ซากปรักวังมังกรลำน้ำใหญ่ในใบถงทวีป สตรีชุดขาวอยู่ด้านในตำหนัก คนชุดเขียวด้านนอกประตู
เพื่อนบ้านสองคนกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในต่างบ้านต่างเมือง แต่กลับไม่มีบรรยายกลมเกลียวของคนบ้านเดียวกันที่มาเจอกันต่างถิ่นเลยแม้แต่น้อย
บนผนังชั้นหนึ่งของเรือนไม้ไผ่ยอดเขาจี๋หลิงยอดเขาหลักของภูเขาลั่วพั่วแห่งแจกันสมบัติทวีป กระบี่ยาวที่อยู่ในฝัก ปราณกระบี่ประหนึ่งมังกรบนฝาผนังที่กำลังบินทะยาน
ทันใดนั้นแสงกระบี่พลันเปล่งวาบ กระบี่ยาวออกจากฝัก เพียงชั่วพริบตาก็ออกมาจากภูเขาลั่วพั่ว ปราณกระบี่ดุจสายรุ้ง พุ่งออกจากอาณาเขตขุนเขาเหนือของต้าหลีในเสี้ยววินาที
ถึงขั้นที่ว่าซานจวินเว่ยป้อไม่ทันช่วยอำพรางภาพบรรยากาศของปราณกระบี่ให้ด้วยซ้ำ โชคดีที่กระบี่ยาวแหวกอากาศไปอย่างว่องไว ผู้ฝึกตนบนโลกได้เห็นแค่แวบเดียวก็มองไม่เห็นร่องรอยใดๆ อีก
เว่ยป้อยืนอยู่บนยอดเขาภูเขาพีอวิ๋น อดเป็นกังวลไม่ได้ จึงมาเยือนภูเขาลั่วพั่ว มาหาจูเหลี่ยน
จูเหลี่ยนแค่ยิ้มให้คำตอบที่เรียบง่ายว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ผ่านไป
เว่ยป้อพอจะวางใจลงได้เล็กน้อย ก็จริงนะ ต่อให้อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ข้างกายเฉินผิงอันก็มีทั้งชุยตงซาน แล้วยังมีอาจารย์เสี่ยวโม่อยู่ด้วย
ในตำหนักหลักของวังมังกรลำน้ำใหญ่ คราวก่อนที่อยู่ในเพิงน้ำชาของแม่น้ำชื่อหลิน ฉิวตู๋มองขอบเขตที่แท้จริงของเซียนกระบี่ชุดเขียวไม่ออก หญิงชราแค่อาศัยความรู้สึกคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง ในเมื่อกล้าคุมเชิงกับมังกรแท้จริงตัวหนึ่ง อีกทั้งพลังอำนาจยังไม่เป็นรองแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหริน หรือถึงขั้นอาจเป็นขอบเขตบินทะยานด้วย
ไม่อย่างนั้นอยู่ในที่ตั้งเก่าของวังมังกรซึ่งใกล้กับมหาสมุทรเช่นนี้ ต่อให้เจ้าเป็นเหวยอิ๋งเซียนกระบี่ใหญ่แห่งสำนักกุยหยก เจอกับสตรีที่ชื่อว่าหวังจูผู้นี้ ขอแค่ไม่เปลี่ยนสถานรบ แพ้ชนะก็ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้ว
จื้อกุยยิ้มตาหยีถามว่า “ยายแก่ หากข้าตีกับเซียนกระบี่เฉินขึ้นมาจริงๆ เจ้าคิดจะช่วยใคร?”
หญิงชราตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าผู้อาวุโสรับคำสั่งจากมังกรที่แท้จริง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็จะไม่เกี่ยงแม้แต่คำเดียว”
หากชู่ชู่สามารถติดตามมังกรที่แท้จริงไปฝึกตนได้ ก็จะมีความหวังบนมหามรรคา อนาคตยาวไกลไร้ที่สิ้นสุด
แม่นางน้อยของบ้านตนมีคุณสมบัติในการฝึกตนดีเยี่ยม หากสามารถฝึกฝนคาถาน้ำไปได้ถึงขีดสุด ในอนาคตอย่าว่าแต่ก่อสำนักตั้งพรรคเลย ต่อให้เดินไปถึงยอดเขาของไพศาลก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ก็เหมือนอย่างฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้ที่ผู้คนให้การยอมรับว่าเวทอัคคีของเขาเป็นอันดับหนึ่งในโลก ก็สามารถสยบกำราบให้ตั้นตั้นฮูหยินที่เป็นขอบเขตบินทะยานเหมือนกันได้แต่ทำตัวเป็นเต่าหดหัวซ่อนตัวอยู่ในหลุมน้ำลู่เท่านั้นไม่ใช่หรือ
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด
คนหนึ่งกล้าถาม คนหนึ่งก็กล้าตอบจริงๆ
พวกเจ้าเล่นเป็นเด็กขายของกันอยู่หรือไร
แต่หญิงชรากลับไม่มีจิตสังหารใดๆ
ถูกยันต์ของเทียนซือแห่งภูเขามังกรพยัคฆ์กักขังมานานหลายปี เป็นเหตุให้ฉิวเฒ่าตัวนี้ทั้งไม่มีปณิธานที่จะก่อตั้งสำนัก แล้วก็ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะพิสูจน์มรรคา การกระทำทุกอย่างล้วนทำไปเพื่อแม่นางน้อยคนนั้นมากกว่า
สรรพชีวิตที่มีสติปัญญา ต่างก็มีธรรมชาตินิสัยของตัวเอง ซึ่งคุณสมบัติเด่นมากมายของเผ่าพันธ์เจียวหลงจะเห็นได้ชัดเป็นพิเศษ
จื้อกุยยืนอยู่เชิงบันไดล่างสุด เหลือบตามองฉิวเฒ่าตัวนั้น
หญิงชราผู้นี้เหมือนสตรีลิ้นยาวของบ้านเกิดที่มาตักน้ำยิ่งนัก แข็งนอกอ่อนใน หญ้ายอดกำแพงเอนไหวไปตามสายลม
ดังนั้นยิ่งมองจึงยิ่งรู้สึกใกล้ชิดสนิทใจ
จื้อกุยพลันหันไปมองมุมหนึ่ง จิตแห่งมรรคาสั่นสะท้านเล็กน้อย
นางขยับเบนสายตามองไปยังเฉินผิงอันที่อยู่นอกตำหนักใหญ่ด้วยสายตาเยียบเย็น
หากจะบอกว่าปราณสังหารของนางก่อนหน้านี้เข้มกว่าจิตสังหาร ถ้าอย่างนั้นตอนนี้จิตสังหารก็เข้มกว่าปราณสังหารแล้ว
ความเคียดแค้นที่อยู่ในใจนางเหมือนวัชพืชที่ลุกลามขยายเติบโตอย่างบ้าคลั่ง ไร้เหตุผลให้อธิบาย
ราวกับกำลังบอกว่า แม้แต่เจ้าก็ยังคิดจะฆ่าข้าหรือ?!
เฉินผิงอันที่อยู่นอกประตูกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
จื้อกุยสีหน้าเขียวคล้ำ หัวเราะเย็นชา หันหลังให้ประตูใหญ่ เดินขึ้นบันไดไปช้าๆ มาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้มังกรตัวนั้น นางหันตัวกลับ เอามือกดลงบนที่เท้าแขนของเก้าอี้
เนื่องจากซากปรักวังมังกรแห่งนี้อยู่ในสถานะกึ่งๆ เปิดประตู แม้แต่ฉิวตู๋ก็ยังสัมผัสได้ถึงปราณยิ่งใหญ่โอฬารที่อยู่ ‘นอกประตู’ หญิงชราหวาดผวาพรั่นพรึง ตกใจจนหน้าเผือดสี
หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล ในยุคบรรพกาลที่เจียวหลงบนโลกทำหน้าที่โปรยฝนลงบนพื้นดินตามกฎ ตอนที่หญิงชรายังมีหน้าที่เป็นหมัวมัวสอนมารยาทให้กับที่แห่งนี้ วังมังกรลำน้ำใหญ่เคยเจอกับคลื่นลมครั้งหนึ่ง มีเซียนกระบี่กลุ่มหนึ่งจับมือกันมาถามกระบี่ที่ลำน้ำใหญ่
เพียงแต่ว่าการถามกระบี่ที่พลังอำนาจน่าครั่นคร้ามครั้งนั้น โชคดีที่หลงจวินแห่งมหาสมุทรบูรพาปรากฏตัวด้วยตัวเอง พยายามไกล่เกลี่ยให้อย่างสุดความสามารถ จึงเป็นฟ้าร้องดังฝนตกเบา ทั้งสองไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย
คนชุดเขียว แซ่เฉิน
บุคลิกอบอุ่นอ่อนโยน ลงมืออำมหิตเด็ดขาด
ในอดีตก็มีเซียนกระบี่ไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง สวมชุดเขียวพกกระบี่ อยู่ๆ ก็เผยกายขึ้นมาบนโลกของไพศาล ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ประวัติความเป็นมาของคนผู้นี้ รู้แค่ว่าก่อนศึกพิฆาตมังกร คนผู้นี้เคยอาศัยหนึ่งคนหนึ่งกระบี่รับกระบี่จากผู้ฝึกกระบี่กลุ่มหนึ่งในถ้ำสวรรค์ฉานทุ่ยที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของสู่โบราณ นับแต่นั้นมาโชคชะตาวิถีกระบี่ของแจกันสมบัติทวีปก็ทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นคืนมาได้อีก
หญิงชราพลันหน้าซีดขาว เอ่ยเสียงสั่นว่า “เจ้าคือคนพิฆาตมังกร?!”
เฉินผิงอันเงียบไม่ตอบ
จื้อกุยจุ๊ปากพูดกลั้วหัวเราะ “เหมือนกับนิสัยยามลงมือทำเรื่องต่างๆ ของเจ้าจริงๆ”
มักจะต้องระมัดระวัง ระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก ไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ที่มากมหาศาล หวังเพียงว่าจะไม่ทำความผิดก็พอ
คนปกติหากร่ำรวยสูงศักดิ์แล้วไม่กลับบ้านเกิดก็เหมือนคนสวมชุดแพรเดินยามค่ำคืน
แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ร่ำรวยขึ้นมากะทันหันแต่กลับไม่ทำให้เพื่อนบ้านตกตะลึง
อันที่จริงก่อนที่ปราณกระบี่ขุมนั้นจะขยับเข้ามาใกล้วังมังกรลำน้ำใหญ่ นางก็พอจะมองเบาะแสออกแล้ว
เฉินผิงอันที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็นแค่ยันต์หุ่นเชิดแผ่นหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็เพิ่มยันต์ยุคบรรพกาลหลายชนิดที่หายสาบสูญไปนานแล้วเข้าไป
ก็เหมือนกับค่ายกลยันต์ที่ผ่านการปลุกเสกชั้นแล้วชั้นเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!