เด็กหนุ่มชุดขาวที่เท่ากับว่าเดินวนไปรอบหนึ่งก่อนกลับมาที่เดิมเก็บกระจกส่องมารลงไปอย่างขุ่นเคือง “ฮ่า เข้าใจผิดๆ ต้องโทษที่พี่สาวคนนี้งดงามเกินไป คำกล่าวเก่าแก่ในยุทธภพบอกว่าหากพบเจอในภูเขา ถ้าไม่ใช่ผีสาวงามก็ต้องเป็นภูตจิ้งจอก”
ซีหมานมองไปทางผู้เฒ่า หลีป๋าพยักหน้า สามารถลงมือได้ แต่ต้องกะน้ำหนักให้ดี ดูสิว่าจะหยั่งเชิงเบาะแสตื้นลึกของอีกฝ่ายได้หรือไม่
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำพลันลุกพรวดขึ้นยืน น้ำในสระบัวที่อยู่รอบเรือลำเล็กพลันลดระดับดิ่งฮวบลงไป น้ำในทะเลสาบที่อยู่ห่างไปกระเพื่อมรุนแรง เส้นทางน้ำทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ เพิ่มระดับความสูง ก่อนจะแผ่ลามขึ้นไปบนฝั่ง มีเพียงศาลาที่คนหนุ่มหมวกเหลืองรองเท้าเขียวอยู่เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
ซีหมานผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าใช้ข้อศอกถองเข้าที่หน้าผากของเด็กหนุ่มชุดขาว อีกฝ่ายไม่มีเรี่ยวแรงให้ตอบโต้คืนเลยแม้แต่น้อย ประหนึ่งลูกธนูที่ปักดิ่งลงไปในน้ำ ครู่หนึ่งต่อมาเด็กหนุ่มชุดขาวก็ยื่นหัวออกมาจากจุดที่ห่างไปไกล เช็ดหน้าตัวเอง ว่ายน้ำตรงมายื่นมือไปคว้าดอกบัวก้านหนึ่งที่ส่ายไหวไปตามสายน้ำ จากนั้นดึงใบบัวให้เอนมาทางตน พลิกตัวกลับกระโดดไปยืนบนใบบัว เต้นงผางสบถด่า “เจ้าโจรชั่ว บังอาจลงมือทำร้ายคนอย่างอำมหิต เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าจะไปเรียกคนมาเดี๋ยวนี้ แน่จริงก็อย่าหนีนะ…”
ชุยตงซานพลันหยุดพูด กระทืบเท้าด้วยสีหน้าเจ็บใจตัวเอง “คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีชีวิตกลายมาเป็นคนที่ในอดีตข้ารังเกียจที่สุด ข้าทำแบบนี้ก็เหมือนบุรุษเสเพลลูกหลานคนรวยที่หยอกเย้าสตรีบนถนนแล้วถูกจอมยุทธใหญ่ซ้อมตี พอลุกขึ้นได้ก็ได้แต่กล้าหนี หนีไปยังทิ้งคำอาฆาตข่มขู่คนเขาไปด้วยไม่ใช่หรอกหรือ?!”
ซีหมานรวมเสียงให้เป็นเส้น เอ่ยเตือนอีกสามคนที่เหลือ “ค่อนข้างรับมือได้ยาก”
สตรีเหลือบมองหวงม่าน หัวเราะหยันเอ่ยว่า “นักพรตหยก ยังทนได้อีกหรือ?”
หวงม่านยิ้มเอ่ย “ระวังว่าสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่า ข้าสามารถทนได้อีกหน่อย”
เสี่ยวโม่มองไกลๆ ไปยังกลุ่มคนที่ทะเลาะกัน ไม่ได้มีท่าทีว่าจะร่วมวงด้วยแม้แต่น้อย
เขาเป็นแค่นักรบพลีชีพของคุณชาย แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าสำนักชุยที่เป็นลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของคุณชายก็ไม่ต้องให้เสี่ยวโม่มาคอยเป็นห่วงความปลอดภัยเลย
ชุยตงซานมองไปยังสตรีหน้าตางดงามที่เรือนกายอวบอิ่มคนนั้น หยิบกระจกกฎเกณฑ์ที่แกะสลักคำว่า ‘ขึ้นภูเขาใหญ่’ ออกมาจากชายแขนเสื้ออีกครั้ง “เอ๊ะ? กระจกโบราณที่พี่สาวท่านนี้ห้อยไว้ตรงเอวช่างคุ้นตายิ่งนัก คนบ้านเดียวกันเจอคนบ้านเดียวกัน ดวงตาสองข้างคลอไปด้วยน้ำตาหรือ?”
กงเยี่ยนเอ่ยอย่างจนใจ “เจ้าคนผู้นี่ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก”
เสี่ยวโม่เอนพิงเสาศาลา ขยับไม้เท้าเดินป่าที่อยู่ในมือขึ้นมา “แนะนำเจ้าว่าอย่าได้ขยับส่งเดช จิตสังหารเกิดขึ้นได้ง่าย แต่น้ำท่วมกลับเก็บกวาดได้ยาก”
เด็กหนุ่มชุดขาวเหมือนคนหาที่พึ่งเจอ ยกสองมือเท้าเอวฉับ หัวเราะเสียงดังลั่น “ได้ยินหรือยัง ได้ยินหรือยัง อาจารย์เสี่ยวโม่ของข้าพูดแล้วว่าให้พวกเจ้าทำตัวดีๆ หน่อย อยู่ในกฎในระเบียบสักหน่อย สำรวมสักหน่อย แล้วก็ต้องพูดกับข้าให้มีมารยาทหน่อย!”
เสี่ยวโม่ไม่ปฏิเสธ เจ้าสำนักชุยท่านนี้ หากเป็นแค่คนผ่านทางมาที่เพิ่งได้รู้จักกัน คำพูดและการกระทำของเขาก็น่าเตะจริงๆ นั่นแหละ
ในเรือแจวลำน้อย นักพรตหยกที่ขอบเขตสูงที่สุดคล้ายจะอดกลั้นกับการกระทำเหลวไหลของเด็กหนุ่มชุดขาวไม่ไหว จึงคิดจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว
ทันใดนั้นคนหนุ่มหมวกเหลืองรองเท้าเขียวก็พุ่งตัวมาที่เรือแจว ยืนอยู่บนกราบเรือด้านหนึ่ง ใช้ไม้เท้าเดินป่ากดลงตรงหว่างคิ้วของนักพรตหยกเบาๆ
ไม้เท้าไม้ไผ่เขียวชิ้นหนึ่งประหนึ่งกระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งที่ปลายกระบี่แหลมคม หน้าผากของนักพรตหยกมีเลือดซึมออกมา
“สหายหวงม่าน ฝึกตนไม่ใช่เรื่องง่าย จงทะนุถนอมเห็นค่าชีวิตให้ดี”
เสี่ยวโม่ยิ้มบางๆ “เดินท่องอยู่ในใต้หล้า ยืนอยู่ริมน้ำบ่อยๆ รองเท้าจะไม่เปียกได้อย่างไร รู้จักแต่จะรบราฆ่าฟันย่อมเดินได้ไม่ไกล”
เด็กหนุ่มชุดขาวเริ่มก่อกวนอีกครั้ง ยกสองมือปรบกันอย่างว่องไวแต่กลับไร้เสียง
ซีหมานที่กำลังจะขยับร่างปลิวกระเด็นออกไป คล้ายถูกปราณกระบี่หลายร้อยเส้นกระแทกใส่ในเวลาเดียวกัน เท้าเหยียบอยู่บนผิวน้ำของสระบัว ถอยแล้วถอยอีก ปราณกระบี่ไร้รูปลักษณ์พวกนั้นรู้หนักเบาดีอย่างยิ่ง ราวกับว่าแค่ต้องการซัดให้ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าขั้นสูงสุดคนนี้ถอยออกไปจากเรือเล็กเท่านั้น
หนึ่งชายหนึ่งหญิงปรากฏตัวที่ริมตลิ่งของสระบัว
เสี่ยวโม่จึงเก็บไม้เท้าเดินป่ามา ออกมาจากเรือเล็ก ร่างกายเปล่งวูบมาหยุดอยู่ข้างกายคุณชายบ้านตน
ชุยตงซานเห็นว่าอาจารย์มาถึงแล้วก็รีบทำตัวเป็นคนใหม่ทันใด ตามเสี่ยวโม่ไปหยุดอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ใช้เสียงในใจแนะนำหวงม่านกับหลี่ป๋าให้ฟัง
เฉินผิงอันฟังแล้วก็กุมหมัดคารวะคนทั้งสี่ที่อยู่บนเรือไกลๆ จากนั้นให้ชุยตงซานเรียกฉิวตู๋ให้ออกไปจากที่นี่ด้วยกัน
จื้อกุยพลันใช้เสียงในใจเอ่ย “เฉินผิงอัน เจ้าไปบอกฉิวเฒ่าตัวนั้นสักคำ บอกว่าข้าอนุญาตให้นางเอาสมบัติของวังมังกรไปได้ส่วนหนึ่ง อีกหนึ่งก้านธูปเมื่อวังมังกรแห่งนี้ปิดประตูลงแล้ว หากนางยังกล้ามาขโมยของที่นี่อีก ยังกล้าไม่ฟังคำของข้าอีกก็จะให้ฉิวเฒ่าตัวนั้นต้องแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมา”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่เสียแรงที่เป็นสุ่ยจวินแห่งมหาสมุทรบูรพา ช่างมีบารมีขุนนางยิ่งใหญ่เสียจริง”
จื้อกุยตอบกลับด้วยการเหลือกตามองบนใส่
เฉินผิงอันพาชุยตงซานกับเสี่ยวโม่ไปรอที่นอกประตูของซากปรักวังมังกรประมาณครึ่งก้านธูป ฉิวตู๋ก็พุ่งตัวออกจากประตูใหญ่มาด้วยอาการตระหนกลนลาน
ทุกคนทะยานลมกลับไปที่ภูเขาเซียนตูด้วยกัน
ชุยตงซานใช้ท่าว่ายน้ำทะยานลมไปเบื้องหน้า หัวเราะหึหึ “อาจารย์ ทุกวันนี้แม่นางจื้อกุยรู้จักรับสมัครกำลังพลซื้อม้าแล้ว นับว่ามีพัฒนาการอย่างมาก”
ใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้นอกจากห้ามหาบรรพตแผ่นดินกลางซึ่งมีภูเขาสุ้ยซาน ภูเขาจิ่วอี๋และภูเขาแยนจือเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว ยังมีห้าทะเลสาบกับสี่มหาสมุทร ระดับขั้นตำแหน่งเทพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำพวกนี้ถือว่าสูงที่สุดแล้ว ต่างก็เป็นขั้นหนึ่งชั้นโทในทำเนียบหยกทองที่ศาลบุ๋นเป็นผู้กำหนด เพียงแต่ว่าแม้สุ่ยจวินของห้าทะเลสาบจะมีระดับขั้นเท่ากับสุ่ยจวินของสี่มหาสมุทร ทว่าความแตกต่างของน่านน้ำที่ทั้งสองฝ่ายควบคุมดูแล หนึ่งเป็นฟ้า แต่หนึ่งกลับเป็นดิน
ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเก้าทวีปของใต้หล้าไพศาลนั้น เจ้าแห่งชะตาน้ำบนพื้นดินคือตั้นตั้นฮูหยินแห่งหลุมน้ำลู่
ตามการแบ่งอาณาเขตของสุ่ยจวินสี่มหาสมุทร น่านน้ำทะเลบูรพาที่จื้อกุยดูแลจะรวมไปถึงอาณาเขตสายน้ำที่กว้างขวางเว้นจากบุรพแจกันสมบัติทวีปและอาคเนย์ใบถงทวีปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!