โอกาสอีกครั้งหนึ่งก็คือเย่อวิ๋นอวิ๋น นอกจากจะเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางแล้ว นางยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบที่ชื่อเสียงไม่โด่งดังด้วย แต่ถูกสงครามครั้งนั้นถ่วงเวลาเอาไว้ และหลังจากที่เย่อวิ๋นอวิ๋นเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน แค่พูดง่ายๆ คำเดียวในศาลบรรพจารย์ผูซาน อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้สมาชิกของศาลบรรพจารย์นำเรื่องนี้แพร่งพรายไปยังภายนอก และทุกวันนี้ก็ไม่คิดจะรายงานเรื่องนี้ให้ทางสำนักศึกษาต้าฝูทราบ นี่แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ภูเขาผูซานก็ยังไม่คิดจะขยับเลื่อนเป็นสำนัก
ดูเหมือนว่าในเรื่องของการเลื่อนขั้นเป็นสำนัก ผูซานมักจะขาดความหมายที่เรียกว่าเจตนารมณ์สวรรค์ไปอยู่เสมอ
ฝนฟ้าไม่เป็นใจ?
เหมือนว่าจะได้รับการชดเชยตอบแทน ก่อนหน้านี้ไม่นานเย่อวิ๋นอวิ๋นจึงได้ภาพเซียนภาพที่เจ็ดมา ล้ำค่ามากเป็นพิเศษ มีมูลค่าควรเมือง
เฉินผิงอันเคยได้ยินเจียงซ่างเจินพูดเน้นย้ำให้ฟัง บอกว่าเป็นภาพวาดฝาผนังภาพหนึ่ง ระดับขั้นสูงกว่าภาพบรรพบุรุษทั้งหกเสียอีก
อีกทั้งก่อนที่โจวอันดับหนึ่งจะออกไปจากไพศาลยังตั้งใจทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ที่ภูเขาลั่วพั่วเพื่อพูดถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ตามคำอธิบายในจดหมายของเจียงซ่างเจิน ภาพนี้มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา วาดเป็นภาพแผ่นหลังของภิกษุที่สวมจีวร แต่กลับสวมกวานเต๋า ในมือถือแผ่นหยก หันหน้าเข้าหาภาพวาดฝาผนังภาพหนึ่ง
ในภาพมีภาพ ภาพวาดบนฝาผนังเป็นการลอกลายของกระถางทองสัมฤทธิ์โบราณใบหนึ่ง รวมไปถึงตัวอักษรโบราณหลายพันตัวที่เรียงรายกันแน่นขนัด
เผยเฉียนพลันยิ้มเอ่ย “อาจารย์พ่อ ในเมื่อพี่หญิงหวงกลับบ้านเกิดแล้ว พวกเราจะไปหานางเมื่อไหร่หรือ?”
นางมีความประทับใจที่ดีเยี่ยมต่อพี่สาวนักพรตหญิงคนนั้น หน้าเย็นใจร้อน (เปรียบเปรยว่าภายนอกเย็นชา แต่แท้จริงกลับเป็นคนมีน้ำใจไมตรี) สรุปก็คือแตกต่างจากสุยโย่วเปียนอย่างมาก
เฉินผิงอันกล่าว “ถึงเวลานั้นพวกเรากลับภูเขาเซียนตูกันก่อนแล้วค่อยไปที่เสี่ยวหลงชิว”
เดินอยู่บนเส้นทางเงียบสงัดสายหนึ่งที่มุ่งตรงสู่ประตูภูเขาของผูซาน
เฉินผิงอันจำต้องหยิบกระบอกยาสูบออกมาอีกครั้ง หรี่ตาครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง
เหตุใดผูซานถึงสามารถหลบพ้นหายนะท่ามกลางขุนเขาสายน้ำที่พังภินท์แผ่นดินที่จมดิ่งได้ แท้จริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่ชวนให้คนคิดลึกอย่างมาก
บนภูเขา นับตั้งแต่สำนักฝูจีไปจนถึงภูเขาไท่ผิง ต่อให้เป็นสำนักกุยหยกที่แม้จะรักษากิจการบรรพบุรุษเอาไว้ได้ ไม่ถึงกับควันธูปขาดสะบั้น ทว่าศาลบรรพจารย์กลับมีคนรอดชีวิตแค่ไม่กี่คน จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ประชุมกันก็ยังมีเก้าอี้ว่างอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง
ส่วนล่างภูเขา ราชวงศ์ต้าเฉวียนคือราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถรักษาชะตาแคว้นไม่ให้ขาดสะบั้นได้ กองทัพชายแดนรบตายกันไปนับไม่ถ้วน ได้แต่ค่อยๆ ถอยกลับมาทีละก้าว สุดท้ายจึงพอจะรักษานครเซิ่นจิ่งไม่ให้ถูกข้าศึกยึดครองไว้ได้อย่างถูไถ
มีเพียงผูซานที่ดูเหมือนว่าแค่ทำสงครามที่ไม่เจ็บไม่คันบนภูเขาไม่กี่ครั้งเท่านั้น ฟ้าร้องดังฝนตกเบา ปีศาจใหญ่ในกระโจมทัพหลายตนมองสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ พักหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้มีความเห็นพ้องต้องกัน ไม่ได้ลงมือกับผูซานอย่างแท้จริง
ไม่อย่างนั้นปีนั้นเย่อวิ๋นอวิ๋นก็คงไม่คิดอยากจะบุกไปเข่นฆ่าที่ราชวงศ์ต้าเฉวียน
ตามคำกล่าวของชุยตงซาน เป็นเพราะโจวมี่มหาสมุทรความรู้ฝากความหวังไว้มากต่อผูซานที่ไม่สะดุดตาแห่งนี้
พูดแค่นิดเดียวเฉินผิงอันก็เข้าใจได้ทันที นี่เกี่ยวพันกับเส้นทางหัวขาดของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวและการเปิดเส้นทางเทพใหม่อีกครั้งบนโลกมนุษย์
แต่ผู้ฝึกตนของใบถงทวีปในทุกวันนี้ต่างก็มองข้ามเรื่องนี้ไปคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้เจตนา เพียงแค่คิดว่าบรรพบุรุษสกุลเย่ของเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซานช่วยปกป้องคุ้มครอง มีบุญบารมีคอยช่วยเหลือ
ขยับเข้าใกล้ประตูภูเขา เฉินผิงอันถึงได้เก็บกระบอกยาสูบ
เจ้าของสิ่งนี้ เขายังไม่ค่อยคุ้นชินกับมันสักเท่าไร สูบแล้วคนอื่นเหม็น ตัวเองก็สำลักควัน ดูเหมือนว่าจะยากยิ่งกว่าดื่มเหล้าเสียอีก
……
ภูเขาบรรพบุรุษของเสี่ยวหลงชิว ภูเขาหลงเหมียน (มังกรจำศีล) บนยอดเขาที่มีศาลบรรพจารย์ตั้งอยู่มีชื่อว่ายอดซินอี้ (น้ำใจ จิตใจ)
มีนักพรตหญิงที่มาจากต่างถิ่นคนหนึ่งมาสร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่นี่ หลังถามกระบี่เสร็จแล้ว นางก็ยังไม่จากไปไหน
ปักกระบี่โบราณเล่มหนึ่งไว้บนพื้นดินของยอดเขา ราวกับว่าเมื่อทำเช่นนี้บนยอดเขาก็กลายเป็นอาณาเขตของนางแล้ว
เพียงแต่ว่าต่อให้จะเป็นผู้ฝึกตนของเสี่ยวหลงชิวก็จำต้องยอมรับว่า ท่วงท่ายามที่สตรีผู้นี้ถามกระบี่ ช่างสง่างามองอาจเหลือเกิน
โชคดีที่เสี่ยวหลงชิวพยายามปิดข่าวอย่างสุดความสามารถ บวกกับที่ใบถงทวีปในทุกวันนี้มีตระกูลเซียนที่เป็นโล้เป็นพายอยู่แค่ไม่กี่แห่ง จำนวนของรายงานบนภูเขาก็มีไม่มาก ไม่อย่างนั้นหากเรื่องนี้แพร่ออกไป คนนอกคงหัวเราะกันจนฟันหัก
ไม่เหมือนกับทวีปอื่นๆ ในไพศาล ใบถงทวีปขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ปิดตาย เหมือนกับตาเฒ่าคนหนึ่งที่แก่ชราเสื่อมสภาพ ทว่ากลับหลงลำพองว่าตัวเองเก่งกาจ
ดังนั้นเมื่อมีเจียงซ่างเจิน ที่แห่งนี้ถึงได้เปลี่ยนมาเป็นครึกครื้น
สำนักฝูจีและภูเขาไท่ผิง สำนักใหญ่สองแห่ง ทุกวันนี้เหลือแค่คนคนเดียว คล้ายครอบครัวที่มีแต่บุตรโทน
เวลานี้นักพรตหญิงหวงถิงยืนอยู่ตรงหน้าผา สองมือค้ำยันอยู่บนด้ามกระบี่ แหงนหน้ามองจันทร์
นางเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบอยู่ที่ใต้หล้าห้าสี อยู่ที่นั่นนางมีโชคไม่เลว ได้รับวาสนาติดต่อกันหลายครั้ง แต่สำหรับนางแล้ว วาสนาที่หล่นลงมาจากฟ้าประเภทนี้ นางเคยชินมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ถึงอย่างไรตอนเด็กก็เคยมียอดฝีมือที่เดินทางผ่านภูเขาไท่ผิงช่วยทำนายให้ว่านางเป็นคนมีบุญบารมี
ก่อนหน้านี้ใช้กระบี่ฟันเปิดตราผนึกขุนเขาสายน้ำของค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขา จากนั้นใช้อีกกระบี่ทำให้เจ้าขุนเขาของเสี่ยวหลงชิวบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายใช้อีกกระบี่ฟันศาลบรรพจารย์แบ่งออกเป็นสองส่วน
นางพกกระบี่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทิ้งคำพูดไว้ให้กับผู้ฝึกตนทั้งภูเขาที่ปากอ้าตาค้างแค่เพียงสองประโยค
‘ต่อจากนี้ใครที่มารับกระบี่ ระวังว่าต้องตาย’
‘แต่หากใครสามารถรับกระบี่ได้สามครั้งติด ศาลบรรพจารย์บ้านพวกเจ้า ข้าจะเป็นคนเงินออกค่าซ่อมแซมให้เอง’
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ามารับกระบี่
หวงถิง นักพรตหญิงแห่งภูเขาไท่ผิงท่านนี้ คือหนึ่งในผู้ฝึกตนหญิงที่มีเรื่องเล่ามากสีสันที่สุดในใบถงทวีปเมื่อครั้งอดีต
โชคดีขี้หมาของเจียงซ่างเจินแห่งสำนักกุยหยก โชควาสนาของหวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิง ถูกเรียกรวมกันว่าหยกคู่แห่งหนึ่งทวีป
ครั้งนี้จู่ๆ หวงถิงก็หวนคืนกลับบ้านเกิด ทำให้คนทั้งเสี่ยวหลงชิวคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง เนื่องจากตอนที่ประตูใหญ่ของใบถงทวีปเปิดออกให้ผู้คนได้เดินทางไปหลบภัยที่ใต้หล้าใหม่เอี่ยม ยามนั้นศาลบุ๋นแห่งลัทธิขงจื๊อได้กำหนดระยะเวลาไว้ที่ร้อยปี ครบร้อยปีถึงจะเปิดประตูอีกครั้ง
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหวงถิงถึงได้ทำให้เสี่ยวหลงชิวรับมือกันไม่ทัน อันที่จริงก่อนหน้านี้มีคนต่างถิ่นไปเยือนซากปรักของภูเขาไท่ผิง ก็ทำให้เสี่ยวหลงชิวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว รอกระทั่งหวงถิงเผยกายมาถามกระบี่ พวกเขาก็ถอดใจกันไปอย่างสิ้นเชิง
การประชุมในศาลบรรพจารย์ของทุกวันนี้ ไม่ใช่อยากจะขับไล่คน แต่กลายเป็นต้องปรึกษากันว่าควรจะขออภัยผู้ฝึกกระบี่นักพรตหญิงที่คนผู้หนึ่งคือสำนักแห่งหนึ่งอย่างไร นางถึงจะยินดีย้ายออกไปจากศาลบรรพจารย์ ต่อให้ไม่ออกไปจากยอดซินอี้ แต่ย้ายไปอยู่ตรงจุดอื่นก็ยังดี
ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่เป็นผู้ดูแลอย่างแท้จริงของทุกวันนี้ เดิมทีเขาที่เป็นขุนนางใหม่จึงมีไฟสามกอง (เปรียบเปรยว่าคนมารับหน้าที่ใหม่ย่อมไฟแรง) คิดจะช่วยให้ทางสำนักยึดครองซากปรักของภูเขาไท่ผิงมา รวบรวมท่วงทำนองแห่งมรรคาที่หลงเหลืออยู่ บวกกับวัตถุแห่งชะตาชีวิตชิ้นหนึ่งของตน พยายามจะหลอมคันฉ่องแสงจันทร์ขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือส่วนตัว ล้วนเป็นประโยชน์ต่อมหามรรคาอย่างยิ่ง นี่ได้ผลยิ่งกว่าการสร้าง ‘สวนป่า’ ให้คนมาเที่ยวชมเสียอีก
หวงถิงกวาดตามองไปรอบด้าน บริเวณโดยรอบเสี่ยวหลงชิวโอบล้อมไปด้วยสายน้ำ ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาแบ่งเป็นซ้ายกับขวา คือวานรเด็ดจันทร์ที่อยู่อันดับเดียวกับเผ่าพันธ์ย้ายภูเขาซึ่งหาได้ยากมาก กับตะพาบน้ำตัวหนึ่ง
นอกจากนี้ในอาณาเขตขุนเขาสายน้ำยังมีปลาจวี้ชิงที่กลายเป็นภูตแล้วตัวหนึ่งกับปลาต้าเหนียนอีกตัวหนึ่ง ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากทางราชสำนัก พวกมันจึงแต่งตั้งตัวเองเป็นพญาฉีเหอและมหาราชย์หวงสุ่ย เพียงแต่ได้ยินว่าระหว่างที่เกิดสงครามใหญ่ พวกมันต่างก็เผ่นหนีกันไปหมด พอสงครามใหญ่ปิดฉากลงถึงกลับกันมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!