หอซ่าวฮวาหนึ่งในยอดเขามากมายของภูเขาเซียนตู
เผยเฉียนกับเซวียไหวที่กำลังจะถามหมัดกัน สองฝ่ายอยู่ห่างกันสิบจั้ง
ข้างกายเฉินผิงอันคือชุยตงซานที่เอาสองมือสอดรองไว้ใต้ท้ายทอย เตรียมพร้อมรอปรบมือร้องไห้กำลังใจศิษย์พี่หญิงใหญ่ เสี่ยวโม่ไม่ได้มาเพราะไปง่วนอยู่ที่หาดลั่วเป่า ต้องการสร้างกระท่อมหลังหนึ่งไว้ริมลำคลอง ถามหมัดอะไรพวกนี้ เสี่ยวโม่ไม่สนใจเลยสักนิด เอ่ยแค่ว่าผู้ที่มาล้วนเป็นแขก คุณชายกับแม่นางเผยออกหมัดเบาสักหน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้ทำลายความปรองดอง
ถึงอย่างไรต่อให้จะวกวนอ้อมไปอ้อมมาก็ยังเป็นคำประจบอยู่ดี
“นี่ถึงขั้นลงมือแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันยกสองแขนกอดอก เอนพิงราวรั้ว ตีหน้าเคร่งใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “บอกมาเถอะ คราวหน้าคิดจะอธิบายกับอวี่จิ่นอย่างไร”
ถึงกับเรียกให้เสี่ยวโม่ออกไปข้างนอกด้วยกัน ยังจะทำเรื่องแบบใดได้อีกเล่า?
ชุยตงซานสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่ได้ใช้เสียงในใจ พึมพำเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ยังคงเข้าข้างอาจารย์มากกว่าจริงดังคาด เชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด”
ดีมาก ศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่ได้ยินเลย
นี่หมายความว่าเผยเฉียนสามารถทำให้สภาพจิตใจมุ่งมั่นไม่วอกแวกได้อย่างแท้จริง สภาพจิตใจเช่นนี้ของผู้ฝึกยุทธก็เป็นดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘สิบทิศใหญ่ ข้าอยู่ตรงกลาง หมื่นสรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนเดินไปตามหมัดของข้า’
สามารถทำให้ ‘หมัดเดินไปตามข้า’ ได้อย่างแท้จริง
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าใส่ร้ายเผยเฉียนแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง หากเจ้าไม่เชื่อ รอให้การถามหมัดสิ้นสุดลงก็ลองไปถามนางดูว่าได้เผยความลับอะไรหรือไม่”
ชุยตงซานรีบเอ่ยทันใด “อาจารย์ เรื่องนี้ห้ามบอกศิษย์พี่หญิงใหญ่เด็ดขาดเชียวนะ บนสมุดบัญชีที่เขียนตัวอักษรคำว่า ‘ซิน’ (อันดับที่แปดในแผนภูมิสวรรค์) นั่น กว่าข้าจะทำความดีชดใช้ความผิดได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!”
เฉินผิงอันร้องเอ๊ะหนึ่งที เขาสงสัยใคร่รู้มากจริงๆ จึงรีบใช้เสียงในใจถาม “ตงซาน เจ้าเพิ่งเป็นสมุดบัญชีอักษร ‘ซิน’ เองหรือ? ไหนลองเล่าให้ละเอียดสิ ก่อนหน้าเจ้ามีของใครมาก่อนแล้วบ้าง พ่อครัวเฒ่า เว่ยคอแข็ง พวกเขาต้องมีชื่อติดอันดับต้นๆ แน่ คาดว่าหลังออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัว จงขุยที่นางรู้จักมาตั้งนานแล้วก็ต้องหนีไม่พ้นด้วยเป็นแน่ บวกกับซานจวินใหญ่เว่ยท่านนั้นของพวกเรา สือโหรว เฉินหลิงจวิน?”
มีเพียงสมุดบัญชีอักษรคำว่าเจี่ย (อันดับที่หนึ่งในแผนภูมิสวรรค์) เท่านั้น เฉินผิงอันไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นของอาจารย์พ่ออย่างตนแน่นอน
ชุยตงซานส่ายหน้าอย่างแรงเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่พูด ให้ตายอย่างไรก็ไม่พูด หากศิษย์พี่หญิงใหญ่รู้เข้า คงไม่ใช่แค่เพิ่มบัญชีลงไปอีกเรื่อง แต่ต้องเป็นเปิดสมุดบัญชีเล่มใหม่แน่นอน”
เฉินผิงอันพยักหน้า ไม่บังคับให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจ
สีหน้าของชุยตงซานเปลี่ยนมาเป็นสดชื่นแจ่มใส คิดจะทำความดีชดใช้ความผิดกับอาจารย์ เบี่ยงตัวหันข้างหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้ออย่างลับๆ ล่อๆ ป้ายน้ำลายลงบนนิ้วโป้ง เตรียมจะเปิดสมุดอ่านรายงาน “อาจารย์ ออกทะเลไปเยี่ยมเยือนเซียนครั้งนี้ ศิษย์กับเสี่ยวโม่…”
เฉินผิงอันรีบยกมือขึ้นทันใด “หยุดเลย ข้าไม่รู้อะไรด้วยทั้งนั้น แล้วก็ไม่อยากรู้อะไรด้วย กิจธุระในสำนักเบื้องล่างของพวกเจ้า ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย”
ชุยตงซานยกมือกดลงบนหัวใจ สายตาสองข้างไร้แวว ริมฝีปากสั่นระริก “ ‘พวกเจ้า’? คำพูดนี้ของอาจารย์ทำร้ายจิตใจข้าสาหัสยิ่งนัก ทำให้เหล่าทหารกล้าของสำนักเบื้องล่างหมดขวัญกำลังใจแล้ว”
เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน อย่าคิดจะลากข้าลงน้ำ อาจารย์มิอาจขายหน้าเช่นนั้นได้
ชุยตงซานพลันเอ่ยว่า “มีสมบัติชะตาบุ๋น ชะตาน้ำอยู่สองสามชิ้นที่เหมาะจะเอาออกมาเดี่ยวๆ มอบให้กับหน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยเป็นของขวัญ ถึงอย่างไรศิษย์ก็ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้จงขุยช่วยใช้หนี้ให้กับอวี่จิ่น สมบัติชิ้นอื่นๆ ล้วนพูดง่าย อย่างมากก็แค่ของกลับคืนสู่เจ้าของ ถือเสียว่าข้ากับเสี่ยวโม่ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันโดยไม่คิดค่าตอบแทนให้ครั้งหนึ่ง มีเพียงของพวกนี้ที่ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด หากกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จงขุยเข้าข้างคนนอก ถึงขั้นยกอาจารย์ออกมาข่มขู่กันอย่างไม่เสียดาย อย่างมากศิษย์ก็แค่จ่ายเงินชดใช้ให้ แต่สมบัติเจ็ดแปดชิ้นนี้มองแล้วชื่นชอบจริงๆ ยากจะตัดใจได้ลงจริงๆ …”
ไม่รอให้ชุยตงซานพูดจบ เฉินผิงอันก็ตบหัวชุยตงซานหนึ่งที ใช้ความเร็วที่ฟ้าผ่าไม่ทันป้องหูเก็บสมุดในมือของชุยตงซานมาใส่ไว้ในชายแขนเสื้อสีเขียว
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ทางฝั่งของจงขุยข้าจะรับมือเอง อวี่จิ่นมอบให้เจ้า…กับเสี่ยวโม่ พวกเจ้าสองคนก็ไปพูดคุยกับผู้อาวุโสคนนี้เอาเองแล้วกัน”
ชุยตงซานพลันกำหมัดชูขึ้นสูง สำเร็จแล้ว
เฉินผิงอันยังเอ่ยเสริมมาอีกประโยค เป็นการ ‘เตือนด้วยความหวังดี’ ลูกศิษย์ของตนคนนี้จะได้ไม่ ‘อายุน้อยอารมณ์พลุ่งพล่าน’ ทำอะไรไม่รอบคอบมีช่องโหว่
“จำไว่ว่าคราวหน้าที่เจอกับผู้อาวุโสอวี่จิ่นที่เดือดดาลปานฟ้าผ่า เจ้ากับเสี่ยวโม่ต้องพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร โดนน้ำลายเม็ดสองเม็ดกระเด็นใส่หน้าจะนับเป็นอะไรได้ ยังต้องปรึกษาพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยจิตใจที่สงบเป็นกลาง อย่าได้ใช้อำนาจรังแกคนอื่นเด็ดขาด อย่าทำเป็นเหมือนร้านใหญ่ที่รังแกลูกหน้า ค้าขายไม่สำเร็จสัจจะยังคงอยู่ ขุนเขาเขียวไม่เปลี่ยนน้ำใสไหลยาว ชีวิตคนมีที่ใดที่ไม่อาจพบเจอกันได้บ้าง วันหน้าย่อมได้พบกันใหม่ โอกาสที่พวกเจ้าสองคนจะได้เจอกับผู้อาวุโสอวี่จิ่นมีอีกมาก ใช่หรือไม่?”
ชุยตงซานพยักหน้ารัวๆ เหมือนไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก เข้าใจแล้วๆ
วันหน้ายังต้องปล้นเจ้าอ้วนกูซูอีกมาก ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าไปรำลึกความหลังด้วยบ่อยๆ!
เฉินผิงอันเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้าคิดว่าการถามหมัดครั้งนี้กี่กระบวนท่าถึงจะสิ้นสุดลงได้?”
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “ก็ต้องดูที่ความจริงใจของศิษย์พี่หญิงใหญ่แล้ว”
ผู้ฝึกยุทธเซวียไหวแห่งผูซาน ในฐานะลูกศิษย์เอกผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของเย่อวิ๋นอวิ๋น พื้นฐานขอบเขตเดินทางไกลของผู้ฝึกยุทธเฒ่าคนนี้นับว่าไม่เลว ต้องไม่ใช่พวกที่เป็นเยื่อไผ่หรือกระดาษเปียกอย่างแน่นอน
เฉินผิงอันบิดปลายเท้า ถามว่า “จากนี้ข้ายังต้องถามหมัดกับเจ้าขุนเขาเย่อีก หอซ่าวฮวาจะทนรับการประลองหมัดเท้าของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางสองคนได้หรือ?”
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “ต่อให้ต่อยตีกันจนแหลกก็ไม่เป็นไร เรื่องของการซ่อมแซมใช้เวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ศิษย์รับรองว่าตอนงานฉลองวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิต้องกลับคืนสภาพเหมือนใหม่อย่างแน่นอน”
เฉินผิงอันไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
เย่อวิ๋นอวิ๋น ฉิวตู๋ หูฉู่หลิง แขกของภูเขาเซียนตูทั้งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!