บทที่ 906.1 บ้านเกิดที่ไม่เติบใหญ่ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!
ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 906.1 บ้านเกิดที่ไม่เติบใหญ่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ช่วงสิ้นปีมีหิมะใหญ่ตกโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ประหนึ่งเศษหยกที่แตกกระจายนับชิ้นไม่ถ้วน
เรือข้ามฟากประจำกองทัพของราชวงศ์ต้าเฉวียนได้ขับเคลื่อนออกจากชายแดนทิศเหนือมาไกลมากแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่ชั่วยามก็จะไปถึงท่าเรือภูเขาเซียนตู
ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมหนังจิ้งจอกหนาหนักตัวเก่า ตลอดทางที่โดยสารเรือขึ้นเหนือมานี้ บางครั้งก็จะออกจากห้องเดินมาที่รั้ว มองเทือกเขาสายน้ำที่ทอดยาวท่ามกลางหิมะปลิวปราย
นิมิตหมายอันดีว่าปีนี้ผลเก็บเกี่ยวจะสมบูรณ์ นั่นคือได้เห็นหิมะที่ส่ายไหวดุจพืชน้ำ
ไม่ใช่ผืนนาล่างภูเขาที่รกร้าง ซากกระดูกกองเกลื่อนนับไม่ถ้วน ทัศนียภาพในภูเขาไม่ได้มีแต่วานรปีนป่ายเถาวัลย์แห้งเหี่ยว นกกระสามองเศษศิลาแตกหักอีกต่อไป
ด้านข้างของเรือข้ามฟาก คนชุดเขียวผู้หนึ่งพลันรวมร่างเมฆวารีหยุดอยู่กลางลมหิมะ
ชุดกว้าตัวยาวสีเขียว ปักปิ่นหยกบนมวยผม ตรงเอวเหน็บดาบสองเล่ม ย่างเท้าเดินย่ำอากาศว่างเปล่า แล่นเคียงข้างไปกับเรือข้ามฟาก
มือดาบชุดเขียวที่มาโผล่ข้างเรืออย่างไม่มีลางบอกกล่าวผู้นี้ มองดูคล้ายเดินเล่นอยู่กลางอากาศ แต่แท้จริงแล้วร่างของเขากลับทะยานว่องไวดุจอินทรีโฉบ
ม้าดีวิ่งไกลพันลี้ พลังอำนาจต้านทานศัตรูนับหมื่น
หลิวจงเดินออกมาจากตัวเรือ มาที่ดาดฟ้า ยืนเอนตัวพิงราวรั้ว ยิ้มกวักมือเรียก “น้องเฉิน!”
ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของสกุลเหยาต้าเฉวียนผู้นี้ทำท่าสัญลักษณ์มือบอกเป็นนัยแก่ผู้ถวายงานและเหล่าทหารสวมเสื้อเกราะของบนเรือข้ามฟากแห่งนี้ว่าไม่ต้องตื่นเต้น ล้วนเป็นคนกันเอง
เฉินผิงอันพลิ้วกายลงบนเรือข้ามฟาก เรียกคำหนึ่งว่า “พี่หลิว”
ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยลูบหนวดยิ้ม ได้ยินคำเรียกขานของเฉินผิงอัน หลิวจงคนลับมีดก็มีสีหน้าภาคภูมิใจ นี่เรียกว่าวัตถุอยู่รวมกันเป็นประเภท มนุษย์อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล ตนก็เคยเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาสง่างามเช่นนี้เหมือนกัน
อยู่ในยุทธภพบ้านเกิดแห่งนั้น ปีนั้นตนพกดาบเขาวัวไว้ตรงเอว ไม่กล้าพูดว่าใต้หล้าไร้ศัตรูเทียมทาน แต่ก็หนีกันไม่ไกลเท่าไร เอาเป็นว่าบุกไปที่ไหนที่นั่นก็ราบเป็นหน้ากลอง ยากที่ใครจะมาต่อกรด้วยได้
ขอแค่เจ้าพวกคนที่แข็งแกร่งกว่าตนไม่กี่คนไม่มาขวางทาง ตนก็ไร้พ่ายได้แล้วจริงๆ
วีรบุรุษในยุทธภพมากมายนับไม่ถ้วนที่พอเจอข้าหลิวจง ใครบ้างที่ไม่ยกนิ้วโป้ง ขุนนางผู้สูงศักดิ์กี่มากน้อยที่ยกตนบูชาเป็นแขกผู้สูงศักดิ์ ทำให้สตรีกี่มากน้อยรักลุ่มหลง จนพวกนางต้องท่องฉายานั้นในใจซ้ำไปซ้ำมา
‘จูเหลี่ยนน้อย!’
เรือข้ามฟากสูงสามชั้น หลิวจงพาเฉินผิงอันไปยังชั้นบนสุด แม่ทัพผู้เฒ่าเหยาพักผ่อนอยู่ที่นี่
เฉินผิงอันถามอย่างใคร่รู้ “นี่คือเรือข้ามทวีปลำหนึ่งกระมัง? ต้าเฉวียนของพวกท่านสร้างกันขึ้นเองหรือ?”
สำหรับเรือข้ามทวีป เฉินผิงอันกล้าพูดว่าจำนวนที่ตัวเองได้เห็นมา หากไม่มีครึ่งร้อยก็ต้องมีสี่สิบ
เรือข้ามฟากลำนี้ถึงกับมีขนาดเล็กกว่าเฟิงยวนแค่เล็กน้อย เมื่อเทียบกับเรือข้ามฟากของทวีปต่างๆ ที่มาจอดเทียบท่าที่ภูเขาห้อยหัวแล้ว เรือใต้ฝ่าเท้าลำนี้ก็ถือได้ว่ามีขนาดกลางเท่านั้น
หลิวจงรวมเสียงให้เป็นเส้น เปิดเผยความลับสวรรค์กับเฉินผิงอัน ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง “น่าจะถือว่ากึ่งซื้อกึ่งสร้างกระมัง ปีนั้นมีคนเก่งกาจจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกันที่นครเซิ่นจิ่ง ครึ่งหนึ่งถูกฝ่าบาทรั้งตัวเอาไว้ ในบรรดานั้นก็มีเซียนซือทำเนียบอยู่หลายคนที่สามารถตีสนิทกับทวีปอื่นได้ เมื่อหลายปีก่อนฝ่าบาทจึงขอให้คนช่วยสานสะพานความสัมพันธ์ ทั้งยังซื้อภาพการต่อเรือบางส่วนมาในราคาสูง เรือข้ามฟากอูซุนหลันลำนั้น เจ้าคงเคยได้ยินมาบ้างกระมัง โดยทั่วไปแล้วจะเดินทางข้ามทวีปมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือชวีซานที่อยู่ทางทิศใต้สุด เซียนกระบี่ใหญ่สวีเซี่ยเป็นคนรับรอง เรือลำนี้ของพวกเราก็ใช้วิธีเดียวกับอูซุนหลัน เพียงแต่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายนอกค่อนข้างเยอะ”
“ฝ่าบาทมีพละกำลังล้นเหลือ นอกจาก ‘ลู่เสียนจือ’ (กวางคาบหลิงจือ) ลำนี้แล้วยังสร้างเรือข้ามทวีปใหม่เอี่ยมขึ้นมาอีกสองลำ เก็บไว้เองลำหนึ่ง ขายลำหนึ่ง สรุปก็คือเงินที่ซื้อภาพต่อเรือมาก่อนหน้านี้จำเป็นต้องไปหาชดเชยกลับคืนมาจากคนหลอกง่ายบางคน ชื่อก็ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว แบ่งออกเป็น ‘จันทร์เอ๋อเหมย’ กับ ‘รถอสนี’“
“ก่อนหน้านี้หันอวี้ซู่บุตรสาวเจ้าสำนักของสำนักว่านเหยาบอกว่าพื้นที่มงคลสามภูเขาของพวกเขาอยากจะขอซื้อ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดช่วงนี้ถึงได้เงียบหายไป ทางฝั่งอารามจินติ่งที่อยู่ทางเหนือก็มีท่าทีเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้ให้ราคาสูงเท่าที่สำนักว่านเหยาจะให้ ต่ำกว่าถึงสามเท่าเต็มๆ ทว่าอิ่นเมี่ยวเฟิงนักพรตเป่าเจินของอารามจินติ่งกับเส้ายวนหรานลูกศิษย์ของเขา ก่อนหน้านี้ต่างก็เป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของต้าเฉวียนพวกเรา มีความสัมพันธ์ควันธูปส่วนนี้อยู่ หากว่าสำนักว่านเหยายังถ่วงเวลาเช่นนี้ต่อไปโดยไม่ให้เหตุผลที่เหมาะสม ด้วยนิสัยของฝ่าบาท เกินครึ่งคงจะขาย ‘รถอสนี’ ให้กับอารามจินติ่งแน่แล้ว”
เฉินผิงอันจงใจไม่พูดถึงสำนักว่านเหยา ในใจดีดลูกคิดคร่าวๆ ไปรอบหนึ่งก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ต้าเฉวียนเก็บเรือข้ามฟากไว้สองลำจะมั่นคงอย่างมาก ลำหนึ่งทำการค้าเหนือใต้ คอยติดต่อกับแจกันสมบัติทวีปและอุตรกุรุทวีปที่อยู่ทางทิศเหนือ หากเป็นไปได้ล่ะก็ ยังสามารถเดินทางไกลไปยังที่ราบน้ำแข็งทางเหนือของธวัลทวีปได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นว่าต้าเฉวียนของพวกเจ้าสามารถลองดูว่ามีโอกาสที่จะร่วมมือกับสกุลหลิวธวัลทวีป ทำการขุดเจาะหาแร่ในที่ราบน้ำแข็งหรือไม่ เรือข้ามฟากอีกลำจะไปทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางหรือฝูเหยาทวีปก็ล้วนได้ทั้งหมด อีกทั้งยิ่งได้ครอบครองเรือส่วนตัวเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น สามารถทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับพวกสำนักและราชวงศ์ใหญ่ที่ตั้งอยู่เลียบเส้นทางการเดินเรือ ยิ่งระยะเวลานานเท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น”
สำนักในใต้หล้าไพศาลทุกวันนี้ที่ได้ครอบครองเรือข้ามทวีป เจ็ดแปดในสิบส่วนล้วนถูกศาลบุ๋นแผ่นดินกลางขอยืมไปใช้แล้ว ถือเป็นการ ‘ริบเป็นของหลวง’ ชั่วคราว
ดังนั้นตอนนี้เรือข้ามฟากที่ยังสามารถเดินทางข้ามผืนแผ่นดินและเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ จำนวนจึงมีไม่มาก ด้วยเหตุนี้ใครที่สามารถครอบครองเรือข้ามฟากก็จะหาเงินได้ง่ายกว่าในอดีต คล้ายคลึงกับเม็ดหมากที่แข็งแกร่งหลายตัวบนกระดานหมากล้อมที่จะได้ประโยชน์จากภายนอกมามากที่สุด จากนั้นค่อยช่วงชิงเอาผลประโยชน์แท้จริงมาครอง
หลิวจงหัวเราะหึหึ “ความคิดเห็นของวีรบุรุษค่อนข้างเหมือนกันเลยนะ พี่ชายจะช่วยนำความนี้ไปบอกฝ่าบาทของพวกเราดีไหม?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “พี่หลิว ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้วยังเป็นขอบเขตร่างทอง ไม่สมควรเลย ไปถึงภูเขาเซียนตู พวกเราสองคนมาประลองฝีมือกันหน่อยดีไหม?”
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย หลิวจงกลับยังหัวเราะอย่างขันๆ ปนฉุน “ด่าคนไม่เปิดโปงความลับ ตีคนไม่ตบหน้า ยังมีคุณธรรมในยุทธภพอยู่บ้างไหม?”
เป็นเพราะเนื้อหนังมังสาใหม่ที่เจ้าอารามผู้เฒ่ามอบให้เพื่อเป็นของขวัญสำหรับการเดินขึ้นหัวกำแพงลั่นกลองสวรรค์ดีเกินไป ดีจนทำให้หลิวจงอกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัวนานหลายปีแล้วก็ยังไม่อาจฝ่าทะลุขอบเขตได้เสียที
ทำลายคอขวดขอบเขตร่างทองก็ยากพอๆ กับผู้ฝึกลมปราณเลื่อนจากขอบเขตก่อกำเนิดเป็นห้าขอบเขตบน กลัดกลุ้มจนหลายปีมานี้หลิวจงดื่มเหล้าดับทุกข์ไปไม่น้อย
ได้ยินมาว่าอาจารย์จ้งแห่งแคว้นหนันเยวี่ยนผู้นั้นแม่งเป็นคอขวดขอบเขตเดินทางไกลแล้ว
ส่วนน้องเฉินที่อยู่ข้างกายเป็นอย่างไร มาแข่งกันเรื่องพวกนี้ทำไม ก็เหมือนเด็กรุ่นเยาว์ในบ้านตัวเองได้ดิบได้ดีนั่นแหละ เขาดีใจยังแทบไม่ทัน
เพราะว่าบนเรือข้ามฟากมีแม่ทัพผู้เฒ่าเหยานั่งบัญชาการณ์ แล้วยังมีเหยาเซียนจือจวิ้นหวังเจ้าเมืองประจำเมืองหลวง ดังนั้นนอกจากหลิวจงคนลับมีดที่รับหน้าที่คุ้มกันเรือข้ามฟากแล้ว ยังมีผู้ฝึกลมปราณเซียนดินอีกหลายคน ไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางเจอเรือข้ามฟากลู่เสียนจือลำนี้ระหว่างทาง
เฉินผิงอันเดินก้าวเร็วๆ ขึ้นไปข้างบน
แม่ทัพผู้เฒ่ายื่นมือมาจับแขนของเขา ยิ้มเอ่ย “ไป ดื่มเหล้ากันสักสองสามจอกดีไหม?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ตกลงกันก่อนนะว่าจะไม่ดื่มเยอะ”
หลิวจงไม่ได้ติดตามมาด้วย ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าในใจของแม่ทัพผู้เฒ่า เจ้าเฉินผิงอันผู้นี้นอกจากจะเหมือนหลานแท้ๆ ครึ่งตัวของจวนเหยาแล้ว ก็อาจจะเป็นหลานเขยครึ่งตัวด้วย?
ในห้องมีกระถางไฟใบใหญ่ เหยาเซียนจือรับผิดชอบอุ่นสุรา
เฉินผิงอันนั่งลงบนม้านั่งยาว ค้อมเอวหยิบที่คีบถ่านขึ้นมาขยับถ่านเบาๆ ถามว่า “ดาบ ‘หมิงเฉวียน’ เล่มนั้นของเหยาหลิ่งจือ ยังหาไม่เจออีกหรือ?”
คงเป็นเพราะรู้นิสัยของแม่ทัพผู้เฒ่าดี เรือข้ามฟากลำนี้จึงจงใจประดับตกแต่งห้องแห่งนี้ให้เรียบง่ายมากที่สุด
ในฐานะใต้เท้าเจ้าเมืองที่ดูแลเรื่องนี้ เขาเบ้ปาก “ยาก ไม่มีเบาะแส แต่ดันขุดไปเจอเรื่องที่น่าอายเสียหลายเรื่อง”
ผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “ในที่สุดก็มีมาดของเจ้าเมืองบ้างแล้ว ทำดาบหาย ไม่นับเป็นอะไรได้”
เหยาเซียนจือเอ่ยอย่างอัดอั้น “ท่านปู่ อย่างท่านนี่เรียกว่ายืนพูดไม่ปวดเอว พูดง่ายจังเลยนะ จวนเจ้าเมืองระดมกำลังพลมากมายขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่ได้ผล เอาเป็นว่าในใจข้ารู้สึกไม่ดีเลย”
“ข้าไม่ได้ยืนนะ ข้านั่งพูด”
ผู้เฒ่าเอ่ยว่า “อีกอย่างอายุก็ตั้งปูนนี้แล้วยังเป็นโสดอยู่ได้ เอวไม่ดีหรือ? มิน่าเล่าในอดีตเวลาดื่มเหล้ากับคนอื่นถึงไม่กล้าไปแถวสถานเริงรมย์”
เหยาเซียนจือยื่นมือไปอังไฟหาความอบอุ่น ได้ยินแล้วก็หน้าแดงก่ำ เงยหน้าบ่น “ท่านปู่ ท่านอย่าพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าอาจารย์เฉินได้หรือไม่ขอรับ”
เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าสังเกตเห็นแล้วว่าบนเรือมีผู้ถวายงานหญิงอยู่คนหนึ่ง อายุไม่มาก แต่ขอบเขตกลับไม่ต่ำ ก่อนหน้านี้นางยืนอยู่บนชั้นสองของเรือข้ามฟาก สายตาที่นางมองเซียนจือ อืม พอจะมีลุ้นอยู่บ้าง ไม่เลวแล้ว”
ผู้เฒ่าเลิกคิ้ว รู้สึกสนใจขึ้นมาทันใด “อ้อ? ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”
ผู้ฝึกตนของต้าเฉวียนที่สามารถมารับหน้าที่อยู่บนเรือข้ามฟากลำนี้ได้ ปีนั้นจะต้องเคยไปเยือนสนามรบมาก่อนแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!