้หล่นลงมาจากฟ้า เส้นทางการหาเงินของภูเขาหลิงปี้ก็มีมากขึ้น เงินทองไหลมาเทมา กำไรเป็นกอบเป็นกำ
ยกตัวอย่างเช่นสำนักกุยหยกทางทิศใต้ ทุกวันนี้ก็ได้สร้างโรงฝากเงินบนภูเขาแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของใบถงทวีปขึ้นมา ไม่เพียงแต่สามารถฝากเงินเทพเซียน เงินทองและเหรียญทองแดงของราชสำนักในแต่ละแคว้นยังสามารถเอามาคิดเป็นเงินเทพเซียนได้ ประเด็นสำคัญคือไม่คิดจำนวนเงินเทพเซียนที่จ่ายจริงเกินไปด้วย
ในเมื่อทุกวันนี้เจ้าสำนักไม่ใช่เจียงซ่างเจินแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นเซียนกระบี่ใหญ่เหวยอิ๋งที่ทุกคนฝากความหวังไว้ ถ้าอย่างนั้นเกินครึ่งก็น่าเชื่อถือได้
แม้จะบอกว่ายังมีพรรคจวนเซียนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงสังเกตการณ์ด้วยความระแวง แต่ภูเขาหลิงปี้ได้ส่งคนไปที่สำนักกุยหยก ปรึกษาเรื่องดอกเบี้ยจากการฝากเงินแล้ว
ในเมื่อเฉินผิงเดินเล่นอยู่ที่ท่าเรือบ้านตัวเอง ไม่ว่าจะผู้คนหรือเรื่องราวที่ได้พบเห็นล้วนน่าใกล้ชิดสนิทสนม ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดีไปหมด
เฉาฉิงหล่างพลันเอ่ยว่า “ได้ยินศิษย์พี่เล็กเล่าว่าทางฝั่งของฝูเหยาทวีปไม่สงบสุข มีเซียนซือกำลังค้นหาสมบัติอยู่ในใต้ดินที่ลึกมากแล้วบังเอิญค้นพบสายแร่ที่จำนวนอุดมสมบูรณ์สายหนึ่ง วัตถุดิบไม่แน่ชัด แต่ปราณวิญญาณที่ซุกซ่อนอยู่ตามธรรมชาติสามารถมองเป็นเงินเทพเซียนใหม่เอี่ยมอย่างหนึ่งได้เลย ระดับขั้นเป็นรองเงินเกล็ดหิมะ แต่เหนือกว่าในด้านปริมาณมหาศาล”
เผยเฉียนเอ่ยอย่างสงสัย “ต้นกำเนิดทรัพย์สินอย่าง ‘เส้นชีพจรมังกร’ เส้นนี้ ปีนั้นเผ่าปีศาจของเปลี่ยวร้างไม่ค้นพบหรือ?”
เหวยเหวินหลงนักบัญชีเคยยกตัวอย่างเปรียบเปรยให้ฟัง เงินขาวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายล่างภูเขา ก็คือเส้นชีพจรมังกรที่หลบซ่อนหลายต่อหลายเส้น
เฉินผิงอันกล่าว “มีโอกาสก็แวะไปดูสักหน่อย”
ระหว่างทางกลับเหนือ
คนชุดขาวอยู่ท่ามกลางเมฆขาว
ชุยตงซานหันกลับมามองแวบหนึ่ง ไม่เห็นเรือนกายเมฆาวารีของอาจารย์อีกแล้ว
นึกถึงประโยคทำนายจากเหลียงส่วงเจินเหรินผู้เฒ่า
‘ใต้หล้ารอท่านมานานแล้ว’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!