สีหน้าของเฉิงเฉาลู่กับอวี๋เสียหุยยิ่งสดใสมีชีวิตชีวา ในที่สุดก็ถึงคราวที่ใต้เท้าอิ่นกวานต้องออกหมัดแล้ว!
เฉินผิงอันพลันหันไปมองหวงอีอวิ๋น ยิ้มถาม “เจ้าขุนเขาเย่ ถือสาหรือไม่หากข้าจะใช้อาวุธที่ถนัดมือสักชิ้น?”
เย่อวิ๋นอวิ๋นส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร”
ผู้ฝึกยุทธประลองฝีมือกัน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพิถีพิถันในเรื่องมือเปล่าเท้าเปล่า ก็เหมือนกับอริยะบู๊อู๋ซูที่เคยชินในการใช้กระบี่ประจำตัวกับหอกไม้ในการรับมือกับศัตรู หากไม่ใช้เลยสักชิ้นนั่นหมายความว่าเป็นการสอนหมัดที่ขอบเขตต่างกัน ถึงขั้นที่ว่าคู่ต่อสู้ไม่คู่ควรให้อู๋ซูกดขอบเขตด้วยซ้ำ
เฉินผิงอันยิ้มพลางกวักมือไปทางเผยเฉียน “อาจารย์พ่อต้องขอยืมของชิ้นหนึ่งจากเจ้าหน่อย เป็นของเชลยศึกที่ได้มาจากสนามรบของเกราะทองทวีปที่ผู้อาวุโสฝูลู่อวี๋เสวียนมอบให้เจ้าน่ะ”
แม้ว่าเผยเฉียนจะประหลาดใจอย่างมาก แต่สีหน้าก็ยังเป็นปกติ เพราะนางไม่เคยเห็นอาจารย์พ่อแสดงฝีมือด้านวิชาหอกอะไรมาก่อน
เผยเฉียนหยิบหอกยาวที่ปลายแหลมทั้งสองด้านถูกนางหักทิ้งไปแล้วออกมาจาก ‘ถ้ำสวรรค์เล็ก’ ที่อาจารย์เสี่ยวโม่มอบให้
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ บางครั้งนางก็เอาหอกยาวเล่มนี้ออกมาใช้บ้าง แอบฝึกวิชาหอกที่มีต้นกำเนิดมาจากวิชากระบี่มารคลั่ง อันที่จริงก็แค่เล่นสนุกยามอยู่ว่างไม่มีอะไรทำเท่านั้น
เฉินผิงอันยื่นมือไปกุมตรงกลางของหอกยาว เดินช้าๆ ไปยังพื้นที่ใจกลางของหอซ่าวฮวา ระหว่างนั้นก็ลองชั่งน้ำหนักของหอกยาวเล็กน้อย บิดหมุนข้อมืออีกหลายครั้ง หมุนควงเป็นวงกลม
ต่อให้จะไม่ถนัดมือแค่ไหน
ก็กลายเป็นถนัดมือแล้ว
หอกยาวเล่มหนึ่งสามารถควบคุมได้ตามใจปรารถนา
เฉินผิงอันมองลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาแล้วกลั้นขำ เหมือนกำลังพูดว่าอีกเดี๋ยวคอยดูให้ดีล่ะ สามารถเรียนรู้แก่นของวิชาหอกได้กี่ส่วนก็เท่านั้นแล้ว
เนื่องจากมีโจวอันดับหนึ่ง อู๋ซูที่ได้รับฉายาว่า ‘อริยะบู๊’ จากใบถงทวีปจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเฉินผิงอัน
นอกจากนี้วรยุทธในใต้หล้า ประหนึ่งแม่น้ำยิ่งใหญ่โอฬารที่แยกออกไปนับร้อยสาขา สืบสาวราวเรื่องกันแล้วล้วนรวมเป็นสายเดียวกันดุจแม่น้ำหมื่นสายไหลรวมสู่ต้นกำเนิด การฝึกหมัดก็คือการฝึกกระบี่ แล้ววิชาหมัดจะไม่ใช่วิชาหอกได้อย่างไร
เผยเฉียนฉลาดถึงเพียงนี้ นางจึงเข้าใจกระจ่างได้ทันที หันหน้ามาถลึงตาเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “ห่านขาวใหญ่ เจ้าเป็นคนบอกอาจารย์พ่อใช่ไหมว่าข้าแอบฝึกวิชาหอก?!”
ชุยตงซานสีหน้าอึ้งค้าง อึ้งงันเป็นไก่ไม้ เรื่องแบบนี้ก็ถูกสงสัยได้ด้วยหรือ มิตรภาพของคนร่วมสำนักระหว่างพวกเราสองคนเพียงลมพัดมาก็ล้มครืนได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ชุยตงซานรีบชูสองนิ้ว พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ข้าสาบานได้เลยว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้! ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านใส่ร้ายข้าแล้วจริงๆ ฟ้าดินเป็นพยาน ศิษย์พี่เล็กไม่ใช่คนที่ชอบนินทาคนอื่นลับหลังหรอกนะ”
เผยเฉียนเอนตัวพิงราวรั้ว คร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับห่านขาวใหญ่ เริ่มรวบรวมสมาธิ คิดว่าจะต้องตั้งใจชมการถามหมัดครั้งนี้ของอาจารย์พ่ออย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ภูเขาตะวันเที่ยง ประลองฝีมือกับวานรเฒ่าย้ายภูเขาตัวนั้น อันที่จริงอาจารย์พ่อไม่ได้ออกแรงอย่างเต็มที่
คนผู้หนึ่งสวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวยืนนิ่งอยู่กลางลาน
หอกยาวที่เดิมทีก็ไม่ได้สมกับชื่อตามความหมายที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีทั้งกระบังไม่มีทั้งพู่
เย่อวิ๋นอวิ๋นที่สวมชุดสีเหลืองเดินตามติดไปด้านหลัง ยืนคุมเชิงกับอีกฝ่าย
ทั้งสองต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง อีกทั้งยังบังเอิญที่ต่างก็อยู่ในชั้นของปราณโชติช่วงพอดี
พวกเขาบอกกล่าวชื่อแซ่ของตัวเองตามหลักมารยาท
“เย่อวิ๋นอวิ๋นแห่งเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซาน!”
“เฉินผิงอันแห่งเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่ว”
เผยเฉียนยิ้มกว้าง
หวงอีอวิ๋นต้องเจอความลำบากแน่
หากตนจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งแรกที่อาจารย์พ่อแนะนำตัวเองแล้วเพิ่มคำว่า ‘เรือนไม้ไผ่’ เข้าไปด้วย
คนนอกย่อมไม่มีทางรู้ถึงความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ของเรื่องนี้ มีเพียงผู้ฝึกยุทธเต็มตัวของภูเขาลั่วพั่วบ้านตนเท่านั้นจึงจะเข้าใจกระจ่างชัดถึงน้ำหนักที่ซ่อนอยู่ด้านใน
เพียงชั่วพริบตานั้น
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางทั้งสองคนที่ต่างก็ถือว่าอายุน้อยมากในทวีปของตัวเองก็ขยับร่างแทบจะเวลาเดียวกัน
เฉินผิงอันจับปลายด้านหนึ่งของหอก เสือกแทงออกไปเป็นแนวตรง พริบตานั้นประกายแสงพร่างพราวอัศจรรย์อย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ก็กระจายออกมาตามปลายหอก
เรือนกายของหวงอีอวิ๋นคล้ายว่าจะเร็วกว่าเรือนกายของชุดเขียวที่พุ่งมาเป็นเส้นตรง สามารถหลบเลี่ยงประกายแสงคล้ายฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำของหอกที่ถูกสะบัดควงมาได้ คนชุดเขียวขยับเท้าไปด้านข้าง เงื้อหอกยาวขึ้นแล้วกระแทกลงไปเบื้องล่าง หอกยาวที่ถูกหลอมให้แข็งแกร่งทนทานอย่างถึงที่สุดยังคงเป็นเส้นตรง มีเพียงบริเวณใกล้เคียงช่วงปลายแหลมของหัวหอกเท่านั้นที่โค้งงอเล็กน้อย กระแทกชนเข้าที่ไหล่ของหวงอีอวิ๋นพอดี
หวงอีอวิ๋นค้อมเอวลง บิดเอวพลิกกาย ว่องไวปานสายฟ้าผ่า ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนหอกยาว ขณะเดียวกันนางโน้มร่างไปข้างหน้าเล็กน้อยก็ขยับมาอยู่ตรงหน้าคนชุดเขียวแล้วตีเข่าออกไป
เฉินผิงอันเพียงแค่ใช้ท่าเดินนิ่งหกก้าวของตำราหมัดเขย่าขุนเขามาเคลื่อนย้ายร่าง แค่เปลี่ยนเส้นทางไปเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันราวกับรู้ใจกันอย่างถึงที่สุด เฉินผิงอันหมุนตัวเสือกหอกไปข้างหน้า ยังคงแทงเป็นเส้นตรง เย่อวิ๋นอวิ๋นถึงกับยืนอยู่บนปลายแหลม กระโดดเหมือนกบแตะผิวน้ำ เหยียบลงไปบนตัวหอก เหวี่ยงเท้าในแนวเฉียงเล็งเข้าที่ศีรษะของคนชุดเขียว
เฉินผิงอันผงะเอนไปด้านหลัง ใช้มือข้างเดียวลากหอกถอยออกไปหลายจั้ง ทันใดนั้นร่างก็พลันหมุนกลับ หอกเดินตามคน หอกยาวที่อยู่ในมือตวัดฟันผ่าเอวของหวงอีอวิ๋น
เรือนกายที่ลอยอยู่กลางอากาศของเย่อวิ๋นอวิ๋นหายวับไป พายุลมกรดหนาข้นจากการที่หอกตวัดลงบนความว่างเปล่าทะลุตัวหอกพุ่งกระแทกไปบนฟ้า ถึงกับผ่าให้ทะเลเมฆบนจุดสูงกระจายออกเป็นสองส่วน แล้วยังมีเสียงฟ้าร้องครืนครั่นน่าพรั่นผวาดังตามมา
หอกพุ่งลงมาแสกหน้า
เย่อวิ๋นอวิ๋นเบี่ยงตัวหันข้าง ตัวหอกแทบจะหล่นร่วงลงพื้นต่อหน้าต่อตานาง แต่ขณะที่ยังอยู่ห่างจากหอซ่าวฮวาอีกประมาณชุ่นกว่า ตัวหอกกลับพลันหยุดชะงักลอยค้างกลางอากาศ เพียงแต่ว่าพื้นดินกลับถูกพายุที่ซัดแรงลามไปโดนจึงถูกผ่าออกเป็นร่องลึกเส้นหนึ่ง
ความเร็วในการพุ่งทะยานของทั้งสองประหนึ่งสายฟ้าแลบ ไม่เพียงแต่สุยโย่วเปียนที่เพ่งมองอย่างสุดความสามารถแล้วก็ยังจับภาพใดๆ ไม่ได้ แม้แต่เซวียไหวก็ยังเห็นได้แค่ความหมายคร่าวๆ เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!