เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย “คนธรรมดาบนโลกมนุษย์มองฟ้าเห็นท้องนภาสีครามเหมือนกระจก ผู้ฝึกตนอยู่บนภูเขาก้มหน้าหลุบตาลงต่ำมองขุนเขาสายน้ำบนพื้นดิน อันที่จริงก็เป็นกระจกบานหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเทียบกันแล้วมีหลุมมีบ่อเยอะกว่าก็เท่านั้น”
หากไม่ทันระวัง ผู้ฝึกตนก็จะเหมือนอยู่บนภูเขาแล้วมองเห็นเหวลึก เกิดเป็นความคิดเห็นของใครของมัน
ชุยตงซานพยักหน้า รู้ว่าอาจารย์กำลังเตือนตนว่าอย่าได้เล่นสนุกกับจิตใจของผู้อื่น
ตรงตีนเขามีลำธารที่กระแสน้ำไหลรินริกๆ น้ำในลำธารเป็นสีออกแดง ประหนึ่งชาดที่ตระกูลเซียนหลอมขึ้นอย่างตั้งใจ ปริมาณน้ำหนักของกระแสน้ำไหลหนักมากกว่าธรรมดาทั่วไป
ที่ถ้ำสวรรค์หลีจูอันเป็นบ้านเกิด ปีนั้นการที่หร่วนฉงตั้งร้านตีเหล็กและเตาหลอมกระบี่ไว้ที่ริมลำคลองก็เพราะถูกใจในความหนักและเย็นของน้ำในลำคลองหลงซวีซึ่งเหมาะจะเอามาหลอมเป็นกระบี่
เฉินผิงอันนั่งยองอยู่ริมน้ำ วักน้ำมาไว้ในมือ ประกายสีสันสวยงามเหมือนหยก
ชุยตงซานนั่งยองอยู่ด้านข้าง อธิบายว่า “การที่น้ำในลำธารมีภาพเหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้ก็เพราะเกี่ยวพันกับการเจริญงอกงามหรือแห้งเหี่ยวของต้นสนโบราณที่มีอายุอยู่มายาวนานหลายพันปีต้นนั้นกับพืชพรรณบุปผามากมายของตระกูลเซียนบนภูเขา น้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงปีแล้วปีเล่าช่วยเพิ่มความหนักแน่นมั่นคงให้กับอักษรคำว่า ‘ชื่อ’ (แปลว่าสีแดง/สีชาด ภูเขาชื่อซงคือภูเขาต้นสนแดงหรือต้นสนสีชาด) นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นวัสดุยันต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตามธรรมชาติแห่งหนึ่ง วันหน้าพวกเราสามารถอาศัยสิ่งนี้มาทำการค้ากับตาเฒ่าอวี๋หรือไม่ก็ภูเขามังกรพยัคฆ์ได้ ตามการประเมินของข้า น้ำหนักที่แน่นอนในการดึงน้ำมาของแต่ละปีจะอยู่ที่สามพันจิน ไม่ส่งผลกระทบต่อรากฐานมหามรรคาของถ้ำสวรรค์อย่างแน่นอน”
แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดภายในเวลาหกสิบปี ชุยตงซานไม่คิดจะอาศัยถ้ำสวรรค์แห่งนี้มาหาเงินแม้แต่เหรียญเดียว เพราะมันมีประโยชน์มากกว่านั้น
ในภูเขาชื่อซง พวกพืชพรรณหายากอย่างพวกหลิงจือ โสม หรือโป่งรากสนล้วนถูกชุยตงซานระบุพิกัดออกมาทั้งหมดแล้วจดลงบันทึกเอาไว้
ระหว่างทางที่เดินขึ้นเขา เฉินผิงอันก็ถามชวนคุยว่า “มีสมุดบัญชีไหม?”
ชุยตงซานกล่าว “ที่ข้ามีอยู่ ทางฝั่งของอาจารย์จ้งยังไม่มี พวกดอกไม้พืชพรรณหายากพวกนี้ ในภูเขามีจำนวนมากมาย ‘อายุ’ ร้อยปีถือว่าอยู่ในหลุมเล็ก มีจำนวนสองร้อยสิบหกต้น อายุสามร้อยปีคือหลุมกลาง หากเกินสามร้อยปีขึ้นไปมีอยู่เจ็ดสิบต้น อายุพันปีคือหลุมใหญ่ นี่คล้ายคลึงกับหายนะตัดสินเป็นตายของผู้ฝึกตน ต้นไม้ที่ข้ามผ่านหายนะนี้มาได้มีอีกสิบหกต้น นอกจากนี้สนแดงที่มีเฉพาะบนภูเขาแห่งนี้ก็มีรวมทั้งหมดสามร้อยหกสิบต้น เมื่อเทียบกับพวกดอกไม้ต้นหญ้าแล้วอายุขัยยาวนานยิ่งกว่า ต้นไม้ที่มีอายุพันปีขึ้นไปโดยที่ยังไม่ตายมีหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าต้น อายุสามพันปีขึ้นไปมีสิบเก้าต้น สรุปก็คือจำนวนมากน่าดูชมเลยล่ะ”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “เป็นภูเขาเงินภูเขาทองอย่างสมชื่อจริงๆ ด้วย”
นอกจากนี้ทางฝั่งของยอดเขายังมีจวนเซียนสีชาดอีกแห่งหนึ่งที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลเมฆกว้างใหญ่ไพศาล
เฉินผิงอันเดินมาหยุดอยู่ข้างต้นสนโบราณที่แห้งเหี่ยวซึ่งล้มราบไปกับพื้น วงปีของมันเป็นเส้นเล็กบางอย่างมาก มองกวาดผ่านๆ น่าจะมีอายุประมาณสี่พันกว่าปีแล้ว เฉินผิงอันบิไขสนสีเหลืองอร่ามออกมาก้อนใหญ่ พอเข้ามาอยู่ในมือแล้วมีน้ำหนักมาก ไม่ว่าจะเอามาทำเป็นยาหรือนำมาหลอมเป็นหมึก ทำเป็นเครื่องหอมก็ล้วนยอดเยี่ยม เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน ภูเขาแห่งนี้มีแต่เงินเทพเซียนอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งจริงๆ ขอแค่เดินขึ้นเขามาก็สามารถเก็บหาได้ตามรายทางง่ายๆ เลยทีเดียว
อยู่ดีๆ ก็อดนึกไปถึงการเข้าไปสำรวจสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่อุตรกุรุทวีปครั้งนั้นไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าลำบากกว่ามากนัก
ดังนั้นถึงได้บอกว่าภูเขาเซียนตูสำนักเบื้องล่างของภูเขาลั่วพั่วที่ชุยตงซานสร้างขึ้นมากับมือตัวเอง แท้จริงแล้วไม่ได้ขาดเงิน ส่วนการขาดคนก็เป็นแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น
มิน่าล่ะเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่างอย่างชุยตงซานถึงทำหน้าที่ได้อย่างฮึกเหิม แน่นอนว่าเรื่องอย่างการขุดมุมกำแพงของสำนักเบื้องบนก็ยิ่งไม่ออมแรงแม้แต่น้อย
เฉินผิงอันไม่ได้เก็บไขสนใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ แต่วางมันเอาไว้บนกิ่งต้นสนที่แห้งเหี่ยวไปแล้ว
เสี่ยวโม่สังเกตเห็นว่าเจ้าสำนักชุยที่อยู่ด้านข้างคล้ายจะชะเง้อคอมอง ดวงตาเต็มไปด้วยแววคาดหวัง รอกระทั่งเห็นว่าคุณชายบ้านตนวางไขสนกลับไปก็มีสีหน้าผิดหวังอยู่เล็กน้อย
เฉินผิงอันปัดมือ เดินขึ้นเขาต่ออีกครั้งพลางถามว่า “ถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ยหายสาบสูญไปนานมากแล้ว แต่ไม่เคยถูกตัดชื่อออกเสียที ทุกวันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในสามสิบหกถ้ำสวรรค์เล็ก ในเรื่องนี้มีคำอธิบายอะไรหรือไม่?”
ชุยตงซานพยักหน้า “ถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ยคือซากปรักที่สำคัญที่สุดของดินแดนสู่โบราณ ไม่มีหนึ่งใน เนื่องจากเล่าลือกันว่าเคยมีเซียนกระบี่บรรพกาลหลายท่านทิ้งคราบร่างไว้ที่นี่แล้วบินทะยาน ทิวากาลกลายเป็นเซียน จิตแห่งเซียนหลุดพ้น ทิ้งเนื้อหนังมังสาเหมือนจักจั่นลอกคราบ ซากปรักของวังมังกรที่อยู่แถวลำน้ำใหญ่ แม่น้ำทั้งหลายในโลกยุคหลังที่คล้ายคลึงกันนี้กลับมิอาจเปรียบเทียบได้เลย เนื่องจากท่วงทำนองที่หลงเหลืออยู่ในคราบร่างเซียนกระบี่ทุกร่าง บางทีอาจจะแบกรับวิถีกระบี่บรรพกาลหนึ่งชนิดหรือกระทั่งหลายชนิดเอาไว้”
เฉินผิงอันถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ปีนั้นถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ยหายไปจากแจกันสมบัติทวีปได้อย่างไร?”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เดิมทีเป็นสถานที่พิสูจน์มรรคาของอาจารย์เจิ้งจวีจง เจ้าหมอนี่เวทกระบี่สูง นิสัยดุร้าย ปีนั้นถือเป็นคนต่างถิ่นที่ข้ามทวีปไปเที่ยวเยือนแจกันสมบัติทวีป ทว่าโชควาสนาที่ใหญ่ที่สุดนี้กลับเป็นเขาที่ได้ไปครอง แล้วก็เพราะอยู่ในถ้ำสวรรค์เล็กแห่งนี้ เขาถึงได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตบินทะยาน ภายหลังไม่รู้ว่าอย่างไรไอ้หมอนี่ถึงไปทำให้ฝูงชนเดือดดาล ถูกเซียนกระบี่ในท้องถิ่นและต่างทวีปหลายสิบท่านรุมซ้อม ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนภูเขาถล่มแผ่นดินแตกแยก คนบาดเจ็บล้มตายกันไปเยอะมาก ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบนแปดคน ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดหกคน รวมแล้วคนสิบสี่คนต่างไม่มีใครที่หนีรอดไปได้ ล้วนถูกเจ้าหมอนั่นจัดการหมด เนื่องจากเป็นศึกของผู้ฝึกกระบี่ ก่อนที่สองฝ่ายจะปล่อยกระบี่ก็ได้ลงนามสัญญาเป็นตายไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งสนามรบยังอยู่ในถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ย เป็นเหตุให้ไม่มีคนบริสุทธิ์ล่างภูเขาเดือดร้อนติดร่างแหไปด้วย ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางจึงไม่ได้สนใจสักเท่าไร”
เสี่ยวโม่จุ๊ปากอย่างชื่นชม มิน่าเล่าถึงกลายเป็นคนพิฆาตมังกรในภายหลังได้
ต่อให้ไม่พูดถึงเวทกระบี่สูงต่ำ พูดถึงแค่นิสัยใจคอก็ถูกใจเขายิ่งนัก
เฉินผิงอันกล่าว “โชคชะตาวิถีกระบี่ของแจกันสมบัติทวีปเริ่มถดถอยลงในเวลานั้นหรือ?”
ชุยตงซานพยักหน้า “ในบรรดาเซียนกระบี่ที่รบตายไป เกินครึ่งล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นของแจกันสมบัติทวีป ก็เหมือนตระกูลชนชั้นสูงแห่งหนึ่งที่อยู่ดีๆ ก็ถูกค้นบ้านริบทรัพย์ภายในค่ำคืนเดียว สถานการณ์ย่อมดิ่งลงเหว ตระกูลจึงตกต่ำนับแต่นั้นมา เวลาถึงสามพันปีเต็มก็ยังเซื่องซึมมิอาจกระเตื้องขึ้นมาได้อีก บวกกับที่ภายหลังเถียนหว่านและป๋ายฉางร่วมมือกันก่อกวนอย่างลับๆ ดังนั้นจนกระทั่งพวกอาจารย์ท่านลุกผงาดขึ้นมา พลังต้นกำเนิดถึงฟื้นคืนกลับมาได้หลายส่วน”
“โรคร้ายที่ทิ้งไว้หลังจากการถามกระบี่ครั้งนั้นใหญ่มาก สำหรับแจกันสมบัติทวีปแล้วไม่เพียงแต่เซียนกระบี่เหล่านั้นที่ตายดับอยู่ในถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ยเท่านั้น ยังเดือดร้อนให้ตระกูลเซียนบนวิถีกระบี่มากมายต้องขาดการสืบทอดควันธูปไปด้วย โชคชะตาวิถีกระบี่ที่อยู่บนร่างของผู้ฝึกกระบี่ทุกคนล้วนถูกปิดผนึกอยู่ในถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ย และยังมีเรื่องที่เป็นปัญหามากกว่านั้น ราวกับว่าวิถีกระบี่ในแจกันสมบัติทวีปเท่ากับว่าถูกผู้ฝึกกระบี่จากต่างถิ่นคนหนึ่งสยบกำราบไว้อย่างสิ้นเชิงแล้ว”
สุดท้ายชุยตงซานยิ้มหน้าทะเล้นเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ถ่ายทอดมรรคาของเจิ้งจวีจง ก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง”
เฉินผิงอันถาม “เหตุใดจนถึงทุกวันนี้ในป่าสนแดงก็ยังไม่มีภูตในภูเขาที่สติปัญญาถูกเปิดออกแล้วหลอมเรือนกายสำเร็จเลยสักตน?”
ชุยตงซานถอนหายใจ “เจ้าของเดิมของที่แห่งนี้ต้องเป็นเซียนเหรินยุคบรรพกาลที่วิชาอภินิหารเลิศล้ำอย่างแน่นอน น่าจะเป็นคนบนภูเขาที่เก็บตัวสันโดษอย่างสมชื่อ จิตใจสะอาดผ่องใสไร้ความปรารถนา เกิดมาก็ไม่ชอบความครึกครื้น เป็นเหตุให้ใช้วิธี ‘ผนึกภูเขา’ ตามความหมายที่แท้จริงอย่างหนึ่ง ต่อให้จะผ่านไปอีกหลายพันปี สติปัญญาของพืชพรรณในภูเขาก็ยังไม่เปิดออก ต่อให้เขาจะออกไปจากที่แห่งนี้ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คลายตราผนึกขุนเขาสายน้ำนี่ออก”
เฉินผิงอันอดไม่ไหวทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง “คนประหลาดและเรื่องพิลึกมหัศจรรย์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!