ตอน บทที่ 900.5 เพื่อนบ้าน จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 900.5 เพื่อนบ้าน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
อวี๋ฟู่ซานขมวดคิ้ว “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”
เป็นอีกคนที่ไม่อ่านรายงานขุนเขาสายน้ำ
เฉินผิงอันพยักหน้า “มีเรื่องแบบนี้จริง”
อวี๋ฟู่ซานถาม “เป็นคนไม่ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น เจ้าต้องการอะไร?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ญาติห่างไกลไม่สู้เพื่อนบ้านใกล้เคียง”
อวี๋ฟู่ซานครุ่นคิด ก่อนจะถามด้วยแววตาประหลาด “พวกเจ้าเป็นคู่รักกันหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “เป็นแค่สหาย”
อวี๋ฟู่ซานร้องอ้อหนึ่งที พลันเอ่ยอย่างกระจ่างแจ้งว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คือว่าที่คู่บำเพ็ญเพียรสินะ?”
เผ่าน้ำก่อกำเนิดเฒ่าที่มีเวทคงความเยาว์ผู้นี้จุ๊ปาก “นี่ถือว่าฉวยโอกาสปล้นตอนไฟไหม้ ซ้ำเติมคนล้ม รุกรานตอนคนอื่นอ่อนแอหรือไม่?”
จากนั้นเถ้าแก่ผู้นี้ก็เอ่ยอีกประโยคที่โหดร้ายกว่าเดิม “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะเป็นบัณฑิตครึ่งๆ กลางๆ ที่สอบไม่ติดสำนักศึกษากระมัง?”
เฉินผิงอันเพียงยิ้มไม่เอ่ยอะไร เรื่องแบบนี้ยิ่งอธิบายก็จะยิ่งเข้าใจผิด
สหายพูดคุยเช่นนี้ มิน่าเล่าถึงไปไม่ถึงขอบเขตหยกดิบเสียที
เวลาถึงสามพันปีเต็มได้แค่อดทนเลื่อนผ่านจากขอบเขตประตูมังกรมาเป็นขอบเขตก่อกำเนิดเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ก็โชคดีที่หวงอีอวิ๋นใจกว้าง ไม่ได้ถือสาคำล้อเล่นนั้น
ไม่อย่างนั้นลำพังแค่ตบะขอบเขตก่อกำเนิดของเขา ทั้งยังมิอาจเดินลงน้ำกลายเป็นเจียวได้ เพราะถูกจำกัดอยู่ที่ธรณีประตูก่อกำเนิดที่เป็นรากฐานของมหามรรคา ดังนั้นหากจะพูดถึงระดับความแข็งแกร่งของเรือนกายก็พูดได้แค่ว่าธรรมดา ธรรมดาอย่างมาก ก่อนหน้านี้หากเย่อวิ๋นอวิ๋นเจ้าอารมณ์กว่านี้สักหน่อย ปลาแบกภูเขาตัวนี้จะไม่จมน้ำตายอยู่ในลำคลองไปเลยหรือ
อวี๋ฟู่ซานถาม “เจ้าเป็นสหายของหวงถิงจริงๆ หรือ?”
ก็จริงนะ ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรคนหนึ่งจะคู่ควรกับหวงถิงของข้าได้อย่างไร
เฉินผิงอันพยักหน้า “ในอดีตตอนเดินทางท่องเที่ยวอยู่ที่ใบถงทวีป ยังเคยโชคดีได้เจอกับเทียนจวินผู้เฒ่าของภูเขาไท่ผิง”
อวี๋ฟู่ซานเงียบงันไม่พูดจา คิดพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนเอ่ยว่า “หากสามารถให้หวงถิงมาหาข้าที่นี่ ข้าก็จะเชื่อเจ้า จากนี้จะจัดการอย่างไร ข้าต้องคุยกับหวงถิงก่อนค่อยว่ากัน”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “สหายอวี๋ฟู่ซานทำอะไรหนักแน่นรอบคอบ ตามหลักแล้วก็ควรเป็นเช่นนี้”
อวี๋ฟู่ซานกำลังจะถามชื่อแซ่และสำนักของอีกฝ่ายก็เห็นว่าอีกฝ่ายหยิบเอาแท่นฝนหมึกที่ทำจากอิฐโบราณของรัชสมัยก่อตั้งแคว้นสกุลอวี๋ชิ้นหนึ่งขึ้นมา หันหน้ามายิ้มถามว่า “ลดห้าส่วนได้หรือไม่?”
อวี๋ฟู่ซานยิ้มถามย้อน “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ห้าส่วน? ทำไมเจ้าไม่แย่งไปเลยล่ะ?
คิดไม่ถึงว่าแขกที่สวมชุดกันฝนจะเริ่มควักเงินจริงๆ
เรือหลากสีลำหนึ่งขยับเข้าใกล้จุดหมาย เย่อวิ๋นอวิ๋นสามารถมองเห็นภูเขาเซียนตูซึ่งมีชาติกำเนิดเป็นมหาบรรพตเก่าลูกนั้นได้อย่างชัดเจน
นางพลันนวดคลึงหว่างคิ้ว นอกจากเรื่องของถานหรงแล้ว อันที่จริงยังมีเรื่องที่ยากจะเปิดปากพูดยิ่งกว่า ก่อนที่นางจะออกเดินทางได้ไปเยือนจวนวารีของตงไห่ฟู่มารอบหนึ่ง ผลคือการไปครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาไม่เล็ก เหนียงเนียงเทพวารีที่จู่ๆ ก็เกิดเพ้อฝันขึ้นมาคนนั้นงอแงจะให้เย่อวิ๋นอวิ๋นนำกระดาษจดหมายเขียนบทกวีลายน้ำพิมพ์ไม้ ผลงานโดนเด่น น้ำและไม้สง่าเรียบง่าย สีสันดอกไม้ซับซ้อน การพิมพ์ประณีติงดงามอย่างถึงที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการคัดลอกที่สวยงามมาก บอกว่าหากได้พบกับใต้เท้าอิ่นกวานจะต้องให้อีกฝ่ายช่วยขอการลงนามจากเว่ยจิ้นเซียนกระบี่ใหญ่แห่งศาลลมหิมะมาให้ตนให้จงได้ เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ต่อให้ต้องรออีกเป็นสิบปี หกสิบปีก็ไม่เป็นไร กระดาษจดหมายหลากสีที่เกินไปก็ถือเสียว่าเป็นของขวัญขอบคุณที่นางมอบให้ใต้เท้าอิ่นกวานก็แล้วกัน
หญิงชราใช้เสียงในใจถาม “เจ้าขุนเขาเย่ ที่ตั้งสำนักของเซียนกระบี่เฉินท่านนี้ค่อนข้างจะ…ขอไปทีเกินไปหน่อยหรือไม่?”
กวาดตามองไปรอบด้าน ไม่ว่าหญิงชราจะมองอย่างไรก็เห็นเป็นสถานที่แร้นแค้นที่ไม่เหมาะจะเอามาเปิดภูเขาก่อตั้งพรรคเลยจริงๆ
ไม่ถือว่าเป็นสถานที่ชัยภูมิดีที่สภาพแวดล้อมช่วยปลูกฝังอบรมกล่อมเกลาความสามารถพิเศษอะไรได้เลยจริงๆ
โชคชะตาภูเขาธรรมดา โชคชะตาน้ำบางเบา ปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินก็แค่ดีกว่าคำว่า ‘สถานที่ไร้อาคม’ เล็กน้อยเท่านั้น
เย่อวิ๋นอวิ๋นยิ้มกล่าว “ปีนั้นผูซานของพวกเรา ต่อให้ไม่อาจถือว่าภูเขาแร้นแค้นน้ำแห้งแล้ง แต่ก็มีสภาพพอๆ กับที่นี่ แต่พวกเราก็ค่อยๆ บริหารจัดการกันไปทีละนิด”
เห็นว่าหวงอีอวิ๋นไม่ยินดีจะพูดอะไรมาก หญิงชราก็ไม่ซักไซ้ต่อ
โอสถทองบางส่วนในสำนักที่ได้บุกเบิกยอดเขาเป็นของตัวเอง คาดว่าภาพบรรยากาศก็น่าจะไม่แพ้ให้กับสถานที่แห่งนี้เลย
เว้นเสียจากว่า…อีกฝ่ายได้ย้ายมหาบรรพต ชักนำแม่น้ำลำคลอง สร้างให้มีจากไม่มี อีกทั้งตอนนี้ยังร่ายเวทคาถาอำพรางตาบางอย่างด้วย?
คนของทางฝั่งภูเขาเชียนตูที่มารับรองแขกของคือเผยเฉียนกับบัณฑิตที่ชื่อว่าเฉาฉิงหล่าง อันที่จริงก่อนหน้านี้เคยเจอกันในเพิงน้ำชาบ้านเกิดตนมาก่อนแล้ว
หญิงชรากลับมีความประทับใจที่ไม่เลวต่อเฉาฉิงหล่างผู้นี้
เพียงแต่ว่าไม่ได้เจอเซียนกระบี่เฉินกับชุยเซียนซือ
การรับรองแขกบนยอดเขามี่เซวี่ยเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่กลุ่มของเย่อวิ๋นอวิ๋นกลับไม่สนใจในเรื่องนี้
ระหว่างทางที่เดินขึ้นเขาเซวียไหวก็ได้หยั่งเชิงถามเผยเฉียนแล้วว่าทั้งสองฝ่ายจะหาโอกาสถามหมัดกันสักครั้งได้หรือไม่
เผยเฉียนยิ้มเอ่ยว่าต้องถามอาจารย์พ่อก่อน ขอแค่อาจารย์พ่อพยักหน้าตอบตกลงก็ไม่มีปัญหา
หญิงชราหาที่พักให้กับชู่ชู่ได้แล้วก็ไปหาเย่อวิ๋นอวิ๋น บอกกล่าวกับนางว่าตัวเองอยากจะลองไปเดินเที่ยวดูอาณาเขตรอบๆ เสียหน่อย
แน่นอนว่าเย่อวิ๋นอวิ๋นไม่มีความเห็นต่าง
หลังจากที่หญิงชราออกมาจากยอดเขามี่เซวี่ยแล้วก็อำพรางร่องรอย ร่ายวิชาน้ำแห่งชะตาชีวิตออกเดินทางไกลไปอย่างเงียบเชียบ
มาถึงจุดตัดระหว่างทะเลและพื้นดินแห่งหนึ่ง ใครเล่าจะคิดได้ว่าสถานที่ที่อยู่ติดกับทะเล แต่กลับเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งตลอดทั้งปีแห่งนี้จะเป็นที่ซ่อนตัวของวังมังกรลำน้ำใหญ่
อาศัยสมบัติลับชิ้นหนึ่งเปิดตราผนึกออกแล้วเดินท่องไปในที่ตั้งเก่าของวังมังกรลำน้ำใหญ่ หญิงชราเห็นของแล้วก็คิดถึงคน หอเรือนงดงามในทุกหนทุกแห่งไม่เหลือพลังชีวิตใดๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะจวนขององค์หญิง ในอดีตเคยครึกครื้นถึงเพียงใด สหายนั่งกันอยู่เต็มห้องโถง เสียงชนแก้วคลอเสียงหัวเราะ แขกที่นั่งอยู่ด้านในมีเซียนน้ำนับไม่ถ้วน ซานจวินมากมายดุจก้อนเมฆ หญิงชรายืนอยู่หน้าประตูมีสีหน้าหม่นหมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางหลั่งน้ำตากับตัวเองเงียบๆ
ในยุคบรรพกาล หลงจวินแห่งสี่มหาสมุทรควบคุมดูแลโชคชะตาน้ำในใต้หล้า เจียวหลงในมหาสมุทรได้ครอบครองกลศ (ภาชนะใส่น้ำเทพมนตร์ของพราหมณ์ ทำด้วยโลหะ ลักษณะคล้ายคนโทมีฝาปิดและพวยอย่างกาน้ำ) ที่สร้างขึ้นด้วยกรรมวิธีลับของวังมังกร ไปเคลื่อนเมฆโปรยฝนให้บนพื้นดิน หยดน้ำหนึ่งหยดบนฟ้า น้ำฝนหนึ่งฉื่อบนพื้น
ก่อนไปขดตัวนอนพักผ่อนบนหินพักมังกรทั้งหลาย
ทุกสิ่งล้วนกลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว
ฉิวตู๋ไม่ได้ไปค้นหาสมบัติล้ำค่า ตรวจสอบสมบัติมากมายแล้วเอาเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองทันที แต่ยืนเช็ดน้ำตา ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตำหนักใหญ่ของหลงจวินลำน้ำใหญ่
หญิงชรายืนอยู่นอกธรณีประตู ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที หญิงชราพลันเงยหน้าขึ้น เห็นว่าบนขั้นบันไดด้านล่างเก้าอี้มังกรมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีขาวหิมะนั่งอยู่บนขั้นบันได
หญิงชรานึกว่าตัวเองตาฝาดไป หรือบางทีอาจเป็นภาพลวงตาก็เป็นได้ เพียงแต่ว่านาทีถัดมา เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนจริงๆ หญิงชราก็พลันกรีดร้องเสียงแหลม ตวาดอย่างเดือดดาล “ใครกล้าบุกเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามของวังมังกร?!”
ทว่าครู่ต่อมาหญิงชราก็ให้รู้สึกเจ็บปวดเสียใจ
สตรีผู้นั้นกระตุกมุมปาก “ประโยคนี้ไม่ควรเป็นข้าที่ต้องถามเจ้าหรอกหรือ?”
นางหลุบตามองมาจากที่สูง สีหน้าเย่อหยิ่ง ดวงตาสีขาวหิมะคู่นั้นเต็มไปด้วยแววดูแคลน พอจะมองเห็นเส้นแสงสีทองไหลวน ประหนึ่งมีเจียวหลงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่ว่ายอยู่ในบ่อโบราณลึกสองบ่อ
ฉิวเฒ่าขอบเขตก่อกำเนิดตัวหนึ่ง ตะโกนได้เสียงดังขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าพละกำลังเต็มเปี่ยม ทำให้นางอดนึกถึงพวกสตรีปากยาวที่อยู่ข้างบ่อน้ำของเมืองเล็กในอดีตไม่ได้
ในที่สุดสายตาของหญิงชราที่รู้สึกตัวอย่างเชื่องช้าก็ฉายประกายประหลาดใจ “เป็นเจ้า?!”
หญิงสาวหัวเราะหยัน “นังแก่หูตาพร่าลาย ในที่สุดก็รู้แล้วหรือว่าข้าเป็นใคร?”
ฉิวเฒ่าตื่นเต้นสุดขีด ข่มกลั้นความเจ็บปวด ดวงตาที่โตเหมือนโคมไฟคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อคลอ ใช้ภาษาเฉพาะของเผ่าพันธ์เจียวหลงบรรพกาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “บ่าวใช้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆ โชคดีได้พบกับมังกรที่แท้จริง ช่างเป็นความโชคดีมหาศาล แม้ตายไปก็ไม่เสียดาย…”
จื้อกุยกลับไม่รับน้ำใจ เพิ่มแรงที่ฝ่าเท้าลงไปอีก “ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายซะ”
ฉิวที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางถึงกับไม่มีความเจ็บแค้นเสียดายอะไรจริงๆ ทั้งไม่วิงวอนขอชีวิต และในสายตาก็ไม่มีความไม่ยินยอมใดๆ กลับกันบนศีรษะมหึมาของฉิวเฒ่ายังมีรอยยิ้มให้เห็น
จื้อกุยหรี่ตาลง “พอตราผนึกคลายออกก็รีบร้อนมาขโมยของที่นี่ พูดมาเถอะ คิดจะเอาไปขอความดีความชอบกับเซียนซือบนภูเขาคนใด ส่ายหางขอความเมตตาเพื่อแลกมาด้วยเส้นทางในอนาคตอย่างนั้นรึ?”
ฉิวเฒ่าตอบตามสัตย์จริง มิกล้าปิดบัง
จื้อกุยถาม “ชุยตงซาน? ภูเขาเซียนตู? อยู่ห่างจากที่แห่งนี้ไกลแค่ไหน?”
ตรงธรณีประตูของตำหนักใหญ่มีคนช่วยตอบคำถามให้ “ไม่ถือว่าไกล”
จื้อกุยเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าประตู
สีหน้าของนางเป็นปกติ แต่แท้จริงแล้วกลับใจสั่นเล็กน้อย เหตุใดอยู่ใกล้ในระยะประชิดเช่นนี้ ตนถึงสัมผัสลมปราณของอีกฝ่ายไม่ได้เลย?
ใช่แล้ว เป็นชายใจหญิงที่ชอบเครื่องประทินโฉมคนนั้น!
ถึงได้ทำให้มหามรรคาของเจ้าหมอนี่ใกล้ชิดกับน้ำถึงเพียงนี้
เหอะ เหมือนวิญญาณตามติดไม่ยอมไปผุดไปเกิดจริงๆ ทุกวันนี้ก็ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันครึ่งตัวอีกแล้วไม่ใช่หรือ
คนผู้นั้นยืนอยู่นอกประตูตลอด เอ่ยว่า “แค่พอสมควรก็พอแล้ว”
จื้อกุยลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยกยังเท้าข้างที่เหยียบอยู่บนหน้าผากของฉิวเฒ่ามา หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ข้าก็นึกว่าใครกัน ถึงได้มีบารมีขุนนางใหญ่โตถึงเพียงนี้”
ฉิวเฒ่าไม่มีการสยบกำราบบนมหามรรคาที่ดุจพลานุภาพสวรรค์ไพศาลส่วนนั้นแล้วก็รีบคืนร่างเป็นมนุษย์ ลุกขึ้นยืนโซเซ หันไปมองทางนอกประตู ถึงกับเป็นเซียนกระบี่เฉินท่านนั้น?
บทสนทนาต่อมาก็ยิ่งทำให้หญิงชราทั้งอกสั่นขวัญผวา ทั้งสับสนมึนงง
“ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านขนาดนี้เชียว?”
“นั่นก็ต้องมีเรื่องชาวบ้านให้ยุ่งเสียก่อนถึงจะยุ่งได้”
“เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้นะ”
“แต่เจ้ากลับไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย”
จากนั้นคนในประตูกับคนนอกประตู เพื่อนบ้านในอดีตต่างก็พากันเงียบงัน
ทว่าชั่วพริบตานั้นหญิงชรากลับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เข้มข้นขุมหนึ่ง ถึงกับทำให้ฉิวเฒ่าขอบเขตก่อกำเนิดรู้สึกหายใจไม่ออก
มังกรแท้จริงบนโลกที่เป็นขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง?
กับผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง?
ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ ทำไมอยู่ๆ นึกจะแตกคอก็แตกคอกันอย่างนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!