เพียงแต่ว่าสุดท้ายกลายมาเป็นคู่พี่น้องร่วมทุกข์ร่วมยาก ต่างก็ถูกเซียนกระบี่ชุดเขียวที่จิตใจอำมหิตตรงหน้าผู้นี้ใช้วิชาลับชั่วร้ายดึงวิญญาณของพวกเขาออกมาแล้วกักขังเอาไว้ สุดท้ายจางหลิวจู้กับไต้หยวนจึงคล้ายกลายมาเป็นเทพทวารบาลสองตนที่อยู่ตรงตีนเขาซากปรักของภูเขาไท่ผิง รสชาติที่ต้องเจอระหว่างนั้นเป็นเช่นไร เรียกได้ว่าเจ็บปวดจนมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้จริงๆ ไม่ยินดีแม้แต่จะไปคิดถึงด้วยซ้ำ เป็นเหตุให้ภายหลังจางหลิวจู้มีชีวิตรอดกลับไปยังเสี่ยวหลงชิว แล้วได้ไปเป็นเค่อชิงอันดับหนึ่ง เวลาพบเจอใครก็ล้วนมีรอยยิ้ม เพราะก่อกำเนิดเฒ่าได้เตือนตัวเองทุกวันว่าจะต้องทะนุถนอมเห็นค่าวันเวลาของเทพเซียนที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดี
ตอนนั้นที่หน้าประตูจางหลิวจู้ถูกเจียงซ่างเจินฉวยเอาก้อนหินสีดำที่ไม่ทราบว่าวัสดุคืออะไรก้อนนั้นไป ถึงได้ถือว่าจ่ายเงินฟาดเคราะห์ ส่งเทพโรคระบาดทั้งสององค์นั้นกลับไปได้ในที่สุด
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ ก่อกำเนิดเฒ่าที่มีชาติกำเนิดมาจากผู้ฝึกตนอิสระก็ยังไม่รู้ว่าก้อนหินไม่สะดุดตาที่ได้มาบังเอิญในปีนั้น อันที่จริงคือหนึ่งใน ‘เนินเลี่ยนเยี่ยน’ แห่งยุคบรรพกาล
หากรู้ประวัติความเป็นมาของของชิ้นนี้ เจอคนที่มองของออก เอาไปขายในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางอย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้สามร้อยเหรียญเงินฝนธัญพืช! น่าเสียดายที่หลายปีที่ผ่านมาแค่ถูกจางหลิวจู้เอามาใช้ดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำทั่วทวีปเท่านั้น ช่างย่ำยีสมบัติสวรรค์โดยแท้
เฉินผิงอันขยับเส้นสายตามองไปยังก่อกำเนิด ‘หนุ่ม’ ที่ตรงเอวพกคันเบ็ดตกปลา ยิ้มถามว่า “เจ้าชื่อเฉวียนชิงชิวหรือ? แซ่ดี ชื่อกลับดียิ่งกว่า”
เฉวียนชิงชิวมองบรรพจารย์ลุงก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะแนะนำให้รู้จัก จึงได้แต่เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ข้าก็คือเฉวียนชิงชิว ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสคือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “คนต่างถิ่น พูดไปแล้วเจ้าก็ไม่รู้จัก ข้าเคยเจอกับผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่แซ่เดียวกับเจ้า มีตะแกรงหนึ่งกั้นขวาง แค่พบหน้าก็เหมือนรู้จักกันมานาน พูดคุยกันอย่างถูกคอ สหาย ‘ชิงชิว’ ผู้นั้นกับเจ้าถือว่าตะเกียบดื่มน้ำแกงไม่ได้ ช้อนกินบะหมี่ไม่ได้ ต่างคนต่างมีข้อดี ต่างคนต่างมีข้อเสีย”
ในคุกของเฒ่าหูหนวกเคยกักขังปีศาจใหญ่ขอบเขตเซียนเหรินเอาไว้ตนหนึ่ง ชื่อว่าชิงชิว ร่างจริงคือปลาไหลดำ หนึ่งในสี่พิฆาตของลำคลองเย่ลั่ว
เฉวียนชิงชิวฟังด้วยความมึนงงสงสัย คนต่างถิ่นคนหนึ่งถึงกับกล้าพูดจาแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อนต่อหน้าบรรพจารย์ลุงของตนเช่นนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?
เฉินผิงอันถาม “สวนป่าแห่งนั้น ไม่พูดถึงพวกที่ยังหลอมเรือนกายไม่สำเร็จ รากฐานและสถานะของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจเจ็ดสิบหกตน เจ้ารู้ชัดเจนทั้งหมดหรือ?”
สวนป่าแห่งหนึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางหลายสิบลี้ เผ่าปีศาจพวกนั้นที่ถูกล้อมกักเอาไว้ แทบไม่มีผู้ฝึกตนที่เป็นห้าขอบเขตล่าง
เค่อชิงอันดับหนึ่งอย่างจางหลิวจู้แค่รับผิดชอบดูแลภาพรวม แต่คนที่รับผิดชอบกิจการงานที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงกลับเป็นโอสถทองเฒ่าของเสี่ยวหลงชิวคนหนึ่ง และยังมีเค่อชิงที่เมื่อหลายปีก่อนสมัครรับตัวมา คือผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่ง มีชาติกำเนิดจากแม่ทัพบู๊ที่แคว้นล่มสลาย ขอบเขตร่างทอง บ้านเมืองพังภินท์ ไร้ความหวังที่จะได้กอบกู้แคว้น เผชิญหน้ากับพวกกากเดนของเผ่าปีศาจเหล่านี้จึงมีจิตสังหารเข้มข้นมากเป็นพิเศษ
ผู้ฝึกตนของเสี่ยวหลงชิวได้สร้างค่ายกลยันต์แห่งหนึ่งขึ้นมาอย่างตั้งใจ จัดวางสิ่งกีดขวางแห่งขุนเขาสายน้ำป้องกันไม่ให้พวกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจหนีออกไปได้ บนเส้นเขตแดนของค่ายกลยันต์ยังห้อยกระจกส่องมารหลายสิบบานที่ช่างทำกระจกของเสี่ยวหลงชิวเป็นผู้หลอมขึ้น ในพื้นที่ใจกลางของสวนป่ามีภูเขาเล็กลูกหนึ่งที่การมองเห็นเปิดกว้าง จวนแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาบนยอดเขาชั่วคราว ผู้ฝึกยุทธที่ชื่อเฉิงมี่คนนั้นอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เฉวียนชิงชิวกับจางหลิวจู้จะเข้าไปพักอาศัยอยู่บ้างเป็นบางครั้ง นักท่องเที่ยวต่างถิ่นสามารถโดยสารเรือยันต์เข้ามาเที่ยวในสวนป่าได้
เฉวียนชิงชิวอดไม่ไหวหันไปมองบรรพจารย์ลุง น่าเสียดายที่ซือถูเมิ่งจิงกลับยังไม่มีการบอกเตือนใดๆ แก่เขา เฉวียนชิงชิวจึงรู้สึกมีโทสะในใจอยู่บ้าง น้ำเสียงของไอ้บ้านี่คือคิดว่าตัวเองจะเป็นนกพิราบเข้ามายึดรังนกกางเขน เปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้านได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?
แต่เฉวียนชิงชิวก็ยังพยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบอย่างสุดความสามารถ “ล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดมาก่อนแล้ว อยู่ในสังกัดของกระโจมทัพเปลี่ยวร้างแห่งใด ล้วนรู้ชัดเจนดี มีบันทึกอยู่ในเอกสารอย่างละเอียด ไม่มีทางเกิดช่องโหว่ใดๆ ได้ อาศัยโอกาสนี้ยังช่วยสำนักศึกษาหาข่าวที่ลึกลับอำพรางออกมาได้อีกไม่น้อย”
มีแค่สัตว์เดรัจฉานขอบเขตประตูมังกรหนึ่งตัวกับขอบเขตถ้ำสถิตอีกสี่ห้าตัว จะมีช่องโหว่อะไรได้? ขอแค่เขาเฉวียนชิงชิวยินดี มือเดียวก็สามารถสังหารเผ่าปีศาจทั้งหมดในสวนป่าได้อย่างสะอาดเอี่ยมแล้ว
เฉินผิงอันเดินก้าวออกไปหนึ่งก้าว หดย่อพื้นที่ตรงมายังกลางอากาศเหนือสวนป่า
ท่ามกลางราตรีแสงจันทร์ คนชุดเขียวทะยานลมลอยตัว ฝ่ามือเคาะด้ามดาบของดาบแคบพิฆาตเบาๆ หลุบสายตาลงต่ำ ก้มมองไปยังพื้นดิน
เสี่ยวโม่ไม่ได้ไปที่สวนป่ากับเฉินผิงอัน เพราะเขาได้รับเสียงในใจกำชับให้ยืนอยู่ตรงหน้าผา มองมาดเทพเซียนอันสง่างามของคุณชายบ้านตน เสี่ยวโม่รอคอยอย่างยิ่งที่จะได้จับมือกับคุณชายเดินทางไกลไปยังดวงจันทร์ของใต้หล้าไพศาลด้วยกันในอนาคต
ในยุคบรรพกาลที่ฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ เคยมีทัศนียภาพแปลกประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน ยกตัวอย่างเช่นปราสาททองหอเรือนสีชาดตำหนักดวงตะวัน จักรพรรดิทะยานลมงดงามดุจภาพวาด
ล้วนเป็นทัศนียภาพที่เสี่ยวโม่เคยเห็นกับตาตัวเองมาก่อน
ถึงขั้นที่ว่าการช่วงชิงแห่งน้ำและไฟที่พลังอำนาจยิ่งใหญ่คราวนั้นเขาก็เคยได้เห็น
ดวงจันทราถูกหลอมละลาย ขุนเขาปริแตกพังทลาย ลำน้ำใหญ่แห้งขอด มหาสมุทรเริ่มเดือดพล่าน ดวงตะวันร้อนแรงเริ่มจับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง
ไม่จำเป็นต้องถือครองของแทนตัวเอกสารผ่านด่านค่ายกลยันต์ คนชุดเขียวพุ่งลงไปเป็นเส้นตรงก็สามารถแหวกฝ่าตราผนึกค่ายกลได้ง่ายๆ ประหนึ่งเข้าไปในดินแดนไร้คน พลิ้วกายลงไปบนลานกว้างนอกจวนที่ตั้งอยู่บนยอดเขา
จางหลิวจู้ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้เสียงในใจบอกกล่าวแก่หลงหรานเซียนจวิน พอได้รับคำอนุญาตก็รีบทะยานลมมุ่งไปที่จวนของสวนป่าทันที
เรือนกายของบุรุษร่างกำยำที่กำลังเดินนิ่งอยู่บนลานกว้างหยุดชะงัก ถามเสียงทุ้มหนักด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ผู้ที่มาคือใคร บอกชื่อแซ่มา?!”
แขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นเอ่ย “แซ่เฉิน นามผิงอัน มาจากภูเขาเซียนตู คารวะแม่ทัพเฉิง”
ผู้ฝึกยุทธเหลือบตามองดาบที่ทับซ้อนกันอยู่ตรงเอวของอีกฝ่าย หัวคิ้วคลายตัวออกเล็กน้อย ทอดน้ำเสียงให้อ่อนลง ถามว่า “มีของแทนตัวของเสี่ยวหลงชิวหรือไม่?”
จางหลิวจู้มาที่ลานกว้าง ตอบอย่างรีบร้อนว่า “เฉิงมี่ ห้ามไร้มารยาทกับเจ้าขุนเขาเฉิน เจ้าขุนเขาเฉินคือแขกผู้มีเกียรติของเสี่ยวหลงชิวเรา”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ทำตามหน้าที่ ตรวจสอบสถานะผู้ที่มาเยือน จะเรียกว่าไร้มารยาทได้อย่างไร? จางอันดับหนึ่ง พวกเราสองคนเป็นสหายก็ส่วนสหาย ข้ายังต้องบอกเจ้าสักคำว่าเป็นคนอย่าได้เข้าข้างคนนอกมากเกินไปนัก”
จางหลิวจู้รีบค้อมเอวพยักหน้ารับทันที “คำสั่งสอนของเจ้าขุนเขาเฉิน ข้าจดจำไว้ขึ้นใจ”
ผู้เฒ่ามีชาติกำเนิดจากผู้ฝึกตนอิสระ จะต้องมาพูดถึงเรื่องหนังหน้าอะไรกับข้า สรุปแล้วเป็นใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย?
เฉิงมี่เคยชินกับภาพแบบนี้เสียแล้ว สำหรับก่อกำเนิดเฒ่าที่มีฉายาว่าสุ่ยเซียนผู้นี้ เขาไม่ชอบ แต่ก็ไม่ถึงขั้นรังเกียจ ถึงอย่างไรก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในบรรดาคนที่ไม่โดดเด่นแล้ว อยู่ที่เสี่ยวหลงชิวแห่งนี้ยังถือว่าดื่มเหล้าคุยเล่นกันได้สองสามคำ แต่กับเจ้าขุนเขาหลินฮุ่ยจื่อที่สีหน้าเย็นชาดุจน้ำค้างแข็งตลอดทั้งปี และยังมีเฉวียนชิงชิวที่ใช้ตาสุนัขมองคนต่ำผู้นั้น เฉิงมี่กลับไม่มีอะไรจะให้พูดคุยด้วยสักเท่าไร คาดว่าอีกฝ่ายก็คงคร้านจะคุยกับตนเหมือนกัน ขอบเขตร่างทองที่เรือนกายเละเทะคนหนึ่ง อยู่บนภูเขามีค่าแค่ไม่กี่เหรียญเงินเทพเซียนหรอก
เฉินผิงอันชักดาบออกจากฝักช้าๆ
ดาบแคบพิฆาตหนึ่งเล่มฉายประกายคมกริบบนโลก ใสเย็นเหมือนน้ำ แสงจันทร์สาดสะท้อนก็โปร่งใสแวววาวอย่างถึงที่สุด
คนชุดเขียวผู้หนึ่ง รอกระทั่งชักดาบออกจากฝักแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะยืดเอวตั้งตรงได้ กลับกันเรือนกายยังงองุ้มลงเล็กน้อย
กลิ่นอายเข้มข้นยิ่งใหญ่ไพศาลผิดปกติขุมหนึ่งพลันแผ่ลามปกคลุมไปทั่วขุนเขาสายน้ำของสวนป่าทั้งแห่ง
ประหนึ่งกฎแห่งสวรรค์ที่หล่นลงบนพื้น
เผ่าปีศาจที่ยังหลอมเรือนกายไม่สำเร็จพวกนั้น ราวกับได้เห็นการดำรงอยู่ของจุดเริ่มต้นแห่งสายเลือดในร่างของตัวเอง ประหนึ่งได้นับบรรพบุรุษกลับคืนสู่วงศ์ตระกูลอีกครั้ง พากันนอนหมอบกราบตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น
ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่อยู่ในสวนป่า ต่อให้ไม่รู้จักคนชุดเขียว แต่กลับจดจำดาบแคบที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วกระโจมทัพของเปลี่ยวร้างนานแล้วเล่มนั้นได้
คือเจ้าคนวิปริตแห่ง…กำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้น!
โฉมหน้าเรือนกายล้วนพร่าเลือนเห็นไม่ชัด ยืนค้ำยันด้ามดาบอยู่บนหัวกำแพงเมืองอย่างเดียวดาย
เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากชุดคลุมอาคมสีแดงสดมาเป็นชุดสีเขียวก็เท่านั้น
เฉินผิงอันหรี่ตาลงมองไปยังจุดหนึ่ง “หาเจ้าเจอแล้ว”
ซ่อนตัวเก่งจริงๆ เลือกมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ นับว่าหัวสมองดีมาก
ไม่อย่างนั้นลำพังแค่ยันต์ลมฝนไม่กี่แผ่นของตนก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะตามหาเบาะแสเจอจริงๆ
น่าเสียดายที่ข้างกายของตนยังมีเสี่ยวโม่อยู่อีกคน
เรียกนกในกรงเล่มหนึ่งออกมา
เฉินผิงอันเดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือหนึ่งกดลงบนศีรษะของ ‘ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจห้าขอบเขตล่าง’ ตนนั้น ดาบแคบปาดผ่านลำคอบั่นหัวอีกฝ่ายออกช้าๆ
ขณะเดียวกันก็ได้กักจิตวิญญาณของอีกฝ่ายไว้เป็นกลุ่มก้อน กำไว้ในฝ่ามือ โยนไปให้เสี่ยวโม่ที่ยืนอยู่ริมหน้าผาของยอดเขาซินอี้
เสี่ยวโม่เก็บอีกฝ่ายเข้าไปไว้ในกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่ง ครู่หนึ่งต่อมาก็สนทนาในใจกับคุณชายบ้านตน
นอกจากเฉวียนชิงชิวแล้ว ยังมีหลินฮุ่ยจื่ออีกคนจริงๆ ด้วย
ขอบเขตและตบะของเผ่าปีศาจตนนี้ไม่สูง เป็นแค่ขอบเขตก่อกำเนิด แต่กลับเป็นหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทค่อนข้างสำคัญในกระโจมทัพของเปลี่ยวร้าง มีการสืบทอดจากอาจารย์ที่ดี
ตอนที่อยู่ในสงครามใหญ่ของนครมังกรเฒ่าจิตแห่งมรรคาของมันเคยได้รับความเสียหาย ร่างจริงพิกลพิการ จึงหวนกลับมารักษาบาดแผลอยู่ใกล้กับเสี่ยวหลงชิว สุดท้ายจึงไม่อาจถอยออกไปจากใบถงทวีปได้ทันกาล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!