ความน่าเชื่อถือที่เป็นป้ายอักษรทองของสกุลหลิวธวัลทวีปนี้นับว่ายังแข็งแกร่งยังพึ่งพาได้อย่างมาก
พวกคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นยิ่งใคร่ครวญก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ หรือว่าสถานการณ์มิพ่ายนั้น เทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่างหลิวจวี้เป่ามั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเฉาสือจะต้องแพ้?
ถอยไปพูดหมื่นก้าว ต่อให้มีใครเอาชนะเฉาสือได้จริงๆ สกุลหลิวธวัลทวีปก็ได้กำไรก้อนใหญ่ ด้วยความเร็วในการปลูกเงินต่อเงิน เงินทองไหลมาเทมาของหลิวจวี้เป่านั้น ต่อให้สุดท้ายแล้วจ่ายหนึ่งต่อสองก็ยังไม่ต้องกลัวอยู่ดี
ใต้หล้านี้ไม่มีการค้าที่หลิวจวี้เป่าขาดทุนจริงดังคาด
ในซากปรักวังมังกรลำน้ำใหญ่แห่งนั้น หลังจากที่หลี่เย่โหวสามคนจากไป สตรีหน้าตางดงามก็ถอดรองเท้าหุ้มแข้ง นั่งอยู่ริมฝั่ง จุ่มเท้าสองข้างลงไปในสระดอกบัว แกว่งเท้าเบาๆ จนริ้วน้ำกระเพื่อมไหว กงเยี่ยนหวนนึกถึงการคุมเชิงกันก่อนหน้านี้ นางคิดร้อยตลบแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าคนหนุ่มที่ตอนนั้นสวมหมวกเหลืองรองเท้าเขียวตามหาร่องรอยที่เก็บงำอำพรางของพวกเขาทุกคนเจอได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพรตหยกที่เป็นทั้งขอบเขตเซียนเหริน ทั้งยังเชี่ยวชาญเวทหลบหนีอย่างถึงที่สุด เขามีวิธีการมากมาย แต่กลับถูกปราณกระบี่เป็นเส้นๆ ตามเจอร่องรอยแล้วเล่นงานไปทีละส่วนอย่างแม่นยำ
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเอ่ย “อาศัยเสียงในใจหรือ?”
กงเยี่ยนส่ายหน้า ไม่น่าจะใช่ แล้วนับประสาอะไรกับที่พวกเขาไม่ใช่ลูกนกหัดบินที่เพิ่งลงจากภูเขามาหาประสบการณ์ เวลาที่แยกร่างก็ระมัดระวังอย่างยิ่ง มีการปิดกั้นลมปราณ
อีกอย่างการฟังเสียงในใจของผู้ฝึกตนก็ไม่ใช่ว่าใครก็ล้วนทำได้ ก็เหมือนอย่างมนุษย์ธรรมดาล่างภูเขาที่ย่อมไม่มีทางได้ยินเสียงหัวใจเต้นของพวกเขา อยู่บนภูเขา ผู้ฝึกตนกับผู้ฝึกตนก็มีหลักการเหตุผลที่แทบไม่ต่างกันนี้
บางทีอาจมีเพียงฝูลู่อวี๋เสวียน จ้าวเทียนไล่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ ฮว่อหลงเจินเหริน ผู้ฝึกตนใหญ่ที่เป็นขอบเขตบินทะยานซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสมบูรณ์แบบพวกนี้เท่านั้นที่บางทีอาจจะพอได้ยินเสียงในใจของผู้ฝึกตนเซียนเหรินหรือถึงแม้กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตเดียวกัน
หลี่ป๋าที่ได้ฉายาว่าชุ่ยจ่างพลันเอ่ยว่า “เป็นเส้นเอ็นหัวใจที่ละเอียดอ่อนกว่าเสียงหัวใจ”
นักพรตหยกนวดคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยอย่างจนใจว่า “หรือว่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง? เพียงแต่ว่าใต้หล้าไพศาลของพวกเรามีบุคคลที่เป็นเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?”
กงเยี่ยนรีบตบหน้าอกตัวเอง คลี่ยิ้มหวานเอ่ยว่า “ทำให้เหล่าเหนียงตกใจแทบแย่แล้ว”
หลี่ป๋าเอ่ย “เหมือนอย่างนักพรตเนิ่น แล้วก็เฉาหรงเซียนเหรินแห่งแจกันสมบัติทวีป รวมไปถึงผู้ฝึกกระบี่สวีเซี่ย ก็ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็โผล่ออกมาหรอกหรือ คนที่รู้จักและคนที่ไม่รู้จักมีถมเถไป ชินไปแล้วก็ดีเอง”
ในศาลาริมน้ำ จื้อกุยเอนกายพิงเสา เท้าคางด้วยมือข้างเดียวเหม่อลอย
ขั้นบันไดด้านล่างที่อยู่ข้างนอกมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ หน้าผากของเขามีรอยนูนเล็กน้อย
ในตรอกหนีผิงเคยมีงูสี่ขาที่ถูกซ่งจี๋ซินรังเกียจว่าเกะกะสายตาจึงจับโยนเข้าไปในลานบ้านด้านข้างอยู่หลายครั้ง ผลคือมันล้วนคลานกลับมาทุกครั้ง
มักจะถูกจื้อกุยผู้เป็นสาวใช้เหยียบไว้ใต้รองเท้า บดขยี้ซ้ำไปซ้ำมา หรือไม่ตอนเช้าตรู่เวลาที่ต้องไปตักน้ำที่บ่อโซ่เหล็กแล้วได้ยินคำพูดเย้ยหยันเหน็บแนม จื้อกุยที่กลับบ้านตัวเองมาแล้วเจอมันก็มักจะใช้เท้าเตะมันจะกระเด็นออกไป
เด็กหนุ่มที่เพิ่งหลอมเรือนกายได้สำเร็จแค่ไม่กี่ปีผู้นี้ถูกจื้อกุยมอบแซ่หวังให้ ชื่อฉงจวี นามอวี้ซา และยังมีฉายาว่าหานซู
เด็กหนุ่มสะพายน้ำเต้าผิวสีม่วงมันขลับไว้เอียงๆ บนไหล่
จื้อกุยหันหน้ามาผงกปลายคางให้เขา
เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารเข้าใจความนัยได้ทันที รีบขยับเท้าหลบไปยืนตรงตำแหน่งที่นายท่านจะมองไม่เห็น หลีกเลี่ยงไม่ให้นายท่านเห็นแล้วหงุดหงิดใจ
จื้อกุยถึงได้ยิ้มเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าสรวงสวรรค์บรรพกาลมีแท่นลงทัณฑ์อยู่แห่งหนึ่ง มีศาสตราวุธเทพหลายชิ้นที่เอาไว้ใช้จัดการกับเซียนดินและเจียวหลงที่ทำผิดกฎสวรรค์โดยเฉพาะ นอกจากกระบี่เกราะแล้วยังมีง้าวทะลุขุนเขา ยังมีดาบอีกสองเล่ม ดูเหมือนจะชื่อว่าเซียวโส่ว (ชื่อการลงทัณฑ์ในสมัยโบราณ ตัดหัวแล้วเอาหัวแขวนไว้สูง) กับพิฆาต ดาบพิฆาตอยู่ในมือของเฉินผิงอัน หากรู้แต่แรกคงไม่ให้เจ้าไปเฝ้าต้นทางไกลๆ อยู่บนทะเลแล้ว พวกเจ้าสองคนพบหน้ากัน ต่างฝ่ายต้องต่างเกลียดขี้หน้ากันแน่ จากนั้นก็ฉับหนึ่งที จุ๊ๆ”
เด็กหนุ่มตกใจทำคอย่น
……
เสี่ยวโม่เริ่มสร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่หาดลั่วเป่า บอกว่าเป็นการฝึกตน แต่แท้จริงแล้วคืออ่านหนังสือ
สำหรับเสี่ยวโม่ในทุกวันนี้แล้ว การฝึกตนเพียงหนึ่งเดียว อันที่จริงก็คือการเลือกมหามรรคาเส้นหนึ่งที่ ‘บนเส้นทางไม่มีคนในอดีตทำได้มาก่อน’ ให้กับตัวเองเท่านั้น ถึงจะมีหวังเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตสิบสี่
แล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานขั้นสูงสุด การหาเส้นทางในการเดินขึ้นสวรรค์ ระดับความยากนั้นก็ยังคงเหมือนการให้มนุษย์ธรรมดาเดินย่ำอยู่กลางอากาศ เรียกได้ว่ายากลำบากแสนสาหัส
ไม่อย่างนั้นหมื่นปีที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ในหลายใต้หล้าก็คงไม่มีจำนวนน้อยนิดแค่นี้
อีกอย่างเสี่ยวโม่ยังวางธรณีประตูขั้นหนึ่งไว้ให้กับตัวเอง จะต้องใช้สถานะของผู้ฝึกกระบี่เต็มตัวเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่เท่านั้น จะไม่ใช้ทางนอกรีตไม่ใช้ทางลัดใดๆ เด็ดขาด
ก็เหมือนเผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่หนึ่งในสามสุดยอดของไพศาลที่คาดว่าก็คงมีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ถึงอย่างไรเผยหมิ่นผู้นี้ เสี่ยวโม่ก็จะต้องหาโอกาสไปถามกระบี่ด้วยสักครั้ง
บนพื้นที่ว่างนอกกระท่อมที่คล้ายลานตากธัญพืช เสี่ยวโม่วางเบาะและม้านั่งส่วนหนึ่งเอาไว้ง่ายๆ
ชุยเหวย สุยโย่วเปียน ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิดสองคนมักจะมาสอบถามเรื่องการฝึกกระบี่กับอาจารย์เสี่ยวโม่ที่หาดลั่วเป่าเป็นประจำ
เฉิงเฉาลู่กับอวี๋เสียหุยก็แวะมาประจำเหมือนกัน ส่วนเผยเฉียนที่หากมีเวลาว่างจากงานที่ท่าเรือ บางครั้งก็จะมานั่งรับฟังด้วย
ขอแค่มีคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน เสี่ยวโม่ก็จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ชายคา วางไม้เท้าไม้ไผ่พาดไว้บนหัวเข่า ราวกับว่า…ทำการถ่ายทอดมรรคาอยู่ที่หาดลั่วเป่า
วันนี้ชุยตงซานออกมาจากยอดเขามี่เซวี่ย มาที่หน้าผาสีเขียวแห่งหนึ่งของยอดเขาชิงผิง งอนิ้ว ‘เคาะประตู’ เบาๆ
ชั้นบนสุดของจวนเซียนสีชาดแห่งนั้น เฉินผิงอันเก็บดวงจิต ลืมตาขึ้นผงกศีรษะเบาๆ
เฉินผิงอันนั่งขัดสมาธิ สวมชุดเขียว เปลือยเท้า
ทุกอย่างล้วนเรียบง่าย ในห้องไม่มีเครื่องประดับตกแต่งที่เกินความจำเป็นใดๆ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว บนโต๊ะน้ำชาด้านหน้าของเฉินผิงอันก็วางกระบี่ยาวที่เดินทางไกลข้ามทวีปพาดขวางไว้แค่เล่มเดียวเท่านั้น
ชุยตงซานแค่ยืนอยู่นอกประตูของถ้ำสวรรค์ขนาดเล็กฃ ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำที่เกินความจำเป็นใดๆ เขาบอกกับอาจารย์ว่า “ทางฝั่งของซากปรักวังมังกรได้ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวมาฉบับหนึ่ง บอกว่าหลี่เย่โหวสุ่ยจวินแห่งทะเลทักษิณคนใหม่ วันนี้จะมาเป็นแขกที่บ้านของพวกเรา ข้าคาดว่าเขาน่าจะมาพูดคุยเรื่องการค้าขายชะตาน้ำของลำคลองเย่ลั่วกับอาจารย์ อาจารย์ตั้งใจฝึกตนอย่างสงบต่อได้เลย ศิษย์สามารถไปคุยเรื่องราคากับหลี่เย่โหวได้ อาจารย์วางใจได้ ต่อให้อาจารย์ไม่ปรากฏตัว หลี่เย่โหวก็ไม่มีทางรู้สึกว่าภูเขาเซียนตูรับรองแขกไม่ดีพอแน่นอน”
มีข้ารับรองแขกก็เพียงพอแล้ว
หลี่เย่โหวกับจื้อกุยต่างก็เป็นหนึ่งในสุ่ยจวินของสี่สมุทร ดังนั้นคิดจะออกจากน่านน้ำบ้านตัวเองเข้าไปยังอาณาเขตของทะเลตะวันออก จะต้องมีการแจ้งข่าวให้จื้อกุยรู้ก่อน
อีกทั้งยังต้องรายงานทางศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง เมื่อได้รับคำอนุญาต หลี่เย่โหวถึงสามารถออกมาได้
เฉินผิงอันพลันลุกขึ้นยืน สวมรองเท้าผ้า “รอเดี๋ยว ข้ามีธุระต้องออกไปจัดการข้างนอกพอดี จะพาเสี่ยวโม่ไปที่เสี่ยวหลงชิวด้วยกันรอบหนึ่ง พวกเราลงเขาไปด้วยกันเถอะ”
เดินออกจากถ้ำสวรรค์เล็กฉางชุนที่เป็นสถานที่ฝึกตนชั่วคราวแห่งนี้ เฉินผิงอันมาหยุดอยู่ข้างกายชุยตงซาน ยิ้มเอ่ย “ให้เจ้าเป็นคนไปย่อมดีกว่า ต่อรองราคาเรียกราคาให้สูงเทียมฟ้าได้เต็มที่ ให้ข้าพูดคุยเรื่องการค้ากับหลี่สุ่ยจวิน ข้าก็ไม่สะดวกจะพูดจริงๆ”
หากจะพูดถึงการเป็นร้านผ้าห่อบุญ เฉินผิงอันยังพอจะมีความมั่นใจอยู่บ้าง ย่อมไม่มีทางดูถูกตัวเองมากเกินไปเป็นแน่ อย่างเดียวที่ลงมืออำมหิตไม่ลงก็คือการ ‘ฆ่าคนคุ้นเคย’ (เปรียบเปรยถึงการทำการค้ากับคนรู้จักที่ไว้ใจตัวเอง แต่กลับใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องมาหากำไรเอาเปรียบคนคุ้นเคย)
เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในสวนกงเต๋อศาลบุ๋น หลี่เย่โหวที่ตอนนั้นยังเป็นสุ่ยจวินของทะเลสาบเจี่ยวเยว่ได้พาสาวใช้คนหนึ่งที่สวมชุดคลุมอาคมระดับสูงมาก และยังมีผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่หน้าตาไม่สะดุดตามาเยี่ยมเยือนอาจารย์ด้วยกัน ตอนนั้นของขวัญที่หลี่เย่โหวมอบให้เพื่อแสดงถึงการอวยพรคือ ‘เทียบเมาเละดุจโคลน’ ที่มูลค่าควรเมืองภาพหนึ่งให้ นอกจาก ‘แมลงสุรา’ ในเทียบที่หาได้ยากยิ่งแล้ว กุญแจสำคัญคือตัวของเทียบอักษรเองนั้นสามารถมองเป็นทะเลสาบใหญ่หกร้อยลี้ที่มีโชคชะตาน้ำเข้มข้น คือสถานที่ฝึกตนที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งที่เผ่าพันธุ์เจียวหลงปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน
หลังจากลงภูเขามาด้วยกัน ชุยตงซานก็ไปหาหลี่เย่โหว
เฉินผิงอันไปหาเสี่ยวโม่ที่หาดลั่วเป่า ไปที่เสี่ยวหลงชิวด้วยกัน
บนเรือข้ามทวีปลำหนึ่ง
หมี่ลี่น้อยเอียงศีรษะไปมา ไหล่เล็กๆ ยักขึ้นซ้ายทีขวาที บนบ่าแบกคานหาบสีทอง ในมือถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียว เดินวนไปรอบเรือยามค่ำคืน นางกำลัง ‘ลาดตระเวนภูเขาตอนกลางคืน’ อยู่นะ
นายท่านใหญ่ป๋ายเสวียนนั่งอยู่บนราวรั้ว สองมือวางค้ำไว้บนราว เงยหน้ามองดวงจันทร์ เอ่ยทอดถอนใจเสียงดังว่า “ได้รับความสำคัญเช่นนี้จากอิ่นกวาน ภาระช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!